LOGINสองคนเดินเรียบหาดอย่างช้า ๆ แสงไฟจากที่พักด้านหลังส่องไกลพอให้เห็นรอยเท้าทั้งคู่พาดเคียงกันบนทราย
“คืนนี้มัน... เงียบจังเนอะ” เธอพูดขึ้น “เงียบพอดีที่จะได้ยินเสียงในหัวใจตัวเอง" เธอหันไปมองเขาเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มขืน ๆ “พูดแบบนี้... จะสารภาพอะไรเหรอ?” มาคินหยุดเดิน เธอเลยหยุดตาม และหันกลับมา ชายหนุ่มยืนอยู่กลางลมทะเล ผมเขาปลิวเล็กน้อย ใบหน้าเงยขึ้นนิดหน่อย แต่ดวงตาจับจ้องมาที่เธออย่างมั่นคง “ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจว่าเราสองคนที่ถูกบังคับให้เป็นคู่จิ้น จะมีอะไรจริง ๆ ไหม” “...” “แต่ยิ่งทำงานด้วยกัน ยิ่งได้เห็นเธอเวลาไม่ได้อยู่ต่อหน้าแฟนคลับ เวลาเธอยุ่งเหยิง... หรือแม้แต่เวลานั่งหลับในรถแล้วกรนเบา ๆ” ร้อยดาวเบิกตา “เฮ้ย!” “ฉันชอบเธอว่ะ ร้อยดาว” เขาพูดขึ้นต่อโดยไม่หลบตา เงียบจนน่ากลัวว่าคำสารภาพนี้จะลอยหายไปกับเสียงคลื่น แต่เธอกลับก้มหน้านิดเดียว แล้วเอ่ยเสียงเบา “รู้ตัวมานานแล้วแต่คิดว่านายไม่ได้จริงจัง” “ฉันไม่ใช่คนดีอะไรมากหรอกนะ ไม่ใช่คนโรแมนติก ไม่ใช่พระเอกนิยาย... แต่ทุกครั้งที่เธออยู่ใกล้ ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากคนที่เธอวางใจได้" เธอค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบเสียงเบา “งั้นก็อย่าหนีฉันนะ ต่อให้เราต้องกลับไปเป็นแค่คนที่ยืนบนเวทีเดียวกัน ฉันก็ยังอยากให้เธออยู่ข้างฉันแบบนี้” มาคินยิ้ม และพูดเสียงเบา ๆ อย่างระมัดระวัง “ก็ไม่เคยคิดจะไปไหนอยู่แล้ว ” เขายื่นมือออกมาเบา ๆ เธอวางมือลงไปบนมือเขาโดยไม่ลังเลและคืนนั้น ไม่มีสปอตไลต์ ไม่มีคนดู ไม่มีเสียงปรบมือ มีเพียงคลื่นทะเล ลม และหัวใจสองดวงที่เดินเคียงกันไปเรื่อย ๆ บนรอยทรายที่ไม่ต้องการคนจำ แต่จะไม่มีวันจางหายจากความรู้สึกของทั้งสอง แสงเช้าที่เปลี่ยนบางสิ่งไปตลอดกาล แสงแดดอ่อน ๆ สาดผ่านผ้าม่านสีขาวของรีสอร์ทริมทะเล เสียงนกนางนวลลอยมากับลมเค็มบางเบา ทะเลในยามเช้าดูเงียบสงบเหมือนทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่บางอย่างในใจใครบางคนเปลี่ยนไปแล้ว ร้อยดาวลืมตาตื่นช้า ๆ บนเตียงเดี่ยวของเธอ แสงเช้าเล็ดลอดเข้ามาเธอหรี่ตาเบา ๆ ก่อนยกยิ้มจาง ๆ กับภาพเมื่อคืนที่ยังวนเวียนในหัว เสียงคลื่นมือของมาคินคำพูดจริงใจ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูรูปเมื่อคืน ที่มีแฟนคลับส่งแท็กมาทางไอจีบ้างแล้ว บางรูปเบลอ ๆ แต่ก็พอเห็นว่าใครยืนข้างใครในมุมเงียบหลังเวที มาคินตอบสตอรี่หนึ่งของเธอไว้แค่คำว่า “:)” แต่แค่นั้น...ก็เหมือนโลกหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง อีกมุมของรีสอร์ท อ๊อฟกับมาคินที่แชร์ห้องกัน ต่างจัดกระเป๋าเตรียมตัวกลับ “เมื่อคืนหายเมารถเลยดิ ” อ๊อฟถามยิ้ม ๆ ขณะม้วนเสื้อยืดใส่กระเป๋า มาคินพยักหน้าเบา ๆ ขณะนั่งมองทะเลผ่านหน้าต่าง “อืม แต่ไม่ใช่เพราะอากาศหรอก” “เพราะพี่ร้อยดาว” ไม่มีคำตอบ มีแค่รอยยิ้มมุมปากของพี่ชายที่อ๊อฟไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก โต๊ะอาหารเช้ารวมตัวกันช้า ๆ อาหารเป็นบุฟเฟต์แบบง่าย ๆ มีทั้งข้าวต้ม ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง แต่ร้อยดาวนั่งเงียบกว่าเดิม มาคินนั่งข้าง ๆ เธอโดยอัตโนมัติ ไม่มีการแย่งเก้าอี้ ไม่มีการเกี่ยงที่นั่งไม่มีการถีบตลก ๆ แบบวันแรกแต่กลับเต็มไปด้วยสายตาที่อ่อนโยนกว่าครั้งไหน ๆ “เมื่อคืนอากาศดีเนอะ” มาคินเอ่ยเบา ๆ ตอนที่ร้อยดาวตักข้าวต้มเข้าปาก “อืม นอนได้เต็มตากว่าทุกคืน" อาร์ตนั่งอยู่อีกด้าน เขาแอบเงยหน้ามองทั้งคู่ผ่านขอบแก้วกาแฟ แล้วทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางแก้วลงแรงกว่าเดิมนิดหนึ่ง “แปลกดีนะ เมื่อวานหลังโชว์จบ แต่ละคนแยกกันเร็วยกเว้นบางคนที่หายไปเป็นคู่” เขาพูดขึ้นเหมือนลอย ๆ แต่ทุกคนที่โต๊ะหันไปมองมาคินกับร้อยดาว เธอแทบสำลักข้าวต้ม แต่มาคินกลับหันไปมองอาร์ตตรง ๆ แล้วตอบกลับนิ่ง ๆ “ก็เดินคุยกันธรรมดา ไม่ได้ฆ่าใครนี่” “แน่ใจเหรอว่าแค่คุย” อาร์ตเลิกคิ้ว ดวงตาจับจ้องนิ่ง ๆ มีบางอย่างในน้ำเสียงของเขาที่เปลี่ยนไปจากเดิมอ๊อฟมองพี่ชาย แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “พี่อาร์ต จะกลับไฟลต์กี่โมงนะครับ” “กลับพร้อมกันหมดนั่นแหละ” เขาตอบทันที “ไม่เห็นอยากกลับเลย” มาคินพึมพำเบา ๆ แต่ร้อยดาวได้ยิน เธอหันมาหาเขา แล้วเอ่ยเสียงเบาแบบแกล้ง ๆ “อย่าบอกนะว่าอยากอยู่ต่อ”เขายิ้มแล้วตอบกลับเสียงทุ้ม “ถ้าเธออยู่ฉันก็อยู่ได้อีกเป็นอาทิตย์เลย และแม้ว่าคอนเสิร์ตจะจบลงแล้ว แม้ทริปออนทัวร์จะเดินทางมาถึงวันสุดท้าย แต่บางความรู้สึก เพิ่งเริ่มออกเดินทางและคนบางคนเพิ่งรู้ตัวว่า เสียงหัวใจในค่ำคืนที่ไม่มีไมค์ ไม่มีแฟนคลับ ดังกว่าทุกเพลงที่เคยร้องมาในชีวิต หลังมื้อเช้า ทีมงานทยอยเก็บของเพื่อเตรียมเช็กเอาต์ออกจากรีสอร์ท รถตู้ที่จอดรออยู่หน้าล็อบบี้ทำให้บรรยากาศของการแยกย้ายเริ่มเข้ามาใกล้ แต่บางคนกลับยังไม่ได้แยกจากความรู้สึกบางอย่างในใจ อาร์ตยืนพิงเสาไม้หน้าล็อบบี้ มือถือกาแฟเย็นที่ดูเหมือนจะละลายจนจืดไปนานแล้ว สายตาของเขาไม่ได้มองวิวทะเล ไม่ได้มองกระเป๋าเดินทาง แต่จับจ้องไปยังมาคินกับร้อยดาว ที่นั่งบนบันไดขั้นล่างสุดของล็อบบี้ สองคนนั้นหัวเราะกันเบา ๆ ขณะดูภาพในมือถือ ไม่มีการแสดง ไม่มีคนดู แต่สายตาของพวกเขากลับมีเพียงกันและกัน อาร์ตขบริมฝีปากล่างเล็กน้อย ก่อนหันหน้าหนีทันทีที่มาคินหันมาสบตาเขา “พี่อาร์ตจะนั่งหน้ารถหรือข้างหลังครับ?” เสียงอ๊อฟถามอย่างสุภาพ “หลังสุด” อาร์ตตอบทันควัน แม้ทุกคนรู้ว่าเขาไม่ชอบที่นั่งท้าย อ๊อฟเลิกคิ้วนิด ๆ แต่ไม่ถามต่อ บนรถตู้ เสียงพูดคุยเบา ๆ ดังกระจายเป็นหย่อม ๆ มาคินกับร้อยดาวนั่งฝั่งเดียวกันอีกแล้ว และครั้งนี้ไม่มีใครแย้ง นอกจากสายตาของอาร์ตที่มองจากแถวหลังสุดผ่านกระจกด้านข้าง เขานั่งเงียบ โทรศัพท์เปิดค้างที่แอพโน้ตเพลง แต่ไม่มีสักคำถูกพิมพ์ ในหัวเขากลับวนเวียนกับภาพของร้อยดาวที่เคยเดินตามเขาไปปรับซาวด์วันแรกภาพของเสียงหัวเราะบนโต๊ะอาหารที่เคยมีเขานั่งกลางภาพของรอยยิ้ม ที่วันนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำให้เกิดอีกต่อไป “พี่อาร์ตเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ก็อปเปอร์กระซิบถามเบา ๆ “เปล่า” เขาตอบเสียงนิ่ง “พี่ดูเงียบ ๆ ไป” “ถ้าจะให้หัวเราะแบบคนกำลังอินเลิฟ ฉันคงทำไม่ได้อะดิ” อาร์ตตอบกลับเสียงแผ่ว แต่เฉียบคมพอให้คนข้าง ๆ อึ้ง ขณะมาคินกับร้อยดาวหัวเราะกับภาพในมือถือ ที่เบาะหลังสุดชายหนุ่มอีกคนหลับตาลงช้า เสียงเพลงในหูฟังดังคลอขึ้นในใจ “ที่เธอเห็นฉันเงียบไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึก” “แค่ไม่รู้จะรู้สึกในฐานะอะไรแล้ว" และนั่นเป็นครั้งแรกในทริปนี้ ที่อาร์ตอยากให้ใครสักคนถามเขาบ้างว่า "สบายดีไหม" เพราะคำตอบนั้น อาจไม่มีใครอยากได้ยินจริง ๆร้อยดาวยังลูบหัวเจ้ามะยมกับเจ้าก้อนทองที่กระโดดไปกระโดดมาบนเบาะหลังอยู่ไม่หยุด มาคินยื่นมือมาเปิดประตูรถฝั่งเธอ ลมหนาวตีเข้ามาทันทีจนเธอต้องห่อตัว ดึงผ้าพันคอคลุมแน่น“หนาว” เสียงเธอสั่น ๆ พอให้มาคินขำในลำคอมือหนายื่นมาโอบไหล่เธอไว้ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเล็ก ๆ ของเธอสะพายเองแล้วพาก้าวลงจากรถทันทีที่เท้าเหยียบพื้นดินบนลานจอดบ้านพัก เสียงกรวดกรอบ ๆ ใต้รองเท้าฟังดูสงบกว่าทุกวัน เจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมกระโดดลงมาก่อน วิ่งดมดิน ดมต้นหญ้า หมอกบาง ๆ ลอยผ่านขนหมาจนเปียกเป็นหย่อม ๆบ้านพักไม้สองชั้นทรงเรียบ แต่มีระเบียงกว้างทอดออกไปด้านหลัง มองเห็นเนินเขาลูกแล้วลูกเล่า ปลายไม้ระเบียงมีละอองน้ำเกาะพราวเป็นหยด ยามแสงแดดอ่อน ๆ ของเช้าเริ่มส่องลอดกลุ่มหมอก ก็ดูเหมือนเกล็ดเพชรระยิบระยับ“สวยจนเหมือนฝันเลยนะ” ร้อยดาวพึมพำออกมาเบา ๆ เธอเกาะแขนเขาแน่น มาคินหันมามอง ยิ้มบางอย่างใจดี“ไม่ใช่ฝันหรอก วันนี้ของจริงแล้ว” เขาดันประตูบ้านพักออกไปเบา ๆ กลิ่นไม้สนหอมอ่อน ๆ ลอยออกมาต้อนรับภายในบ้านมีเตาผิงเล็ก ๆ มุมหนึ่ง แต่สองคนไม่สนใจอะไรในบ้านเลย เพราะข้างนอกนั่นกำลังเรียกพวกเขาออกไปหามาคินวางกระเป๋า แล้วจับมือ
ไฟห้องนั่งเล่นเปิดสลัว ๆ มีเพียงเสียงหมาน้อยสองตัวที่วิ่งไล่กันอยู่บนพื้นไม้ เสียงกรงเล็บเล็กกระทบพื้นดังกิ๊ก ๆ สลับกับเสียงเห่าเถียงของเจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมมาคินนั่งพิงโซฟา ยื่นขาถอดรองเท้าออกวางบนพรม ร้อยดาวเพิ่งเดินออกจากครัวพร้อมถ้วยโกโก้อุ่นในมือสองใบ กลิ่นนมสดกับผงโกโก้แท้ลอยคลุ้งไปทั่วบ้าน เธอวางแก้วใบหนึ่งลงตรงหน้ามาคิน แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มืออุ่นของเธอเลื่อนมาลูบหัวเจ้าก้อนทองที่กระโดดขึ้นมาตักคืนนี้ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ ไม่มีเสียงแฟนคลับกรี๊ด ไม่มีไฟเวทีพร่างตา มีเพียงลมหายใจของสองคน ที่กำลังจะออกเดินทางไปหาหมอกขาวบนดอยในวันรุ่งเช้า เสียงหรีดหริ่งเรไรข้างบ้านดังลอดหน้าต่าง ครู่หนึ่งร้อยดาวหันมามองคนข้างกาย“นี่ คิดดีแล้วใช่มั้ย จะพาฉันกับหมาสองตัวไปหนาวบนดอยด้วยเนี่ย" มาคินอมยิ้ม หันมาจับแก้มเธอเบา ๆ ปลายนิ้วเย็นนิดหน่อเพราะเพิ่งแตะแก้วโกโก้“คิดดีแล้วครับคุณแฟน เพราะไม่มีเธอ ฉันก็หนาวแย่สิ”ร้อยดาวตีแขนเขาเบา ๆ แต่ก็ยอมเอนหัวซบไหล่เหมือนเด็กขี้อ แสงไฟสีอุ่นในห้องนั่งเล่นตกกระทบเสี้ยวหน้าเธอ ดวงตาเป็นประกายระยิบเหมือนเด็กที่กำลังเฝ้ารออะไรสักอย่างด้วยใจเต้นแรงเจ้ามะยมกร
AFTER PARTY ก้าวต่อไปหลังไฟสปอร์ตไลท์ดับค่ำคืนนั้นหลังเวทีใหญ่ปิดฉาก เสียงปรบมือยังแว่วอยู่ในหัว ร้อยดาวกับมาคินเพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดสบาย ๆ เดินออกจากห้องแต่งตัวด้วยใบหน้ายังแดงระเรื่อจากไฟบนเวทีในห้องพักหลังคอนเสิร์ต ทีมงานทุกคนรออยู่แล้ว โปเต้เดินถือขนมกล่องใหญ่กับเครื่องดื่มในมือ สงครามยืนพิงกำแพงรอ ส่วนอ๊อฟกับก็อปเปอร์นั่งกอดหมอนบนโซฟายาว สภาพทุกคนดูอ่อนล้าแต่ตากลับเปล่งประกายเหมือนเพิ่งได้รับพลังใหม่บนโต๊ะกลางมีเค้กเล็ก ๆ ปักเทียน “1 Year Anniversary” ที่โปเต้สั่งให้ บรรยากาศไม่มีเสียงกรี๊ด ไม่มีใครถือแท่งไฟ มีแต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนที่เป็นเหมือนครอบครัวจริง ๆ โปเต้วางกล่องขนมลงโต๊ะ“เอ้า นี่ของขวัญวันครบรอบหนึ่งปีของเด็กคู่นี้… พี่สั่งมากับมือ ไม่ได้ให้เอฟซีนะ พี่ให้เอง” โปเ้เองพอใจในน้อง ๆ สังกัดตนเองทุกคน“ขอบคุณพี่โปเต้มากครับ พี่นี่แหละคนดันเรามาตลอด”“เฮีย ถ้าไม่มีเฮีย หนูคงไม่มีวันนี้จริง ๆ ค่ะ” ร้อยดาวขอบคุณสงคราม“ถ้าเธอสองคนไม่อดทน ก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน จำเอาไว้ ทุกเทคที่ซ้อมกันยันเช้า ไม่เสียเปล่าเลย” สงครามพยักหน้านิ่งก็อปเปอร์ลุกมาดึงทั้งคู่มานั่งรวมวงบนพื
เสียงกรี๊ดต้อนรับดังลั่นจนเกือบกลบเสียงพิธีกรบนเวทีในฮอลล์คอนเสิร์ตใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยไฟเวทีสีทองนวล พร็อพดอกไม้หลากสีและแบนเนอร์คู่จิ้น ร้อยดาว × มาคินทุกเก้าอี้ถูกจับจองแน่นขนัด แท่งไฟนับพันกวาดแสงไปมาเป็นคลื่นเหมือนท้องทะเลเรืองแสงเสียงเพลงอินโทรเปิดตัวเริ่มขึ้นพร้อมแสงไฟไล่ไปตามแนวเวที เมื่อเงาสองคนก้าวออกมาจากด้านหลัง ม่านไฟพุ่งขึ้นต้อนรับ เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นราวกับฮอลล์จะสั่นสะเทือนร้อยดาวยืนข้างมาคิน มือเล็กกำไมค์ไว้แน่นเพราะหัวใจเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แววตาของเธอวาววับ มองแฟนเพลงกว่าพันชีวิตที่โบกแท่งไฟรออยู่"สวัสดีครับ โอ้โห ผมคิดว่าจะไม่มีคนมาดูพวกเราสองคนเสียอีกครับ" เสียงมาคินทักทายเรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นลั่นฮอลล์“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่วันนี้ทุกคนมาชาร์จพลังให้พวกเราจริง ๆ ”เสียงเธอสั่นหน่อย ๆ ก่อนจะหัวเราะเบาเมื่อมาคินโอบไหล่ให้กำลังใจข้าง ไฟสปอร์ตไลท์สาดลงบนสองคนที่ยืนเคียงกันเหมือนคู่พระนางในนิทานช่วงกลางคอนเสิร์ต หลังจากเพลงซึ้งจบไปสามสี่เพลงพิธีกรเซอร์ไพรส์ด้วยการเชิญ “แขกรับเชิญพิเศษ” ของสองคนขึ้นมาบนเวทีเสียงกรี๊ดรอบใหม่ดังขึ้นทันที เมื่อเห็นพ่อกับแม่
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ







