LOGINหน้าห้องประชุมบ่ายคล้อยแสงแดดตกกระทบกับพื้นกระเบื้องเย็น ๆ ของโถงค่าย รอยเท้าส้นสูงของ “ยิปซี” เดินฉับ ๆ ออกมาจากห้องประชุม สีหน้าเธอฉุนเฉียว ตาแดง ๆ บ่งบอกว่าเพิ่งผ่านความคับแค้นใจมาอย่างหนัก ทันใดนั้น
“เอ๊ะ… ยิปซี" เสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ ร้อยดาว ที่เพิ่งเดินมาจากอีกทาง เธอถือสคริปต์ประชุมไว้ในมือ เตรียมจะเข้าไปคุยงานกับพี่โปเต้พอดี ยิปซีหยุดฝีเท้ากะทันหัน ดวงตาเธอเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่ปิดบังความไม่พอใจ “อ้อ ไม่แปลกใจเลย” เธอแสยะยิ้ม เยาะเย้ยราวกับรอจังหวะนี้มานาน “ถึงว่าทำไมช่วงนี้เฮียถึงหายหน้า ไม่สนใจฉันเลยที่แท้ก็มัวแต่เอาใจ เด็กใหม่” ร้อยดาวขมวดคิ้ว “พี่หมายถึงอะไร” “อย่าแอ๊บใส่นะร้อยดาว เธอรู้ดีว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่” น้ำเสียงของยิปซีเริ่มดังขึ้น รอยยิ้มบิดเบี้ยวเจือแรงแค้น “เข้ามาค่ายไม่ทันไรก็ได้ขึ้นโปรเจคทุกตัว คนอื่นเขาอยู่นานเป็นปี ยังไม่เคยได้โอกาสแบบนี้เลยด้วยซ้ำ” ร้อยดาวหน้าชาวูบ เธออึ้ง ไม่คิดว่าจะโดนกล่าวหาแบบนั้น “เฮียไม่เคยแม้แต่จะเปิดห้องคุยกับใครนานขนาดนั้น แต่เธอแค่ทำหน้าซื่อ ๆ ส่งยิ้มทีสองทีก็ขึ้นเวทีแล้ว” “เธอคิดว่าคนอื่นไม่เห็นหรือไง ว่าเธอมันแค่เด็กเส้น!” “พอเถอะ” ร้อยดาวพูดเสียงแผ่ว มือกำแน่นยิ่งพูดเหมือนบ่งบอกตัวเอง “ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่ฉันไม่ได้” “อย่าทำตัวเป็นนางเอกที่ไม่รู้เรื่องอีก ทุกคนก็พูดกันทั้งนั้น ว่าเธอเป็นคนพิเศษของเฮีย” เสียงนั้น ดังพอจะลอดเข้าไปถึงหน้าประตูห้องซ้อมดนตรีทีมโปเต้ ประตูเปิดออก พร้อมร่างสูงของ มาคิน ที่ก้าวออกมาพร้อมสีหน้าเครียดจัด เขาหยุดนิ่ง เมื่อเห็นสองสาวยืนประจันหน้าเขาได้ยินชัดทุกคำ “พูดอะไรของเธอ ยิปซี” เสียงมาคินเข้มและนิ่งผิดปกติ ดวงตาเขาจับจ้องไปยังใบหน้ายิปซีอย่างตรงไปตรงมา ยิปซีสะดุ้งนิดหนึ่ง แต่ยังเชิดหน้า “ก็พูดในสิ่งที่ทุกคนคิด แต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา” “พี่ก็น่าจะรู้ว่าร้อยดาวได้โปรเจคเพราะอะไร” “พอได้แล้ว!” มาคินเสียงแข็ง “เธอกล้าพูดแบบนี้กับคนที่ทำงานจริงเหรอ ร้อยดาวทุ่มเทกับทุกโปรเจคที่ได้รับ เธอเคยอยู่ในห้องซ้อมกับเราสักครั้งไหม ถึงได้มาพูดแบบนี้” ร้อยดาวยืนนิ่งไม่ทันห้าม เขาเดินมาแทรกกลางระหว่างทั้งสอง “ฉันไม่รู้เธอกำลังคิดอะไร แต่ถ้าเธอจะเอาเรื่องส่วนตัวมาทำลายคนอื่น มันก็ต่ำไปหน่อยนะยิปซี” ยิปซีหน้าเสียทันที เหมือนโดนตบด้วยคำพูดต่อหน้า “งั้นก็ยืนยันสิ ว่าเธอไม่มีอะไรกับเธอคนนี้” “ตอบตรงนี้เลยสิ ว่าร้อยดาวมีอะไรพิเศษสำหรับนาย” มาคินหันมามองร้อยดาวสายตาเขานิ่ง ไม่พูดออกมาทันที แต่กลับมองลึกลงไปในตาของเธอเหมือนคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว “ฉันไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรให้คนที่ตั้งใจจะมองแค่ในมุมของตัวเองฟัง” “แต่ถ้าเธออยากรู้จริง ๆ ใช่ ร้อยดาวสำคัญกับฉัน” คำพูดของเขาทำเอายิปซีหน้าแทบถอดสี “และถ้าเธอกำลังคิดจะเล่นเกมอะไรกับเธออีก ฉันก็จะไม่อยู่เฉยแน่” ยิปซีเบิกตาน้ำตาคลอ แววตาเหมือนคนถูกผลักจากโลกที่เธอเคยยึด “มาคินนายกล้าทำแบบนี้กับฉันเหรอ” “กล้า ถ้ามันคือการปกป้องคนที่ไม่ควรถูกทำร้ายตั้งแต่แรก” พูดจบ มาคินหันไปแตะหลังร้อยดาวเบา ๆ เป็นสัญญาณให้เดินไปด้วยกัน โดยไม่สนว่ายิปซีจะยืนน้ำตารื้นอยู่ตรงนั้น ร้อยดาวเงียบไปนาน ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ขณะเดินออก “ขอบคุณนะ” มาคินพยักหน้าน้อย ๆ “ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่ไม่อยากเห็นเธอโดนอะไรแบบนั้นอีกต่างหาก” และทั้งสองก็หายลับไปจากโถงทางเดิน ปล่อยให้ยิปซียืนเดียวดายอยู่กับความรู้สึกที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ร้อยดาวเดินข้างมาคินเงียบ ๆ ตลอดทางเดินกลับห้องซ้อม สีหน้าเธอยังหม่นนิด ๆ เหมือนคำพูดของยิปซียังหลงเหลืออยู่ในหัว มาคินเหลือบมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาสะกิดต้นแขนเบา ๆ “นี่ เด็กของเฮียนี่เขาเดินหน้าเครียดกันทุกคนเหรอ” ร้อยดาวหันขวับ “อะไรนะ” มาคินแกล้งตีหน้าขรึม ยกมือแตะคางตัวเอง “ก็เมื่อกี้เธอเพิ่งโดนแต่งตั้งให้เป็นเด็กเฮียนี่นา หรือฉันตกข่าว" เธอถอนหายใจ แล้วยิ้มแห้ง ๆ “อย่าเล่นเลย ฉันไม่ตลกด้วยนะมาคิน” มาคินหยุดเดินหันมาประจันหน้าเธอตรง ๆ พร้อมทำหน้าเว้าวอน “โอเค ไม่เล่นแล้ว แต่ขอถามจริง ๆ” เธอเลิกคิ้ว รอฟัง “ในใจเธอ... มีเฮียอยู่เหรอ” “ห้ะ” เธอหน้าเหวอทันที มาคินยกมือแตะแนบอกตัวเอง ทำท่าเหมือนเจ็บลึก “โธ่สงสารแฟนตัวเองจัง โดนยกตำแหน่งให้คนอื่นเฉยเลย” “ใครบอกว่าเป็นแฟนล่ะ" ร้อยดาวขึ้นเสียงนิด ๆ แก้มแดงนิดหน่อย “กยังไม่บอกใครเฉย ๆ ไง” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ในใจมันคงใช่มานานแล้วนี่” ร้อยดาวทำปากจะเถียง แต่กลับหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด “โอ๊ย นายนี่มันหายเครียดเลยเนี่ย” มาคินยิ้มกว้าง “ดีแล้วยิ้มแบบนี้แหละที่ฉันชอบ” เธอเบนสายตาหลบ ดึงแขนเขาเบา ๆ “ไปได้แล้ว จะเข้าไปซ้อมต่อ เดี๋ยวโปเต้รอนาน” มาคินยอมเดินตามแต่โดยดี แต่ไม่วายกระซิบข้างหู “บอกไว้ก่อนนะ ถ้าใครมาแซวอีกว่าเธอเป็นเด็กเฮีย ฉันจะลุกขึ้นประกาศเลยว่าเป็นแฟนฉันครับอย่ามายุ่ง" ร้อยดาวรีบหันมาปิดปากเขา “คิน อย่านะ” “หวงเหรอ” เขาเลิกคิ้วยิ้มกวน “เปล่า แต่เขินบ้าเอ๊ย” เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังแผ่ว ๆ ไปตามทางเดิน และแสงอ่อนจากปลายโถงทำให้ทุกอย่างดูนุ่มนวลขึ้นอีกครั้ง เหมือนไม่มีใครสามารถมารบกวนโลกของสองคนนี้ได้ง่าย ๆ อีกต่อไป ในห้องซ้อมดนตรีของค่าย เสียงกีตาร์เบา ๆ ดังจากปลายนิ้วของก็อปเปอร์ที่นั่งเล่นระหว่างรอ ข้าง ๆ คืออ๊อฟที่กำลังกดมือถือเลื่อนดูคลิปงาน MV เก่า ๆ ของค่ายอย่างเบื่อ ๆ “นานจังวะคู่นั้น เดินเล่นกันอยู่หรือไง” อ๊อฟบ่นงึมงำ “เฮียโปเต้ให้เรียก ไม่ใช่ชวนออกเดต” ก็อปเปอร์แซวเบา ๆ ขำ ๆ ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับมาคินที่เดินนำร้อยดาวเข้ามา รอยยิ้มบนหน้าทั้งสองยังไม่หาย “มาแล้วเหรอคนมีความรัก” พี่โปเต้พูดขึ้นทันทีโดยไม่ต้องเหลือบมองเสียงของเขาไม่ได้ดุ แต่ก็ไม่ได้เบา “พี่โปเต้ได้ยินเหรอครับ” มาคินหน้าเหวอ “ก็ไม่ได้ตั้งใจฟังหรอกนะ แต่เสียงหัวเราะของเธอสองคนน่ะ ดังพอให้พี่หยุดจูนไมค์เลยล่ะ” ร้อยดาวทำหน้าไม่รู้จะยิ้มหรือหลบยังไงดี พี่โปเต้พิงโต๊ะ มือกอดอก มองทั้งสองคนแล้วพูดต่อ “พี่จะไม่พูดอะไรเยอะนะ ไม่ได้ห้ามด้วย เพราะความรู้สึกของคนเรา บังคับกันไม่ได้จริง ๆ” เขาหันไปมองอ๊อฟกับก็อปเปอร์ที่รีบตีหน้านิ่งราวกับไม่ได้ฟังอยู่เลย “แต่ที่อยากเตือนในฐานะพี่ชาย และในฐานะคนที่ดูแลพวกเรามาตั้งแต่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา" พี่โปเต้หยุดคำพูดนิดนึง แล้วมองตรงเข้าตาของทั้งมาคินและร้อยดาว “ทุกความสัมพันธ์มันมีผลกับงาน ถ้าความรักของพวกเธอมั่นคงพอ จะไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่ พี่ไม่อยากให้ค่ายนี้ต้องกลายเป็นสนามรบ หรือพื้นที่อึดอัดสำหรับใครทั้งนั้น” มาคินก้มหน้ารับฟังเต็มที่ ส่วนร้อยดาวก็พยักหน้าเบา ๆ “เข้าใจครับพี่โปเต้ ผมไม่คิดจะทำให้มันกระทบงานแน่นอน” “หนูก็เหมือนกันค่ะพี่ หนูจะรับผิดชอบในส่วนของตัวเองทุกอย่าง" พี่โปเต้พยักหน้า ก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อย “ดี พี่ไม่ห่วงเรื่องพวกเธอทะเลาะกันหรอก พี่ห่วงเวลามีคนอื่นเข้ามาแล้วทำหน้าเหม็นใส่กันนี่แหละ อย่าทำเหมือนพี่ต้องมานั่งไกล่เกลี่ยเลิฟซีนแทนไดเรกเตอร์เลยนะ" เสียงหัวเราะหลุดออกมาจากทั้งอ๊อฟและก็อปเปอร์ทันที “พี่มาคินขี้หึงอะดิพี่โปเต้ ไม่ต้องเดาเลย” อ๊อฟแซว “หรือร้อยดาวจะเป็นสายแรงเงาเงียบ ๆ กันแน่” ก็อปเปอร์เสริมพร้อมขยิบตา “เฮ้ย พอเลย” ร้อยดาวหน้าแดงปัดมือทั้งสองคนเบา ๆ พี่โปเต้ยิ้มมุมปาก ก่อนเอื้อมมือวางบนไหล่มาคินและร้อยดาวทีละคน “แค่จำไว้นะ ที่นี่คือบ้าน งานคือสิ่งที่เราร่วมกันสร้าง และคนในวงการไม่ช้าไม่นานก็จะรู้เรื่องพวกเธอ พี่อยากให้ทุกอย่างมันออกมาดี ไม่ใช่แค่เพลง แต่รวมถึงพวกเธอด้วย” มาคินพยักหน้ารับหนักแน่น “ขอบคุณครับพี่โปผมจะไม่ทำให้เสียชื่อแน่นอน” “ขอบคุณค่ะพี่โปเต้” ร้อยดาวตอบเสียงนุ่ม พี่โปเต้ยิ้มบาง ๆ “งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้ไปเปลี่ยนสายกีตาร์ซะ แล้วเตรียมตัวมาคุยงานถ่าย MV ซีนแรก ซีรี่ส์ความรักของค่ายเราจะเริ่มแล้วนะเว้ย” เสียงโห่แซวจากอ๊อฟและก็อปเปอร์ดังลั่นห้องซ้อม มาคินหันมากระซิบร้อยดาว “เห็นมั้ยเป็นแฟนกันแล้วงานเข้าเลย” “ดีนะ ยังไม่ต้องจูบจริงใน MV" ร้อยดาวพูดพลางมองค้อน “ยังไงก็ไม่รอด หนีไม่พ้นหรอก” มาคินยิ้มกวน ติดตามตอนต่อไปได้ที่ ธีญวลัย R********e d****eร้อยดาวยังลูบหัวเจ้ามะยมกับเจ้าก้อนทองที่กระโดดไปกระโดดมาบนเบาะหลังอยู่ไม่หยุด มาคินยื่นมือมาเปิดประตูรถฝั่งเธอ ลมหนาวตีเข้ามาทันทีจนเธอต้องห่อตัว ดึงผ้าพันคอคลุมแน่น“หนาว” เสียงเธอสั่น ๆ พอให้มาคินขำในลำคอมือหนายื่นมาโอบไหล่เธอไว้ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเล็ก ๆ ของเธอสะพายเองแล้วพาก้าวลงจากรถทันทีที่เท้าเหยียบพื้นดินบนลานจอดบ้านพัก เสียงกรวดกรอบ ๆ ใต้รองเท้าฟังดูสงบกว่าทุกวัน เจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมกระโดดลงมาก่อน วิ่งดมดิน ดมต้นหญ้า หมอกบาง ๆ ลอยผ่านขนหมาจนเปียกเป็นหย่อม ๆบ้านพักไม้สองชั้นทรงเรียบ แต่มีระเบียงกว้างทอดออกไปด้านหลัง มองเห็นเนินเขาลูกแล้วลูกเล่า ปลายไม้ระเบียงมีละอองน้ำเกาะพราวเป็นหยด ยามแสงแดดอ่อน ๆ ของเช้าเริ่มส่องลอดกลุ่มหมอก ก็ดูเหมือนเกล็ดเพชรระยิบระยับ“สวยจนเหมือนฝันเลยนะ” ร้อยดาวพึมพำออกมาเบา ๆ เธอเกาะแขนเขาแน่น มาคินหันมามอง ยิ้มบางอย่างใจดี“ไม่ใช่ฝันหรอก วันนี้ของจริงแล้ว” เขาดันประตูบ้านพักออกไปเบา ๆ กลิ่นไม้สนหอมอ่อน ๆ ลอยออกมาต้อนรับภายในบ้านมีเตาผิงเล็ก ๆ มุมหนึ่ง แต่สองคนไม่สนใจอะไรในบ้านเลย เพราะข้างนอกนั่นกำลังเรียกพวกเขาออกไปหามาคินวางกระเป๋า แล้วจับมือ
ไฟห้องนั่งเล่นเปิดสลัว ๆ มีเพียงเสียงหมาน้อยสองตัวที่วิ่งไล่กันอยู่บนพื้นไม้ เสียงกรงเล็บเล็กกระทบพื้นดังกิ๊ก ๆ สลับกับเสียงเห่าเถียงของเจ้าก้อนทองกับเจ้ามะยมมาคินนั่งพิงโซฟา ยื่นขาถอดรองเท้าออกวางบนพรม ร้อยดาวเพิ่งเดินออกจากครัวพร้อมถ้วยโกโก้อุ่นในมือสองใบ กลิ่นนมสดกับผงโกโก้แท้ลอยคลุ้งไปทั่วบ้าน เธอวางแก้วใบหนึ่งลงตรงหน้ามาคิน แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มืออุ่นของเธอเลื่อนมาลูบหัวเจ้าก้อนทองที่กระโดดขึ้นมาตักคืนนี้ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ ไม่มีเสียงแฟนคลับกรี๊ด ไม่มีไฟเวทีพร่างตา มีเพียงลมหายใจของสองคน ที่กำลังจะออกเดินทางไปหาหมอกขาวบนดอยในวันรุ่งเช้า เสียงหรีดหริ่งเรไรข้างบ้านดังลอดหน้าต่าง ครู่หนึ่งร้อยดาวหันมามองคนข้างกาย“นี่ คิดดีแล้วใช่มั้ย จะพาฉันกับหมาสองตัวไปหนาวบนดอยด้วยเนี่ย" มาคินอมยิ้ม หันมาจับแก้มเธอเบา ๆ ปลายนิ้วเย็นนิดหน่อเพราะเพิ่งแตะแก้วโกโก้“คิดดีแล้วครับคุณแฟน เพราะไม่มีเธอ ฉันก็หนาวแย่สิ”ร้อยดาวตีแขนเขาเบา ๆ แต่ก็ยอมเอนหัวซบไหล่เหมือนเด็กขี้อ แสงไฟสีอุ่นในห้องนั่งเล่นตกกระทบเสี้ยวหน้าเธอ ดวงตาเป็นประกายระยิบเหมือนเด็กที่กำลังเฝ้ารออะไรสักอย่างด้วยใจเต้นแรงเจ้ามะยมกร
AFTER PARTY ก้าวต่อไปหลังไฟสปอร์ตไลท์ดับค่ำคืนนั้นหลังเวทีใหญ่ปิดฉาก เสียงปรบมือยังแว่วอยู่ในหัว ร้อยดาวกับมาคินเพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดสบาย ๆ เดินออกจากห้องแต่งตัวด้วยใบหน้ายังแดงระเรื่อจากไฟบนเวทีในห้องพักหลังคอนเสิร์ต ทีมงานทุกคนรออยู่แล้ว โปเต้เดินถือขนมกล่องใหญ่กับเครื่องดื่มในมือ สงครามยืนพิงกำแพงรอ ส่วนอ๊อฟกับก็อปเปอร์นั่งกอดหมอนบนโซฟายาว สภาพทุกคนดูอ่อนล้าแต่ตากลับเปล่งประกายเหมือนเพิ่งได้รับพลังใหม่บนโต๊ะกลางมีเค้กเล็ก ๆ ปักเทียน “1 Year Anniversary” ที่โปเต้สั่งให้ บรรยากาศไม่มีเสียงกรี๊ด ไม่มีใครถือแท่งไฟ มีแต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนที่เป็นเหมือนครอบครัวจริง ๆ โปเต้วางกล่องขนมลงโต๊ะ“เอ้า นี่ของขวัญวันครบรอบหนึ่งปีของเด็กคู่นี้… พี่สั่งมากับมือ ไม่ได้ให้เอฟซีนะ พี่ให้เอง” โปเ้เองพอใจในน้อง ๆ สังกัดตนเองทุกคน“ขอบคุณพี่โปเต้มากครับ พี่นี่แหละคนดันเรามาตลอด”“เฮีย ถ้าไม่มีเฮีย หนูคงไม่มีวันนี้จริง ๆ ค่ะ” ร้อยดาวขอบคุณสงคราม“ถ้าเธอสองคนไม่อดทน ก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน จำเอาไว้ ทุกเทคที่ซ้อมกันยันเช้า ไม่เสียเปล่าเลย” สงครามพยักหน้านิ่งก็อปเปอร์ลุกมาดึงทั้งคู่มานั่งรวมวงบนพื
เสียงกรี๊ดต้อนรับดังลั่นจนเกือบกลบเสียงพิธีกรบนเวทีในฮอลล์คอนเสิร์ตใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยไฟเวทีสีทองนวล พร็อพดอกไม้หลากสีและแบนเนอร์คู่จิ้น ร้อยดาว × มาคินทุกเก้าอี้ถูกจับจองแน่นขนัด แท่งไฟนับพันกวาดแสงไปมาเป็นคลื่นเหมือนท้องทะเลเรืองแสงเสียงเพลงอินโทรเปิดตัวเริ่มขึ้นพร้อมแสงไฟไล่ไปตามแนวเวที เมื่อเงาสองคนก้าวออกมาจากด้านหลัง ม่านไฟพุ่งขึ้นต้อนรับ เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นราวกับฮอลล์จะสั่นสะเทือนร้อยดาวยืนข้างมาคิน มือเล็กกำไมค์ไว้แน่นเพราะหัวใจเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แววตาของเธอวาววับ มองแฟนเพลงกว่าพันชีวิตที่โบกแท่งไฟรออยู่"สวัสดีครับ โอ้โห ผมคิดว่าจะไม่มีคนมาดูพวกเราสองคนเสียอีกครับ" เสียงมาคินทักทายเรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นลั่นฮอลล์“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่วันนี้ทุกคนมาชาร์จพลังให้พวกเราจริง ๆ ”เสียงเธอสั่นหน่อย ๆ ก่อนจะหัวเราะเบาเมื่อมาคินโอบไหล่ให้กำลังใจข้าง ไฟสปอร์ตไลท์สาดลงบนสองคนที่ยืนเคียงกันเหมือนคู่พระนางในนิทานช่วงกลางคอนเสิร์ต หลังจากเพลงซึ้งจบไปสามสี่เพลงพิธีกรเซอร์ไพรส์ด้วยการเชิญ “แขกรับเชิญพิเศษ” ของสองคนขึ้นมาบนเวทีเสียงกรี๊ดรอบใหม่ดังขึ้นทันที เมื่อเห็นพ่อกับแม่
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ