“ไอ้แนต...อีแนต!”
ธีทัตร้องทักเสียงดังแต่หน้าตาร่าเริงผิดกับภาษาที่ใช้ ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่เขาเพิ่งเอ่ยชื่อมานี้ต้องสนิทสนมกันพอสมควร และก็จริงตามนั้น เพราะหญิงสาวร่างสูงชะลูดราวนางแบบวิกตอเรียซีเคร็ตไม่แสดงทีท่าโกรธขึ้ง แม้เธอจะเชิดหน้าขึ้นอย่างคนที่ทนงในความสวยก็ตามที“แนตตี้ค่ะ และไม่มีคำว่าไอ้อีนำหน้าด้วย ได้โปรดสุภาพกับสตรีด้วยนะคะไอ้คุณธี”
แนตตี้หรือชื่อในบัตรประชาชนว่านาตาชาสวนกลับเพื่อนรักทันควัน ธีทัตหัวเราะ เดินตรงไปหาให้ใกล้พอจะดึงแนตตี้ไปกอดและหอมแก้มซ้ายขวาอย่างมันเขี้ยว
"ว้าย กรี๊ด คนลามก อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวฉันนะ!" แนตตี้วี้ดว้ายอย่างรังเกียจ แต่สองมือกลับถือโอกาสลูบคลำกล้ามแน่น ๆ ของธีทัต ธีทัตก็ไม่หวงตัว ยังคงกอดรัดเธออย่างมันเขี้ยวจนแนตตี้ต้องเป็นฝ่ายร้องขอชีวิต“โอ๊ย อีธี จูบขนาดนี้มึงลากกูไปปล้ำเลยมั้ยคะ”
“ก็สวยจนอดใจไม่ไหวนี่ครับ แต่คุณนาตาชาพูดมึงพูดกูทีไร หมดสวยทุกทีนะคุณ”
“ค่ะ!”
แนตตี้มองค้อน ก็ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนถึงปีห้า ไม่เคยมีวันไหนที่ในคณะจะไม่พูดภาษาพ่อขุนรามฯ ใส่กัน
“แล้วนี่มาทำไมอีก บ้านช่องไม่คิดจะกลับหรือไง อยู่นานไปแล้วนะแกน่ะ”
“ไม่ได้มาหาคุณค่ะ มาหาน้องรหัสดิฉัน”
แนตตี้ตอบ เธอแต่งงานกับสามีชาวเยอรมันและตั้งรกรากที่นั่นมาหลายปี เพิ่งกลับมาหาตายายกับน้องสาวที่เชียงใหม่และอยู่ยาวมาได้สามสัปดาห์แล้วเพราะถือว่านาน ๆ จะได้กลับเมืองไทย
“พี่แนต!”
เสียงร้องดังออกมาจากตัวบ้านที่ทำเป็นโฮมออฟฟิศ ลูกหมีหรือรัศมีจันทร์ สาวน้อยวิศวกรโยธาวิ่งออกมาด้วยความดีใจพลางยกมือไหว้พี่รหัสคนสวย...คนที่ครั้งหนึ่งเคยมีเพศสภาพเป็นชายแท้หน้าอ่อนใสจนรุ่นน้องในคณะหลายคนแอบกรี๊ดกร๊าด
จนเมื่อรุ่นพี่คนนั้นได้ทุนไปเรียนต่อระยะสั้นที่ประเทศเยอรมนีแล้วได้พบรักกับแฟนหนุ่มต่างชาติ ก็ตกลงแต่งงาน ผ่าตัดเปลี่ยนตัวเองเป็นหญิงเต็มตัว และเปลี่ยนชื่อจากนัฐสิทธิ์เป็นนาตาชา หรือแนตตี้มาถึงทุกวันนี้
“ไงลูกสาว” แนตตี้กางเขนโอบไหล่รุ่นน้องคนสนิทที่ตอนนี้มาทำงานกับธีทัต
“เย็นนี้ว่างไหม จะชวนไปกินหมูกระทะ”
“ว่างค่ะว่าง”
“สามีขอไปด้วยสิ” ธีทัตทำเสียงออดอ้อน แนตตี้จิกตามองอย่างหมั่นไส้
“ต่อให้ฉันไม่ชวนแกก็เสนอหน้าไป ฉันรู้ดี”
“เมียจ๋ารู้ใจสามีที่สุด”
รัศมีจันทร์มองหน้ารุ่นพี่สองคนสลับกันไปมา ยิ้มพราว
“พี่ธีกับพี่แนตอย่างกับแฟนกันจริง ๆ”
“แล้วใครว่าไม่ใช่ล่ะ” ธีทัตยังหยอกไม่เลิกก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งมีใครบางคนเข้าใจผิดคิดว่านัฐสิทธิ์เป็นแฟนของเขาจริง ๆ เหมือนกัน
“เออลูกหมี เข้าไปข้างในก่อน พี่ขอยืมตัวแนตตี้แป๊บ มีอะไรจะคุยกับมันหน่อย”
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะพี่แนต”
รัศมีจันทร์บอกก่อนจะวิ่งปรู๊ดกลับเข้าไปด้านในอย่างว่องไวตามประสาคนไฮเปอร์
“มีอะไรจ๊ะ ว่ามา”
แนตตี้หันกลับมาหาเพื่อนรัก
“แกยังอยู่เมืองไทยอีกหลายวันใช่ไหม”
“อีกสองสัปดาห์เลย จองตั๋วกลับไว้แล้วกลางเดือนหน้า”
“ถ้าอย่างนั้นระหว่างนี้ถ้าพอมีเวลาว่าง ทำอะไรให้ฉันสักอย่างสิ”
“ทำอะไรคะ” หญิงสาวหรี่ตามอง “อย่าบอกนะว่าให้ทำ...”
“พอ ๆ หยุดความคิดลามกจกเปรตไว้เดี๋ยวนี้ นี่กูซีเรียส” ธีทัตรีบบอก อุตส่าห์พูดไพเราะก็ต้องหลุดพูดจาภาษาพ่อขุนอีกจนได้ แนตตี้หัวเราะอารมณ์ดี
“เออ ๆ ล้อเล่น จะให้ทำอะไรว่ามา จะบุกน้ำลุยโคลนหรือว่าอยากจะโอนสัญชาติเป็นเยอรมัน ว่ามาได้เลย”
ธีทัตหัวเราะ ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันในวันรับน้องของคณะจนกระทั่งถึงตอนนี้ นาตาชาหรือนัฐสิทธิ์คือหนึ่งคนที่ไม่เคยปฏิเสธคำไหว้วานร้องขอของเพื่อน ๆ ทั้งที่หมอนี่เรียกได้ว่ามาจากครอบครัวที่ฐานะยากจนข้นแค้นที่สุด แต่กลับมีน้ำใจกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร นัฐสิทธิ์เป็นคนเรียนเก่ง เป็นอัจฉริยะด้านวิชาคำนวณ หาเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นติวเตอร์ให้น้อง ๆ ชั้นมัธยมฯ ปลายที่อยากสอบเข้ามหาวิทยาลัย และก็ยังเป็นติวเตอร์ให้เพื่อนในคณะอีกด้วย
“ก็ไม่ได้มีอะไรยากเย็น แค่อยากขอให้แกกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง”
“เป็นนักเรียน?”
คิ้วเรียวสวยเลิกสูง ธีทัตพยักหน้ายิ้ม ๆ
"ใช่ อยากให้แกช่วยไปเป็นนักเรียนของคนรู้จักหน่อย เขาก็ไม่ได้เป็นครูมืออาชีพหรอกนะ แต่ทำขนมเก่ง ขนมไทยน่ะ อยากพาแกไปแนะนำให้รู้จัก""แล้วทำไมไม่พาไปเฉย ๆ ทำไมต้องให้ไปเรียนด้วย...แต่ เอ... ขนมไทยเหรอ ก็น่าสนนะ จะได้เอาไปทำให้เดวิดกินที่เยอรมัน รายนั้นชอบเหลือเกินอาหารไทยขนมไทย"
"นี่ไง พอดีเลย แกก็จะได้ไปเรียนทำขนม แค่วันเดียวก็น่าจะพอ เดี๋ยวฉันติดต่อให้เอง" แนตตี้ยักไหล่นิด ๆ อย่างคนไม่คิดมาก และไม่คิดจะซักถามให้มากความอีกว่าทำไมเธอต้องทำอะไรแบบนั้น เพราะธีทัตเป็นเพื่อนสนิทที่เธอเชื่อใจเป็นอย่างมาก ถ้าเพื่อนรักอยากให้ทำอะไรหรือให้ช่วยอะไร ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง คนอย่างแนตตี้ก็ทำให้ทันทีอย่างไม่มีข้อสงสัยเลยหญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้น
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท