บทที่ 3 ข้ามมิติ ย้อนเวลา
หลังจบจากช่วงเวลาที่ตุนของ ก็รอเวลาให้ระบบจัดระเบียบสิ่งของในมิติให้เรียบร้อยและรอว่ามีอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวในการข้ามมิติในขั้นตอนต่อไป ฉันผู้ที่ต้องเป็นคนรอ แต่ในหัวก็เริ่มคิดวางแผนการใช้ชีวิตว่าจะต้องทำยังไง พอให้เป็นแนวทางในการเอาตัวรอด ส่วนภารกิจที่ทางระบบมอบให้ก็ค่อย ๆ เก็บทำไปเรื่อย ๆ ฉันพอมีวิชาความรู้ความสามารถติดตัวอยู่บ้าง มันคงไม่ยากสักเท่าไร แต่ทุกอย่างมันต้องมีแบบแผนถึงจะดี
พอคิดไปถึงครอบครัวที่ต้องไปอยู่ด้วย เด็ก 3 คนกำลังจะโต ยังดีที่ว่าพ่อของเด็ก ๆ ไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่งั้นรุ่ยฉีคนนี้จะทำยังไง คิดดูนะ ไม่รู้จักกันแต่ใช้ชีวิตแบบผัวเมีย ขนาดคนที่ฉันคิดว่ารู้จักดีอย่างเช่นสามีเก่าของฉัน ยังทำเลวกับฉันเลย เรื่องเด็กไม่น่าคิดเท่าเรื่องพ่อของเด็ก ๆ แต่จะมโนมากไม่ได้ ถึงนิสัยฉันจะขี้มโนก็ตาม ต้องไปดูหน้างานอีกที เมื่อมีตัวช่วยก็ไม่น่ามีอะไรน่าห่วง วิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ของรุ่ยฉีอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม…
[แจ้งสิ่งของที่มีในมิติของโฮสต์หลงรุ่ยฉี คุณสมบัติพิเศษ คือ สิ่งของที่มีในตอนนี้จะไม่มีวันหมด และจะเติมเต็มในทุกๆ 7 วันหลังจากเอาสิ่งของออกไป มีดังนี้ ข้าวสารขาวชั้นดี 2 กระสอบ (กระสอบละ 50 กิโลกรัม) ข้าวขาวชั้นกลาง 1 กระสอบ (50 กิโลกรัม) ข้าวกล้องนำเข้าชั้นดี 1 กระสอบ (25 กิโลกรัม) ข้าวไรซ์เบอร์รี 1 กระสอบ (20 กิโลกรัม) แป้งข้าวจ้าว แป้งข้าวเหนียว แป้งมันอเนกประสงค์ แป้งข้าวโพด อย่างละ 1 กระสอบ (20 กิโลกรัม) ซอสปรุงรสถั่วเหลือง ซอสหอย น้ำปลา ซอสเอนกประสงค์ อย่างละ 1 ลัง น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลกรวด อย่างละ 1 กระสอบ (20 กิโลกรัม) น้ำผึ้งแบบกระปุก 5 กระปุก ชุดหม้อ กระทะ ตะหลิว ช้อน ชาม ตะเกียบแบบอลูมิเนียมอย่างดี 2 ชุด เตาถ่าน 1 เตาแก๊ส 2 ชุด น้ำยาล้างจาน 3 ถุง ถ่านไร้ควัน 3 กระสอบ (1กระสอบ 20 กิโลกรัม) เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อเป็ด อย่างละ 50 กิโลกรัม ไข่ไก่ ไข่เป็ด อย่างละ 5 แผง ซาลาเปาคละไส้พร้อมทาน 20 ลูก แบบแช่แข็ง 50 ลูก ขนมจีบแบบพร้อมทาน 30 ชุด ข้าวต้มหมู 20 ชาม ข้าวต้มกุ้ง 5 ชาม ข้าวต้มปู 5 ชาม ข้าวต้มปลา 3 ชาม (ข้าวต้มมีชามแบบโบราณแถมให้) เกี๊ยวแบบแช่แข็ง 200 ตัว นมสดรสจืด 2 แกลลอน นมรสหวาน 1แกลลอน นมเปรี้ยวรสผลไม้รวม 1 แกลลอน ผ้าห่มอย่างดี 5 ผืน ชุดที่นอนปิกนิกคละลาย 3 ชุด หมอน 2 ใบ ที่นอนยางพาราอย่างดีขนาด 6 ฟุต และ 3.5 ฟุต อย่างละ 3 หมอนข้าง 3 ใบ ชุดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอก และปลอกหมอนข้างแบบคลาสสิค 5 ชุด ผ้าเนื้อดีคละสีสำหรับตัดชุดจำนวน 10 พับ ชุดกี่เพ้าคละสีสำหรับผู้ใหญ่ 10 ชุด สำหรับเด็ก 5 ชุด ชุดเสื้อผ้าเด็กผู้ชาย 10 ชุด และชุดยาสามัญประจำบ้านอีก 2 ชุด พร้อมอุปกรณ์สำหรับทำแผลอีก 2 ชุด และของที่โฮสต์ได้ใส่เข้ามาทั้งหมดถูกจัดอยู่ในมิติเรียบร้อย พร้อมใช้งาน ถือว่าโฮสต์ได้ของมาคุ้มค่ากับเวลาที่ให้ไป ถึงบางอย่างจะดูไม่มีประโยชน์ก็ตาม ขอเวลาระบบลงทะเบียนสิ่งของในมิติให้เรียบร้อย เราก็พร้อมเดินทางข้ามมิติได้เลย โฮสต์โปรดเตรียมตัว]
หลังจากได้ฟังที่ระบบเเจ้งมาก็ทำให้ชื่นใจขึ้นมาหน่อย แต่ถามว่าครบไหม มันก็ไม่ครบหรอก ช่วงเวลาที่ให้ตุนของมีเวลาจำกัด ใครจะไปคิดทันวางแผนทัน แล้วที่สำคัญ!! ฉันอยากลิ้มรสกาแฟอีกครั้งในรอบ 3 ปี ตั้งแต่เป็นวิญญาณมา ฉันไม่ได้อยากรู้รสอะไรเลยนอกจากกาแฟ แต่ฉันไม่ได้เอาใส่ในมิติ!!
"ระบบ มีกาแฟแถมให้ไหม ฉันชอบมันมาก อยากลิ้มรสกาแฟดี ๆ แต่ฉันลืมหาและหยิบเก็บในมิติ"
ฉันเริ่มโอดครวญกับบางสิ่งที่ฉันไม่ได้เก็บเข้าในมิติ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่าขาดอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ยังดีที่ระบบช่วยจัดเก็บของถึงได้มาเยอะแบบนี้ ถ้าให้ฉันเก็บเองคนเดียวคงทันหรอกได้ มาแต่ละอย่าง 2-3 ชิ้น นอกจากอันไหนที่ไม่ต้องแย่งกับวิญญาณตนอื่นถึงพอจะได้มาเยอะบ้าง
[ถึงหาเจอ โฮสต์ก็เอาเข้ามิติไม่ได้ เพราะเครื่องชงกาแฟและชาคุณภาพดี ๆ ต้องใช้คะแนนแลกถึงจะได้]
พอได้ยินคำตอบ รุ่ยฉีก็คิดว่ายังดีที่ไม่ได้เสียโอกาสในการได้ของฟรี ถ้าบอกว่ามีแต่เธอไม่ได้หยิบมันมา ยิ่งจะทำให้เสียดาย
[โฮสต์โปรดเตรียมตัว ลงทะเบียนสินค้าในมิติเรียบร้อยแล้ว กำลังลงทะเบียนข้ามมิติเพื่อย้อนเวลา โปรดทำจิตใจให้เบิกบานรอได้เลย]
"ฉันจะรู้สึกอะไรไหม วูบ ๆ วาบ ๆ หรือเป็นอะไรไหม"
[โฮสต์เป็นวิญญาณไม่มีความรู้สึกอะไร ไม่ต้องกังวล โฮสต์จะเหมือนแค่คนหลับไป และไปรู้สึกตัวตื่นกับร่างใหม่แบบสวย ๆ ได้เลย]
"ค่อยสบายใจหน่อย มา!! รุ่ยฉีพร้อมมาก!!"
'โฮสต์หลงรุ่ยฉีพร้อมระบบเลขาผู้ช่วย เตรียมข้ามมิติไปสู่โลกคู่ขนาน พร้อมย้อนเวลาไปในช่วงที่ร่างโฮสต์รอผสานวิญญาณ เตรียมนับถอยหลัง 5... 4... 3... 2...1... ระบบข้ามมิติสำเร็จ'
[เตรียมการผสานดวงวิญญาณและรับความทรงจำร่างเดิม เริ่มติดตั้งระบบผู้ช่วย 5... 4... 3... 2...]
พรึบ!!!! ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาและมองไปรอบ ๆ พื้นที่ที่ฉันอยู่ ปรับสายตาให้มองเห็นให้ชัด แต่ก็ยังมองทุกอย่างไม่ชัดเหมือนมีม่านบาง ๆ กั้นอยู่
"ระบบ ฉันข้ามมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม"
ในช่วงที่กำลังพยายามปรับสายตาให้โฟกัสทุกอย่างรอบ ๆ ตัว ฉันก็ส่งเสียงถามระบบออกไปด้วย
[ข้ามมิติย้อนเวลาสำเร็จ แต่ผสานวิญญาณและรับความทรงจำร่างเดิมยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ขอให้โฮสต์รอเวลาสักครู่]
หลังจบจากที่ระบบรายงาน ฉันก็คิดว่ามันไม่เจ็บแบบที่ระบบแจ้งไว้จริง ๆ ด้วย หรือเพราะฉันเป็นวิญญาณมานานเลยเจ็บไม่เป็น ยังคิดไม่ถึงไหนเลย อยู่ ๆ ก็เกิดอาการโลกหมุนและเวียนหัวอยากจะอาเจียนออกมา บวกกับอาการปวดหัวที่วิ่งจี๊ดขึ้นไปยังขั้วสมอง เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันทรมานแบบนี้ ไหนบอกไม่เจ็บไง ไอ้ระบบมันหลอกฉันหรือ ไหนบอกรอสวย ๆ อาการยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันแทบทนไม่ไหว
"ระบบ เกิดอะไรขึ้น!! "
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากระบบ หรืออาจมีแต่ฉันไม่ได้ยินเพราะความเจ็บปวดที่ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับความทรงจำของร่างเดิมที่ไหลทะลักเข้ามาให้ฉันได้รู้อีก จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ฉันอาเจียนออกมา ไม่รู้ว่ามีอะไรออกมาไหม รู้แต่ว่าฉันอาเจียนอยู่อย่างนั้น และมีความรู้สึกว่ามีใครมาอยู่ใกล้ ๆ คอยเอาน้ำให้ล้างปาก แต่ฉันยังมองเห็นไม่ชัด ทุกอย่างเลือนลาง และหูฉันก็อื้ออึงไปหมด ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย ความทรงจำระลอกใหม่วิ่งเข้ามาหาฉัน ทำให้ฉันปวดหัวหนักขึ้นกว่าเดิม คราวนี้ฉันไม่ได้อาเจียนออกมาแล้ว เพราะมันรุนแรงจนทำให้ฉันหมดสติ ทุกอย่างดับวูบไปหมด เหลือแค่ลมหายใจแผ่ว ๆ ที่ทำให้รู้ว่าร่างนี้ยังมีลมหายใจอยู่
"แม่... แม่... "
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ฉันพอจับใจความได้ ก่อนที่สติของฉันจะดับไป
ตอนพิเศษ 3ตัวป่วนแห่งยุค 70(แก๊งมงกุฎ)วันนี้รุ่ยฉีตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยเฟยหรงเตรียมอาหารให้ลูก ๆ ของเธอที่จะไปทัศนศึกษา ดูเหมือนไปไกล แต่จริง ๆ แค่ภูเขาหลังบ้านเธอนี่แหละ และถามว่าไปทัศนศึกษากับโรงเรียนหรือยังไง ก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าวันนี้โรงเรียนปิด ที่ว่าไปก็ไปกันทั้งบ้านนั่นแหละ แต่เพราะสองสาวที่กำลังเห่อการไปทัศนศึกษาที่ได้ไปกับโรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เลยอยากไปอีก เฟยหรงผู้ไม่เคยห้ามลูกสาวก็ตามใจ พาไปทัศนศึกษาที่ภูเขาที่อยู่ติดกับหลังบ้านนี่แหละ"เย่วเย่วตื่นเต้นมากเลยค่ะ" สาวน้อยเย่วเย่วที่ดูตื่นเต้นกับการไปทัศนศึกษาหลังบ้านในครั้งนี้เฟยหรงที่เตรียมอาหารอยู่หันมาหัวเราะกับท่าทางของเย่วเย่ว"พร้อมหรือยัง" "พวกหนูพร้อมแล้วค่ะ... แต่น้องสาวฉิงฉิงยังไม่พร้อมค่ะ" เย่วเย่วตอบแม่ใหญ่น้องน้อยของเธอไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่เธอกับพี่สาวอาอีเตรียมให้ น้องน้อยจะเอาแต่สีแดง คุณครูบอกว่าเวลาขึ้นเขาเข้าป่าให้ใส่สีทึบเพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ เพราะถ้ามันตกใจ มันอาจวิ่งมาทำร้ายเราได้ แต่น้องน้อยจะใส่สีที่แม้แต่ยืนอยู่โรงเรียนยังมองเห็น มันแดงมาก เธอไม่รู้จะบอกน้องน้อยยังไงดี"เดี๋ยวแม่ไปดู
ตอนพิเศษ 2ตอนนี้เฟยหรงอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองซูโจว เนื่องจากอยู่ ๆ แม่เฒ่าซ่งก็เกิดอาการชักเกร็งเป็นลมหมดสติไป ทำให้ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาล อาการยังไม่แน่ชัดว่าเป็นยังไงบ้าง"เป็นยังไงบ้างพี่ใหญ่" เฟยหรงที่มาเจอกับพี่ชายคนโตก็ถามขึ้นทันทีที่เจอ"หมอยังไม่บอกอะไร พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ฟื้นแล้ว แต่ยังมีอาการเหม่อลอย พูดบ่นอะไรไม่รู้ตลอดเวลา บางทีก็ทำอะไรแปลก ๆ " "แล้วแม่รู้เรื่องไหม รู้ตัวไหมเวลาที่ทำ""รู้ตัวเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ไม่รู้ตัว เข้าไปพร้อมกันไหม หมอเพิ่งให้เข้าเยี่ยม" "ครับ"พอเข้าไปในห้องพักคนไข้ก็เห็นแม่ของเขาที่นั่งเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ช่วงก่อนพี่ใหญ่จะถูกปล่อยตัว แม่ต้องเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ คนเดียว ลูกหลานไม่มีใครเข้าหา เพราะทุกคนกลัวแม่หาเรื่องหรือหาปัญหามาให้ พี่น้องทุกคนแยกบ้านกันอยู่เพราะไม่อยากให้มีปัญหา แวะเวียนมาหาเยี่ยมแม่เป็นบางครั้ง จนพี่ใหญ่กลับมานี่แหละที่เข้ามาดูแลมาหาบ่อย ๆ ทั้งสองคนเลยเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"แม่หิวไหม ผมซื้อข้าวต้มกับขนมมาให้" ลูกชายคนโตเอ่ยถามแม่"หรือจะกินผลไม้ น้องสี่เอามาให้เยอะแยะเลย" เมื่อเขาเห็นแม่ยังนั่งเงียบ เขาเลยพูด
ตอนพิเศษ 1ตอนนี้รุ่ยฉีและทุกคนในครอบครัวกลับมาเที่ยวเมืองซูโจว ซึ่งได้กลับมาอยู่บ้านหลังเดิมในหมู่บ้านที่ตอนแรกตั้งใจจะขาย ติดประกาศขายไว้นาน แต่ก็ยังไม่มีคนมาติดต่อซื้อ อาจเพราะราคาที่เธอตั้งไว้มันค่อนข้างสูงเกินไป จึงทำให้ชาวบ้านไม่ซื้อกัน พวกเราเลยตัดสินใจเก็บบ้านไว้จ้างคนมาดูแลทำความสะอาดประจำ มีโอกาสก็กลับมาพัก และรุ่ยฉีรู้สึกว่าที่นี่ยังมีความทรงจำดี ๆ ถึงตอนแรกจะตัดสินใจขาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ใจหาย ยังดีที่ไม่มีคนมาซื้อ และตอนนี้รุ่ยฉีได้คลอดลูกสาวแล้ว แต่จะเป็นลูกสาวขี้อายไหม อันนี้ไม่อยากพูด..."หม่ำ หม่ำ" 'ซ่งอ้ายฉิง' ลูกสาวขี้อาย (มั้ง) ของเธอเอง หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'ฉิงฉิง'ตอนนี้อ้ายฉิงอายุ 9 เดือนแล้ว กำลังกินข้าวบดที่รุ่ยฉีแลกมาจากร้านค้าในระบบ กินเก่งเหมือนสมุนตัวน้อย ขี้โวยวาย แค่ป้อนไม่ทันใจก็ร้องหม่ำหม่ำแล้ว มือเร็วที่สุด ถ้าชามอยู่ใกล้เป็นต้องเอามืออ้วน ๆ ขาว ๆ นั่นมาคว้าทันที คิดว่าขี้อายไหมล่ะ... รุ่ยฉีอยากจะหัวเราะ ถึงยังไงพ่อกับพี่ก็ยังเรียกลูกสาวขี้อาย น้องสาวขี้อาย..."ใจเย็น ๆ นะครับลูก" เฟยหรงที่ทำหน้าที่ป้อนข้าวบดลูกสาวพยายามบอกให้ลูกสาวใจเย็น ๆ"แอ๊ ๆ
บทที่ 52 บทส่งท้ายเติบโตและก้าวไปด้วยกันรุ่ยฉีเจอเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะบางคนช่วยมาแล้วก็มาสร้างความเดือดร้อน มาสร้างปัญหาให้ภายหลัง ช่วงหลังมานี้ รุ่ยฉีแทบไม่ออกไปไหนและไม่ช่วยใคร นอกจากเด็กเร่ร่อนที่หนิงหลงช่วยมาจากการถูกลักพาตัวไปแล้วมาขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนของเธอ เรื่องนี้รุ่ยฉีปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอสงสารเด็กด้วย และอีกอย่างเรื่องช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนคือภารกิจใหม่และภารกิจหลักของเธอในตอนนี้ เผื่อเรื่องนี้จะอนุมัติ ระบบของเธอยื่นเรื่องไปถึงสองปีกว่า ๆ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ได้ช่วยเด็ก ๆ ตอนนี้เธอช่วยแค่เด็ก ๆ ส่วนคนโตนั้น เธอไม่อยากหาปัญหามาให้ตัวเองปวดหัวอีกแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว รุ่ยฉีแทบไม่ต้องทำอะไรมาก ลูก ๆ ของเธอโตขึ้นมาบ้างแล้ว และมีแนวโน้มจะไปในทางที่ดี หัวหน้าแก๊งของเรา 11 ขวบ โตขึ้น สูงขึ้น เข้มขึ้นแต่ยังพูดน้อยเหมือนเดิม ซิงอีกับเย่วเย่วอายุ 10 ขวบเริ่มสูงขึ้น ซิงอีมีแววสวยเฉี่ยวตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และในอนาคตดูท่าทางซิงอีจะเป็นสาวมั่นตัวแม่แน่ ๆ เย่วน้อยของเรานั้นเป็นสาวหวานทั้งหน้าตาท่าทางและการพ
บทที่ 51 ไม่ถอดใจ... ไม่หมดหวังจากเหตุการณ์สะดุดอากาศล้มในวันนั้น ทำให้เจียวจูได้ทหารคนนั้นเป็นสามี ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้น ก็เพราะสองสาวที่ตะโกนลั่นโรงเรียนให้คุณครูไปช่วยลุงทหาร ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปทั่วโรงเรียนจนคนรีบตามมาช่วยและได้เห็นทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่ เมื่อมีคนมาเป็นสักขีพยานมากมาย เจียวจูเลยได้นายทหารคนนั้นเป็นสามี รุ่ยฉีไม่อยากจะคิดเลย ถ้ายอมให้เธอทำงานที่บ้านต่อจะเป็นยังไง ยังดีที่รีบบอกให้ไปช่วยงานที่อื่น ไม่อย่างนั้นคนที่โดนเจียวจูล้มทับอาจเป็นเฟยหรงก็ได้ ใครจะไปรู้ตอนนี้หลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว โรงเรียนก็มีครูใหญ่เป็นคนดูแลจัดการให้ ส่วนโรงพยาบาลก็เริ่มมีหมอ มีพยาบาลผู้ช่วย แต่ก็ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ รุ่ยฉีอย่างให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป"แม่ใหญ่คะ... วันนี้โรงเรียนหยุดเหรอคะ" เย่วน้อยที่นั่งกินบิสกิตจิ้มนมพูดขึ้น"ใช่ค่ะ" รุ่ยฉีตอบกลับเย่วน้อย"คุณครูบอกว่าใกล้วันกีฬาสี... ต้องขยันซ้อม" อาอีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นรุ่ยฉีก็นึกขึ้นมาได้ว่าโรงเรียนจะจัดกีฬาสี ถึงจะมีนักเรียนน้อยแต่ก็ทำกิจกรรมทุกอย่างเหมือนโรงเรีย
บทที่ 50 สะดุดอากาศตั้งแต่วันนั้นที่รุ่ยฉีเห็นบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะกับข้าว เธอก็คอยสังเกตดูตลอดว่ามันมีอะไรผิดปกติบ้างไหม เจียวจูยังทำงานที่บ้านเธอตามปกติ แต่ส่วนมากเหมือนเธอจะหลบหน้ารุ่ยฉี แต่รุ่ยฉีก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นแบบที่เธอสงสัยหรือเปล่า และอีกอย่าง ตอนนี้เฟยหรงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องออกไปประสานงานให้เธอในหลาย ๆ เรื่อง"เจียวจู ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ไปช่วยงานที่โรงเรียนได้เลย ฉันแจ้งครูใหญ่ให้แล้ว""ไม่ค่ะ... ฉันชอบทำที่นี่""แต่ฉันให้เธอไป! ถ้าไม่ทำก็ไปอยู่ที่อื่น" บอกดี ๆ ไม่ชอบ... ไปไม่ไป!"แต่คุณเฟยหรงชอบที่ฉันทำอาหารที่มีผักให้เด็ก ๆ กินนะคะ" เจียวจูไม่ยอมไปง่าย ๆ"เขาบอกตอนไหน! " รุ่ยฉีถามกลับกินผักมันก็ดีอันนี้รุ่ยฉีไม่เถียง แต่ใครก็ทำเมนูผักได้ไม่ใช่หรอ"บอกทุกวันค่ะ""คุณหลงครับ... คุณหลงอยู่ไหมครับ"รุ่ยฉียังไม่ทันได้พูดอะไรกับเจียวจู เพราะมีคนมาตะโกนเรียก น่าจะเป็นครูใหญ่เพราะเธอจำเสียงนี้ได้"เข้ามาก่อนค่ะ" พอเห็นว่าเป็นใคร รุ่ยฉีก็เชิญเข้าบ้านแล้วพาไปที่ห้องรับแขกเจียวจูพอเห็นว่าครูใหญ่มาก็เอาน้ำออกมาต้อนรับ พอเสร็จก็ออกจากห้องรับแขกทั