แชร์

ตอนที่7. สะดุ้งเฮือก

ผู้เขียน: Bunmeebooks
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-02 16:48:29

“อ๊าซ์ !”

เฟิ่งอี๋สะดุ้งเฮือกเผยอปากร้องลั่น แอ่นสะโพกหยัด รู้สึกเหมือนร่างแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ  เมื่อถูกสองนิ้วแกร่งทะลวงเข้าจนสุดลำ กล้ามเนื้อส่วนในของนางขมิบตอดลำนิ้วเขาตุบ ๆ น้ำหวานแตกทะลักออกมาไม่ขาดสาย รู้สึกตัวเบาหวิวลอยละลิ่วขึ้นสู่สรวงสวรรค์ในคราแรก

ลี่จ้งรีบถอนลำนิ้วออก แล้วโน้มใบหน้าหล่อคมลงไปที่หว่างขานาง จากนั้นก็โฉบปากลงที่กลีบเนื้อฉ่ำวาววับเต็มไปด้วยน้ำหวาน เขาใช้ปลายลิ้นตวัดเลียน้ำหวานอย่างเอร็ดอร่อย

ส่วนลี่จู่นั้นก็ตวัดปลายลิ้นร้อนปัดป่ายยอดปทุมทองนางอย่างไม่ยอมแพ้ เขาออกแรงดูดดึงแรง ๆ จนแก้มตอบ  ส่วนมืออีกข้างก็เฟ้นฟอนหนั่นเนื้อนิ่มอวบอัดอีกข้างเพื่อปรนเปรอความสุขซ่านอย่างทัดเทียม

“อะ... อื้อ... ดีจัง... อ่า”

เฟิ่งอี๋เผยอปากครางผะแผ่ว ทั้งมือและปากของบุรุษทั้งสองทำให้นางรู้สึกเสียวซ่าน สุขสบายจนไม่นึกถึงสิ่งใดอีกแล้ว

เมื่อบุรุษทั้งสองดื่มด่ำกับน้ำหวานจนพอใจแล้ว พวกเขาก็หยัดตัวขึ้น แล้วรีบถอดอาภรณ์ออกอย่างว่องไว

เฟิ่งอี๋แลเห็นแท่งหยกของเขาแล้วรู้สึกว่าท้องน้อยของนางวูบโหว่ง ร้อนรุ่มไปหมดทั่วทั้งร่างอย่างกระสันซ่าน เพราะแท่งหยกของพวกเขานั้นทั้งลำใหญ่ ทั้งตั้งแข็ง ปลายหัวของมันมีสีแดงระเรื่อมีน้ำหวานสีขาวขุ่นไหลออกมานิด ๆ นางอดมิได้ที่จะเผลอแลบลิ้นเลียที่ริมฝีปากตน

ลี่จ้งเห็นใบหน้าหยาดเยิ้มยั่วยวนเช่นนั้นก็รีบคุกเข่าลงที่เดิม สองมือจับเรียวขาขาวของพระนางแยกออกจากกัน จากนั้นใช้มือหนึ่งจับแท่งหยกร้อนฉ่าของตนจ่อหัวของมันมุดเข้ากายนาง พร้อม ๆ กันนั้นเขาใช้อีกมือกดต้นขาอ่อนด้านในของนางให้แยกออกมากขึ้นเพื่อให้สามารถชำแรกแท่งหยกลงไปได้สุดลึก

“อืมมมม....”

บุรุษหนุ่มคำรามในอก ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน รับรู้ได้ถึงความคับแน่นของพระนางที่บีบรัดแท่งหยกเขาจนเจ็บร้าว เขาจึงค่อย ๆ บดกดเข้าไปในช่องอุ่นคับแคบนั้นอย่างช้า ๆ จนสุดลำ

“อ่า....”

เฟิ่งอี๋ครางออกมาผะแผ่วอย่างเสียวซ่าน และรู้สึกทรมานกระสันซ่านมากขึ้นเมื่อเขากดนิ้วโป้งลงที่เม็ดทับทิมด้านบนซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุดของนาง

“ละ... ลี่จ้ง... อื้ออ อ่า.....”

นางเริ่มครางชื่อเขาอีกครา เมื่อเขาเริ่มขยับเอวดันแท่งหยกเข้าออกกายนางอย่างเนิบนาบ บดเบียดแทงหยกร้อนฉ่าเพื่อให้นางคุ้นเคยกับความใหญ่โตของเขา ความเสียวซ่านแปลบปลาบวิ่งพล่านไปทั่วทั้งเรือนร่าง นางจึงแอ่นสะโพกหยัดรับแท่งหยกเขาอย่างซ่านกระสัน

เมื่อนางเริ่มส่ายสะโพกแอ่นรับกับจังหวะจ้วงแทงเข้าออก ลี่จ้งก็จับที่เอวของนางแล้วเพิ่มความหนักหน่วงในการจ้วงแทงมากขึ้น ถี่ขึ้นจนร่างสวยสั่นคลอน

“อะ ๆ อ่า ๆ”

นางครางสะอื้น เมื่อถูกเขากระทั้นกระแทกอย่างเกรี้ยวกราดมากขึ้น ร่างสวยบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน จนไม่อาจทนทานจึงแอ่นหลังโค้งขึ้น ฝ่ายชายจึงตวัดมือดึงนางขึ้นมากอดรัดไว้ในท่านั่ง แล้วขยับสะโพกดันแท่งหยกเข้าออกภายในกายนางถี่ ๆ

ลี่จู่เห็นดังนั้นก็มิอาจห้ามใจได้ไหวโถมกายลงเพื่อร่วมวงบรรเลงเพลงสวาทด้วยทันที เขาจับแท่งหยกแข็งแกร่งของตนแล้วให้ปลายของมันจ่อเข้าที่รูสวาทด้านหลังของนาง ซึ่งแฝดผู้พี่ที่อยู่ด้านหน้าคล้ายจะรู้ใจเขา ใช้ฝ่ามือช้อนสะโพกกลมกลึงของพระนางขึ้นให้อยู่ในท่าคุกเข่าซ้อนกันเพื่อเปิดทางให้เขาแท่งหยกเข้า

ซ๊วบ......

“อ๊าซ์ !”

เฟิ่งอี๋สะดุ้งเฮือก เมื่อลี่จู่เสือกแท่งหยกแข็งร้อนฉ่าแทงเข้ามาในกายนางด้านหลังจนมิดลำ และยังไม่ทันที่นางจะได้ตั้งตัวบุรุษหนุ่มทั้งสองต่างพร้อมใจกันอัดกระแทกแท่งหยกของตนเข้ามาเต็มแรงจนสุดลึกทั้งคู่

เมื่อนางถูกแทงทั้งข้างหน้า และข้างหลัง ฉับพลันรู้สึกเหมือนถูกอสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงที่หนังศีรษะแล้วระเบิดความเสียวซ่านออกมา นางจึงกรีดร้องลั่นห้อง

“อ๊ายยย..... อึก.. อือ... อ่า ๆ”

 จากนั้นนางก็ครางครวญกระเส่าราวคนจับไข้ เพราะลี่จู่กระแทกแท่งหยกเข้าใส่รูสวาทด้านหลังของนางรัว ๆ พร้อมกับโอบมือจากด้านหลังมานวดคลึงทรวงอกอวบ ๆ ของนาง

“อ๊ะ ๆ พวกเจ้า... รังแกข้าเกินไปแล้ว.... อ๊า ๆ”

เฟิ่งอี๋เอ่ยวาจาปนเสียงหอบกระเส่า นางถูกอัดอยู่ตรงกลางระหว่างบุรุษหนุ่มทั้งสอง ร่างกายร้อนผ่าว เสียวซ่านเจียนจะขาดใจตาย

“พระนางทรงตรัสเองว่า.... หากกระหม่อมปรนเปรอจนพระนางลืมสิ้นถึงเรื่องกังวลใจ จักได้รับรางวัลอย่างงาม... เช่นนี้ กระหม่อมจึงทุ่มชีวิตบำเรอให้พระนางอย่างสุดความสามารถ !”

สิ้นคำ ลี่จ้งก็กระแทกแท่งหยกเข้าเต็มแรงจนสุดลำให้สมกับคำที่เขาได้ลั่นวาจา ร่างของเฟิ่งอี๋แทบจะปริแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เขาบดควงแท่งหยกใหญ่ในกายนางวนเป็นวง  จากนั้นก็โน้มใบหน้าหล่อคมจุมพิตลงที่กลีบปากสวยเพื่อกลืนกินเสียงครวญครางแว่วหวานเอาไว้จนหมดสิ้น

“อึก... อือ....”

เฟิ่งอี๋ครางเล็ดลอดออกมา ในจังหวะที่ลี่จ้งแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากนาง ปลายลิ้นของเขาตวัดเกี่ยวรัดลิ้นของนางจนซ่านสยิว จากนั้นก็ถอนออกมาไล้ละเลียดชิมริมฝีปากด้านนอกของนางอย่างหยอกเย้า สุดท้ายก็วกกลับชำแรกปลายลิ้นเข้าปากนางเข้าไปใหม่ ทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนสติของนางไม่อาจคิดถึงเรื่องใดได้อีก นอกจากความทรมานสุขซ่านที่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย

ปากของนางถูกบุรุษผู้หนึ่งประกบแน่น ส่วนทรวงอกอวบก็ถูกฝ่ามือรวกร้อนของบุรุษอีกคนเคล้นคลึง

ร่างกายส่วนล่างถูกรุกล้ำทั้งหน้าและหลัง เร่งเร้าเพลิงสวาทให้ลุกแผดเผาเรือนกายนางจนลุกเป็นไฟ

ลี่จู่เมื่อเห็นพี่ชายของตนบำเรอพระนางเช่นนั้น จึงรีบเร่งกระทั้นกระแทกแก่นกายเต็มกําลังถาโถมเข้าใส่ด้านหลังนางจนเกิดเสียงดังตับ ๆ  โต๊ะทรงงานที่เต็มไปด้วยฎีกาสั่นสะเทือน จนฎีกาทั้งหลายร่วงลงพื้นกระจายเกลื่อนกลาด

“อ๊ะ ๆ  อื้อออ... ลี่จู่... ลี่จ้ง.... อะ  อ๊า ๆ อ่า ๆ”

 เฟิ่งอี๋ผละปากออกจากลี่จ้ง ร้องครวญครางกระเส่าอย่างไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน เพราะทุกคนต่างรู้ว่าห้องทรงงานนี้ หากไม่มีคำสั่งใครก็อย่าคิดเข้ามารบกวน

 ดวงตาของพระนางปรือลง ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือน ด้านหน้าถูกแท่งหยกใหญ่กระหน่ำลงอย่างไม่บันยะบันยัง ด้านหลังก็ถูกถาโถมสวนแทงกระแทกเข้ามาอย่างหนักหน่วงรับกันเป็นจังหวะ จนกลีบเนื้อนางเต้นตุบ น้ำหวานพรั่งพรูหยาดเยิ้ม

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่46. จบ

    “หม่อมฉันหนิงเฟยขออภัยที่เสียกิริยาแล้ว เนื่องจากหม่อมฉันอยากจะท่องบทกลอนถวายฝ่าบาทสักบทเพคะ”“เจ้า !.....”ใต้เท้าหมิงฉางกำลังจะอ้าปากตวาดนางอีกรอบ แต่เฉินเฉิง รีบยกมือขึ้นห้ามแล้วเอ่ยว่า“ว่ามาเถอะ”น้ำเสียงของเขาสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เขากลั้นใจรอฟังกลอนบทนั้นโดยไม่รู้ตัว“เจ้าคือสตรีเพียงหนึ่งเดียวในใจข้า ด้วยปัญญาล้ำเลิศเป็นหนึ่งในใต้หล้าในใจข้าเจ้าคือยอดบุปผาสง่างาม ทุกโมงยามเคียงคู่ครองบัลลังก์”เมื่อนางเอ่ยบทกลอนนี้จบลง เฉินเฉิงไม่ลังเลอีกต่อไปประกาศก้องให้ได้ยินทั่วกันทั้งท้องพระโรงว่า“จากนี้ไปหนิงเฟยเป็นฮองเฮาของเราแต่เพียงผู้เดียว”ทุกคนในท้องพระโรงต่างตะลึงอ้าปากค้างไปตามกัน ๆ ฮ่องเต้ที่ไม่แตะต้องสตรีมากกว่าสิบปี บัดนี้กลับประกาศแต่งตั้งดรุณีน้อยเป็นฮองเฮาทันทีที่พบหน้า และยังไม่ทันที่เหล่าขุนนางจะหายตกตะลึง ฮ่องเต้ก็รับสั่งว่า“ทุกคนออกไปให้หมด ข้าจะอยู่กับฮองเฮาของเราเพียงลำพัง”เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ออกไปจากท้องพระโรงด้วยความงวยงง แต่ก็มิได้มีผู้ทัดทานเพราะการที่ฮ่องเต้ยอมแตะต้องสตรีย่อมเป็นเรื่องดีแน่เมื่ออยู่กันเพียงลำพัง เฉินเฉิงรีบสาวเท้าเข้ามาหาสตรีเบื้องล่าง

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่45.เพียงเท่านี้

    ราชครูต้าเว่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากร่างไหลทะลักเปรอะเปื้อนแท่งทองคำบนพื้นเหล่านั้น แล้วเขาก็ล้มลงสิ้นใจตายจากนั้นเมื่อเห็นว่าทหารฝ่ายตรงข้ามถูกจับกุมเอาไว้หมดแล้ว ลี่จู่จึงนำกำลังทหารไปยังตำหนักของหลวนถงในลำดับต่อไป จนในที่สุดเขาก็ควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายภายในวังหลังเอาไว้ได้หลังเหตุการณ์ก่อกบฏสิ้นสุดลง แม่ทัพฉีเฮาและใต้เท้าจ้านได้อัญเชิญเฉินเฉิงฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ตามราชโองการของจักรพรรดินีเมื่อเฉินเฉิงฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยวัยเพียงสิบแปดพรรษา แล้วเขาก็ได้ทำตามคำขอของจักรพรรดินีทุกประการถึงแม้ว่าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬจะถูกเชิดชูให้เป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน ภายใต้การดูแลขององค์ฮ่องเต้โดยตรง แต่สองพี่น้องฝาแฝดลี่จ้ง และลี่จู่ก็ไม่คิดรับใช้ราชสำนักอีกต่อไปจึงขอพระราชทานราชานุญาตให้พวกตนออกจากตำแหน่งแม่ทัพ และรองแม่ทัพของหน่วยพยัคฆ์ทมิฬบุรุษทั้งสองในอาภรณ์สีเรียบนั่งบนอาชาพ่วงพีด้วยกิริยาองอาจ ม้าเหยาะย่างผ่านฝูงชนที่กำลังมุงดูป้ายประกาศของทางการ เรื่อง จักรพรรดินีฟางเหรินผู้ไร้คุณธรรมสังหารองค์หญิงฟางหรง ชาวบ้านต่างก่นด่าสาปแช่งจักรพรรดินีด้วย

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่44. รับปาก

    “เฟิ่งอี๋....ข้าจะพาเจ้ากลับวังหลวงไปรักษา... เจ้าอดทนสักหน่อยนะ.. เฟิ่งอี๋”เฉินเฉิงใช้แขนเสื้อซับเลือดให้นางอย่างกระวนกระวาย เลือดของนางออกมากเกินไปแล้ว เขาต้องพานางกลับวังไปรักษา จึงพยายามออกแรงเพื่ออุ้มนางให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล สุดท้ายก็ต้องจำยอมทรุดตัวลงนั่งกอดนางไว้แนบอกตามเดิมเพราะเสียงผะแผ่วของนางดังขึ้นว่า“ฝ่าบาท... ไม่มีประโยชน์เพคะ”เสียงขาดหายเป็นห้วง ๆ ของนางทำให้เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เพราะเกรงว่าหากเขาขยับเพียงน้อยนิด ลมหายใจของนางก็จะถูกสายลมช่วงชิงไป“หม่อมฉันขอให้ฝ่าบาทรับปากสามประการ.... ประการแรก ฝ่าบาทโปรดอภัยโทษให้แก่หลวนถงทุกคน ประการที่สองขอฝ่าบาทโปรดดูแลหน่วยพยัคฆ์ทมิฬแทนหม่อมฉันด้วย”ลี่จ้งได้ยินดังนั้น ก็สะอื้นไห้หนักขึ้น แม้จวบจนวินาทีสุดท้ายพระนางยังทรงรักและห่วงใยชีวิตข้ารับใช้อย่างพวกเขาหลังจากนี้หากพระนางไม่ขออภัยโทษ หลวนถงที่มีฐานะเป็นชายาบำเรอของจักรพรรดินีต้องถูกประหารให้ตายตกตามกันไป ส่วนหน่วยพยัคฆ์ทมิฬนั้นได้ขึ้นชื่อว่าปฏิบัติการโหดเหี้ยมอำมหิตมีศัตรูมากมาย หากพระนางสิ้นลงเหล่าขุนนางที่มีใจเจ็บแค้นต้องถวายฎีกาให้ลงทัณฑ์พวกเขาปางตายเป็น

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่43.โปรดวางใจ

    ใต้เท้าจ้านรับม้วนราชโองการสีทองไว้ด้วยมือสั่นระริก หัวของเขาถึงกับสรรหาถ้อยคำที่จะเอ่ยออกมาไม่ถูก การสนทนาของแม่ทัพทั้งสองเมื่อครู่ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่า แม่ทัพฉีเฮาเป็นสายลับขององค์จักรพรรดินีที่แฝงตัวอยู่ข้างกายองค์หญิงฟางหรง มิน่าเล่า แม้นว่าจะอยู่ไกลถึงพันลี้ แต่พระนางยังทรงล่วงรู้แผนการขององค์หญิงมาตลอดราวกับว่าเห็นได้ด้วยตาตนเอง“พระนางทรงรับสั่งเอาไว้ว่า... เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วให้ท่านเป็นผู้ประกาศราชโองการนี้”ลี่จ้งเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นใต้เท้าจ้านได้ยินดังนั้น พลันรู้สึกว่าม้วนราชโองการในมือหนักขึ้นมาเป็นร้อยเท่าพันทวี เหงื่อเม็ดใหญ่ถึงกับไหลย้อยลงที่ขมับ“ท่านโปรดวางใจเถิด ข้าจะทำตามนั้น”ใต้เท้าจ้านแบกรับหน้าที่สำคัญเอาไว้ด้วยใจ ในอกเขาคล้ายกับมีความตื้นตันลูกใหญ่ถาโถมขึ้นมาจนรู้สึกตีบตันที่ลำคอ เมื่อรู้ว่าจักรพรรดินีที่ใคร ๆ ต่างมองว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้คุณธรรม แต่ความจริงแล้วที่พระองค์ทรงทำทั้งหมดก็เพื่อปกป้องบัลลังก์มังกรเพื่อคืนให้แก่ฮ่องเต้“เหตุใดพระนางต้องกระทำการที่เลี่ยงแก่ชีวิตตนเองเช่นนี้ด้วย”แม่ทัพฉีเฮาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กลยุทธ์ในการศึกมีมากก

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่42.ท้าทาย

    คำถามที่เป็นเหมือนดังเช่นคำตัดพ้อของเฟิ่งอี๋ทำให้เฉินเฉิงชะงักไป ทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยมาล้วนตรงกับสิ่งที่เขาคิดทั้งสิ้น หากตอนนั้นนางบอกเขาตรง ๆ ว่าน้องสาวสายเลือดเดียวกันคิดจะฆ่าเขาเพื่อชิงบัลลังก์ เขาก็คงไม่เชื่อ และจะระแวงสงสัยนางเสียอีกว่ายั่วยุให้เขาสังหารพี่น้อง ดังนั้น นางจึงใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้เขาเห็นกับตาตนเององค์หญิงฟางหรงยิ้มเยาะออกมาแล้วเอ่ยยั่วอารมณ์เฟิ่งอี๋ว่า“ฮองเฮา... ท่านทรงรักฝ่าบาทยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่ฝ่าบาทเคยพระราชแพรขาวปลิดชีพท่านจนตายมาแล้ว นอกจากท่านจะไม่แค้นแล้วยังปกป้องเขา ช่างโง่งมจริง ๆ”“ฟางหรง ! เจ้าหยุดกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว”เฉินเฉิงตวาดออกมาด้วยความโมโหที่นางตั้งใจยั่วยุให้เขาและเฟิ่งอี๋ขัดแย้งกันอีก ทั้งยังกลัวว่านางจะไม่ให้อภัยเขา“หม่อมฉันก็ไม่ได้โง่พอให้องค์หญิงได้ครอบครองบัลลังก์มังกรได้อย่างสมใจนึกหรอกเพคะ”เฟิ่งอี๋เชิดหน้าตอบกลับอย่างท้าทาย“เจ้า !”ฟางหรงชี้นิ้วสั่นระริกไปใบหน้าหยิ่งผยองของสตรีอีกคน ขบฟันแน่นด้วยความโกรธเมื่อถูกยอกย้อนกลับในขณะที่สถานการณ์ตรงหน้ากำลังตึงเครียด สื่อหม่าก็ร้องโอดครวญขึ้นมาว่า “โอ๊ย... องค

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่41.ถูกพิษ

    เมื่อนางกินไก่ตุ๋นที่เฉินเฉิงนำมาให้จนหมดแล้วรู้สึกง่วง และอ่อนเพลียมากจึงเผลอหลับไป ครั้นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมายังรู้สึกว่าเหมื่อยล้าไปหมด เหงื่อผุดซึมตามตัวคล้ายกับว่าภายในร่างกายกำลังต่อต้านกับพิษ“ลี่จู่... ลี่จ้ง...”เฟิ่งอี๋ส่งเสียงเรียกขันทีข้างกายเสียงเบา ไม่นานนักผู้ภักดีทั้งสองก็ปรากฏกายขึ้นข้างแท่นบรรทม“พระนางทรงเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ สีหน้าไม่สู้ดีนัก”ลี่จู่รีบเข้าไปประคองนางลุกขึ้น ส่วนลี่จ้งนั้นรีบหาผ้าชุบน้ำมาซับใบหน้านางเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น“เราคิดว่า... เรากำลังถูกพิษ”“กระหม่อมจะไปสังหารฮ่องเต้เดี๋ยวนี้ !”ลี่จ้งขว้างผ้าในมือทิ้ง ผุดลุกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด คนที่อยู่กับพระนางตลอดช่วงเย็นนี้มีเพียงเฉินเฉิงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้น คนที่วางยาพิษพระนางจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา“ช้าก่อน”เฟิ่งอี๋รีบเอ่ยห้าม เพราะรู้ว่าลี่จ้งวรยุทธ์สูงมากแค่ไหน เพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถปลิดชีพบุรุษอ่อนแอย่างเฉินเฉิงได้แล้ว“ฝ่าบาททรงทำร้ายพระนางครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดพระนางยังทรงอาลัยอาวรณ์ฝ่าบาทอยู่อีกเล่า”ลี่จู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขามิได้ใจแข็งดั่งเช่นพี่ชายฝาแฝด เมื่อรู้สึกปวดใจแ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status