องุ่นไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกับหลานสาวทั้งสอง บ้านหลังนั้นเคยเป็นของน้องชายกับน้องสะใภ้ ส่วนตัวหล่อนอยู่แยกออกมาอีกหลัง ห่างกันแค่ห้าร้อยเมตร เมื่อกินข้าวเที่ยงที่บ้านหลานสาวเสร็จ ธีทัตก็ขับรถมาส่งหล่อนที่บ้านก่อนชายหนุ่มจะลากลับ
แต่ก่อนจะลงจากรถ องุ่นยังหันไปพูดกับธีทัตอีกรอบ
“มะนาวมันเป็นพวกปากไม่มีหูรูด พูดจาไม่ค่อยเข้าหูคน ธีอย่าถือสาน้องเลยนะลูก ขนาดน้าเอง มันยังเถียงฉอด ๆ”
ธีทัตยิ้มขัน
“ผมเข้าใจครับน้าหงุ่น ถ้าผมมีพี่สาวหรือน้องสาว ผมก็คงจะหวงเขามากแบบที่มะนาวหวงส้มหวานเหมือนกัน”
“เฮ้อ... ขอบใจนะธีที่เข้าใจน้อง แต่น้าว่าอย่างมะนาวก็ออกจะเกินไป ถ้าใครมีทีท่าจะเข้ามาจีบพี่เขาล่ะก็ ก็แผลงฤทธิ์แผลงเดชใส่จนผู้ชายหนีเปิงกันไปหมด ไม่รู้ยังมีลูกค้าอยู่ได้ยังไง ทั้งร้านต้นไม้ทั้งร้านขนม”
องุ่นหมายถึงกิจการเล็ก ๆ ของหลานสาวทั้งสองคน สริดาเปิดครัวรับทำขนมไทยตามออเดอร์ขายทางออนไลน์ ส่วนหน้าบ้านก็เป็นร้านต้นไม้ที่มีมนิษาเป็นคนดูแล
“ผมคิดว่าที่มะนาวไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมอาจเพราะเรายังไม่รู้จักกันดีพอ เอาไว้ผมจะหาเวลาไปเที่ยวหาน้องทั้งสองคนให้มากขึ้นก็แล้วกันนะครับ ถ้าได้สนิทกันมากขึ้นแล้ว ก็อาจจะแยกเขี้ยวใส่ผมน้อยลง...โอ๊ะ! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเปรียบมะนาวกับแมว”
“แน่ใจเหรอว่าพูดถึงแมว”
คนเป็นป้าหัวเราะออกมา หล่อนรู้จักหนุ่มน้อยลูกชายเพื่อนสนิทดีพอจะไม่ถือสา แถมยังถูกใจเสียอีกเพราะที่ผ่านมาหนุ่ม ๆ ที่มาจีบหลานสาวคนโต ถ้าไม่กลัวมนิษาจนหงอก็จะบึ้งตึงใส่แล้วหายหน้าไปเลย
“ขอบใจมากนะลูก น้าเองก็เป็นห่วงอยากให้มีคนดี ๆ ดูแลหลานน้าเท่านั้นนั่นล่ะ ถ้าได้ธีมาดูแลน้าก็คงหมดห่วง...ขับรถกลับบ้านดี ๆ นะ บอกแม่เราด้วยว่าสัปดาห์หน้าอย่าลืมที่นัดกันไปปาร์ตี้รวมรุ่น”
“ได้ครับผม”
ธีทัตตอบอย่างยินดี แม่กับพ่อของเขาและน้าองุ่นเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา จึงไม่แปลกที่วันหนึ่งผู้สูงวัยจะอยากให้ลูกกับหลานได้เกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
สริดา-หลานสาวของน้าองุ่น-เป็นหญิงสาวที่น่ารัก เวลาอยู่ใกล้ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งพักผ่อนริมธารน้ำใสไหลเย็นสมชื่อของเธอ ตรงข้ามกับหลานสาวคนเล็ก รายนั้นชวนให้หวาดเสียวว่าน้ำใสจะกลายเป็นน้ำป่าซัดลงมาพร้อมโคลน
แต่ธีทัตกลับสนุกที่ได้ลุ้นว่าสาวน้อยคนนั้นจะซัดใส่เขาแบบไหน ยิ่งเธอแสดงท่าทางไม่ชอบหน้าเขาเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกอยากเสนอหน้าไปให้บ่อยมากขึ้นเท่านั้น แค่เห็นตากลม ๆ มองขวางกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดแต่ทำอะไรไม่ได้ ธีทัตก็รู้สึกบันเทิงเริงใจเสียเหลือเกิน
ช่วงบ่าย ธีทัตกลับเข้าสำนักงานพร้อมของว่างสำหรับพวกน้อง ๆ ในออฟฟิศที่มีทั้งธุรการ สถาปนิก วิศวกร ฝ่ายขาย แม่บ้านกับพี่คนสวนอีกสองคน แม่ของเขาเคยถามกึ่งแนะว่าถ้าเขาลดรายจ่ายด้วยการลดจำนวนพนักงานลงอีกสักหน่อย ก็จะมีรายรับรวมมากขึ้น
‘แม่ไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่ถ้าธีรวยขึ้น แม่ก็จะได้ขอขึ้นค่าเช่าบ้าน หลังนั้นน่ะแม่ปล่อยเช่าได้เดือนละเป็นแสนเลยนะ’
แม่ของเขาเคยพูด ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบ พ่อของเขาก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
‘ไหนแม่บอกว่ายังไงบ้านหลังนั้นก็ต้องยกให้เจ้าธีอยู่แล้ว แล้วจะยังไปเก็บค่าเช่าลูกอีกทำไมกัน’
‘มันจะได้มีวินัยในการใช้จ่ายไง’
ธิดาโต้กลับสามี คนเป็นลูกชายหัวเราะเพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้จริงจังอะไรกับเรื่องนี้
‘บริษัทธีเล็ก ๆ มีพนักงานไม่ถึงสิบคน ถ้าคนน้อยกว่านี้ธีคงเหงานะแม่ แล้วแม่ไม่สงสารเหรอถ้ามีใครสักคนถูกเลิกจ้างขึ้นมาจริง ๆ’
คนเป็นแม่สีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมา
‘แม่เข้าใจแล้วล่ะว่าธีขี้เหงา ชอบอยู่กับคนเยอะ ๆ’
‘แม่เข้าใจถูกแล้วล่ะครับ’ ชายหนุ่มยิ้ม
‘เฮ้อ แม่ก็อยากจะมีน้องให้แกนะ แต่ขอโทษจริง ๆ ที่พ่อแกเขามีน้ำยาแค่นี้’
คงเดชสะดุ้งที่จู่ ๆ ภรรยาก็วกมาโทษตัวเอง เขาถอดแว่นสายตาออก ทำท่าเหมือนเช็ดน้ำตาป้อย ๆ ความจริงคือทั้งคู่ก็มีลูกยากจริง ๆ ทั้งที่แต่งงานทันทีที่เรียนจบ แต่กว่าจะมีลูกคนแรกอย่างธีทัตได้ก็ต้องใช้ความพยายามและใช้เวลาเทียวไปหาหมออยู่หลายปีกว่าจะสมหวัง
เมื่อโตมาในฐานะลูกคนเดียว ความฝันประการหนึ่งของธีทัตจึงคือการมีครอบครัวขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง เพื่อนและพนักงานในบริษัทก็คือหนึ่งในครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน
“วันนี้ซื้ออะไรมาคะคุณธี”
พี่สนม แม่บ้านวัยสี่สิบกว่าถามพลางรับถุงหิ้วเต็มมือจากเจ้านายหนุ่มไปจัดใส่จาน
“ก็พวกผลไม้กับขนมไทยน่ะครับ พอดีไปกินข้าวบ้านน้องที่รู้จัก เขาทำขนมขายพอดีผมเลยอุดหนุนมา ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นชอบกินกันหรือเปล่า”
“คุณธีซื้ออะไรมา พวกน้อง ๆ กินเกลี้ยงหมดทั้งนั้นล่ะค่ะ วัยกำลังกินกำลังโต”
สนมพูดอย่างขบขัน เธอกับน้องชายที่ทำงานเป็นคนสวนที่นี่เลยได้อานิสงส์ไปด้วยเสมอ สนมกับสนิทมีพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่ บรรพบุรุษอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เชียงใหม่ยังไม่รวมเข้ากับสยาม บ้านที่อยู่อาศัยทุกวันนี้ห่างออกไปแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร พ่อแม่ของพวกเขาเคยทำงานกับตายายของธีทัต และตอนนี้เธอกับน้องชายก็มาทำงานกับเขาด้วยอย่างมีความสุขและสบายใจเพราะไม่ต้องไปไหนไกลจากบ้านแถมที่ทำงานก็ยังร่มรื่นไม่ต่างจากดูแลสวนในบ้านตัวเอง
ธีทัตกำลังจะกลับเข้าไปในตัวบ้านที่เป็นทั้งสำนักงานและที่อยู่อาศัย รถเก๋งเล็ก ๆ คันหนึ่งก็เลี้ยวผ่านประตูรั้วเข้ามาจอดพอดี ชายหนุ่มยิ้มกว้างเพราะจำได้ว่าเป็นรถของใคร เมื่อรถจอดสนิท สาวสวยร่างสูงผอมบางราวนางแบบคนหนึ่งก้าวลงมาจากที่นั่งคนขับ
ผู้หญิงที่สูงเกือบจะเท่าธีทัตคนนั้นแต่งหน้าสวยเฉี่ยวเหมือนหลุดออกมาจากคลิปสอนแต่งหน้า เธอคือผู้หญิงคนเดียวกับที่อยู่ในคลิปที่มนิษาเคยแอบถ่าย!
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้น
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท