공유

บทที่ 4 หลงรุ่ยฉี ยุค 70

last update 최신 업데이트: 2025-01-02 20:27:58

บทที่ 4 หลงรุ่ยฉี ยุค 70

ฉันไม่รู้ว่าฉันหลับหรือสลบไปนานแค่ไหน จากเหตุการณ์ที่ความทรงจำระลอกนั้น ทำให้ฉันหมดสติไป จนถึงตอนนี้ ฉันยังติดต่อระบบไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันโดนระบบมันหลอกมาหรอกนะ ไหนจะกำไลมิติของฉันอีก ส่งมอบให้หรือยังก็ไม่รู้ มองดูที่ข้อมือก็ไม่เห็นกำไลหยกแก้วสักอัน ไม่ใช่ฉันถูกหลอกมาลอยแพทิ้งไว้ที่นี่หรอกนะ

ตอนนี้ฉันสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ที่ฉันนอนอยู่ตรงนี้ คือ เตียงเตาแบบที่เคยเห็นในสารคดีในโลกก่อน มองรอบบ้านเป็นบ้านอิฐ ห้องนี้ค่อนข้างกว้าง มีเตียงเตาที่ฉันคิดว่ามีขนาดใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าปกติทั่วไปเตียงเตามันใหญ่เท่านี้ไหม ในห้องมีตู้ไม้วางอยู่ข้าง ๆ กับเตียง ติดกับผนังของอีกฝั่ง มีโต๊ะกลางห้อง มีเก้าอี้ 4 ตัววางรอบโต๊ะ ข้างเตียงเตามีโต๊ะไม้วางอยู่ น่าจะใช้สำหรับวางพวกหมอนผ้าห่ม ข้าง ๆ กันเป็นโต๊ะไม้เล็ก ๆ มีพวกเครื่องหอม พวกแป้งคล้าย ๆ แป้งน้ำ จากความทรงจำ มันก็คือโต๊ะเครื่องแป้งนั่นเอง

ถ้าถามว่าบ้านนี้ดูดีไหม ถ้าให้รุ่ยฉียุคปัจจุบันตอบก็จะบอกว่า 'ดีกับผีนะสิ! ' มันแย่ถ้าเทียบกับยุคที่จากมา แต่ฉันไม่รู้ว่าสำหรับที่นี่มันดีหรือไม่ เพราะจากความทรงจำของร่างเดิมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะร่างเดิมก็ไม่เคยไปดูว่าบ้านใครตกแต่งแบบไหน บ้านแม่สามีก็ดูมีครบคล้าย ๆ กันกับที่บ้านหลังนี้มีเลยไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี

จากความทรงจำ ร่างนี้มีชื่อว่า หลงรุ่ยฉี เหมือนฉันเด๊ะ ๆ อายุ 24 ปี แต่งงานตอนอายุ 18 แต่งปุ๊ปท้องปั๊ป ทันทีทันใจมากเลย สามีอยู่ด้วยแค่ 2 อาทิตย์ก็ต้องกลับเข้าค่าย ส่วนรุ่ยฉีก็ต้องอยู่บ้านพ่อแม่สามี พร้อมกับเริ่มแพ้ท้องแรกหลังจากที่สามีกลับค่าย ช่วงเวลาลำบากได้เริ่มขึ้นหลังจากที่สามีกลับค่ายทหาร เพราะสมัยนี้ ใคร ๆ ก็ต้องไปทำงานให้หน่วยผลิตส่งคอมมูน ทำงานแลกแต้มเก็บแต้มกันทั้งนั้น แต่ตอนนี้สะใภ้สี่ดันมาแพ้ท้องทำอะไร ทำให้บรรดาสะใภ้ที่อยู่ในบ้านเกิดความไม่พอใจ หาว่ารุ่ยฉีหลบงานบ้างแหละ เลี่ยงงานบ้างแหละ แต่ร่างเดิมก็ใช่ว่าจะยอมอยู่เฉย ๆ รุ่ยฉีร่างเดิมกับร่างใหม่มีลักษณะอุปนิสัยที่ไม่แตกต่างกันมาก แต่อาจเพราะร่างเก่าอายุยังน้อยเลยพูดทุกอย่าง คิดยังไงพูดแบบนั้น ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหง เพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ด้วย ไม่ใช่กุลสตรีในห้องหอที่พูดจาอ่อนหวาน ไม่มีปากมีเสียง รุ่ยฉีเป็นคนที่ค่อนข้างไม่ยอมใคร ถ้าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ใครด่ามา รุ่ยฉีก็จะตอกกลับไม่มียอม แต่คำด่าของรุ่ยฉีไม่ค่อยมีคำหยาบ ส่วนมากจะด่าแบบผู้ดี น้อยครั้งจะมีคำหยาบหลุดออกมา หรือแทบจะไม่มีคำหยาบเลยก็ว่าได้

ด้วยเหตุนี้เลยทำให้บ้านใหญ่เกิดหมั่นไส้ ว่ากระแหนะกระแหน หาว่าทำตัวเป็นผู้ดีคนเมือง วางตัววางท่าเป็นผู้ดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่น ตอนแรกที่ได้แต่งเข้ามาเพราะแม่สามีชอบใจ แต่พอแต่งเข้ามาแล้วลูกสะใภ้ช่วยงานไม่ได้ และไม่ยอมช่วยเรื่องยกระดับทางบ้านให้มีชีวิตที่ดี เลยทำให้แม่สามีเริ่มที่จะไม่ชอบรุ่ยฉี จึงมีเรื่องทะเลาะวิวาทในบ้านใหญ่แทบทุกวัน พ่อสามีแม่สามีเริ่มเอือมระอา ตอนแรกก็หวังแต่งสะใภ้สี่เพื่อให้ครอบครัวตัวเองอยู่ดีกินดี หวังยกฐานะกันทั้งครอบครัว แต่พอแต่งเข้ามาแล้วรู้ว่า หลงรุ่ยฉีก็แค่เด็กกำพร้า พ่อแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนรุ่ยฉี อายุ 13 โตมาโดยมีป้าคอยเลี้ยงดู ทำให้แม่สามีค่อนข้างไม่พอใจ คิดว่าตัวเองถูกหลอกให้แต่งสะใภ้คนนี้เข้ามา พอรู้ว่ารุ่ยฉีบอกปัดเรื่องย้ายเข้าอยู่ในเมืองบ้างแหละ เรื่องเงินบ้างแหละ แม่สามีเลยยิ่งเกลียดรุ่ยฉีมากขึ้นเรื่อย ๆ คิดถึงตรงนี้แล้ว รุ่ยฉีคนนี้ก็จะเป็นลมแทนละ ไหนจะลับฝีปากกับบ้านใหญ่ทุกครั้งที่เจอกัน มองดูมีแต่เรื่องปวดหัว ยังดีที่แยกบ้านมาได้ แค่นี้ไมเกรนก็จะขึ้นละ

"ระบบ! มาสักที" พอคิดมาสักพักก็เริ่มเรียกหาระบบ ตอนแรกก็มาด้วยกันดี ๆ พอมาตอนนี้ระบบหาย!

[สวัสดีอย่างเป็นทางการครับโฮสต์ ขอโทษที่ให้โฮสต์รอนานเพื่อให้ระบบเสถียรมันต้องใช้เวลาในการเชื่อมต่อ] 

"โอ้ววว มาสักที เสียงสวรรรค์ที่ฉันอยากได้ยิน"

[ระบบพร้อมรับใช้โฮสต์แล้ว]

"ภารกิจล่ะ มาหรือยัง ฉันต้องรอไหม หรือทำอะไรได้เลยตามปกติที่คนอื่นเขาทำกัน" ถามก่อนจะได้ไม่ต้องเดาอะไรให้เหนื่อย

[โฮสต์ใช้ชีวิตตามปกติได้เลย หากภารกิจมา ก็แค่ทำภารกิจเพิ่มเข้าไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีภารกิจอะไร ก็ให้อิสระโฮสต์เลย และเวลาติดต่อกับระบบก็แค่คิดเท่านั้น ทางระบบได้ยินความคิดของโฮสต์สามารถตอบคำถามและช่วยโฮสต์ได้ตามปกติ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นมองโฮสต์เป็นคนบ้า ก็ควรติดต่อกันทางความคิด ส่วนกำไลมิติ ระบบได้ติดตั้งให้ร่างโฮสต์เรียบร้อยแล้ว เชิญสำรวจได้ตามสบาย]

ฉันมองไปบนข้อมือของตัวเองและเห็นกำไลหยกสีเขียวอยู่บนข้อมือข้างซ้าย เลยกำหนดจิตเพื่อดูของข้างใน ทุกอย่างวางอยู่ในชั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย แยกของกินของใช้กันอย่างเรียบร้อย แต่ไม่รู้ว่ามีของครบไหม เพราะจริง ๆ ฉันจำไม่ได้หรอกว่าโกยอะไรมาบ้าง และมีอะไรเท่าไร หวังแค่ระบบจะไม่โกงฉันหรอกนะ …

"ระบบ แล้วจะมีใครมาขโมยกำไลหยกของฉันไหม ทำไมไม่ทำให้มันหายไปแล้วเหลือไว้เป็นปาน หรือรอยสักเล็ก ๆ แบบน่ารัก ๆ อะไรแบบนี้" ฉันก็กลัวเนอะ เผื่อใครมาอยากได้กำไลฉันขึ้นมาจะทำยังไง ในกำไลมีแต่ของที่ฉันต้องใช้ทั้งนั้น

[ระบบตรวจสอบแล้ว ในช่วงนี้ยุคนี้ กำไลหยกยังเป็นของไม่มีค่าไม่มีราคา โฮสต์วางใจได้ ไม่มีใครเอาไปจากโฮสต์ได้ แต่ถึงจะมี คนที่อยากได้ก็ต้องตัดแขนโฮสต์ออกนั้นแหละ ถึงจะเอากำไลออกไปได้]

เดี๋ยวนะ! ไอ้ระบบ! เริ่มกวนละ ฉันไม่สนใจละ ไปทำหน้าที่รุ่ยฉีดีกว่า ไหนล่ะลูก ทำไมไม่มารายงานตัวเหมือนในนิยายหรือซีรีส์ที่เคยอ่านเคยดูเลย รุ่ยฉีคนนี้พร้อมเป็นแม่เลี้ยงแล้ว!!

[เดี๋ยวก่อนโฮสต์ เป็นแม่! ไม่ใช่แม่เลี้ยง อย่าเข้าใจผิด]

"แหม... ระบบ! ร่างเดิมเป็นแม่ แต่ฉันไม่เคยมีลูก จะให้เรียกแม่ก็แปลก ๆ ไหม ถึงฉันไม่ได้รังเกียจเด็ก แต่ใช่ว่าจะรักเด็กแบบไม่ลืมหูลืมตา ขอดูหน้าตากริยาก่อนได้ไหม! "

ฉันลงจากเตียงเตาแล้วมองดูที่บริเวณพื้น มองดูแล้วก็ไม่มีอะไรที่พอจะมองออกว่าฉันอาเจียนออกมาตอนที่ได้รับความทรงจำจากร่างเดิม หรือฉันมโนไปเอง ฉันคิดและเดินก้าวออกจากห้อง แล้วลูกฉันไปไหน ทำไมบ้านมันเงียบแบบนี้ บ้านหลังนี้ในความทรงจำก็ไม่ได้ใหญ่มาก มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องครัว 1 ห้อง ห้องเก็บของ 1 ห้อง โถงรับแขก 1 ห้อง ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องส้วม 1 ห้อง ทุกอย่างแยกเป็นระเบียบเรียบร้อย ถือว่าจัดสรรได้ดีทีเดียว

ออกจากตัวบ้านมาก็เป็นลานหน้าบ้าน มีโต๊ะไม้วางไว้สำหรับนั่งพักผ่อนหรือไว้ต้อนรับแขกที่มาหา ตรงกำแพงบ้านมีต้นดอกไม้ปลูกอยู่เป็นสวนแบบกระจัดกระจาย ไม่ได้เป็นระเบียบอะไร กำแพงบ้านถือว่าค่อนข้างสูงมิดชิด กำแพงมีอยู่รอบพื้นที่ของบ้านไปจนถึงสวนหลังบ้าน พอเดินย้อนกลับไปหลังบ้าน ก็เจอกับสวนผักหรือป่าหญ้ากันแน่ไม่ค่อยแน่ใจ แต่รู้ว่ามีพื้นที่ว่างหลังบ้าน มีบ่อน้ำแบบชักลอกหนึ่งบ่อ เท่าที่รู้จากความทรงจำ หมดเงินไปกับการปลูกบ้าน ของตกแต่งบ้าน และทำกำแพงไปมากโข เกือบ 2000 หยวน ที่บอกว่ามาก เพราะว่าร่างเดิมเอาเงินที่มีอยู่ออกมาทำบ้านจนหมด ทำให้เดือดร้อนสามีต้องหาเงินมาไว้ให้ใช้จ่ายรายเดือน ก่อให้เกิดปัญหาทะเลาะกับสามีบ้างในช่วงที่เขากลับบ้านช่วงพักปีใหม่ ฉันเริ่มรู้ถึงความยุ่งยากในการใช้ชีวิตหลังจากนี้แล้ว ถ้าคนปกติก็คือการใช้ชีวิตทั่วไปนั่นแหละ แต่สำหรับฉันที่เป็นวิญญาณมาช่วงหนึ่ง ไม่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร มันเลยกลายเป็นว่าการใช้ชีวิตต่อจากนี้ของฉันคงวุ่นวายน่าดู

"เด็ก ๆ ไปไหนกันหมด"

ฉันเดินสำรวจบ้านไปบ่นไป มองดูเวลาแล้ว ฉันไม่สามารถบอกได้ว่ามันกี่โมง ฉันต้องพึ่งระบบอีกแล้วสินะ

"ระบบ กี่โมงแล้ว ฉันจะได้วางแผนทำอะไรได้ถูก มีนาฬิกาให้บ้างไหม ฉันดูเวลาแบบชาวบ้านเขาไม่เป็น หรือสอนฉันดูก็ได้ ฉันจะได้รู้เวลา" 

[ตอนนี้เป็นเวลา 16.31 น. ตามเวลาสากล โฮสต์น่าจะเข้าใจ ส่วนนาฬิกามีแลกคะแนน รอทำภารกิจเก็บคะแนนแล้วค่อยไปแลกก็ได้ แล้วแต่โฮสต์ หรือจะถามเวลากับทางระบบก็ได้ ทางระบบยินดีตอบคำถามโฮสต์]

"งั้นไปเตรียมอาหารเย็นดีกว่าเนอะ หวังว่าเด็ก ๆ คงรู้เวลากลับมานะ"

ฉันพูดพร้อมกับเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับเย็นนี้ ถามว่าทำอาหารไหม บอกเลยว่าไม่! พึ่งมาวันแรก ฉันขออะไรที่มันง่าย ๆ สำเร็จรูปสะดวกสบาย ข้าวต้มแล้วกัน เตรียมไว้ 5 ถ้วย และซาลาเปาสำเร็จรูปพร้อมทานอีกสัก 7 ลูก คิดดูแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก แค่หยิบจากมิติออกมาก็เสร็จ มีแค่สองอย่างเอง ขนมอะไรไม่มีเลย ฉันนึกเสียดายที่ไม่ได้เอาผลไม้อะไรติดมาด้วยเลย แล้วจะทำอะไรเป็นของหวานดีล่ะทีนี้ เปิดตู้ในครัวก็มีแต่ไข่ไก่ เครื่องปรุง กับธัญพืช ไม่มีอะไรพอจะเอามาทำของหวานได้เลย

"ระบบ... มีอะไรในมิติที่พอจะเอามาทำเป็นของหวานได้บ้าง มีผลไม้ติดมาบ้างไหม จะเอาไว้เป็นของหวานล้างปาก"

ยุคสมัยนี้เป็นยังไงฉันไม่รู้ แต่ที่ฉันจากมาคือ กินคาวไม่กินหวาน.......... มันถึงต้องมีของหวาน

 [ขอเวลาระบบเช็กสินค้าและตรวจดูว่าพอมีอะไรที่ใช้แทนสิ่งที่โฮสต์ต้องการสักครู่]

สิ้นเสียงระบบดัง ก็ได้ยินเสียงเด็กที่คุยกันเจื้อยแจ้วเข้ามาในเขตบ้าน คงจะใช่ลูกของร่างนี้แน่ ๆ เตรียมตัวพบกับลูกสมุนน้อย ๆ ได้เลยรุ่ยฉี!!

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ภารกิจเปลี่ยนบุตรตัวร้ายให้เป็นสุดที่รัก   ตอนพิเศษ 3 ตัวป่วนแห่งยุค 70 (แก๊งมงกุฎ)

    ตอนพิเศษ 3ตัวป่วนแห่งยุค 70(แก๊งมงกุฎ)วันนี้รุ่ยฉีตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยเฟยหรงเตรียมอาหารให้ลูก ๆ ของเธอที่จะไปทัศนศึกษา ดูเหมือนไปไกล แต่จริง ๆ แค่ภูเขาหลังบ้านเธอนี่แหละ และถามว่าไปทัศนศึกษากับโรงเรียนหรือยังไง ก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าวันนี้โรงเรียนปิด ที่ว่าไปก็ไปกันทั้งบ้านนั่นแหละ แต่เพราะสองสาวที่กำลังเห่อการไปทัศนศึกษาที่ได้ไปกับโรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เลยอยากไปอีก เฟยหรงผู้ไม่เคยห้ามลูกสาวก็ตามใจ พาไปทัศนศึกษาที่ภูเขาที่อยู่ติดกับหลังบ้านนี่แหละ"เย่วเย่วตื่นเต้นมากเลยค่ะ" สาวน้อยเย่วเย่วที่ดูตื่นเต้นกับการไปทัศนศึกษาหลังบ้านในครั้งนี้เฟยหรงที่เตรียมอาหารอยู่หันมาหัวเราะกับท่าทางของเย่วเย่ว"พร้อมหรือยัง" "พวกหนูพร้อมแล้วค่ะ... แต่น้องสาวฉิงฉิงยังไม่พร้อมค่ะ" เย่วเย่วตอบแม่ใหญ่น้องน้อยของเธอไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่เธอกับพี่สาวอาอีเตรียมให้ น้องน้อยจะเอาแต่สีแดง คุณครูบอกว่าเวลาขึ้นเขาเข้าป่าให้ใส่สีทึบเพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ เพราะถ้ามันตกใจ มันอาจวิ่งมาทำร้ายเราได้ แต่น้องน้อยจะใส่สีที่แม้แต่ยืนอยู่โรงเรียนยังมองเห็น มันแดงมาก เธอไม่รู้จะบอกน้องน้อยยังไงดี"เดี๋ยวแม่ไปดู

  • ภารกิจเปลี่ยนบุตรตัวร้ายให้เป็นสุดที่รัก   ตอนพิเศษ 2

    ตอนพิเศษ 2ตอนนี้เฟยหรงอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองซูโจว เนื่องจากอยู่ ๆ แม่เฒ่าซ่งก็เกิดอาการชักเกร็งเป็นลมหมดสติไป ทำให้ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาล อาการยังไม่แน่ชัดว่าเป็นยังไงบ้าง"เป็นยังไงบ้างพี่ใหญ่" เฟยหรงที่มาเจอกับพี่ชายคนโตก็ถามขึ้นทันทีที่เจอ"หมอยังไม่บอกอะไร พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ฟื้นแล้ว แต่ยังมีอาการเหม่อลอย พูดบ่นอะไรไม่รู้ตลอดเวลา บางทีก็ทำอะไรแปลก ๆ " "แล้วแม่รู้เรื่องไหม รู้ตัวไหมเวลาที่ทำ""รู้ตัวเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ไม่รู้ตัว เข้าไปพร้อมกันไหม หมอเพิ่งให้เข้าเยี่ยม" "ครับ"พอเข้าไปในห้องพักคนไข้ก็เห็นแม่ของเขาที่นั่งเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ช่วงก่อนพี่ใหญ่จะถูกปล่อยตัว แม่ต้องเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ คนเดียว ลูกหลานไม่มีใครเข้าหา เพราะทุกคนกลัวแม่หาเรื่องหรือหาปัญหามาให้ พี่น้องทุกคนแยกบ้านกันอยู่เพราะไม่อยากให้มีปัญหา แวะเวียนมาหาเยี่ยมแม่เป็นบางครั้ง จนพี่ใหญ่กลับมานี่แหละที่เข้ามาดูแลมาหาบ่อย ๆ ทั้งสองคนเลยเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"แม่หิวไหม ผมซื้อข้าวต้มกับขนมมาให้" ลูกชายคนโตเอ่ยถามแม่"หรือจะกินผลไม้ น้องสี่เอามาให้เยอะแยะเลย" เมื่อเขาเห็นแม่ยังนั่งเงียบ เขาเลยพูด

  • ภารกิจเปลี่ยนบุตรตัวร้ายให้เป็นสุดที่รัก   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1ตอนนี้รุ่ยฉีและทุกคนในครอบครัวกลับมาเที่ยวเมืองซูโจว ซึ่งได้กลับมาอยู่บ้านหลังเดิมในหมู่บ้านที่ตอนแรกตั้งใจจะขาย ติดประกาศขายไว้นาน แต่ก็ยังไม่มีคนมาติดต่อซื้อ อาจเพราะราคาที่เธอตั้งไว้มันค่อนข้างสูงเกินไป จึงทำให้ชาวบ้านไม่ซื้อกัน พวกเราเลยตัดสินใจเก็บบ้านไว้จ้างคนมาดูแลทำความสะอาดประจำ มีโอกาสก็กลับมาพัก และรุ่ยฉีรู้สึกว่าที่นี่ยังมีความทรงจำดี ๆ ถึงตอนแรกจะตัดสินใจขาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ใจหาย ยังดีที่ไม่มีคนมาซื้อ และตอนนี้รุ่ยฉีได้คลอดลูกสาวแล้ว แต่จะเป็นลูกสาวขี้อายไหม อันนี้ไม่อยากพูด..."หม่ำ หม่ำ" 'ซ่งอ้ายฉิง' ลูกสาวขี้อาย (มั้ง) ของเธอเอง หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'ฉิงฉิง'ตอนนี้อ้ายฉิงอายุ 9 เดือนแล้ว กำลังกินข้าวบดที่รุ่ยฉีแลกมาจากร้านค้าในระบบ กินเก่งเหมือนสมุนตัวน้อย ขี้โวยวาย แค่ป้อนไม่ทันใจก็ร้องหม่ำหม่ำแล้ว มือเร็วที่สุด ถ้าชามอยู่ใกล้เป็นต้องเอามืออ้วน ๆ ขาว ๆ นั่นมาคว้าทันที คิดว่าขี้อายไหมล่ะ... รุ่ยฉีอยากจะหัวเราะ ถึงยังไงพ่อกับพี่ก็ยังเรียกลูกสาวขี้อาย น้องสาวขี้อาย..."ใจเย็น ๆ นะครับลูก" เฟยหรงที่ทำหน้าที่ป้อนข้าวบดลูกสาวพยายามบอกให้ลูกสาวใจเย็น ๆ"แอ๊ ๆ

  • ภารกิจเปลี่ยนบุตรตัวร้ายให้เป็นสุดที่รัก   บทที่ 52 บทส่งท้าย เติบโตและก้าวไปด้วยกัน

    บทที่ 52 บทส่งท้ายเติบโตและก้าวไปด้วยกันรุ่ยฉีเจอเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะบางคนช่วยมาแล้วก็มาสร้างความเดือดร้อน มาสร้างปัญหาให้ภายหลัง ช่วงหลังมานี้ รุ่ยฉีแทบไม่ออกไปไหนและไม่ช่วยใคร นอกจากเด็กเร่ร่อนที่หนิงหลงช่วยมาจากการถูกลักพาตัวไปแล้วมาขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนของเธอ เรื่องนี้รุ่ยฉีปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอสงสารเด็กด้วย และอีกอย่างเรื่องช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนคือภารกิจใหม่และภารกิจหลักของเธอในตอนนี้ เผื่อเรื่องนี้จะอนุมัติ ระบบของเธอยื่นเรื่องไปถึงสองปีกว่า ๆ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ได้ช่วยเด็ก ๆ ตอนนี้เธอช่วยแค่เด็ก ๆ ส่วนคนโตนั้น เธอไม่อยากหาปัญหามาให้ตัวเองปวดหัวอีกแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว รุ่ยฉีแทบไม่ต้องทำอะไรมาก ลูก ๆ ของเธอโตขึ้นมาบ้างแล้ว และมีแนวโน้มจะไปในทางที่ดี หัวหน้าแก๊งของเรา 11 ขวบ โตขึ้น สูงขึ้น เข้มขึ้นแต่ยังพูดน้อยเหมือนเดิม ซิงอีกับเย่วเย่วอายุ 10 ขวบเริ่มสูงขึ้น ซิงอีมีแววสวยเฉี่ยวตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และในอนาคตดูท่าทางซิงอีจะเป็นสาวมั่นตัวแม่แน่ ๆ เย่วน้อยของเรานั้นเป็นสาวหวานทั้งหน้าตาท่าทางและการพ

  • ภารกิจเปลี่ยนบุตรตัวร้ายให้เป็นสุดที่รัก   บทที่ 51 ไม่ถอดใจ... ไม่หมดหวัง

    บทที่ 51 ไม่ถอดใจ... ไม่หมดหวังจากเหตุการณ์สะดุดอากาศล้มในวันนั้น ทำให้เจียวจูได้ทหารคนนั้นเป็นสามี ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้น ก็เพราะสองสาวที่ตะโกนลั่นโรงเรียนให้คุณครูไปช่วยลุงทหาร ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปทั่วโรงเรียนจนคนรีบตามมาช่วยและได้เห็นทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่ เมื่อมีคนมาเป็นสักขีพยานมากมาย เจียวจูเลยได้นายทหารคนนั้นเป็นสามี รุ่ยฉีไม่อยากจะคิดเลย ถ้ายอมให้เธอทำงานที่บ้านต่อจะเป็นยังไง ยังดีที่รีบบอกให้ไปช่วยงานที่อื่น ไม่อย่างนั้นคนที่โดนเจียวจูล้มทับอาจเป็นเฟยหรงก็ได้ ใครจะไปรู้ตอนนี้หลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว โรงเรียนก็มีครูใหญ่เป็นคนดูแลจัดการให้ ส่วนโรงพยาบาลก็เริ่มมีหมอ มีพยาบาลผู้ช่วย แต่ก็ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ รุ่ยฉีอย่างให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป"แม่ใหญ่คะ... วันนี้โรงเรียนหยุดเหรอคะ" เย่วน้อยที่นั่งกินบิสกิตจิ้มนมพูดขึ้น"ใช่ค่ะ" รุ่ยฉีตอบกลับเย่วน้อย"คุณครูบอกว่าใกล้วันกีฬาสี... ต้องขยันซ้อม" อาอีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นรุ่ยฉีก็นึกขึ้นมาได้ว่าโรงเรียนจะจัดกีฬาสี ถึงจะมีนักเรียนน้อยแต่ก็ทำกิจกรรมทุกอย่างเหมือนโรงเรีย

  • ภารกิจเปลี่ยนบุตรตัวร้ายให้เป็นสุดที่รัก   บทที่ 50 สะดุดอากาศ

    บทที่ 50 สะดุดอากาศตั้งแต่วันนั้นที่รุ่ยฉีเห็นบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะกับข้าว เธอก็คอยสังเกตดูตลอดว่ามันมีอะไรผิดปกติบ้างไหม เจียวจูยังทำงานที่บ้านเธอตามปกติ แต่ส่วนมากเหมือนเธอจะหลบหน้ารุ่ยฉี แต่รุ่ยฉีก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นแบบที่เธอสงสัยหรือเปล่า และอีกอย่าง ตอนนี้เฟยหรงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องออกไปประสานงานให้เธอในหลาย ๆ เรื่อง"เจียวจู ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ไปช่วยงานที่โรงเรียนได้เลย ฉันแจ้งครูใหญ่ให้แล้ว""ไม่ค่ะ... ฉันชอบทำที่นี่""แต่ฉันให้เธอไป! ถ้าไม่ทำก็ไปอยู่ที่อื่น" บอกดี ๆ ไม่ชอบ... ไปไม่ไป!"แต่คุณเฟยหรงชอบที่ฉันทำอาหารที่มีผักให้เด็ก ๆ กินนะคะ" เจียวจูไม่ยอมไปง่าย ๆ"เขาบอกตอนไหน! " รุ่ยฉีถามกลับกินผักมันก็ดีอันนี้รุ่ยฉีไม่เถียง แต่ใครก็ทำเมนูผักได้ไม่ใช่หรอ"บอกทุกวันค่ะ""คุณหลงครับ... คุณหลงอยู่ไหมครับ"รุ่ยฉียังไม่ทันได้พูดอะไรกับเจียวจู เพราะมีคนมาตะโกนเรียก น่าจะเป็นครูใหญ่เพราะเธอจำเสียงนี้ได้"เข้ามาก่อนค่ะ" พอเห็นว่าเป็นใคร รุ่ยฉีก็เชิญเข้าบ้านแล้วพาไปที่ห้องรับแขกเจียวจูพอเห็นว่าครูใหญ่มาก็เอาน้ำออกมาต้อนรับ พอเสร็จก็ออกจากห้องรับแขกทั

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status