LOGINทางเข้าคอนโดของยิปซี ค่อนข้างมืด ไม่มีผู้คนมากนัก
“เฮ้ แม่นางเอก เงินฉันอยู่ไหน”
เสียงแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่โผล่มาจากเงามืดหลังรถตู้จอดส่งของ ผมมันเยิ้มกลิ่นกาวและบุหรี่คลุ้งลอยปะทะ จับคอเสื้อยิปซีทันทีที่เธอเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงแฟนคลับ ไฟลานจอดรถสว่างเป็นจุด ๆ แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่ามีคนกำลังลงไม้ลงมือ
“อย่ามาโวย แกยังไม่ได้ทำงานให้ฉันด้วยซ้ำ จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำเหี้ยอะไร”
ยิปซีแหวเสียงสูง ใบหน้าแต่งจัดแต่เหงื่อซึม เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยโค้ทยาว พยายามแกะมือมันออกแต่โดนบีบแน่นกว่าเดิม
“ฉันติดคุกเพราะแกนะเว้ย แกเป็นคนจ้าง ถ้าฉันไม่ได้ตังค์ แกก็อย่าหวังจะได้อยู่ดี ๆ”
เสียงเด็กกาวกระแทกพร้อมฟันเหลือง มันหัวเราะหยัน
เธอเบี่ยงหน้าเลี่ยงกลิ่นกาวที่พ่นรดอยู่ใกล้
“อย่ามาขู่ฉันนะ ไอ้ขี้ยา”
ยิปซีฟาดเล็บเข้าหน้ามันเต็มแรง เสียงเพี้ยะสะท้อนในลานจอด รถขนเครื่องเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนร่วมเป็นพยาน
“อีดอก” เด็กกาวสบถลั่น ผลักเธอไปกระแทกผนังคอนกรีตด้านหลังเวที เศษกระดาษโปสเตอร์คอนร่วงปลิวลงเท้าเธอ
“สภาพแกตอนนี้ก็เหมือนหมาข้างถนนแล้วล่ะ ยัยนางเอกตกกระป๋อง”
เด็กกาวกระชากผมเธอขึ้นมา ดวงตายิปซีคลอด้วยน้ำตาแต่ยังตวาดกลับ เสียงคอนเสิร์ตด้านในแว่วเบา ๆ เหมือนโลกคนละใบ
“เออ หมามันยังมีเจ้าของ แต่แกมันหมาไม่มีใครเลี้ยง ไอ้สวะ”
มือเธอฟาดหน้ามันกลับจนเลือดซึมตรงคิ้ว ทั้งคู่ล้มกลิ้งบนพื้นเปื้อนคราบน้ำมันรถ เสียงคนเดินผ่านหน้าเวทีแต่ไม่มีใครรู้ว่ามีความสกปรกเกิดขึ้นหลังเวทีแสงนีออน
“แกทำฉันเจ็บได้ไม่เกินนี้หรอก ไอ้โง่"
“อย่าคิดว่าฉันจะหยุดง่าย ๆ ถ้าไม่ได้เงิน”
เสียงยิปซีหอบเหมือนหมาไล่กัด เสียงหวอดตำรวจดังเข้ามาเพราะทีมรักษาความปลอดภัยสังเกตเห็นกล้องวงจรปิดพอดี
ภาพเหตุการณ์ดาราสาวชื่อดัง ยิปซี มีปากเสียงกับวัยรุ่นชายด้านล่างคอนโด ผู้ประกาศข่าวเปิดคลิปภาพเบลอหน้า เผยสภาพยิปซีหน้าแตก แขนเข้าเฝือก ข้างเตียงโรงพยาบาลมีตำรวจเฝ้า แสงแฟลชนักข่าวยังตามติด แต่เธอทำหน้าเหยเกไม่อยากให้ใครเห็น
“แหล่งข่าวเผยว่า เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับเหตุพยายามทำร้ายร่างกายศิลปินในค่ายเพลงชื่อดัง”
เธอกลายเป็นประเด็นร้อน #ยิปซีคอนแตก #นางเอกตบเด็กกาว กระฉ่อนออนไลน์ในพริบตา
เช้าวันถัดมา
“เธอนี่มัน…ทำไมถึงทำตัวได้ขนาดนี้ ยิปซี”
เสียงเอเอผู้จัดการส่วนตัวที่ดูแลยิปซีมาตั้งแต่เข้าวงการ สั่นพร่าเล็กน้อยเพราะทั้งสงสาร ทั้งผิดหวัง ทั้งเหนื่อยใจ
เธอพยายามประคองเสียงไม่ให้ดังเกินไปเพราะได้ยินเสียงแฟลชนักข่าวปะทะกระจกหน้าห้อง บนเตียงคนไข้ในเฝือกแขนเดียว ใบหน้าบวมเป่งรอยฟกช้ำ ยิปซีเบ้ปากเหมือนไม่อยากฟัง
“ฉันเจ็บไปหมดแล้วนะ พูดดี ๆ ไม่ได้รึไง”
“มันไม่ใช่เรื่องแค่เจ็บ ฉันปั้นเธอมาทั้งหมดนี่ให้ไปก่อเรื่องฉาวหน้าทางเข้าคอนโด ยังมีจ้างเด็กกาวมาขู่คนอื่น แล้วสุดท้ายกลายเป็นโดนตีกลับเอง มันน่านักแก ”
เอเอขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ เตียงคนไข้สั่นตามแรงมือที่ทุบพนักเบา ๆ จากความคับแค้นใจ
“ฉันไม่ได้จะให้มันเลวขนาดนี้มันแค่ต้องสั่งสอนนังร้อยดาว”
เสียงยิปซีเถียงอย่างคนไร้ทางออก น้ำตาคลอแต่ไม่ยอมไหล เธอยกมือจะปิดหูแต่เจ็บจนสะดุ้งเพราะเฝือกดามแขน
“เธอเคยเป็นนักแสดงนะ เธอเคยมีคนรักเธอ เธอเคยมีแฟนคลับ มีโอกาสดี ๆ เต็มมือ แล้วเธอเลือกทำลายมันด้วยวิธีสกปรกแบบนี้”
เอเอกัดฟันแน่น สายตานิ่งเหมือนจะไม่ใช่ผู้จัดการที่เอ็นดูดาราอีกต่อไป มองเธอเหมือนเห็นเพียงซากนางเอกที่ไม่มีค่าอะไรจะให้รักษาแล้ว
“งั้นจะทิ้งฉันใช่มั้ย ตอนฉันหมดสภาพแล้วจะโยนฉันทิ้งไปง่าย ๆ เลยใช่มั้ยล่ะ!”
ยิปซีแหกปากลั่นด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนในห้องพยาบาลหันมอง แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพราะมันน่าสมเพชมากกว่า
“ฉันไม่ต้องการโยนเธอทิ้งหรอกยิปซีเพราะเธอเลือกตกลงเหวด้วยตัวเองแล้ว”
เสียงเอเอขาดความอ่อนโยนจนเหลือเพียงน้ำเสียงเด็ดขาด เธอลุกขึ้นตรงประตู มองหน้าเด็กสาวในสังกัดที่ตอนนี้คือ อดีต
“หลังฉันออกไปจากห้องนี้ เธอจะไม่ใช่คนของฉันอีกต่อไป เราจะไม่เกี่ยวกันแล้วเรื่องที่เธอทำ ให้กฎหมายมันจัดการเถอะ” คำสุดท้ายเหมือนตัดโซ่บาง ๆ ที่เคยผูกกันไว้
ด้านนอกห้องพยาบาลนักข่าวรอเก็บภาพ
โถงทางเดินหน้าห้องพยาบาลมีทั้งไฟกล้องและไมค์สัมภาษณ์ คนข่าวจากหลายสำนักซุ่มรอเงียบ ๆ เสียงซุบซิบดังเป็นระยะเพราะทุกคนอยากได้คำตอบเรื่องที่ยิปซีตกเป็นข่าวดังก่อนหน้านี้ ประตูเปิดออกเอเอก้าวออกมาด้วยสีหน้าอิดโรย ริมฝีปากยังเม้มแน่นเหมือนกลืนความจริงบางอย่างไว้
“คุณเอเอคะ ยิปซีจะเอายังไงต่อคะ จะฟ้องหรือจะเคลียร์กับอีกฝ่ายยังไง”
“ใช่ค่ะ มีข่าวว่าเธอจ้างเด็กกาวจริงหรือไม่คะ” เสียงนักข่าวยิงคำถามรัวใส่ ไมค์แทบชนหน้า แต่แอนนี่ยกมือห้ามก่อนพูดเสียงราบเรียบ
“ในฐานะผู้จัดการ ฉันขอให้ทุกคนรอฟังคำให้การตามทางกฎหมายค่ะ ยิปซีคือผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกายและถูกปล้น ไม่ว่าจะมีเบื้องหลังยังไงก็ขอให้มันออกมาถูกต้อง…ฉันจะไม่พูดเรื่องอื่นนอกจากนี้ และหลังจากออกจากโรงพยาบาล เอเอคงไม่ขอร่วมงานกับน้องเขาอีกนะคะ”
เธอหายใจลึก พยักหน้าสั้น ๆ เหมือนหมดแรงจะปกป้องดาราคนเดิมแล้ว นักข่าวกดชัตเตอร์รัว ภาพแอนนี่น้ำตาคลอแต่ก็ไม่พูดคำเดียวเรื่องเลว ๆ ของยิปซี
บนเตียงในเฝือก ยิปซีขมับเต้นแรง มือกำผ้าห่มไว้แน่น เธอได้ยินเสียงแฟลช เสียงคนซุบซิบข้างนอก ทุกอย่างฟังดูห่างไกลเหลือเกิน ไม่มีใครรอจะเข้ามาเฝ้า ไม่มีใครจะยื่นมือช่วยเธอ เธอหมดสิ้นแล้วจริง ๆ
ข่าวออกอากาศ แทบจะทุกสื่อ และการให้สัมภาษณ์
“ดาว…ดูนี่สิ ข่าวเขาออกเพิ่มอีกแล้ว”
เสียงมาคินพูดขึ้นข้าง ๆ เมื่อเห็นร้อยดาวที่เพิ่งวางกีต้าร์แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู ในหน้าจอเป็นภาพคลิปใหม่ของนักข่าวที่พยายามเก็บรายละเอียดอาการยิปซีที่โรงพยาบาล
“เธอเจ็บหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ร้อยดาวพึมพำแผ่ว ๆ ใบหน้าซีดลงทันตา ดวงตาที่แดงเพราะไม่ได้นอนดีนักฉายความกังวลชัด
“เขาก็คนเหมือนกัน ดาวฉันไม่อยากให้ใครเจ็บแบบนั้น ถึงจะทำไม่ดีกับฉัน แต่ฉันไม่เคยคิดอยากให้เขาพังขนาดนี้เลยนะ”
เสียงเธอสั่นเพราะจริงใจ ร้อยดาวยังมีเศษเสี้ยวของความเชื่อว่ามันคงไม่เลวร้ายถึงขั้นยิปซีจะทำร้ายใครด้วยมือจริง ๆ
“ดาว เธอเป็นคนดีเกินไป” เสียงมาคินนุ่มแต่หนักแน่นขึ้น ดวงตาคมสบเธอแล้วจับมือเธอมากุมไว้แน่นกว่าปกติ
“ฟังฉันนะ คนเราถ้าไม่ได้เริ่มคิดทำร้ายเอง มันจะไม่มีใครจ้างใครมาทำอะไรต่ำ ๆ แบบนั้นหรอก เรื่องทั้งหมดมันมีแต่เธอที่เกือบต้องเจ็บ” เขาหยุดเพื่อไม่ให้เสียงแข็งจนไปกดร้อยดาว แต่แววตาเขาสะท้อนความจริงที่อยากให้เธอยอมรับ
“แต่เธอเห็นใช่มั้ย สุดท้ายเขาก็โดนกลับเพราะมือเขาเอง คนเราทำอะไรไว้ มันย้อนกลับมาหมดนั่นแหละดาว”
ร้อยดาวเงยหน้ามองคนรัก สองมือสั่นน้อย ๆ แต่ยังจับมือเขาตอบ เธอเม้มปากอยากเถียงเพื่อให้ใจตัวเองสบายขึ้น แต่ก็รู้ว่ามาคินพูดถูก
“แต่ฉันสงสารเขาจริง ๆ นะคินเขาเคยอยู่ตรงนี้ เคยมีคนรักเขา เคยมีแสงไฟ เคยมีฝันเหมือนเราแท้ ๆ”
เธอพูดเสียงเครือ เหมือนเศษมิตรภาพที่เคยพัวพันกันมันยังมีอยู่ ไม่ว่าจะด้วยความเป็นคู่แข่งหรือเพื่อนร่วมค่ายก็ตามมาคินยกมืออีกข้างลูบหัวเธอแผ่ว ๆ เหมือนปลอบใจเด็กดื้อที่ยังไม่ยอมโกรธใครสุดหัวใจ
“คนเราเลือกทางเองนะดาว เธอเลือกมาด้วยกันกับฉัน เธอซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำมาตลอด เธอถึงนั่งตรงนี้ได้โดยไม่ต้องกลัวอะไร” เสียงเขาต่ำลงคล้ายคำสัญญาที่ฝังอยู่ในใจมานาน
“ฟังฉันนะ ถ้าวันนึงเธอล้มเพราะใคร ฉันจะดึงเธอขึ้นมาเอง แต่ฉันจะไม่ให้ใครมาใช้วิธีสกปรกใส่เธอได้อีก เข้าใจมั้ย”
ร้อยดาวพยักหน้าช้า ๆ น้ำตาปริ่มเพราะไม่รู้จะขอบคุณคนตรงหน้ายังไงดี เธอเอียงตัวซบไหล่มาคิน ปล่อยให้เสียงข่าวยังดังต่อเนื่องในทีวี
แสงแดดช่วงบ่ายลอดม่านมาบางเบา สองหมาตัวเล็กยังนอนกองอยู่ปลายเท้าเหมือนคอยเฝ้าหัวใจเจ้าของ และต่อให้เรื่องร้ายจะใหญ่แค่ไหน คนสองคนนี้ก็ยังมีมือของกันและกันเป็นที่พัก
ร้อยดาวยังลูบหัวเจ้ามะยมกับเจ้าก้อนทองที่กระโดดไปกระโดดมาบนเบาะหลังอยู่ไม่หยุด มาคินยื่นมือมาเปิดประตูรถฝั่งเธอ ลมหนาวตีเข้ามาทันทีจนเธอต้องห่อตัว ดึงผ้าพันคอคลุมแน่น“หนาว” เสียงเธอสั่น ๆ พอให้มาคินขำในลำคอมือหนายื่นมาโอบไหล่เธอไว้ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเล็ก ๆ ของเธอสะพายเองแล้วพาก้าวลงจากรถทันทีที่เท้าเหยียบพื้นดินบนลานจอดบ้านพัก เสียงกรวดกรอบ ๆ ใต้รองเท้าฟังดูสงบกว่าทุกวัน เจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมกระโดดลงมาก่อน วิ่งดมดิน ดมต้นหญ้า หมอกบาง ๆ ลอยผ่านขนหมาจนเปียกเป็นหย่อม ๆบ้านพักไม้สองชั้นทรงเรียบ แต่มีระเบียงกว้างทอดออกไปด้านหลัง มองเห็นเนินเขาลูกแล้วลูกเล่า ปลายไม้ระเบียงมีละอองน้ำเกาะพราวเป็นหยด ยามแสงแดดอ่อน ๆ ของเช้าเริ่มส่องลอดกลุ่มหมอก ก็ดูเหมือนเกล็ดเพชรระยิบระยับ“สวยจนเหมือนฝันเลยนะ” ร้อยดาวพึมพำออกมาเบา ๆ เธอเกาะแขนเขาแน่น มาคินหันมามอง ยิ้มบางอย่างใจดี“ไม่ใช่ฝันหรอก วันนี้ของจริงแล้ว” เขาดันประตูบ้านพักออกไปเบา ๆ กลิ่นไม้สนหอมอ่อน ๆ ลอยออกมาต้อนรับภายในบ้านมีเตาผิงเล็ก ๆ มุมหนึ่ง แต่สองคนไม่สนใจอะไรในบ้านเลย เพราะข้างนอกนั่นกำลังเรียกพวกเขาออกไปหามาคินวางกระเป๋า แล้วจับมือ
ไฟห้องนั่งเล่นเปิดสลัว ๆ มีเพียงเสียงหมาน้อยสองตัวที่วิ่งไล่กันอยู่บนพื้นไม้ เสียงกรงเล็บเล็กกระทบพื้นดังกิ๊ก ๆ สลับกับเสียงเห่าเถียงของเจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมมาคินนั่งพิงโซฟา ยื่นขาถอดรองเท้าออกวางบนพรม ร้อยดาวเพิ่งเดินออกจากครัวพร้อมถ้วยโกโก้อุ่นในมือสองใบ กลิ่นนมสดกับผงโกโก้แท้ลอยคลุ้งไปทั่วบ้าน เธอวางแก้วใบหนึ่งลงตรงหน้ามาคิน แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มืออุ่นของเธอเลื่อนมาลูบหัวเจ้าก้อนทองที่กระโดดขึ้นมาตักคืนนี้ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ ไม่มีเสียงแฟนคลับกรี๊ด ไม่มีไฟเวทีพร่างตา มีเพียงลมหายใจของสองคน ที่กำลังจะออกเดินทางไปหาหมอกขาวบนดอยในวันรุ่งเช้า เสียงหรีดหริ่งเรไรข้างบ้านดังลอดหน้าต่าง ครู่หนึ่งร้อยดาวหันมามองคนข้างกาย“นี่ คิดดีแล้วใช่มั้ย จะพาฉันกับหมาสองตัวไปหนาวบนดอยด้วยเนี่ย" มาคินอมยิ้ม หันมาจับแก้มเธอเบา ๆ ปลายนิ้วเย็นนิดหน่อเพราะเพิ่งแตะแก้วโกโก้“คิดดีแล้วครับคุณแฟน เพราะไม่มีเธอ ฉันก็หนาวแย่สิ”ร้อยดาวตีแขนเขาเบา ๆ แต่ก็ยอมเอนหัวซบไหล่เหมือนเด็กขี้อ แสงไฟสีอุ่นในห้องนั่งเล่นตกกระทบเสี้ยวหน้าเธอ ดวงตาเป็นประกายระยิบเหมือนเด็กที่กำลังเฝ้ารออะไรสักอย่างด้วยใจเต้นแรงเจ้ามะยมกร
AFTER PARTY ก้าวต่อไปหลังไฟสปอร์ตไลท์ดับค่ำคืนนั้นหลังเวทีใหญ่ปิดฉาก เสียงปรบมือยังแว่วอยู่ในหัว ร้อยดาวกับมาคินเพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดสบาย ๆ เดินออกจากห้องแต่งตัวด้วยใบหน้ายังแดงระเรื่อจากไฟบนเวทีในห้องพักหลังคอนเสิร์ต ทีมงานทุกคนรออยู่แล้ว โปเต้เดินถือขนมกล่องใหญ่กับเครื่องดื่มในมือ สงครามยืนพิงกำแพงรอ ส่วนอ๊อฟกับก็อปเปอร์นั่งกอดหมอนบนโซฟายาว สภาพทุกคนดูอ่อนล้าแต่ตากลับเปล่งประกายเหมือนเพิ่งได้รับพลังใหม่บนโต๊ะกลางมีเค้กเล็ก ๆ ปักเทียน “1 Year Anniversary” ที่โปเต้สั่งให้ บรรยากาศไม่มีเสียงกรี๊ด ไม่มีใครถือแท่งไฟ มีแต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนที่เป็นเหมือนครอบครัวจริง ๆ โปเต้วางกล่องขนมลงโต๊ะ“เอ้า นี่ของขวัญวันครบรอบหนึ่งปีของเด็กคู่นี้… พี่สั่งมากับมือ ไม่ได้ให้เอฟซีนะ พี่ให้เอง” โปเ้เองพอใจในน้อง ๆ สังกัดตนเองทุกคน“ขอบคุณพี่โปเต้มากครับ พี่นี่แหละคนดันเรามาตลอด”“เฮีย ถ้าไม่มีเฮีย หนูคงไม่มีวันนี้จริง ๆ ค่ะ” ร้อยดาวขอบคุณสงคราม“ถ้าเธอสองคนไม่อดทน ก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน จำเอาไว้ ทุกเทคที่ซ้อมกันยันเช้า ไม่เสียเปล่าเลย” สงครามพยักหน้านิ่งก็อปเปอร์ลุกมาดึงทั้งคู่มานั่งรวมวงบนพื
เสียงกรี๊ดต้อนรับดังลั่นจนเกือบกลบเสียงพิธีกรบนเวทีในฮอลล์คอนเสิร์ตใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยไฟเวทีสีทองนวล พร็อพดอกไม้หลากสีและแบนเนอร์คู่จิ้น ร้อยดาว × มาคินทุกเก้าอี้ถูกจับจองแน่นขนัด แท่งไฟนับพันกวาดแสงไปมาเป็นคลื่นเหมือนท้องทะเลเรืองแสงเสียงเพลงอินโทรเปิดตัวเริ่มขึ้นพร้อมแสงไฟไล่ไปตามแนวเวที เมื่อเงาสองคนก้าวออกมาจากด้านหลัง ม่านไฟพุ่งขึ้นต้อนรับ เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นราวกับฮอลล์จะสั่นสะเทือนร้อยดาวยืนข้างมาคิน มือเล็กกำไมค์ไว้แน่นเพราะหัวใจเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แววตาของเธอวาววับ มองแฟนเพลงกว่าพันชีวิตที่โบกแท่งไฟรออยู่"สวัสดีครับ โอ้โห ผมคิดว่าจะไม่มีคนมาดูพวกเราสองคนเสียอีกครับ" เสียงมาคินทักทายเรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นลั่นฮอลล์“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่วันนี้ทุกคนมาชาร์จพลังให้พวกเราจริง ๆ ”เสียงเธอสั่นหน่อย ๆ ก่อนจะหัวเราะเบาเมื่อมาคินโอบไหล่ให้กำลังใจข้าง ไฟสปอร์ตไลท์สาดลงบนสองคนที่ยืนเคียงกันเหมือนคู่พระนางในนิทานช่วงกลางคอนเสิร์ต หลังจากเพลงซึ้งจบไปสามสี่เพลงพิธีกรเซอร์ไพรส์ด้วยการเชิญ “แขกรับเชิญพิเศษ” ของสองคนขึ้นมาบนเวทีเสียงกรี๊ดรอบใหม่ดังขึ้นทันที เมื่อเห็นพ่อกับแม่
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ







