บทที่ 2
ร่างกายนี้มอบให้ท่าน
“เย่วเล่อ เจ้าลุกออกมาได้แล้ว” เย่เจียวหั่วเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างสุขใจด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“อ๊ะ!!”
ร่างระหงพลันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของเย่เจียวหั่วพลันพลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา จู่ ๆ ก็มีสตรีที่มีใบหน้างดงามยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้อย่างไร
เขาเองก็เป็นชายชาตรีทั้งแท่ง ไม่ใช่ผู้ทรงศีลเสียเมื่อไหร่
เฮือก!!
น้ำลายเหนียวข้นกลืนลงคออย่างยากลำบาก ใบหูทั้งสองข้างของชายหนุ่มแดงก่ำจนร้อนฉ่า
ผิวกายขาวละเอียดดั่งน้ำนม ส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรีเพศที่งดงามยืนอยู่ตรงหน้า หน้าอกอวบใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่วจนมือของเขาแทบจะกำรอบ แต่สะโพกผายกลับกลมกลึงยิ่งนัก
ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เลือดลมของเขาร้อนผ่าว กึ่งกลางกายที่เคยสงบนิ่งพลันแข็งขืนขึ้นมาทันใด
“ฮูหยินกำลังทดสอบความอดทนของข้าเช่นนั้นหรือ” ในที่สุดเย่เจียวหั่วก็เอ่ยทำลายความเงียบ
ห่าวเย่วเล่อที่เพิ่งตื่นกำลังงงงวยพลันกระจ่างแจ้ง เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของเขาที่มองมา หญิงสาวรีบทรุดตัวลงนั่งที่อ่างไม้ตามเดิม ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอับอาย
ใบหน้างามร้อนฉ่ากับเหตุการณ์เมื่อครู่ นี่นางเปิดเผยร่างกายนี้ให้เขาเห็นทั้งหมดเลยหรือ
ตายแล้ว!! เย่วเล่อ เช่นนี้เขาคงจะมองว่านางกำลังยั่วยวนเขาใช่หรือไม่
“น้ำเย็นแล้ว เจ้ารีบลุกออกมาเถอะ”
“เอ่อ เจ้าค่ะ ท่านหันหน้าไปทางอื่นก่อนได้หรือไม่”
“เมื่อครู่ข้าเห็นจนหมดแล้ว เจ้ารีบขึ้นมา ข้าจะได้อาบน้ำบ้าง เหนียวตัวจะแย่แล้ว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างหงุดหงิด แต่ร่างสูงกลับยกยิ้มมุมปากกับท่าทางขี้อายของหญิงสาว
เจ้าคนหน้าหนา! ห่าวเย่วเล่อฮึดฮัดในใจ แต่เพราะตอนนี้นางเริ่มหนาวสั่นขึ้นมาบ้างแล้ว จึงจำใจลุกขึ้นยืนออกมา
เขาอยากเห็น นางก็จะให้เห็นเต็มสองตา ดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร?
ห่าวเย่วเล่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตน ร่างเพรียวระหงเดินออกมาจากถังไม้ โดยมีสายตาคมมองตามไม่ห่าง นางเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวบางเข้ามาสวมร่างกายงาม
ใบหน้างามร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย แม้จะทำใจกล้าเช่นนั้น แต่นางก็ยังรู้สึกอับอายมากอยู่ดี คนผู้นั้นก็ยิ่งมองมาทางนางด้วยสายตาร้อนแรง ราวกับจะกลืนกินนางเสียอย่างนั้น
ขณะที่ห่าวเย่วเล่อจะเดินออกไปจากห้องอาบน้ำ เย่เจียวหั่วเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน
“ฮูหยินช่วยอาบน้ำให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย
“เอ่อ ให้ข้าเรียกสาวใช้มาดีกว่าเจ้าค่ะ”
“เจ้าเป็นฮูหยินของข้า หน้าที่อาบน้ำให้กับสามีสมควรเป็นฮูหยินสิ หรือว่าเจ้าอยากจะให้หญิงอื่นมามองร่างกายของสามีตัวเอง”
“ข้าอาบให้ท่านก็ได้เจ้าค่ะ”
หญิงสาวเดินเข้าไปหาร่างสูงแล้วหยิบผ้าขัดตัวมาถือไว้ เมื่อเขานั่งในถังอาบน้ำแล้ว นางจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ค่อย ๆ ขัดแผ่นหลังที่กว้างใหญ่ราวกับหินผาอย่างขะมักเขม้น
“ฮูหยินไม่มีแรงหรือ”
ห่าวเย่วเล่อไม่ตอบ แต่เพิ่มแรงขัดแผ่นหลังขึ้นไปอีก นางถูอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ จนแผ่นหลังแกร่งเกิดรอยแดงจนเห็นได้ชัด
เย่เจียวหั่วเองก็รู้สึกว่ามือของนางหนักเช่นกัน ตอนนี้แผ่นหลังของเขาก็เริ่มรู้สึกแสบ ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว
“ด้านหลังพอแล้ว ด้านหน้าด้วย”
ห่าวเย่วเล่อขยับกายมาทางด้านหน้า แล้วจึงเอื้อมมือไปขัดที่หน้าอกแกร่งของเขา โดยหลีกเลี่ยงตรงหัวนม ใบหน้าของนางยิ่งร้อนผ่าวมากขึ้น เมื่อเห็นเรือนกายของบุรุษ
เย่เจียวหั่วที่มองการกระทำของนางยิ่งรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ ท่าทางที่ดูจริงจังของนางก็ดูน่าเอ็นดูไม่น้อย คิ้วเรียวยาวที่โค้งดั่งพระจันทร์เสี้ยวขมวดมุ่นไปมายามที่เขาออกคำสั่งให้ขัดตรงนี้ ตรงนั้นไปมา
ความรู้สึกที่ได้จัดการหญิงสาวตรงหน้า และเห็นหน้าตาที่ไม่ชอบใจของนางก็ดูสำราญไม่น้อยเลยทีเดียว
แววตาคมที่มองใบหน้าของนางพลันเลื่อนสายตาต่ำลงไปที่ลำคอระหง นางคงไม่รู้ตัวว่าตลอดเวลาที่ก้ม ๆ เงย ๆ นั้น สาบเสื้อจะเริ่มคลายตัวออกจากกัน จนเขาที่นั่งดูอยู่มองเห็นเม็ดทับทิมสีแดงน่ากินแอบซ่อนตัวอยู่ภายใน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไป กอปรกับกลิ่นกายหอมละมุนที่แตะจมูกตลอดเวลา จึงทำให้ความอดทนของเขาขาดสะบั้นลง
“พอแล้ว” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยสั่งหญิงสาวตรงหน้า
ห่าวเย่วเล่อเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ นางยังขัดไม่ทั่วเลยนะ
เมื่อเห็นสายตาที่ดูสงสัย เขาจึงแย้มยิ้มออกมา “หน้าที่อาบน้ำพอแค่นี้แหละ เพราะคืนนี้ฮูหยินยังต้องดูแลข้าตลอดทั้งคืน”
“อะไรนะเจ้าคะ”
หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว เย่เจียวหั่วพลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้ามาช้อนร่างของห่าวเย่วเล่อเข้ามาในวงแขนแข็งแรง เขาเดินพานางไปวางที่เตียงนอนหลังใหญ่ที่ประดับด้วยผ้าแพรสีแดง
ร่างสูงตามมาทาบทับร่างระหงไม่ให้หลีกหนี แววตาของนางตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเข้าใจอะไรได้ ที่แท้ท่านโหวก็เหมือนกับบุรุษทั่วไป ที่พอเห็นหญิงงามอยู่ตรงหน้าก็อดใจไม่ไหว
นางเองก็เป็นแค่สตรีบรรณาการ เขาจะกระทำอย่างไรกับนางก็ย่อมได้
“เจ้าไม่พอใจหรือ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามที่ใบหูเล็ก เมื่อเห็นแววตาสั่นไหวของอีกฝ่ายห่าวเย่วเล่อสูดลมหายใจเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา “ข้าแค่ตกใจเจ้าค่ะ ข้าแต่งมาเป็นฮูหยินของท่านโหว ย่อมต้องมอบใจและร่างกายนี้ให้กับท่านโหวอยู่แล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมานางเองก็ไม่ใช่สตรีในห้องหอ คงไม่ต้องเสแสร้งแกล้งพูดคำหวานหูหรอก“ดี เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ทำหน้าที่ของฮูหยินจวนโหวให้ดีแล้วกัน” คิ้วเข้มกระตุกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนใต้ร่างเมื่อนางเต็มใจและเตรียมกายมาแล้ว เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำตัวเป็นสุภาพชน นางคือฮูหยินบรรณาการของเขานี่ เขาจะทำอย่างไรกับนางก็ได้จมูกโด่งดอมดมที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น ริมฝีปากหนาขบเม้มจนผิวกายขาวผ่องเกิดรอยแดงจนเด่นชัดเพียงแค่เขาสูดดมความหอมหวานจากกายสาว แท่งหยกของเขาก็แข็งขืนขึ้นมา จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ดุนดันตรงหว่างขา พลันรู้สึกความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านไปทั่วกายสาว“อื้อ...”ริมฝีปากหนาเปลี่ยนไปบดจูบที่เรียวปากอวบอิ่ม เขาดูดดึงลิ้นเล็กที่หลบหลีกเป็นพัลวัน ก่อนจะไล่ต้อนจนอีกฝ่ายจนมุม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาน รสสัมผัสของนาง
บทที่ 3ไม่เคยพอเย่เจียวหั่วพลันผละกายออกจากมือเล็ก แล้วจับแก่นกายของตนถูไถที่ร่องหวานที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมา เขาไม่ได้เร่งรีบเพราะรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีจะเจ็บมาก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับนางปลายหัวหยักถูไถที่ปากทางคับแคบ เพียงแค่หัวของมันแทรกดันไปที่ร่องรักอ่อนนุ่ม ร่างระหงพลันผวาด้วยความเจ็บปวด สะโพกมนขยับกายถอยหนี แต่มือหนากลับจับตรึงเอาไว้แน่น“อื้อ...เจ็บ เจ็บมาก” น้ำตาสีใสพลันไหลรินจากหางตาเย่เจียวหั่วเห็นเช่นนั้นก็อดจะสงสารนางไม่ได้ เขาเองก็ปวดหนึบจนจะระเบิด แต่เพราะไม่อยากกระทำตัวราวกับสัตว์ป่าจึงไม่ได้ดุนดันเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งจากคนใต้ร่างมือหนาจึงเอื้อมไปบีบเคล้นที่เต้าอวบ ทั้งยังก้มหน้าไปจูบซับที่กรอบใบหน้างามที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมา ริมฝีปากหนาไล้จูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่เปลือกตางาม จมูกโด่ง แก้มขาวเนียนใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมา“ข้าจะทำเบา ๆ ฮูหยินเชื่อใจข้านะ” ใบหน้าคมกระซิบที่ใบหูเล็กพร้อมกับงับติ่งหูเล่นอย่างหยอกเย้าเมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับอารมณ์และเริ่มมัวเมาไปกับสัมผัสของเขา ร่างสูงจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มกะทันห
หากเขาบอกว่าเขายังไม่อิ่ม ยังอยากจะกลืนกินนางอีกสักหลาย ๆ รอบ นางก็คงจะไม่ว่าอะไรกระมัง เพราะถึงอย่างไรนางก็แต่งเป็นฮูหยินให้กับเขาแล้วสามีว่าอย่างไร ภรรยาก็ต้องว่าอย่างนั้นสินะฝ่ามือหนาเลื่อนมาลูบไล้ที่แผ่นหลังเล็กขาวเนียน กายสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก“ท่าน!...ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยระโหยโรยแรงใบหน้างามหันมาเอ่ยห้ามชายหนุ่ม แต่เมื่อสบตาที่ร้อนแรงนั้น ขนกายของนางกลับขนลุกซู่ด้วยความเสียวสะท้าน“ฮูหยินแค่นอนเฉย ๆ เท่านั้น ที่เหลือข้าจัดเอง”เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเสพติดกับร่างกายของห่าวเย่วเล่อ ไม่ว่าส่วนใดเขาก็ชมชอบทั้งสิ้น ริมฝีปากหยักกดจูบที่แผ่นหลังเล็กที่ชื้นเหงื่อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกอบกุมหน้าอกนิ่มหยุ่นที่มันใหญ่เสียจนล้นมือของเขา“อื้อ...ท่าน ข้า อ่า...” ห่าวเย่วเล่อผงกหน้าร้องครางเสียงหวานจะให้นางนอนนิ่ง ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นมาแตะต้องร่างกายของนางเช่นนี้ หญิงสาวจึงพลิกกายหันกลับมา แล้วเป็นฝ่ายคล้องแขนที่ลำคอหนาให้ก้มหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางลิ้นเล็กสอดแทรกเข้าไปที่โพรงปากอุ่นของเขาอย่างเงอะงะ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับชายหนุ่ม“อ่า
บทที่ 4คารวะแม่สามีดวงตะวันโผล่พ้นเหนือขอบฟ้า แสงสว่างสาดแสงทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินกว้าง ผืนดินที่ขาวโพลนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เริ่มละลายลงเมื่อต้องแสงตะวันอันเจิดจ้า อากาศที่หนาวเย็นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นแต่สำหรับห่าวเย่วเล่อที่นอนอยู่บนที่นอนอันอบอุ่นนั้น นางไม่อยากจะหยัดกายลุกออกจากที่นอนนี้เลย ความอุ่นสบายเป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้หญิงสาวไม่จากจะลุกกายจากไปสาวใช้ด้านนอกที่ได้ยินเสียงขยับกายด้านใน จึงได้ส่งเสียงเรียกขึ้นมา“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ”“อืม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยตอบรับเสียงประตูถูกผลักออกมา พร้อมกับสาวใช้กว่าสิบนางที่เดินเข้ามายังห้องแห่งนี้ พวกนางถูกพ่อบ้านประจำจวนโหวให้เข้ามาดูแลฮูหยินน้อยคนใหม่ของท่านโหวสาวใช้ทั้งสิบล้วนเป็นหญิงสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางเข้ามาเห็นห้องหอที่ราวกับเพิ่งถูกพายุพัดผ่าน ต่างก็พากันใบหน้าแดงกันเป็นแถบท่านโหวของพวกนางช่างดุดันนัก ขณะตอนนี้ฮูหยินยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินด้วยตัวเองเลย ร่องรอยฝากรักที่ท่านโหวทิ้งไว้ที่เรือนร่างของฮูหยิน ล้วนมีทุกพื้นที่ จนพวกนางยังรู้สึกเขินอายแทนเจ้านายสาวข่าวลือที่บอกว่าฮูหยินไม
“ขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามเดินให้เร็วกว่านี้”นางก้าวเดินเร็วขึ้น แต่นั่นกลับสร้างความปวดแปลบเข้าสู่ใจกลางสาว สองขาสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แข็งขาพลันดูอ่อนแรงเย่เจียวหั่วพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตรงเข้ามาช้อนร่างระหงเข้ามาในอ้อมแขน ขายาว ๆ ของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงยังเรือนของหลิวเถียน ฮูหยินใหญ่ของจวนโหว มารดาผู้ให้กำเนิดของท่านโหวคนปัจจุบันร่างสูงว่างร่างของห่าวเย่วเล่อลงกับพื้น พร้อมกับประคองแขนเล็กพากันเดินเข้าไปยังห้องโถง ที่ซึ่งมีหลิวเถียนกำลังนั่งรอทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว“กว่าจะมากันได้ น้ำชาที่เตรียมเอาไว้เย็นชืดไปเสียแล้ว”สตรีวัยกลางคนบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เอ่ยตำหนิซึ่งหน้า แต่สายตาของนางกลับทอดมองห่าวเย่วเล่อ ราวกับจะประกาศว่าเป็นความผิดของนาง“ขออภัยฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”ปัง!!ฝ่ามือเรียวตบที่โต๊ะอย่างมีโทสะ ดวงตาของหลิวเถียนมองมาทางสะใภ้ด้วยความกรุ่นโกรธ“เจ้ากำลังผายลมอะไรกัน ถึงเจ้าจะไม่คิดว่าตนคือคนของจวนโหว แต่ข้าก็เป็นแม่สามีของเจ้า เจ้าควรเรียกขานว่าท่านแม่ด้วยความนอบน้อม หากเรื่องที่เจ้าเรียกข้าด้วยถ้อยคำที่ห่างเหินเช่นนี้แพร่ออ
บทที่ 5ศัตรูหัวใจเย่เจียวหั่วเดินมาส่งห่าวเย่วเล่อถึงเรือนนอนของนาง เขากระชับร่างระหงเข้ามาในวงแขนแล้วอุ้มมาวางที่เตียงหลังใหญ่อย่างนุ่มนวล แต่สีหน้าที่เขาแสดงออกมานั้นดูคล้ายกำลังหงุดหงิด“ท่านโหวไม่ต้องลำบากมาส่งข้าก็ได้เจ้าค่ะ ข้าให้เพ่ยเพ่ยพามาได้”“อวดเก่ง” ร่างสูงพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดตัวเองยังยืนแทบจะไม่ไหว ถ้าไม่ได้เขามาส่งจะมาถึงเมื่อไหร่กัน สตรีจากชนเผ่าห่าวอู๋อวดเก่งเช่นนี้เลยหรือ“ข้าเห็นท่านโหวหงุดหงิดใจ จึงไม่อยากทำตัวเป็นภาระเจ้าค่ะ”ใบหน้างามเริ่มบูดบึ้งไม่พอใจ เขาไม่ใช่หรือไรที่ทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ ถ้าการที่ต้องอุ้มมาส่งนางมันทำให้เขาหงุดหงิดนัก แล้วจะทำทำไมเล่า“ดี ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็นอนพักอยู่แต่ในเรือนไม่ต้องเดินออกไปเผ่นพล่านข้างนอก”“ท่านโหวจะกักบริเวณข้าหรือเจ้าคะ” นางแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง“แล้วแต่เจ้าจะคิด”เอ่ยจบร่างสูงใหญ่กำยำก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้ห่าวเย่วเล่อขบเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความขุ่นเคืองใจเย่เจียวหั่วที่พัวพันอยู่กับนางเมื่อคืนนี้ไม่ห่าง ช่างแตกต่างกับเขาในเวลานี้ยิ่งนัก ใบหน้าคมเข้มมีแต่ความหงุดหงิดฉายชัดออกมา หรือว่าเขาจะเป็นคนที่มีหลายบุคลิก
จวนเจียวหย่งโหวหลิวหนิงอันเดินกรีดกรายมาที่เรือนหลักของเย่เจียวหั่ว เมื่อมาถึงหน้าเรือนนางก็แจ้งกับสาวใช้ ไม่นานสาวใช้ก็พานางมายังห้องโถง แต่ที่นั่งตรงตำแหน่งประมุขกลับมีสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเรียวหงทอดสายตามองนิ่งหลิวหนิงอันขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นศัตรูหัวใจของตนทำตัวราวกับเป็นเจ้าของจวน ทั้งที่จริงแล้วที่ตรงนั้นสมความเป็นนางมากกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะราชโองการของฮ่องเต้ นางก็จะได้เป็นฮูหยินน้อยของท่านพี่เจียวหั่วไปแล้วแววตาไม่เป็นมิตรมองสบกับห่าวเย่วเล่ออย่างถือดี หลิวหนิงอันหันไปพูดกับสาวใช้ด้วยท่าทางที่สงสัย“ท่านป้าให้ข้ามาพบท่านพี่เจียวหั่ว เหตุใดเจ้าถึงพาข้ามาพบนางเล่า” ใบหน้าหวานเอียงคอเล็กน้อย“เอ่อ...เรื่องนั้น คือท่านโหวไม่อยู่ที่เรือนเจ้าค่ะ ข้าน้อยเลยไปเรียนฮูหยินน้อยแทนเจ้าค่ะ”เรือนร่างบอบบางทำท่าทางตกใจ ก่อนจะยอบกายคารวะห่าวเย่วเล่ออย่างเสียมิได้“ข้าช่างไม่รู้ความนัก ขออภัยฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าหลิวหนิงอันเป็นญาติผู้น้องของท่านพี่เจียวหั่ว วันนี้ข้าทำน้ำแกงปลาที่ท่านพี่เจียวหั่วชอบมาให้เจ้าค่ะ หวังว่าฮูหยินน้อยจะไม่ถือสาข้านะเจ้าคะ” ใบหน้าหวานยกยิ้มมุมปา
บทที่ 6จัดระเบียบบ่าวไพร่ตั้งแต่ที่หลิวหนิงอันกลับไปแล้ว ในความคิดของห่าวเย่วเล่อก็วนเวียนคิดแต่เรื่องของทั้งสอง หากว่าเย่เจียวหั่วมีใจกับหลิวหนิงอันจริง นางจะทำเช่นไร เพราะดูแล้วสตรีผู้นั้นก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะแต่งเข้ามายังจวนโหว หรือว่านางควรจะหลีกทางให้ทั้งสองคนนี้ดีนะเฮ้อ...ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว นางขอนอนพักเอาแรงก่อนดีกว่าห่าวเย่วเล่อผล็อยหลับไปในทันที ร่างกายของนางที่รับศึกหนักเมื่อคืนยังคงอ่อนล้าอยู่มาก นั่นจึงทำให้นางหลับไปนานราวหนึ่งชั่วยาม รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โดนของหนักทับที่เอว“อื้อ...หนักจัง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างงัวเงียห่าวเย่วเล่อในความฝันนั้น ฝันเห็นว่าตนเองกำลังนอนอยู่ข้างกองไฟกองใหญ่ นางจึงได้ขยับตัวเข้าไปหากองไฟที่ให้ความอบอุ่น ทั้งยังอ้าแขนเข้าไปหากองไฟนั้นด้วย“อุ่นจัง”ใบหน้างามหลับตาพริ้มอย่างสุขใจ แต่ชายร่างสูงที่นอนอยู่ด้านข้างนั้นกลับเริ่มหายใจติดขัด เมื่อถูกเนื้อตัวนุ่มนิ่มของห่าวเย่วเล่อเข้ามาแนบชิด สองแขนเรียวของนางกำลังโอบกอดเอวหนาของเขา โดยที่ใบหน้าของนางกำลังคลอเคลียถูไถที่หน้าอกแกร่งที่ตอนนี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเย่เจียวหั่วอยากจะลุกหนี แต่พอเห็นดวง
ตอนพิเศษ 3ดวงจันทร์แห่งความสุขท่านหมอหญิงถูกพาตัวมายังจวนโหวโดยถูกองครักษ์เงาของเย่เจียวหั่วพาตัวมา ทันทีที่มาถึงนางก็รีบตรงเข้าไปยังห้องคลอด และตรวจเด็กในครรภ์ของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่เจ็บปวด“หายใจเข้าลึก ๆ นะเจ้าคะ หากเจ็บมากไม่ต้องกลั้นนะเจ้าคะ เปล่งเสียงร้องออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”“กรี๊ดดด!!”ทันทีที่ท่านหมอกล่าวเช่นนั้น ห่าวเยว่เล่อก็เปล่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาทันที นางเจ็บที่ท้องมากราวกับร่างกายกำลังจะถูกดึงทึ้งอยู่ภายใน คราแรกนางก็พอยังทานทนไว้ แต่ตอนนี้มันเจ็บถี่ขึ้นมาเรื่อย ๆ และมีทีท่าว่าความเจ็บนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเย่เจียวหั่วที่มาถึงยังหน้าห้องคลอด เมื่อได้ยินเสียงภรรยาร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส เขาก็ตรงปรี่จะเข้าไปยังภายในห้องคลอด ใบหน้าคมเข้มฉายชัดถึงความวิตกกังวล“ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านโหวเข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ”สาวใช้ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องคลอดรีบเอ่ยห้าม“หลบไป! ข้าจะไปดูภรรยาของข้า” น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้น จนสาวใช้นางนั้นรู้สึกตัวหดเล็กลงราวกับมดปลวก“อาหั่ว มาหาแม่”หลิวเถียนที่ได้ทราบข่าวว่าลูกสะใภ้จะคลอดแล้ว นางก็รีบมาที่นี่จนได้ทันเห็นท่าทางที
ตอนพิเศษ 2ความใส่ใจของสามี5 เดือนผ่านไป จวนเจียวหย่งโหวสตรีในอาภรณ์สีชมพูอ่อนกำลังนั่งเอนหลังอ่านหนังสือที่ศาลาไม้ โต๊ะไม้ตรงหน้ามีจานขนมดอกกุ้ยฮวา ขนมหนวดมังกร และน้ำส้มคั้นวางอยู่ด้านหน้าของสตรีผู้นี้ ในแต่ละวันคืนที่อยู่ในจวนโหว นางนั้นเริ่มเบื่อหน่ายนัก มีเพียงการอ่านหนังสือและนั่งกินขนมหวานกับน้ำส้มคั้น ที่สามารถเยียวยาหัวใจของสตรีที่ตั้งครรภ์เช่นนางได้ตั้งแต่ที่ทุกคนห้ามปรามไม่ให้ทำงาน ห่าวเยว่เล่อจึงทำได้เพียงออกคำสั่งเท่านั้น วันแรกที่ได้เห็นผลส้มลูกใหญ่รสหวานอมเปรี้ยว นางก็ให้นึกถึงน้ำส้มคั้น คิดได้ดังนั้นห่าวเยว่เล่อจึงขอให้แม่ครัวของจวนโหวทำน้ำส้มคั้นให้นางดื่ม วิธีการนั้นแสนง่าย เพียงแค่นำส้มไปล้างน้ำด้วยน้ำที่ผสมเกลือ พักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นผ่าส้มออกเป็นสองซีก แล้วค่อย ๆ บีบส้มให้น้ำส้มไหลลงในแก้วกระเบื้องเคลือบที่สั่งทำพิเศษ ชิมรสให้ได้ที่หรือไม่ก็เติมเกลืออีกสักเล็กน้อย เพียงแค่นี้นางก็มีน้ำส้มคั้นดื่มทุกวันแล้วคราแรกผู้คนในจวนโหวล้วนแปลกใจกับการทำเช่นนี้ เพราะเดิมทีพวกเขาจะเพียงแค่แกะเปลือกและกินผลส้มที่อยู่ข้างใน ยังไม่เคยมีผู้ใดนำส้มมาคั้นออกมาเป็นน้ำเลย แม่ครัว
ตอนพิเศษ 1ข้ารักนางเช่นนั้นหรือในยามที่ค่ำคืนอันเงียบสงัดนั้น เย่เจียวหั่วได้ขอเข้าพบหลิวเถียนในยามวิกาล สตรีในวัยกลางคนแปลกใจกับการมาของบุตรชายนัก หรือว่าเขาจะมีเรื่องสำคัญกันนะหลิวเถียนให้บุตรชายเข้ามาพบยังห้องนอนชั้นใน ตัวนางนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ไม้เนื้อหอมด้วยท่าทางสงบ แววตาคมกริบที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจ้องมองบุตรชายไม่วางตา“อาหั่วมีสิ่งใดหรือถึงมาหาแม่ดึกดื่นเช่นนี้”เย่เจียวหั่วคารวะผู้เป็นมารดา ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดนัก นั่นยิ่งทำให้หลิวเถียนตื่นตัวมากยิ่งขึ้น“ลูกแค่อยากมาพูดคุยกับท่านแม่ให้ชัดเจนขอรับ ลูกอยากให้ท่านแม่เลิกจับคู่ลูกกับหนิงอันเสียที ลูกมองนางอย่างน้องสาวเพียงคนหนึ่งเท่านั้น มิเคยคิดจะรับนางเป็นภรรยาเลย”หลิวเถียนขมวดคิ้วแน่น ความไม่พอใจฉายชัดเต็มใบหน้าของหญิงสูงวัย“เจ้าหลงเสน่ห์สตรีเผ่าห่าวอู๋เช่นนั้นหรือ เจ้าจึงเมินเฉยอันเอ๋อร์ของแม่เช่นนี้” น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ“ถึงไม่มีเยว่เล่อ ข้าก็ไม่คิดจะรับนางเป็นภรรยาอยู่แล้ว ท่านแม่ไม่คิดหรือขอรับว่าที่ท่านแม่เปิดโอกาสให้ข้ากับนางใกล้ชิดกันมานานหลายปี แต่ข้าก
ท่านหมอชราที่อยู่หน้าห้องเดินเข้ามาด้วยใบหน้าสงบ เขาทำความเคารพทั้งคู่ก่อนจะขออนุญาตห่าวเย่วเล่อ นางยื่นแขนให้แก่ท่านหมอชรา ผืนผ้าขาวบางสีขาวถูกนำมาวางที่ข้อมือหมอชราจับจุดชีพจรของหญิงสาว เวลาผ่านไปครู่สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้น เขาทดลองจับชีพจรของห่าวเย่วเล่ออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถามอาการต่าง ๆ ซึ่งนางก็เอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา“ฤดูของฮูหยินมาหรือยังขอรับ”แค่ประโยคนี้ของท่านหมอหลุดออกมา ห่าวเย่วเล่อก็มั่นใจเต็มสิบส่วน นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นระริก “ยังไม่มาเจ้าค่ะ น่าจะสักสองเดือนได้แล้ว”ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาลูบที่หน้าท้องแบนราบของตนเองด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็วหมอชราคลี่ยิ้มอย่างยินดี ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นหันมาเอ่ยกับเย่เจียวหั่ว“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินน้อยตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้วขอรับ”เย่เจียวหั่วหูอื้อตาลาย “วะ ว่าอย่างไรนะ” น้ำเสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามตะกุกตะกัก“ท่านโหวกลายเป็นพ่อคนแล้วขอรับ ยินดีด้วยขอรับ” หมอชราคลี่ยิ้มเย่เจียวหั่วตรงเข้ามาจับมือหมอชราด้วยความดีใจ “ท่านหมอแน่ใจใช่หรือไม่ ไม่ได้ตรวจผิดพลาดใช่หรือไม่”“ข้าเป็นหมอมานานกว่า 40 ปี ย่อมไม่วันตรวจผิดพลาดอย่างแน
บทส่งท้ายหงเซ่อพยายามจะหนีไปทางช่องทางลับ แต่ถูกหลี่เฉินเจาตามมาจับกุมตัวไว้ได้ทัน เขาไม่ใช่เพียงแค่กุนซือหนุ่มที่เฉลียวฉลาด แต่ฝีมือดาบและวรยุทธ์ของเขาเองก็เป็นเลิศไม่แพ้สหายเช่นเดียวกันการรบกับเผ่าทุ่งหญ้ากินเวลาไปราวหนึ่งชั่วยาม สุดท้ายก็สามารถจับกุมตัวหงเซ่อ หัวหน้าของชนเผ่าทุ่งหญ้าได้สำเร็จ ทหารของเผ่าทุ่งหญ้ายอมทิ้งอาวุธ ก้มหัวจำนนให้กับเย่เจียวหั่วแต่โดยดีทางฝ่ายทหารของเมืองเจียวนั้นได้รับบาดเจ็บกันเล็กน้อย ไม่มีผู้ใดต้องพลีชีพในสงครามครั้งนี้ ความวุ่นวายของสงครามกับเผ่าทุ่งหญ้าจึงได้จบลงหงเซ่อถูกตัดสินให้ประหารชีวิต แต่เพราะความเลวทรามที่เขาได้ทำไว้ เย่เจียวหั่วจึงได้มอบความตายอันน่าสะพรึงกลัวให้แก่เขาตัวอ่อนหนอนไหมพิษถูกป้อนใส่ปากให้กับหงเซ่อที่ถูกคุมขังในคุก เย่เจียวหั่วหยดเลือดไก่ให้นางพญาหนอนไหมพิษ มันดูดกลืนหยดเลือดด้วยความหิวกระหายเวลาผ่านไปราวสามชั่วลมหายใจ หงเซ่อก็พลันร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด“อ๊ากกกก! ช่วยด้วย เอามันออกไป ฆ่าข้า ฆ่าข้าเดี๋ยวนี้เลย”หงเซ่อดิ้นพล่านราวกับถูกน้ำร้อนลวก เขาจับกุมท้องของตนด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด ใบหน้าที่เคยทระนงพลันซีดเผ
นี่คือแผนที่ลับของชนเผ่าทุ่งหญ้า เหตุใดจึงไปอยู่ในมือของเย่เจียวหั่วได้“แผนที่นี้คือค่ายกลลับของเผ่าเจ้ามิใช่หรือ แต่ข้ากลับพบในห้องนอนของอนุท่านพ่อ นี่คงจะเป็นหลักฐานแล้วว่านางคือคนของเผ่าทุ่งหญ้า หาใช่เผ่าห่าวอู๋ที่นางเคยแอบอ้างไม่” เขาเอ่ยเสียงกร้าว “ข้าเองก็หลงผิดไปนาน คิดว่านี่คือแผนที่ของเผ่าห่าวอู๋ แต่ที่แท้คือเผ่าทุ่งหญ้าต่างหาก นับว่านางยังฉลาดจึงแอบซ่อนตัวตนของนางเอาไว้จนข้าไปพบเข้า”“บัดซบ นังโง่”หงเซ่อกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ“ข้าไม่อยากจะเสวนากับคนขลาดเช่นเจ้า จงมอบตัวซะ แล้วข้าจะปล่อยคนของเจ้าไปแต่โดยดี”“ไม่มีวัน! ข้าไม่ผิด เป็นพวกเจ้าที่รังแกข้า”หงเซ่อยังไม่ยอมจำนน ซึ่งนี่ก็เป็นความต้องการของเย่เจียวหั่วพอดี“ทหารกล้าแห่งเมืองเจียวจงฟัง! เผ่าทุ่งหญ้าสมคบคิดกับหลิวห่าวรัน สังหารอดีตท่านโหว ลอบสังหารฮูหยินท่านโหว นี่คือการก่อกบฏ ผู้ใดที่สามารถตัดศีรษะของหงเซ่อได้ มารับรางวัลจากข้า!!”“ฆ่าหงเซ่อ ฆ่าหงเซ่อ ฆ่าหงเซ่อ”ตึง ตึง ตึง!!ทหารด้านหลังส่งเสียงโห่ร้องด้วยความฮึกเหิม กลองศึกของฝั่งเมืองเจียวตีสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณสัญญาณแห่งสงครามได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!เย่เ
บทที่ 18ท้องฟ้าสีแดงฉานอีกฟากหนึ่งของชนเผ่าทุ่งหญ้า ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าชนเผ่าทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ขว้างจอกเหล้าทิ้งอย่างไม่ไยดี เขาคือชายที่แข็งแกร่งที่สุด และองอาจที่สุดของชนเผ่าทุ่งหญ้านามของเขาคือ ‘หงเซ่อ’“เจ้านั่นมันตายแล้วอย่างนั้นหรือ”“ขะ ขอรับ ถูกตัดสินโทษประหารขอรับ”ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยเพลิงโทสะ “ไร้ประโยชน์สิ้นดี”แผนการที่สู้อุตส่าห์วางแผนมานานหลายปีล้มครืนไม่เป็นท่า เขาไม่น่าร่วมมือกับคนโง่เลย แค่จัดการให้บุตรสาวเป็นฮูหยินของท่านโหวยังทำไม่ได้ เขารึสู้อุตส่าห์ส่งน้องสาวไปสังหารอดีตท่านโหวจนสำเร็จแล้วตอนแรกคิดว่าหลังจากอดีตท่านโหวตายไป เขาจะสามารถบุกทะลวงเมืองเจียวได้โดยง่าย แต่กลายเป็นเขาได้ปลุกพยัคฆ์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เย่เจียวหั่วผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ของท่านโหว ได้ยืนผงาดบุกทะลวงคนของเขาจนถอยร่น ยังดีที่เขาไหวตัวทันยอมยกธงขาว ไม่เช่นนั้นเขาคงได้สิ้นชีพไปเสียแล้ว“จะ จะทำอย่างไรต่อไปดีขอรับ ถ้าหากท่านโหวสืบรู้ว่าเผ่าของเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจะทำอย่างไร”“จะกังวลไปทำไม ตอนนี้ข้ายังเป็นพันธมิตรกับแคว้นเป่ย อย่างไรเจ้าท่านโหวนั่นก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” หงเซ่อ
“จัดการเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว ข้าคิดถึงเจ้าจึงตรงกลับมาทันที”ห่าวเย่วเล่อส่ายหน้าให้กับเขา “ท่านพี่น่าจะไปหาท่านแม่ก่อนนะเจ้าคะ ท่านแม่คงยังสะเทือนใจไม่หาย”“ยิ่งพี่ไปหาท่านแม่อาจจะยิ่งปวดใจก็ได้ ช่วงนี้พี่รบกวนเจ้าฝากดูแลท่านแม่ด้วย”“เจ้าค่ะ”“ช่วงนี้เจ้าชอบนอนกลางวันบ่อยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”ห่าวเย่วเล่อส่ายหน้าปฏิเสธ “มีงานให้ต้องจัดการเยอะ ข้าก็เลยรู้สึกเพลีย ๆ นิดหน่อยเจ้าค่ะ”“โยนงานให้พ่อบ้านไปดูแลก่อนก็ได้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะล้มป่วย”ห่าวเย่วเล่อยิ้มหวาน หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่นนักที่เขาห่วงใยนางเช่นนี้“ข้าไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แล้วเรื่องที่ไล่บ่าวออกไปหลายคนเพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ”เย่เจียวหั่วขยับกายมานั่งใกล้ภรรยา พร้อมกับกอดรัดเอวของนางไปด้วย ท่าทางของเขาราวกับลูกแมวน้อยที่กำลังออดอ้อน“บ่าวที่ถูกไล่คือสายสืบของท่านอา บางส่วนยังเป็นคนของหัวหน้าเผ่าทุ่งหญ้า เห็นทีพี่จะปล่อยไปไม่ได้เสียแล้ว”“นั่นคือเหตุผลที่ท่านพี่ทำตัวเย็นชากับข้า และปล่อยข่าวลือว่าไม่รักข้าหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว แม้คราแรกพี่อาจจะ...จะไม่ได้รักเจ้า แต่ตอนนี้พี่รักเจ้ามากที่สุด หากพี่แสดงว่ารักใคร่ในตัวเ
บทที่ 17บทลงโทษการตายของหลิวหนิงอันสร้างความสะเทือนใจให้กับเมืองเจียว สตรีที่เคยเป็นยอดพธูแห่งเมืองเจียวกลับปลิดชีพตนเอง บ่าวรับใช้ที่อยู่จวนตระกูลต่างให้ปากคำกับทางกรมอาญา สองแม่ลูกที่น่าสงสารมักถูกหลิวห่าวรันลงมือทุบตีอยู่บ่อยครั้งเขาจะใช้แส้หางม้าอันเป็นอาวุธประจำกาย ฟาดที่ร่างกายของบุตรสาวและภรรยา เมื่อทำสิ่งใดให้ไม่ถูกใจทั้งสองก็จะถูกลงโทษ แต่เพราะบริเวณที่โดนแส้ฟาดนั้นคือแผ่นหลัง จึงทำให้ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้แต่หลังจากที่ท่านโหวเข้ามาจับกุมหลิวห่าวรัน ความเลวระยำที่เขาเคยทำไว้ก็พลันผุดพรายออกมาไม่รู้จบ ทั้งใช้อำนาจของตระกูลข่มเหงตระกูลที่ต่ำกว่า แอบอ้างอำนาจของพี่สาวเลี่ยงการจ่ายภาษีความผิดของเขาถูกเปิดโปง หลิวเถียนที่รับรู้ความเลวของน้องชายต่างมารดา นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปเลย ห่าวเย่วเล่อผู้เป็นลูกสะใภ้จึงดูแลแม่สามีไม่ห่างคุกใต้ดินเมืองเจียวในมุมหนึ่งของห้องขังมีชายในวัยกลางคนนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นฟาง สายตาของเขาเลื่อนลอยออกไปไกล ความหวังที่อยากจะนั่งตำแหน่งท่านโหว ควบคุมเมืองเจียวพลันสลายหายไปในพริบตาถ้าหากบุตรสาวของเขาสามารถแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินท่านโหวได้ เขาคงไม่ต้อง