เบื้องหลังเพลงที่ไม่มีชื่อเธอ
เสียงลมจากแอร์ตัวเก่าดังหึ่ง ๆ ในห้องซ้อมส่วนตัวที่ร้อยดาวใช้ฝึกทุกวัน คืนนี้เธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิมที่ใกล้เปียโนไฟฟ้ามากที่สุด มือบางยังคงถือโน้ตเพลงเก่าแผ่นเดิมไว้แน่น ปลายนิ้วที่เคยแต่งทำนองนั้นสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังรื้อความทรงจำที่เธอพยายามลืมมาตลอด
ร้อยดาวถอนหายใจ ลมหายใจร้อนวาบเพราะเพิ่งร้องเพลงใหม่กับมาคินจนคอแห้ง แต่สิ่งที่ติดอยู่ในหัวเธอกลับไม่ใช่เพลงใหม่ ไม่ใช่ท่อนฮุคหวาน ๆ ที่เขาเพิ่งชมว่าเพราะที่สุดตั้งแต่แต่งมา กลับเป็นประโยคท่อนหนึ่งในสมุดโน้ตแผ่นนี้ที่เธอแต่งมันด้วยลายมือสั่น ๆ ในวันที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบ
“ฉันยังจำเนื้อเพลงได้ทุกคำเลยมาคิน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ร้องมัน" เสียงเธอเบาราวกับกลัวว่าลมแอร์จะพัดมันหายไป
มาคินหันมามองแฟนสาวตรงหน้า เขานั่งพิงขอบเปียโน ปล่อยให้เสียงกีตาร์โปร่งที่เพิ่งวางไว้เงียบสนิท
แสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนในดวงตาเขาอย่างระมัดระวัง
เขารู้ดีว่าร้อยดาวรักทุกคำ ทุกท่อน ทุกเมโลดี้ในสมุดโน้ตนั้นมากแค่ไหน เขาเคยเห็นเธอลงแรง แก้คำ แก้คอร์ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยเห็นเธอพูดถึงมันด้วยแววตาเจ็บเท่านี้มาก่อน
“ทำไมล่ะดาว นั่นเพลงของเธอไม่ใช่เหรอ” เสียงมาคินไม่ได้ดัง แต่มันหนักแน่นพอจะสะกิดความรู้สึกเธอให้ไหลย้อนกลับไปวันแรกที่ทุกอย่างพัง
ร้อยดาววางสมุดโน๊ตลงบนตัก มือลูบขอบกระดาษที่มีรอยขาดตรงมุม ดวงตาเธอสั่นระริกเหมือนคลื่นเล็ก ๆ ที่ซัดซ้ำอยู่ข้างใน หยาดน้ำตาเม็ดจิ๋วเกาะขอบตาแต่ยังไม่ยอมร่วง
“ตอนนั้นฉันยังเด็กเกินไป ไม่มีใครสอนว่าลิขสิทธิ์มันสำคัญแค่ไหน” เสียงเธอสั่นเครือแต่พยายามกดมันไว้
ภาพวันนั้นย้อนกลับมาทีละเฟรม ห้องอัดเสียงเล็ก ๆ กลิ่นไมโครโฟนที่ยังใหม่ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใส่สูทหล่อเหลา เขายื่นเช็คเงินก้อนแรกในชีวิตให้เธอ
มันคือจำนวนเงินที่มากพอจะซื้อตู้เย็นใหม่ให้แม่ ซื้อชุดนักเรียนให้น้อง ซื้อทุกอย่างที่บ้านเธอไม่มีในตอนนั้น แต่สิ่งที่กันจ์เอาไปคือเพลงหนึ่ง เพลงที่เธอใช้หัวใจแลกมันมา
“ฉันขายเพลงให้กันจ์ด้วยเงินก้อนเดียว แล้วเขาก็เอาไปทำดนตรีใหม่ เปิดเวทีคอนเสิร์ต โกยรายได้ไปหมด” น้ำเสียงร้อยดาวเหมือนคนยอมรับความจริง แต่มาคินกลับไม่อาจยอมรับได้ง่าย ๆ
เขาขยับเข้ามาใกล้ มือหนายกขึ้นลูบผมเธอเบา ๆ ปลายนิ้วสัมผัสแผ่นหลังที่สั่นเพราะเจ้าของร่างกำลังกลั้นสะอื้น
“แล้วเธอ ไม่ได้อะไรเลยเหรอ ไม่มีเครดิต ไม่มีชื่อ ไม่มีอะไรเลย” ร้อยดาวส่ายหน้าเบา ๆ เธอหัวเราะแห้ง ๆ ทั้งน้ำตา มันคือเสียงหัวเราะที่คนฟังจะเจ็บแทนมากกว่าขำ
“ไม่มี ไม่มีแม้แต่คนจะออกมาปกป้องฉันด้วยซ้ำ”
เธอฝืนยิ้ม มองมือมาคินที่ประสานอยู่กับมือเธอ วันนั้นที่เธอขายเพลง เธอคิดแค่ว่าตัวเองยังไม่มีใคร แต่วันนี้อย่างน้อยก็ยังมีคนคนนี้ที่นั่งข้างเธอ กำลังจับมือเธอไว้
เสียงนาฬิกาดิจิทัลในห้องดังติ๊ก ติ๊ก แต่สำหรับร้อยดาว เพลงนั้นมันยังอยู่ในหัวเธอทั้งท่อน ทั้งเมโลดี้ เหมือนมันไม่มีวันหายไป เพลงที่ไม่มีชื่อเธอแต่เป็นส่วนหนึ่งของหัวใจเธอไปแล้ว
เสียงลมหายใจร้อยดาวยังสั่นอยู่ในห้องซ้อมเล็ก ๆ
เธอพยายามเช็ดน้ำตาออกด้วยหลังมือ แต่ยิ่งปาดกลับยิ่งแดง เธอไม่อยากให้มาคินเห็นน้ำตาที่เธอเก็บไว้นานนับปี
“ถ้ากันจ์ยังถือสัญญาอยู่ เธอก็ทำอะไรไม่ได้ใช่มั้ย”
เสียงมาคินดังขึ้นช้า ๆ แต่กดต่ำจนน้ำเสียงเขาเหมือนเก็บกลืนความโกรธเอาไว้ เขาเลื่อนมือไปกุมมือแฟนสาวแน่น นิ้วโป้งลูบหลังมือเธอเบา ๆ เหมือนจะบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้
ร้อยดาวพยักหน้า ทั้งที่ปากเม้มจนขอบปากซีด ภาพวันนั้นย้อนกลับมาเหมือนฉากภาพยนตร์เก่า วันนั้นกันจ์ยืนอยู่ตรงหน้าห้องอัด เธอถือสมุดเนื้อเพลงไว้ในมือ น้ำเสียงกันจ์ที่ยกขึ้นเฉียบขาดเหมือนเจ้านาย มันไม่ใช่เสียงเพื่อนศิลปินอีกแล้ว
เขายื่นสัญญาฉบับนั้นมาให้เธอเซ็น พร้อมเงินสดในซองบาง ๆ ร้อยดาวตอนอายุสิบแปดไม่รู้จักคำว่า “ลิขสิทธิ์” ดีพอ
เธอเห็นแค่เงินก้อนเดียวที่จะเอาไปซื้อข้าวให้แม่ กินข้าวให้ครบสามมื้อให้ได้สักครั้ง
แต่พอเพลงนั้นดัง กันจ์กลับไปยืนอยู่บนเวทีที่เธอเฝ้าฝัน ส่วนเธอกลายเป็นเพียงชื่อท้ายเครดิตเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครได้อ่าน
“ฉันคิดว่าฉันจะลืมมันได้แล้วนะ แต่พอมีข่าวขุดเรื่องเก่า ทุกอย่างมันย้อนกลับมาเหมือนแผลเดิม”
เสียงร้อยดาวเบาหวิว เธอก้มหน้าลงมองมือมาคินที่ยังประสานอยู่กับมือเธอ อุณหภูมิร่างกายเขาอุ่นขึ้นนิดหน่อยเหมือนจะปลอบเธอทางอ้อม แต่มาคินรู้แค่ความอบอุ่นจากฝ่ามือเขา มันไม่พอจะลบสัญญาเล่มนั้นได้เลย
---
ความสงสัยของมาคิน
คืนนั้นหลังร้อยดาวเข้านอน มาคินยังนั่งเปิดแท็บเล็ตอ่าน ข่าววงการเพลงไม่หยุ เขาไล่ดูเครดิตเพลงที่กันจ์เคยมี ไล่ย้อนทุกงานเก่า ๆ ของร้อยดาวที่เธอเคยเล่าแบบขาด ๆ หาย ๆ
ยิ่งอ่าน เขายิ่งโกรธ โกรธที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเคยถูกกินเปล่า ๆ ทั้งเพลง ทั้งความฝัน มาคินตัดสินใจแชทหาพี่โปเต้ทันทีข้อความสั้น ๆ ส่งเข้าไปตอนเกือบตีสอง
“พี่ว่างมั้ย ผมมีเรื่องอยากคุย”
โปเต้โปรดิวเซอร์รุ่นพี่ที่เขาเคารพ ตอบกลับมาว่าให้มาเจอที่ห้องมิกซ์ พรุ่งนี้เช้า
---
โปเต้รับฟัง — ลางร้ายที่ไม่เคยเลือน
เช้าวันต่อมา โปเต้นั่งอยู่กับมาคินในห้องมิกซ์เสียงที่มีกลิ่นกาแฟคละคลุ้ง
โปเต้ถือแก้วกาแฟร้อน ๆ มือหนึ่ง ส่วนอีกมือวางบนตักเหมือนกำลังเตรียมใจจะฟังเรื่องยุ่ง ๆ ที่เด็กมันจะพูด
> “เพลงที่ร้อยดาวเคยแต่ง…ที่หายไปอยู่กับกันจ์จริงใช่มั้ยพี่?”
เสียงมาคินไม่ได้ดัง แต่มันกดแน่นเหมือนพยายามกักความเดือดเอาไว้ไม่ให้ระเบิด
โปเต้ถอนหายใจ
เขามองหน้ามาคิน ดวงตาเต็มไปด้วยความจริงที่ไม่อยากพูด แต่ก็ต้องพูด
> “จริง… ตอนนั้นกันจ์ยังอยู่ค่ายเฮีย เขาเอาเพลงดาวไปขึ้นเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ทั้งที่น้องมันยังไม่ได้แม้แต่เครดิตเป็นทางการด้วยซ้ำ”
โปเต้วางแก้วกาแฟลง เสียงกระทบโต๊ะไม้ดังแกร๊งเบา ๆ
เขาเอามือถูหน้าตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย
> “ตอนนั้นเฮียก็เพิ่งจับได้ เฮียเลยบีบให้กันจ์ลาออก หยุดชื่อเขาในค่าย เพราะสงครามเกลียดคนที่เอาเปรียบน้องศิลปินที่สุด…แต่สัญญาเก่า กันจ์มันยังถือไว้ มันใช้เป็นอาวุธขู่ดาวได้ตลอด”
โปเต้พูดช้าแต่ชัด ทุกคำเหมือนกรีดลงกลางใจมาคิน
---
แผนเฮียสงคราม — เมื่อหัวเรือใหญ่ลุก
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา มาคินตามโปเต้ไปหาสงครามถึงห้องทำงานใหญ่
สงครามนั่งไขว้ขาบนโซฟาหนัง แท็บเล็ตวางบนตักเหมือนทุกครั้งที่เขากำลังคิดอะไรลึก ๆ
ภาพข่าวยิปซียังหมุนวนในทีวีจอใหญ่ แต่ตอนนี้หัวเรื่องเปลี่ยนเป็น “ข่าวลือเบื้องหลังร้อยดาว”
มาคินสบตาเฮียสงครามตรง ๆ อย่างคนที่ไม่อยากให้แฟนถูกทำร้ายซ้ำ
> “เฮียรู้เรื่องกันจ์หมดแล้วใช่มั้ย?”
สงครามไม่ได้ตอบทันที เขาเลื่อนสายตาจากทีวีมาจ้องมาคิน ดวงตาคมกริบเหมือนคนอ่านใจทะลุ
> “ฉันรู้… แล้วฉันก็รอวันนั้นมานานเหมือนกัน”
เสียงเขาราบเรียบแต่แฝงรอยขึงขัง
โปเต้ยืนอยู่ข้างโซฟา คอยมองหน้าสงครามกับมาคินสลับกัน
สงครามยกนิ้วเคาะแท็บเล็ตช้า ๆ
แสงหน้าจอสว่างขึ้นเป็นไฟล์สัญญาเก่าที่ร้อยดาวเซ็นตอนสิบแปด
ตรายางชื่อกันจ์ยังอยู่ครบถ้วน
> “ไอ้กันจ์มันยังใช้สัญญาเก่านั่นเล่นงานร้อยดาวไม่ได้หรอก ถ้าฉันดึงเพลงกลับมาได้ ฉันไม่เคยลืมว่ามันเอาเปรียบน้องฉันยังไง”
เขาหรี่ตาลง ดวงตาสีเข้มของหัวเรือใหญ่สะท้อนแววร้ายลึก ๆ ที่เก็บไว้
> “แต่จะจัดการให้ราบคาบได้… ดาวต้องยอมเปิดปาก ยอมสู้ไปพร้อมกับฉัน ไม่งั้นมันจะจบแค่ลือแล้วก็เงียบเหมือนเดิม”
---
ความลับที่รอวันถูกปลดล็อก
คืนนั้นร้อยดาวกลับมาซ้อมเพลงใหม่กับมาคินอีกครั้ง
เสียงเธอยังสวย แต่ทุกคำที่เปล่งออกมามันสั่นเหมือนหัวใจเธอยังเก็บแผลนั้นไว้ไม่มิด
มาคินกอดเธอแน่นกว่าทุกวัน ในหัวเขามีแต่คำถาม ถ้าเธอกล้าจะลุกขึ้นสู้เพื่อเพลงนั้น เขาจะยืนอยู่ข้างเธอได้แค่ไหน
และในมุมมืดที่ไม่มีใครเห็น กันจ์เองก็เริ่มได้กลิ่นสงครามกลับมาล่าหนี้เก่า เขาไม่เคยคิดว่าสาวน้อยที่ร้องไห้ข้างห้องซ้อมวันนั้น จะมีวันกลับมายืนบนเวทีอย่างสง่างามได้อีก
แต่คราวนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว และเพลงที่ไม่มีชื่อเธอ อาจจะได้กลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ
วันซ้อมใหญ่เปิดเวที 1 ปีคู่จิ้นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดกลาง ถูกจัดไฟรันระบบเต็มสูบเป็นรอบ ซ้อมใหญ่ โปสเตอร์ข้างเวทีติดป้ายชัดเจน “1st Year Anniversary คู่จิ้นรักร้อยดาว x มาคิน”ร้อยดาวสวมเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นง่าย ๆแต่บนเวที เธอเหมือนคนละคน จับไมค์ด้วยมือที่เคยสั่นแต่วันนี้กลับมั่นคงเสียงหัวเราะของทีมซาวด์ ทีมแดนซ์ ทีมไฟดังระหว่างพักเบรก โปเต้ยืนกอดอกดูงานเงียบ ๆ ส่วนสงครามนั่งหลังบอร์ดควบคุมไฟด้วยแววตาเหมือนพ่อที่ภาคภูมิใจในลูกศิษย์มาคินยืนอยู่ข้างเธอในชุดสบาย ๆ เหมือนกัน เขาหันมาดึงสายกีตาร์ปรับจูนให้แฟนสาวเอง มือเขากับมือเธอสอดกันแว็บหนึ่ง“พร้อมมั้ยดาว” เสียงมาคินทุ้มนุ่ม ไม่ได้ถามแบบโปรดิวเซอร์ แต่ถามในฐานะคนที่อยู่ข้างเธอทุกครั้งร้อยดาวพยักหน้า เหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่รอยยิ้มกลับสดใส เธอยกไมค์ขึ้น ร้องท่อนฮุคเพลงเก่าที่เธอเคยเขียนไว้ ครั้งนี้ เธอร้องในชื่อของเธอจริง ๆเสียงกลองซ้อมรัวตามจังหวะเบา ๆ พวกเด็กฝึกงานที่ยืนดูกันอยู่ตรงขอบเวทีโห่เชียร์กันเบา ๆ อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่มาซ้อมแดนซ์เซ็ตใหญ่ทีหลังยังส่งเสียงแซว“พี่ดาวแม่งอย่างเท่! ฮู้วววว”“พี่มาคินอย่าเขินดิ๊! หยิกแก
นามแฝงในเพลงมือของสงครามที่ยื่นให้ร้อยดาวเดินเข้ามาในห้องโปรดิวเซอร์ของค่ายที่เธอคุ้นเคยดี แต่วันนี้บรรยากาศกลับอึดอัดจนลมหายใจแทบขาดห้วงโปเต้นั่งข้างเฮียสงครามเหมือนมือขวาที่เฝ้ารอดูว่าบทสนทนานี้จะไปจบตรงไหนบนโต๊ะไม้สีเข้ม เอกสารหลายแผ่นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไฟสปอตไลท์ในห้องประชุมสว่างพอจะเห็นเงาหน้าร้อยดาวที่ซีดเผือดและมือเล็กที่กำชายเสื้อแน่น สงครามวางปากกาลงบนแฟ้มเสียงเบา ดวงตาคมใต้แสงไฟสบตาเธอโดยไม่กระพริบ“ฉันได้ยินมาว่ามีคนกำลังจะเอาเพลงเก่ามาขายซ้ำ ใช่เพลงเดียวกับที่เธอเคยเขียนไว้หรือเปล่า เพลงที่เธอใช้นามแฝงตอนนั้น” เสียงเขาราบเรียบ เหมือนครูใหญ่เรียกเด็กนักเรียนมาคุย แต่ในความนิ่งนั้นกลับกดดันเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอกร้อยดาว ร้อยดาวหลบตา ปลายนิ้วเธอขยำชายกางเกงจนยับยู่ยี่ เธอพยายามจะตอบ แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบแห้ง“ค่ะ” เพียงคำเดียวก็พอให้โปเต้ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ เห็นร่องรอยเจ็บเก่าที่เธอเก็บไว้มานานสงครามพยักหน้าช้า ๆ เขาเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสาร เผยให้เห็นสำเนาสัญญาเก่าที่มีตราประทับชื่อกันจ์ชัดเจน“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่ากันจ์มันทำอะไรไว้”“มันไม่ใช่แค่เพล
อดีตของร้อยดาวเบื้องหลังเพลงที่ไม่มีชื่อเธอเสียงลมจากแอร์ตัวเก่าดังหึ่ง ๆ ในห้องซ้อมส่วนตัวที่ร้อยดาวใช้ฝึกทุกวัน คืนนี้เธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิมที่ใกล้เปียโนไฟฟ้ามากที่สุด มือบางยังคงถือโน้ตเพลงเก่าแผ่นเดิมไว้แน่น ปลายนิ้วที่เคยแต่งทำนองนั้นสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังรื้อความทรงจำที่เธอพยายามลืมมาตลอดร้อยดาวถอนหายใจ ลมหายใจร้อนวาบเพราะเพิ่งร้องเพลงใหม่กับมาคินจนคอแห้ง แต่สิ่งที่ติดอยู่ในหัวเธอกลับไม่ใช่เพลงใหม่ ไม่ใช่ท่อนฮุคหวาน ๆ ที่เขาเพิ่งชมว่าเพราะที่สุดตั้งแต่แต่งมา กลับเป็นประโยคท่อนหนึ่งในสมุดโน้ตแผ่นนี้ที่เธอแต่งมันด้วยลายมือสั่น ๆ ในวันที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบ“ฉันยังจำเนื้อเพลงได้ทุกคำเลยมาคิน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ร้องมัน" เสียงเธอเบาราวกับกลัวว่าลมแอร์จะพัดมันหายไปมาคินหันมามองแฟนสาวตรงหน้า เขานั่งพิงขอบเปียโน ปล่อยให้เสียงกีตาร์โปร่งที่เพิ่งวางไว้เงียบสนิทแสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนในดวงตาเขาอย่างระมัดระวังเขารู้ดีว่าร้อยดาวรักทุกคำ ทุกท่อน ทุกเมโลดี้ในสมุดโน้ตนั้นมากแค่ไหน เขาเคยเห็นเธอลงแรง แก้คำ แก้คอร์ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยเห็นเธอพูดถึงมันด้วยแววตาเจ็บเท่านี้มาก่อน“ทำไมล่ะดาว นั
ถูกมือกาวย้อนกลับ1645 คำทางเข้าคอนโดของยิปซี ค่อนข้างมืด ไม่มีผู้คนมากนัก“เฮ้ แม่นางเอก เงินฉันอยู่ไหน”เสียงแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่โผล่มาจากเงามืดหลังรถตู้จอดส่งของ ผมมันเยิ้มกลิ่นกาวและบุหรี่คลุ้งลอยปะทะ จับคอเสื้อยิปซีทันทีที่เธอเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงแฟนคลับ ไฟลานจอดรถสว่างเป็นจุด ๆ แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่ามีคนกำลังลงไม้ลงมือ“อย่ามาโวย แกยังไม่ได้ทำงานให้ฉันด้วยซ้ำ จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำเหี้ยอะไร”ยิปซีแหวเสียงสูง ใบหน้าแต่งจัดแต่เหงื่อซึม เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยโค้ทยาว พยายามแกะมือมันออกแต่โดนบีบแน่นกว่าเดิม“ฉันติดคุกเพราะแกนะเว้ย แกเป็นคนจ้าง ถ้าฉันไม่ได้ตังค์ แกก็อย่าหวังจะได้อยู่ดี ๆ”เสียงเด็กกาวกระแทกพร้อมฟันเหลือง มันหัวเราะหยันเธอเบี่ยงหน้าเลี่ยงกลิ่นกาวที่พ่นรดอยู่ใกล้“อย่ามาขู่ฉันนะ ไอ้ขี้ยา”ยิปซีฟาดเล็บเข้าหน้ามันเต็มแรง เสียงเพี้ยะสะท้อนในลานจอด รถขนเครื่องเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนร่วมเป็นพยาน“อีดอก” เด็กกาวสบถลั่น ผลักเธอไปกระแทกผนังคอนกรีตด้านหลังเวที เศษกระดาษโปสเตอร์คอนร่วงปลิวลงเท้าเธอ“สภาพแกตอนนี้ก็เหมือนหมาข้างถนนแล้วล่ะ ยัยนางเอกตกกระป๋อง”เด็