วันนี้ป้าองุ่นขับโฟล์กสวาเก้นรุ่นปี ๑๙๖๗ หรือ 'รถเต่า' สีน้ำเงินของตัวเองมากินข้าวเที่ยงกับหลานสาวอีกเช่นเคย นอกจากจิ๊นหมูนึ่ง[1] ผักนึ่ง ตำบะหนุน[2] น้ำพริกข่า[3] กับข้าวนึ่ง(ข้าวเหนียว) สริดาก็ยังเตรียมมะยงชิดลอยแก้วใส่กล่องไว้ให้เรียบร้อยเพราะรู้ว่าป้าจะต้องไปเที่ยวหาป้าธิดาเพื่อนสนิท หญิงสาวจึงทำเผื่อไปฝากบ้านนั้นอีกกล่องใหญ่ ๆ
“เมื่อวานพี่ธีซื้อมาฝากเยอะแยะเลยค่ะ ส้มเลยแบ่งทำมะยงชิดโซดาให้คนงานกินแก้เหนื่อย แล้วก็แบ่งทำลอยแก้วให้ป้าหงุ่นกับป้าธิดาด้วย”
“ขอบใจนะส้ม นี่ป้าไม่ได้กินมานานแล้วนะนี่”
“มะยงชิดลอยแก้วทำง่ายค่ะป้าหงุ่น ถ้าวันไหนป้าอยากกินอีกบอกส้มก็ได้นะคะ แค่ปอกเปลือกคว้านเมล็ด แล้วก็ทำน้ำเชื่อม ตอนจะกินก็แค่ตักน้ำเชื่อมราด เติมน้ำแข็งอีกหน่อย เหมาะกับอากาศบ้านเราตอนนี้สุด ๆ”
คนเป็นหลานบอกพลางตักให้ป้าชิมหนึ่งถ้วยใหญ่ ๆ
“มะนาวไม่กินเหรอ”
สริดาถามน้องสาวอย่างแปลกใจเพราะปกติมนิษาจะต้องถามหาของหวานด้วยเสมอ แต่วันนี้เจ้าหล่อนส่ายหน้าดิก ตั้งปณิธานว่าจะไม่ยอมกินของฝากของธีทัตให้ป้าองุ่นเห็นเด็ดขาด
“พ่อธีนี่ก็น่ารักจริง ๆ เลยนะ ไปไหนมาไหนจะต้องมีของติดไม้ติดมือตลอด”
องุ่นไม่สนใจหลานสาวคนเล็ก แต่กลับเอ่ยถึงชายหนุ่มอีกคนอย่างปลื้มอกปลื้มใจ มนิษาเหลือกตามองบน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมยังตั้งป้อมใส่ผู้ชายคนนั้นไม่เลิกไม่รา
“แล้วนี่พี่เขามาหาทุกวันเลยหรือลูก”
“ไม่ทุกวันหรอกค่ะ อาทิตย์นึงจะมาสักที”
“ขืนมาทุกวันก็คงตลกแย่ งานการไม่มีให้ทำหรือไงก็ไม่รู้”
มนิษาแกล้งพูดกับตัวเองแต่ดังพอจะให้ป้าได้ยิน
“ยัยนาวเอ๊ย เมื่อไรจะมองพี่เขาในแง่ดีบ้างนะ ป้าน่ะเหนื่อยจะเถียงกับแกแล้วนะ”
“หนูก็ไม่ได้จะชวนป้าหงุ่นเถียงสักหน่อย แค่วิจารณ์ไปตามเนื้อผ้า คนที่มีเวลาเทียวหาเราเช้าเย็นถ้าไม่ใช่คนขี้เกียจสันหลังยาว ก็อาจเป็นพวกกินแรงคนอื่น โยนงานให้ลูกน้องทำหมด ตัวเองไม่ทำอะไรเลยนอกจากเที่ยวหลีสาวไปวัน ๆ”
“ปากดีจริง ๆ ยัยหลานคนนี้ เห็นพี่เขาไม่ถือสาก็พูดใหญ่ ระวังเถอะเกิดผิดใจกันขึ้นมามันจะไม่ดี”
มนิษาไม่ตอบ แต่สีหน้าบอกชัดว่าหาได้แคร์ไม่ สริดาลอบถอนหายใจ แม้จะเข้าใจความรู้สึกและเหตุผลของคนเป็นน้อง แต่เธอก็ไม่อยากให้น้องสาวล้ำเส้นมารยาทกับธีทัตมากจนเกินไป ก็อย่างที่ป้าองุ่นพูดนั่นล่ะ เกิดผิดใจกันขึ้นมาก็จะมองหน้ากันไม่ติดเสียเปล่า ๆ
* * *
“ฮัดเช้ย!”
ธีทัตที่กำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปสนามบิน จามเสียงดังจนคนเป็นแม่ตกใจ
“ตายแล้ว ไม่สบายหรือเปล่า อากาศบ้านเรายิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ พีเอ็มสองจุดห้าจุดหกอะไรเต็มไปหมด นี่ไปตรวจสุขภาพปอดครั้งสุดท้ายเมื่อไรหรือลูก”
“เดี๋ยวครับแม่ ผมแค่คันจมูกก็เลยจาม แม่พูดซะผมใจเสียเลยนะครับนั่น”
คนเป็นลูกขบขัน เชียงใหม่มีปัญหาฝุ่นควันหนักก็จริงแต่เขาและครอบครัวก็คร้านเกินกว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ได้แต่ใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติที่สุด เช่นบ้านที่เขาอยู่กับพ่อและแม่ก็ปลูกต้นไม้กรองฝุ่นและติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำที่ควบคุมให้เปิดปิดเป็นเวลา แม้ไม่ได้แก้ปัญหาแต่ก็พอจะหลอกตัวเองได้ว่าอากาศที่บ้านเป็นปกติ
“เดินทางปลอดภัยนะลูก”
คงเดชเดินออกมาส่งลูกชายด้วยเช่นกัน ธีทัตจะไปเมืองหลวงสองสามวัน คนเป็นพ่อเคยเสนอให้ลูกชายซื้อคอนโดฯ เก็บไว้ที่กรุงเทพฯ สักห้อง แต่ชายหนุ่มบอกว่าเขาชอบพักโรงแรมมากกว่า สะดวกสบายและไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องการดูแล ธิดาเห็นด้วยกับลูกชายเต็มที่ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่นางแอบกระซิบกับสามีก็คือ
‘แม่กลัวเจ้าธีมันจะแอบมีลูกมีเมียซุกไว้ที่กรุงเทพฯ ให้ลูกมันนอนโรงแรมนั่นแหละดีแล้วพ่อ จะได้ไม่ต้องมีอะไรเป็นตัวเป็นตน’ คงเดชได้แต่หัวเราะและบอกว่าภรรยาเพ้อเจ้อ
รถของธีทัตขับออกไปไม่กี่นาที รถเต่าสีน้ำเงินขององุ่นก็แล่นเข้ามาบ้าง ธิดาคอยท่าอยู่แล้ว
“นี่จ้ะ ส้มหวานทำมาให้ มะยงชิดลอยแก้ว”
องุ่นยื่นถุงใส่กล่องอาหารให้ธิดาเพื่อนรัก ธิดารีบสั่งให้แม่บ้านไปจัดใส่ถ้วยชามให้เรียบร้อยและให้ตามมาเสิร์ฟที่ห้องนั่งเล่น
“น่ารักจริง ๆ เลยนะหลานสาวเธอน่ะ”
“ลูกชายเธอก็น่ารักเหมือนกัน เพราะมะยงชิดพวกนี้นายธีเป็นคนซื้อไปฝากหลานฉัน”
“ต๊าย! จริงหรือนี่ หมอนี่ไม่บอกแม่สักคำ สงสัยจะอาย”
ธิดาพูดอย่างร่าเริง
“เดี๋ยวนี้ฉันไม่ต้องบอกให้ธีไปหาส้มหวานเลยนะ เขาไปของเขาเอง... สงสัยจะเริ่มใจอ่อนกันแล้ว”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ดีนะธิดา ฉันล่ะกลัวตัวเองจะอยู่ไม่ทันได้เห็นหลานแต่งงาน”
“ทำไมพูดอะไรแบบนี้บ่อยจัง แกจะรีบไปไหนหรือหงุ่น มีโรคประจำตัวหรือไง หรือเพิ่งตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงระยะสุดท้าย”
คงเดชเอ่ยถามซื่อ ๆ องุ่นถลึงตาใส่เพื่อนสนิทที่วิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล ธิดาตีแขนเขาดังเพียะ
“นั่นปากหรือคะคุณสามี องุ่นแกก็เหมือนกัน อายุแค่นี้จะรีบพูดเรื่องตงเรื่องตายไปทำไม ยังอยู่กันไปอีกครึ่งศตวรรษนั่นแหละ แล้วเรื่องหมั้นเรื่องแต่งก็ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่อยากเห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝา ฉันก็อยากเห็นธีได้แต่งงานกับส้มหวานเร็ว ๆ สักทีเหมือนกัน”
สองสาววัยเกษียณหัวเราะถูกใจที่คิดฝันตรงกัน คงเดชส่ายหน้า เป็นอย่างนี้กันมาตั้งแต่เด็กยันแก่ อีกคนว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เห็นดีเห็นงามไปหมดทุกอย่าง บางทีคงเดชยังแซวว่าธิดากับองุ่นเป็นพี่น้องฝาแฝดที่บังเอิญถูกแยกให้ไปเกิดผิดคนละท้อง
‘เจ้าธีเอ๊ย ถ้าแกหวงความโสดแกก็ต้องสู้เอาเองนะลูก พ่อคงช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ แกก็รู้ว่าพ่อเคยเถียงสองคนนี้ชนะเสียที่ไหน’
คนเป็นพ่อนึกในใจ ทั้งขันและปลงในเวลาเดียวกัน
[1] เนื้อสัตว์ที่นำมานึ่งจนเปื่อย นิยมรับประทานกับน้ำพริกข่าและข้าวเหนียว
[2] ต๋ำมะหนุน หรือ ตำขนุน อาหารพื้นบ้านของภาคเหนือที่ทำจากขนุนอ่อนต้มจนเปื่อย โขลกกับพริกแห้ง เกลือ พริกแห้ง ตะไคร้ ข่า กระเทียม หอมแดง
[3] น้ำพริกข่านิยมกินกับเนื้อควายนึ่ง ส่วนประกอบหลักคือพริกแห้ง ข่าแก่และเกลือเล็กน้อย บางสูตรใส่หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ แล้วแต่ความสะดวก
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้น
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท