ร้อยดาววิ่งเข้าไปตามหาสมุดไดอารี่ของตนเองอีกครั้ง เธอวิ่งกลับไปยังจุดที่เธอคิดว่าน่าจะทำสมุดร่วงหล่นตอนที่เธอเดินชนกับกลุ่มของมาคินแน่นอน เธอวิ่งไปยังจุดที่เดินชนเธอเดินหาตามพื้นไปทั่วเผื่อมีคนเตะไปไหนต่อไหน เธอเดินถามคนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่าเจอสมุดไดอารี่ของเธอไหม หน้าสมุดของเธอจะเป็นรูปการ์ตูนที่คล้าย ๆ เธอ จะมีผ้าผูกผมบนหัวเหมือนที่เธอชอบคาดเอาไว้ทุกวันเวลาออกมาข้างนอก
"พี่ค่ะ พี่เห็นสมุดบันทึกที่หน้าปกเป็นรูปผู้หญิง ผมยาว คาดโบว์แบบนี้ไหมคะ " เธอเอ่ยถามคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แทบจะทุกคน แต่ไม่มีใครสักคนที่เจอสมุดเล่มนั้นเลยสักคน
เธอแหงนหน้าขึ้นไปมองเจอกล้องวงจรปิดที่กำลังหมุนวนไปมา เธอเลยคิดว่าจะต้องมีคนเก็บไปแน่นอน เธอเลยอยากจะขอเข้าไปในห้องควบคุม เธออยากขอดูกล้องวงจรปิดตรงมุมดังกล่าว เธอเลยเดินไปขอติดต่อขอดูกล้องวงจรปิดตรงประชาสัมพันธ์
"คุณค่ะ เอ่อคือว่าถ้าฉันอยากขอดูกล้องวงจรปิดตรงมุมนั้นต้องทำยังไงคะ" เธอเอ่ยถามประชาสัมพันธ์
"กล้องวงจรปิด ต้องเป็นคนสำคัญของที่นี่ หรือต้องมีเหตุจำเป็นค่ะ ไม่ทราบว่าน้องจะขอดูกล้องจุดประสงค์อะไรคะ" เจ้าหน้าที่เห็นว่าเธอยังเป็นนักศึกษา คิดว่าเธอจะเป็นมิจฉาชีพ
"หนูทำสมุดเขียนเพลงหล่นตรงบริเวณกล้องตรงนั้นนะคะ เลยอยากดูกล้องตรงนั้นค่ะ ว่าใครเก็บสมุดของหนูไปไหม"
"สมุดหรอค่ะ"
"ค่ะสมุดบันทึก หนูเป็นนักแต่งเพลง ในนั้นมันมีเพลงของหนูที่จะเอาให้พี่โปเต้ค่ะ" ร้อยดาวเอ่ยถึงงานของตนเอง
"โอ๊ยคุณน้อง ใครที่เดินผ่านไปผ่านมามีเยอะแยะ ถ้างั้นน้องต้องไปแจ้งความก่อนนะคะ" เจ้าหน้าที่บอกเธอในการดูกล้องวงจรปิด
"ต้องแจ้งความเลยหรอค่ะพี่คะหนูแค่ขอดูกล้องอยากดูของที่มันหล่นหาย"
"ทุกวันมีมาแบบน้องขอดูกล้องวงจรปิด ตามหานั่นนี่เยอะแยะ เต็มไปหมด แล้วน้องเนี่ยะนะคะเป็นนักเขียนเพลง" เขามองเธอแบบเหยียด ๆ
"นี่พี่ไม่เชื่อหรอค่ะ งานเพลง ของนักร้องดัง ๆ ผลงานของหนู พี่ลองค้นหาดูบ้างก็ได้นะคะ "
"โอ๊ยน้องพวกพี่ต้องทำงานไม่ว่างมาเล่นปาหี่หรอกนะคะ ร.ป.ภ. มาทางนี้หน่อย " เจ้าหน้าที่เรียกร.ป.ภ. มาเพื่อพาเธอออกไปจากตรงนี้
"ไม่ต้องเรียกก็ได้ค่ะ" เธอเดินออกมาด้วยความรู้สึกโดนเขาดูถูก
ร้อยดาวเลยเดินออกมาจากตรงนั้น ก้าวพ้นประตูออกมาเรียกรถเพื่อที่จะกลับบ้าน เธอจำเนื้อเพลงไม่ได้ด้วย เธอก้าวขึ้นรถโดยสารด้วยความรู้สึกเหม่อลอย หยอดเหรียญจ่ายเงินค่าโดยสาร และไปนั่งริมหน้าต่าง นั่งครุ่นคิดว่าเธอเดินชนกับนายคนนั้น เขาต้องเป็นคนเก็บสมุดโน๊ตของเธอแน่นอน
"พรุ่งนี้พี่โปเต้นัดนายนั่นไปคุยที่ค่ายเพลง งั้นเราโทรหาพี่โปเต้ก่อน"
ร้อยดาวโทรหาโปเต้ รอสายสักพักพี่เขาก็รับสายของเธอ และส่งเสียงมาตามสาย
"มีอะไรอีกค่ะ แม่สาวน้อยร้อยเรื่อง" โปเต้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแกมหยอกน้องแบบนี้เป็นประจำ
"พรุ่งนี้พี่จะให้หนูเข้าไปที่ค่ายเพลงกี่โมงค่ะ"
"สักหกโมงเย็นได้ไหม ร้อยดาวเย็นไปไหม"
" ไม่ค่ะพี่ พรุ่งนี้เข้าไปนะคะ " ร้อยดาวบอกเขาไปรีบวางสาย เพราะรถที่เธอนั่งมาจอดหน้าปากซอยบ้านแล้ว เธอก็รีบมากดออดเพื่อลงจากรถ และก็ต่อรถมอเตอร์ไซค์เพื่อจะเข้าบ้าน
ทางด้านมาคิน ที่เพื่อนๆ พากันขับรถมาจอดที่หน้าประตูบ้านของมาคิน บ้านพักข้าราชการครูที่มีรถกระบะสี่ประตูจอดอยู่ในบ้าน เป็นรถคุณพ่อของมาคินที่กลับมาถึงบ้านก่อนหน้านั้นแล้ว ทำเอามาคินเหงื่อตก
"พ่อแกคงยังไม่ทันได้ดูข่าวหรอกมั้ง" เจเจ พูดเพื่อให้เพื่อนสบายใจ
"แต่ถ้าพ่อแกรู้แล้วล่ะนักข่าวแทบจะทุกช่องเลยนะเว้ย" เอินนี่ที่ยิ่งพูดมาคินก็ยิ่งหวั่น ๆ
"มึงนี่ก็พูดตัดกำลังเพื่อน แทนที่มันจะกล้าเข้าบ้านเอาไงวะ หรือจะไปนอนกับพวกเรา" เจเจชวนมาคินไปนอนด้วยกันก่อน
"เออ ก็ดีนะ นี่กูยังไม่พร้อมจะเจอหน้าพ่อกูเลยกลัวจนขี้หดตดหายแล้ว" มาคินพูดออกมาน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ สักพักเสียงประตูรั้วก็เปิดออก แม่ที่เดินออกมาทิ้งขยะพอดี เห็นรถของเจเจที่จอดอยู่ กำลังจะเดินเข้าไปหาที่รถ เจเจเองก็เลยถามเพื่อนอีกครั้ง
"มึงจะเอายังไงไอ้คิน แม่มึงเดินมาทางรถกูแล้ว" เจเจเองก็หันมาถามเพื่อนอีกครั้งถ้ามาคินไม่ลง เจเจก็จะขับออกไปเลย
"กูนอนที่บ้านนี่หละ พรุ่งนี้เข้าไปที่ค่ายกัน กูจะไม่ยอมพลาดโอกาสเด็ดขาด กูต้องทำให้พ่อแม่กูปลดหนี้ น้องกูต้องเรียนต่อสูง ๆ " มาคินบอกเพื่อนทั้งสองคนก่อนเดินลงจากรถ เดินไปหาแม่ที่กำลังเดินมาจะถึงรถ
"มันคงไม่อยากให้พวกเราเดือดร้อน" เอินนี่ บอกเจเจ ก่อนจะลงจากรถมาสวัสดีแม่ของเพื่อนพร้อมกับเจเจ
"สวัสดีครับแม่ดา" เสียงสองหนุ่มที่ลงมาสวัสดีแม่เพื่อน
"มาส่งมาคินกันหรอ เข้าบ้านก่อนไหมลูฏ " แม่ดาเอ่ยปากชวนเพื่อนของลูกชาย
"พวกมันมีธุระต่อครับแม่ ไป ๆ รีบไปสิ พรุ่งนี้เจอกันนะ" มาคินเอ่ยปากไล่เพื่อนทั้งสองคน
"ไอ้ลูกคนนี้ทำไมไปไล่เพื่อน"
"พวกผมมีนัดกันจริง ๆ ครับแม่ " เอินนี่พูดเสียงแมน ๆ บอกแม่เพื่อน
"พวกผมลาแล้วครับอแม่ดา สวัสดีครับ" สองหนุ่มไหว้ลาแม่ของมาคินอีกครั้ง แม่เองก็รับไหว้ ก่อนที่เด็กทั้งสองคนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป
"แล้วนี่แกไปไหนมา กลับบ้านผิดเวลา เดี๋ยวพ่อแกก็โวยวายขึ้นมาอีกหรอก" แม่หันมาถามแกมต่อว่าลูกชายคนโตที่ไปไหนมาจนเย็น
"มีงานต้องทำนี่ครับแม่ มาเย็นหน่อย ช่วงนี้งานที่มหาลัยผมเยอะ" มาคินยังไม่ได้บอกที่บ้านเรื่องดร็อปเรียน เพราะเขายังคงไปเรียนทุกวันมาตลอด
"ไป ๆ เข้าไปข้างใน พ่อมาตั้งนานแล้ว " เพียงแค่แม่เอ่ยชื่อพ่อก็ขนลุกขนพองขึ้นมา
" พ่ออารมณ์ไหนครับวันนี้ วันนี้ดูรายการทีวีกันไหมครับ"
"มีอะไร ปกติเขาก็ดูทุกวัน แกดูแปลก ๆ ไปทำอะไรมา "
" ผมบอกแม่แล้วแม่อย่าเพิ่งไปบอกพ่อนะ ให้ผมทำสำเร็จก่อน" มาคินยอมเล่าให้แม่ตนเองฟังที่หน้าบ้าน
มาคินกับแม่ที่มานั่งคุยกันที่ม้าหินหน้าบ้าน มุมเล่นกีตาร์เป็นประจำ เขาเล่าเรื่องที่ตนเองแอบไปร้องเพลงทำงานมา
"ผมแอบไปประกวดร้องเพลงมาครับแม่ พรุ่งนี้พี่โปรดิวเซอร์เขาเรียกไปคุยเรื่องงานเพลงครับแม่"
"ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว เดี๋ยวพ่อแกก็โวยวายอีกหรอกลูกคนนี้ " แม่ดาตีเข้าที่แขนลูกชายคนโตเบา ๆ
"วันนี้แม่เลี่ยงๆ รายการบันเทิงไปก่อนนะครับ ที่ผมทำ ทำเพื่อให้ทุกคนสบาย ไม่ต้องคอยหลบเจ้าหนี้แบบทุกวันนี้นะแม่" มาคินเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกที่มีเจ้าหนี้มาตามทวงเงินที่บ้านหรือที่ทำงาน
"แล้วเรื่องเรียนของลูกหละ ตอบแม่มาตรง ๆ ทุกวันนี้แกมีเงินมาให้แม่ทุกวัน จนแม่เองเริ่มสงสัยแล้วนะคิน" แม่ดาเอ่ยถามตรงไปตรงมากับลูกชาย
"ผมให้สัญญาครับแม่ ผมจะเรียนจบให้แม่ดู ตอนนี้ผมอยากเดินตามความฝันของผมก่อน " มาคินยังยืนยันที่จะเดินตามรอยตนเองเขาอยากทำงานเพลงเป็นนักร้อง
สองแม่ลูกนั่งคุยกันสักพักก็พากันเข้าบ้าน คุยกันไปตลอดทางแต่เรื่องที่คุยกลับกลายเป็นเรื่องอื่น ตอนเข้าไปในบ้านพ่อก็ไม่ได้นั่งอยู่ในห้อง คุณพ่อเดินขึ้นบ้านไปแล้ว
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ
วันซ้อมใหญ่เปิดเวที 1 ปีคู่จิ้นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดกลาง ถูกจัดไฟรันระบบเต็มสูบเป็นรอบ ซ้อมใหญ่ โปสเตอร์ข้างเวทีติดป้ายชัดเจน “1st Year Anniversary คู่จิ้นรักร้อยดาว x มาคิน”ร้อยดาวสวมเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นง่าย ๆแต่บนเวที เธอเหมือนคนละคน จับไมค์ด้วยมือที่เคยสั่นแต่วันนี้กลับมั่นคงเสียงหัวเราะของทีมซาวด์ ทีมแดนซ์ ทีมไฟดังระหว่างพักเบรก โปเต้ยืนกอดอกดูงานเงียบ ๆ ส่วนสงครามนั่งหลังบอร์ดควบคุมไฟด้วยแววตาเหมือนพ่อที่ภาคภูมิใจในลูกศิษย์มาคินยืนอยู่ข้างเธอในชุดสบาย ๆ เหมือนกัน เขาหันมาดึงสายกีตาร์ปรับจูนให้แฟนสาวเอง มือเขากับมือเธอสอดกันแว็บหนึ่ง“พร้อมมั้ยดาว” เสียงมาคินทุ้มนุ่ม ไม่ได้ถามแบบโปรดิวเซอร์ แต่ถามในฐานะคนที่อยู่ข้างเธอทุกครั้งร้อยดาวพยักหน้า เหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่รอยยิ้มกลับสดใส เธอยกไมค์ขึ้น ร้องท่อนฮุคเพลงเก่าที่เธอเคยเขียนไว้ ครั้งนี้ เธอร้องในชื่อของเธอจริง ๆเสียงกลองซ้อมรัวตามจังหวะเบา ๆ พวกเด็กฝึกงานที่ยืนดูกันอยู่ตรงขอบเวทีโห่เชียร์กันเบา ๆ อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่มาซ้อมแดนซ์เซ็ตใหญ่ทีหลังยังส่งเสียงแซว“พี่ดาวแม่งอย่างเท่! ฮู้วววว”“พี่มาคินอย่าเขินดิ๊! หยิกแก
นามแฝงในเพลงมือของสงครามที่ยื่นให้ร้อยดาวเดินเข้ามาในห้องโปรดิวเซอร์ของค่ายที่เธอคุ้นเคยดี แต่วันนี้บรรยากาศกลับอึดอัดจนลมหายใจแทบขาดห้วงโปเต้นั่งข้างเฮียสงครามเหมือนมือขวาที่เฝ้ารอดูว่าบทสนทนานี้จะไปจบตรงไหนบนโต๊ะไม้สีเข้ม เอกสารหลายแผ่นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไฟสปอตไลท์ในห้องประชุมสว่างพอจะเห็นเงาหน้าร้อยดาวที่ซีดเผือดและมือเล็กที่กำชายเสื้อแน่น สงครามวางปากกาลงบนแฟ้มเสียงเบา ดวงตาคมใต้แสงไฟสบตาเธอโดยไม่กระพริบ“ฉันได้ยินมาว่ามีคนกำลังจะเอาเพลงเก่ามาขายซ้ำ ใช่เพลงเดียวกับที่เธอเคยเขียนไว้หรือเปล่า เพลงที่เธอใช้นามแฝงตอนนั้น” เสียงเขาราบเรียบ เหมือนครูใหญ่เรียกเด็กนักเรียนมาคุย แต่ในความนิ่งนั้นกลับกดดันเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอกร้อยดาว ร้อยดาวหลบตา ปลายนิ้วเธอขยำชายกางเกงจนยับยู่ยี่ เธอพยายามจะตอบ แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบแห้ง“ค่ะ” เพียงคำเดียวก็พอให้โปเต้ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ เห็นร่องรอยเจ็บเก่าที่เธอเก็บไว้มานานสงครามพยักหน้าช้า ๆ เขาเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสาร เผยให้เห็นสำเนาสัญญาเก่าที่มีตราประทับชื่อกันจ์ชัดเจน“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่ากันจ์มันทำอะไรไว้”“มันไม่ใช่แค่เพล
อดีตของร้อยดาวเบื้องหลังเพลงที่ไม่มีชื่อเธอเสียงลมจากแอร์ตัวเก่าดังหึ่ง ๆ ในห้องซ้อมส่วนตัวที่ร้อยดาวใช้ฝึกทุกวัน คืนนี้เธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิมที่ใกล้เปียโนไฟฟ้ามากที่สุด มือบางยังคงถือโน้ตเพลงเก่าแผ่นเดิมไว้แน่น ปลายนิ้วที่เคยแต่งทำนองนั้นสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังรื้อความทรงจำที่เธอพยายามลืมมาตลอดร้อยดาวถอนหายใจ ลมหายใจร้อนวาบเพราะเพิ่งร้องเพลงใหม่กับมาคินจนคอแห้ง แต่สิ่งที่ติดอยู่ในหัวเธอกลับไม่ใช่เพลงใหม่ ไม่ใช่ท่อนฮุคหวาน ๆ ที่เขาเพิ่งชมว่าเพราะที่สุดตั้งแต่แต่งมา กลับเป็นประโยคท่อนหนึ่งในสมุดโน้ตแผ่นนี้ที่เธอแต่งมันด้วยลายมือสั่น ๆ ในวันที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบ“ฉันยังจำเนื้อเพลงได้ทุกคำเลยมาคิน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ร้องมัน" เสียงเธอเบาราวกับกลัวว่าลมแอร์จะพัดมันหายไปมาคินหันมามองแฟนสาวตรงหน้า เขานั่งพิงขอบเปียโน ปล่อยให้เสียงกีตาร์โปร่งที่เพิ่งวางไว้เงียบสนิทแสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนในดวงตาเขาอย่างระมัดระวังเขารู้ดีว่าร้อยดาวรักทุกคำ ทุกท่อน ทุกเมโลดี้ในสมุดโน้ตนั้นมากแค่ไหน เขาเคยเห็นเธอลงแรง แก้คำ แก้คอร์ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยเห็นเธอพูดถึงมันด้วยแววตาเจ็บเท่านี้มาก่อน“ทำไมล่ะดาว นั
ถูกมือกาวย้อนกลับ1645 คำทางเข้าคอนโดของยิปซี ค่อนข้างมืด ไม่มีผู้คนมากนัก“เฮ้ แม่นางเอก เงินฉันอยู่ไหน”เสียงแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่โผล่มาจากเงามืดหลังรถตู้จอดส่งของ ผมมันเยิ้มกลิ่นกาวและบุหรี่คลุ้งลอยปะทะ จับคอเสื้อยิปซีทันทีที่เธอเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงแฟนคลับ ไฟลานจอดรถสว่างเป็นจุด ๆ แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่ามีคนกำลังลงไม้ลงมือ“อย่ามาโวย แกยังไม่ได้ทำงานให้ฉันด้วยซ้ำ จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำเหี้ยอะไร”ยิปซีแหวเสียงสูง ใบหน้าแต่งจัดแต่เหงื่อซึม เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยโค้ทยาว พยายามแกะมือมันออกแต่โดนบีบแน่นกว่าเดิม“ฉันติดคุกเพราะแกนะเว้ย แกเป็นคนจ้าง ถ้าฉันไม่ได้ตังค์ แกก็อย่าหวังจะได้อยู่ดี ๆ”เสียงเด็กกาวกระแทกพร้อมฟันเหลือง มันหัวเราะหยันเธอเบี่ยงหน้าเลี่ยงกลิ่นกาวที่พ่นรดอยู่ใกล้“อย่ามาขู่ฉันนะ ไอ้ขี้ยา”ยิปซีฟาดเล็บเข้าหน้ามันเต็มแรง เสียงเพี้ยะสะท้อนในลานจอด รถขนเครื่องเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนร่วมเป็นพยาน“อีดอก” เด็กกาวสบถลั่น ผลักเธอไปกระแทกผนังคอนกรีตด้านหลังเวที เศษกระดาษโปสเตอร์คอนร่วงปลิวลงเท้าเธอ“สภาพแกตอนนี้ก็เหมือนหมาข้างถนนแล้วล่ะ ยัยนางเอกตกกระป๋อง”เด็