LOGINภายในห้องประชุมใหญ่ของค่ายเพลง บรรยากาศเคร่งเครียดแต่เต็มไปด้วยความคาดหวังของทุกคน เฮียสงคราม เจ้าของค่ายผู้ทรงอิทธิพล นั่งหัวโต๊ะด้วยท่าทีสงบสุขุม ข้างเขาคือ "พี่โปเต้" โปรดิวเซอร์รุ่นพี่ที่ดูแลศิลปินรุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด
รอบโต๊ะเต็มไปด้วยศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงในค่าย มาคิน, ร้อยดาว, อ๊อฟ, ก็อปเปอร์ และทีมงานเบื้องหลังอีกหลายชีวิต ทั้งหมดกำลังฟังโปเต้พูดถึงโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว “พวกเราเติบโตเร็วมากในปีนี้ งานครั้งนี้จะเป็นการรวมพลังของทุกคนในค่าย โดยเราจะแบ่งเป็นโปรเจกต์ซีรีส์เอ็มวีสามตอน” โปเต้เปิดสไลด์โปรเจกต์ขึ้นบนหน้าจอ พาสแรกความรัก ความฝัน ความจริง นำโดยมาคินและร้อยดาว พาสสอง ดนตรีในกลิ่นอายคนสู้งานของอ๊อฟกบก็อปเปอร์ สองคนนี้เอฟซีกำลังจับตา และเริ่มมีฐานแฟนคลับ พาสสุดท้ายมิตรภาพตอนจบของโปรเจกต์รวบรวมทุกศิลปิน แทนคำขอบคุณจากทีมขงผม ระหว่างที่ทุกคนกำลังตั้งใจฟัง เสียงประตูห้องประชุมถูกเปิดออก พร้อมการปรากฏตัวของ "ยิปซี" สาวแซ่บสไตล์แรงที่ทุกคนรู้จักดี เธอเป็นหนึ่งในดาราเรื่องมาก ที่มีชื่อเสียงในอดีต แต่ช่วงหลังเงียบไปไม่มีงาน เธอเลยเลือกที่จะเกาะเฮียคราม ทั้ง ๆ ที่แกเป็น “ขอโทษค่ะที่มาช้า หนูเห็นว่าเฮียมีประชุมเลยขอมาฟังด้วยนิดนึงนะคะ” ยิปซีเดินไปนั่งลงข้าง ๆ เฮียสงคราม ก่อนจะปรายตามองมาทางร้อยดาวที่นั่งเงียบ ๆ โปเต้ชะงักนิดหน่อย “คือวันนี้เราจะพูดเรื่องงานที่วางไว้เฉพาะศิลปินที่อยู่ในโปรเจกต์นะเฮีย มันก็ไม่ควรที่จะมีคนนอก ” ยิปซีไม่สนใจ เธอยิ้มพร้อมอ้อนเฮียสงครามเสียงหวาน “เฮียขาหนูอยากมีบทในเอ็มวีด้วยได้มั้ยคะ ขอเล่นกับมาคินก็ได้ หนูอยากลองอะไรใหม่ ๆ ด้วย แถมจะสิ้นเดือนแล้ว ไม่มีงานเลยค่ะ” โปเต้มองหน้าเฮียสงครามอย่างอึดอัด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้เกิดปัญหาในโปรเจกต์ โดยเฉพาะกับร้อยดาวที่ดูไม่สบอารมณ์ทันที “เอ่อ เรื่องนี้อาจทำให้โปรเจกต์เสียบาลานซ์นะครับเฮีย ผมเกรงจะมีปัญหากับตัวบท” แต่เฮียสงครามพยักหน้าเบา ๆ ตามความต้องการของยิปซี “ให้เธอเล่น” โปเต้ถอนหายใจ ก่อนจะพูดเสียงเบาแต่ชัดเจน “งั้น จะหาแทรกเป็นตัวละครลับในตอนที่หนึ่งก็แล้วกันครับ” ยิปซียิ้มอย่างพอใจ หันไปมองร้อยดาวและส่งยิ้มหวานเจือเยาะ ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดอีกครั้ง อาร์ต เดินเข้ามาพร้อมกับ พี่อู๋ โปรดิวเซอร์อีกทีมที่ดูแลอาร์ตมาตลอด โปเต้มองพี่อู๋นิ่ง ๆ “มาเร็วเหมือนกันนะครับพี่” โปเต้ทักทาย “เฮียเรียก ไม่มาก็คงโดนมองว่าไม่มืออาชีพ” พี่อู๋ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา อาร์ตเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามมาคิน ไม่มีการทักทาย ไม่มีรอยยิ้ม เฮียสงครามพูดเสียงเรียบแต่กดดัน เข้ามาถึงพูดถึงงานตนเอง "ในเมื่ออยู่ครบแล้ว ก็จะประกาศให้ชัด ถ้างั้นโปรเจกต์นี้จะมีสองทีม สองโปรดิวเซอร์ดำเนินงานควบคู่กันได้ไหมโปเต้” "พี่เขาอยากทำกับผมหรอ อาร์ตอีก มาตราฐานสูงขนาดนั้น" “ทีมโปเต้ เริ่มก่อน เปิดซีรีส์ด้วยงานของมาคิน ร้อยดาว อ๊อฟและก็อปเปอร์แนวป๊อปสนุกสนาน” “ทีมอู๋ จะเริ่มหลังจากนั้นหนึ่งเดือน กับเพลงเดี่ยวของอาร์ต และงานภาพแนวดาร์ก” พี่อู๋พูดขึ้นทันที “ขออนุญาตแยกการทำงานจากฝั่งโปเต้ชัดเจนนะครับ เราจะคุมงานเองทั้งหมด” อาร์ตเสริมทันที “ผมอยากให้เพลงของผมชัดเจนในแนวของผม และไม่มีการแทรกศิลปินที่ไม่เกี่ยวข้องครับ” โปเต้พยักหน้าเบา ๆ ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ยิปซีทำหน้าเหวอเล็กน้อย เมื่อเห็นทีมของอาร์ตเดินเข้ามา เฮียสงครามหันไปพิจารณาเธอสักพัก “ถ้าอย่างนั้น ถ้าเธอยัวอยากได้งาน ให้ยิปซีไปอยู่ฝั่งคุณอู๋แทน เอ็มวีของอาร์ตน่าจะเหมาะกว่า” สงครามวางผใหม่ เพราะเขายังอยากขายคู่จิ้น โปเต้ยกมือขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะโล่งใจ พี่อู๋นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ตกลงครับ ถ้าเฮียตัดสินใจแบบนั้น” เฮียสงครามปิดประชุมด้วยคำพูดหนักแน่น "ใครทำให้ดีจะได้ไปต่อ ใครสร้างปัญหาจะรู้ตัวเองดี” ห้องประชุมเงียบลงทันที โปเต้หันไปหาทีมศิลปินของเขาอย่างมั่นใจ " อย่าสนใจคนอื่น ทำให้ดีที่สุดในแบบของเรา" มาคินมองร้อยดาว เธอเองก็พยักหน้าเบา ๆ อย่างเข้าใจ อาร์ตนั่งนิ่งสายตาคมกริบ ส่วนยิปซียิ้มกว้างอย่างได้ชัย ห้องประชุมว่างเปล่าอีกครั้ง หลังจากศิลปินและทีมงานทยอยกันเดินออกไปทีละคน บางคนจับกลุ่มคุยกันเบา ๆ บางคนหายไปเงียบ ๆ เหมือนไม่อยากให้ใครเห็นสีหน้า เหลือเพียงแค่ “ยิปซี” ที่ยังไม่ขยับออกไปจากเก้าอี้ของเธอ เธอค่อย ๆ หันหน้ามามองชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างเงียบ ๆ เฮียสงคราม เอนหลังบนเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ แขนพาดพนัก มือจับขมับเบา ๆ เหมือนคนที่ใช้พลังสมองไปมากกับการควบคุมสถานการณ์ทั้งห้อง เสียงส้นสูงค่อย ๆ เคาะพื้นเบา ๆ ยิปซีลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ “เฮียเหนื่อยมั้ยคะ” เสียงของเธอหวานกว่าตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น ลมหายใจอุ่น ๆ แผ่วเบาเมื่อเธอก้มลงกระซิบใกล้หู สงครามไม่ได้ขยับไปไหน แต่ก็ไม่ได้ขานรับ “เฮียไม่ออกไปไหนกับหนูเลยหนูเหงานะ รู้มั้ย” เธอนั่งลงขอบโต๊ะ ขาข้างหนึ่งไขว้ ท่าเอนเฉียงแนบชิด ไหล่เธอชนกับแขนของเขาโดยตั้งใจ “ช่วงนี้เฮียก็รู้ว่า หนูไม่มีงานเลย เงินเดือนรายเดือนก็เงียบ ไม่คิดถึงหนูบ้างเหรอคะ” ยิปซีพูดเสียงแผ่ว แกล้งก้มลงเปิดกระเป๋า ควานมือถือ แต่จงใจให้เสื้อยืดร่นลง เผยรอยสักแผ่วเบาตรงหัวไหล่ สงครามเลื่อนสายตาไปเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร “ถ้าเฮียไม่ช่วยหนูช่วงนี้แล้วจะให้หนูไปหาใครล่ะ" เธอเอื้อมมือไปวางบนมือของเขาเบา ๆ แล้วลูบขึ้นอย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วมีน้ำหนักแต่ไม่หยาบกระด้าง เป็นการออดอ้อนที่มีชั้นเชิง ฝึกฝนมาแล้วอย่างดี “เฮียก็รู้นี่ ว่าหนูมีแค่เฮีย" เธอกระซิบเสียงเบา ลมหายใจแทบจะแตะปลายคางของเขา เฮียสงครามถอนหายใจเบา ๆ ดึงมือกลับช้า ๆ “ช่วงนี้ฉันก็มีปัญหาเหมือนกัน ยิปซีอย่าเล่นแบบนี้ในที่ทำงาน” ยิปซีแกล้งทำหน้างอน ก้มหน้าลงนิดแล้วหันมาพูดเสียงสั่น ๆ “ถ้างั้นคืนนี้เฮียว่างมั้ยคะ หนูไม่อยากกลับห้องคนเดียว” มือเล็กของเธอเกาะปลายแขนเสื้อสูทของเขาแน่นอย่างรู้จังหวะ เฮียสงครามนิ่งไปครู่หนึ่ง... “ไว้ฉันว่างจะโทรหา ช่วงนี้ฉันดูงานศิลปินเยอะ ไมมีเวลามาสนใจเธอหรอก” น้ำเสียงเขาราบเรียบ แต่ดวงตานั้นปฏิเสธแบบไม่สนใจ ยิปซียังไม่ยอมขยับจากโต๊ะ เธอกระชับแขนเสื้อของเขาแน่นกว่าเดิม ดวงตาสั่นระริกเต็มไปด้วยแรงยึดติด “เฮียพูดจริงเหรอ จะไม่สนหนูแล้วเหรอ หนูไม่ใช่คนอื่นนะ หนูเป็นเมียเฮียเหมือนกัน” เสียงของเธอสั่นแต่แฝงความก้าวร้าว ดวงตาเต็มไปด้วยแรงปะทะที่เธอไม่เคยยอมเสียตำแหน่งให้ใคร เฮียสงครามชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมกริบมองเธออย่างคนที่ข่มไว้ไม่ให้ระเบิด “อย่าใช้คำว่าเมียกับฉันอีกยิปซี” เสียงต่ำ ๆ ของเขาหนักแน่นจนห้องทั้งห้องเหมือนเงียบลงทันที “สิ่งที่เคยให้มันแค่เศษเงินจากโต๊ะอาหารที่ฉันไม่ต้องการแล้ว” เขาหยิบเช็คจากในลิ้นชักโยนลงโต๊ะตรงหน้าเธอ โดยไม่สนว่าเธอจะอับอายหรือไม่ “อยากได้มากนักใช่ไหมเอาไปแต่จำไว้ ว่านี่คือค่าจบไม่ใช่ค่ารัก” ยิปซีชะงักไป ดวงตาเธอแดงวาบ ยกมือปัดเช็คออกจากโต๊ะด้วยความโกรธ “เฮียทำกับหนูแบบนี้ได้ยังไง คนอย่างหนูไม่ใช่ของเล่นนะ” “แล้วคิดว่าฉันเห็นเธอเป็นอะไรล่ะ” เขาตวาดกลับทันที น้ำเสียงเย็นชาจนเธอแทบทรุด “ฉันเตือนเธอหลายครั้งแล้วว่าอย่ายุ่งกับคนของฉันโดยเฉพาะเรื่องงาน” ยิปซีร้องเสียงสูงใกล้จะร้องไห้ “ก็หนูรักเฮีย” “ไม่ต้องพูดคำนี้อีก" เขาลุกขึ้นเต็มความสูง ร่างสูงใหญ่มากพอจะบดบังแสงจากโคมไฟ “ตั้งแต่วันนี้ถ้าเธอยังแสดงละครโง่ ๆ หรือสร้างปัญหาใส่คนในทีมโปเต้อีกฉันจะตัดชื่อเธอออกจากค่ายนี้ทันที” เสียงสุดท้ายนั้นหนักแน่น ราวกับคำพิพากษา “จำไว้ ยิปซีเธอไม่ได้เป็นเมียฉัน และไม่เคยมีวันไหนที่ฉันคิดว่าเธอเป็นได้เลย” ยิปซีถอยหลังเหมือนถูกตบหน้า ดวงตาเธอแดงจัด ปากสั่นด้วยความอับอายและเจ็บใจ “งั้นหนูจะทำให้เฮียรู้ ว่าเสียอะไรไปบ้าง” เธอพูดทิ้งท้ายฟังดูทั้งสั่นเครือและเต็มไปด้วยแผนร้ายเพราะเธอไม่คิดที่จะตกต่ำเพียงคนเดียว เฮียสงครามไม่สนใจแม้แต่นิด เขานั่งลงอย่างเยือกเย็น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายถึงโปเต้ทันที “โปเต้เตรียมทีมซ้อมให้มาคินกับร้อยดาว เริ่มพรุ่งนี้ไม่ต้องแคสต์ตัวประกอบใหม่ ใครไม่มีส่วนในงานไล่ไปให้หมดทุกคน ไม่ต้องไว้หน้า ฉันจะจัดการเอง” เสียงตัดสายไป ขณะที่ประตูห้องประชุมปิดลงอย่างแรง เสียงส้นสูงของยิปซีดังก้องในทางเดิน เหมือนลั่นประกาศสงครามเงียบ ๆ ที่กำลังจะตามมาร้อยดาวยังลูบหัวเจ้ามะยมกับเจ้าก้อนทองที่กระโดดไปกระโดดมาบนเบาะหลังอยู่ไม่หยุด มาคินยื่นมือมาเปิดประตูรถฝั่งเธอ ลมหนาวตีเข้ามาทันทีจนเธอต้องห่อตัว ดึงผ้าพันคอคลุมแน่น“หนาว” เสียงเธอสั่น ๆ พอให้มาคินขำในลำคอมือหนายื่นมาโอบไหล่เธอไว้ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเล็ก ๆ ของเธอสะพายเองแล้วพาก้าวลงจากรถทันทีที่เท้าเหยียบพื้นดินบนลานจอดบ้านพัก เสียงกรวดกรอบ ๆ ใต้รองเท้าฟังดูสงบกว่าทุกวัน เจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมกระโดดลงมาก่อน วิ่งดมดิน ดมต้นหญ้า หมอกบาง ๆ ลอยผ่านขนหมาจนเปียกเป็นหย่อม ๆบ้านพักไม้สองชั้นทรงเรียบ แต่มีระเบียงกว้างทอดออกไปด้านหลัง มองเห็นเนินเขาลูกแล้วลูกเล่า ปลายไม้ระเบียงมีละอองน้ำเกาะพราวเป็นหยด ยามแสงแดดอ่อน ๆ ของเช้าเริ่มส่องลอดกลุ่มหมอก ก็ดูเหมือนเกล็ดเพชรระยิบระยับ“สวยจนเหมือนฝันเลยนะ” ร้อยดาวพึมพำออกมาเบา ๆ เธอเกาะแขนเขาแน่น มาคินหันมามอง ยิ้มบางอย่างใจดี“ไม่ใช่ฝันหรอก วันนี้ของจริงแล้ว” เขาดันประตูบ้านพักออกไปเบา ๆ กลิ่นไม้สนหอมอ่อน ๆ ลอยออกมาต้อนรับภายในบ้านมีเตาผิงเล็ก ๆ มุมหนึ่ง แต่สองคนไม่สนใจอะไรในบ้านเลย เพราะข้างนอกนั่นกำลังเรียกพวกเขาออกไปหามาคินวางกระเป๋า แล้วจับมือ
ไฟห้องนั่งเล่นเปิดสลัว ๆ มีเพียงเสียงหมาน้อยสองตัวที่วิ่งไล่กันอยู่บนพื้นไม้ เสียงกรงเล็บเล็กกระทบพื้นดังกิ๊ก ๆ สลับกับเสียงเห่าเถียงของเจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมมาคินนั่งพิงโซฟา ยื่นขาถอดรองเท้าออกวางบนพรม ร้อยดาวเพิ่งเดินออกจากครัวพร้อมถ้วยโกโก้อุ่นในมือสองใบ กลิ่นนมสดกับผงโกโก้แท้ลอยคลุ้งไปทั่วบ้าน เธอวางแก้วใบหนึ่งลงตรงหน้ามาคิน แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มืออุ่นของเธอเลื่อนมาลูบหัวเจ้าก้อนทองที่กระโดดขึ้นมาตักคืนนี้ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ ไม่มีเสียงแฟนคลับกรี๊ด ไม่มีไฟเวทีพร่างตา มีเพียงลมหายใจของสองคน ที่กำลังจะออกเดินทางไปหาหมอกขาวบนดอยในวันรุ่งเช้า เสียงหรีดหริ่งเรไรข้างบ้านดังลอดหน้าต่าง ครู่หนึ่งร้อยดาวหันมามองคนข้างกาย“นี่ คิดดีแล้วใช่มั้ย จะพาฉันกับหมาสองตัวไปหนาวบนดอยด้วยเนี่ย" มาคินอมยิ้ม หันมาจับแก้มเธอเบา ๆ ปลายนิ้วเย็นนิดหน่อเพราะเพิ่งแตะแก้วโกโก้“คิดดีแล้วครับคุณแฟน เพราะไม่มีเธอ ฉันก็หนาวแย่สิ”ร้อยดาวตีแขนเขาเบา ๆ แต่ก็ยอมเอนหัวซบไหล่เหมือนเด็กขี้อ แสงไฟสีอุ่นในห้องนั่งเล่นตกกระทบเสี้ยวหน้าเธอ ดวงตาเป็นประกายระยิบเหมือนเด็กที่กำลังเฝ้ารออะไรสักอย่างด้วยใจเต้นแรงเจ้ามะยมกร
AFTER PARTY ก้าวต่อไปหลังไฟสปอร์ตไลท์ดับค่ำคืนนั้นหลังเวทีใหญ่ปิดฉาก เสียงปรบมือยังแว่วอยู่ในหัว ร้อยดาวกับมาคินเพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดสบาย ๆ เดินออกจากห้องแต่งตัวด้วยใบหน้ายังแดงระเรื่อจากไฟบนเวทีในห้องพักหลังคอนเสิร์ต ทีมงานทุกคนรออยู่แล้ว โปเต้เดินถือขนมกล่องใหญ่กับเครื่องดื่มในมือ สงครามยืนพิงกำแพงรอ ส่วนอ๊อฟกับก็อปเปอร์นั่งกอดหมอนบนโซฟายาว สภาพทุกคนดูอ่อนล้าแต่ตากลับเปล่งประกายเหมือนเพิ่งได้รับพลังใหม่บนโต๊ะกลางมีเค้กเล็ก ๆ ปักเทียน “1 Year Anniversary” ที่โปเต้สั่งให้ บรรยากาศไม่มีเสียงกรี๊ด ไม่มีใครถือแท่งไฟ มีแต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนที่เป็นเหมือนครอบครัวจริง ๆ โปเต้วางกล่องขนมลงโต๊ะ“เอ้า นี่ของขวัญวันครบรอบหนึ่งปีของเด็กคู่นี้… พี่สั่งมากับมือ ไม่ได้ให้เอฟซีนะ พี่ให้เอง” โปเ้เองพอใจในน้อง ๆ สังกัดตนเองทุกคน“ขอบคุณพี่โปเต้มากครับ พี่นี่แหละคนดันเรามาตลอด”“เฮีย ถ้าไม่มีเฮีย หนูคงไม่มีวันนี้จริง ๆ ค่ะ” ร้อยดาวขอบคุณสงคราม“ถ้าเธอสองคนไม่อดทน ก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน จำเอาไว้ ทุกเทคที่ซ้อมกันยันเช้า ไม่เสียเปล่าเลย” สงครามพยักหน้านิ่งก็อปเปอร์ลุกมาดึงทั้งคู่มานั่งรวมวงบนพื
เสียงกรี๊ดต้อนรับดังลั่นจนเกือบกลบเสียงพิธีกรบนเวทีในฮอลล์คอนเสิร์ตใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยไฟเวทีสีทองนวล พร็อพดอกไม้หลากสีและแบนเนอร์คู่จิ้น ร้อยดาว × มาคินทุกเก้าอี้ถูกจับจองแน่นขนัด แท่งไฟนับพันกวาดแสงไปมาเป็นคลื่นเหมือนท้องทะเลเรืองแสงเสียงเพลงอินโทรเปิดตัวเริ่มขึ้นพร้อมแสงไฟไล่ไปตามแนวเวที เมื่อเงาสองคนก้าวออกมาจากด้านหลัง ม่านไฟพุ่งขึ้นต้อนรับ เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นราวกับฮอลล์จะสั่นสะเทือนร้อยดาวยืนข้างมาคิน มือเล็กกำไมค์ไว้แน่นเพราะหัวใจเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แววตาของเธอวาววับ มองแฟนเพลงกว่าพันชีวิตที่โบกแท่งไฟรออยู่"สวัสดีครับ โอ้โห ผมคิดว่าจะไม่มีคนมาดูพวกเราสองคนเสียอีกครับ" เสียงมาคินทักทายเรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นลั่นฮอลล์“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่วันนี้ทุกคนมาชาร์จพลังให้พวกเราจริง ๆ ”เสียงเธอสั่นหน่อย ๆ ก่อนจะหัวเราะเบาเมื่อมาคินโอบไหล่ให้กำลังใจข้าง ไฟสปอร์ตไลท์สาดลงบนสองคนที่ยืนเคียงกันเหมือนคู่พระนางในนิทานช่วงกลางคอนเสิร์ต หลังจากเพลงซึ้งจบไปสามสี่เพลงพิธีกรเซอร์ไพรส์ด้วยการเชิญ “แขกรับเชิญพิเศษ” ของสองคนขึ้นมาบนเวทีเสียงกรี๊ดรอบใหม่ดังขึ้นทันที เมื่อเห็นพ่อกับแม่
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ







