LOGIN“ไอ้เหี้ยนี่ก็เสน่ห์แรงจริ๊ง” ธีธัชค่อนขอดเพื่อน ไม่นานเพื่อนของสาวสวยหนึ่งในกลุ่มนั้นก็เดินตรงมาหาอิทธิพลที่โต๊ะและหยุดยืนอยู่ข้างชายหนุ่มพร้อมด้วยรอยยิ้ม ทุกสายตาของทุกคนในโต๊ะจับจ้องอยู่ที่เธอ
“พี่ชื่ออะไรคะ?” เธอย่อตัวลงต่ำก้มหน้าเข้ามาใกล้ ผู้ถูกถามแค่ส่งยิ้มให้ยังไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ
“ชื่อพี่ดินค่ะ” จิวารีตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้น้องคนสวย
“เพื่อนหนูให้มาขอแลกไลน์กับพี่ดินค่ะ” พลางหันกลับไปมองที่โต๊ะสาวสวยคนเดิมที่ถูกเอ่ยถึงส่งยิ้มหยาดเยิ้มมาให้
“คนนั้นค่ะ” บุ้ยปากไปที่เพื่อนสาวของหล่อนที่ส่งสายตาทะลุมาหาชายหนุ่มเหมือนนายพรานที่เห็นลูกกวางตัวน้อยและมโนอยู่ในใจว่าหากได้ชิมเนื้อคงหวานน่าดู นี่พวกหล่อนไม่คิดบ้างเลยเหรอว่า เอวาหรือจิวารีที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขา ใครคนใดคนหนึ่งอาจจะเป็นแฟนของชายหนุ่มก็เป็นได้ ใจกล้าไม่เบาจริง ๆ
“คงไม่ได้หรอกค่ะคนนี้แฟนพี่” จิวารีปฏิเสธพร้อมกับคล้องแขนที่คอชายหนุ่มแตะไหล่แข็งแรงเคาะเล่นเบา ๆ แกล้งสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บวกกับนึกสนุกแกล้งพ่อหนุ่มเนื้อหอมเสียหน่อย
“อ้าว ขอโทษนะคะพี่ หนูไม่ทราบค่ะ” หน้าตาตื่นพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ
“ไม่เป็นไรค่ะแฟนพี่รูปหล่อ ใคร ๆ ก็ชอบเป็นธรรมดาพี่ไม่โกรธหรอกค่ะ”
“นี่ไงคนนี้โสด” ผายมือไปที่ธีธัช ทันทีที่เพื่อนสาวส่งไม้ให้เจ้าตัวก็ขยิบตาข้างเดียวใส่พร้อมส่งจุ๊บให้กลางอากาส
“คนนี้ก็โสดค่ะ” เอวาตบไหล่ตะวันเบา ๆ
น้องคนสวยมองหน้าสองหนุ่มสลับกันไปมาก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่าค่ะดูแล้วไม่น่าจะใช่สเป็กเพื่อนหนู”
ก่อนจะเดินกลับโต๊ะไปด้วยใบหน้าผิดหวัง อิทธิพลหันข้างมามองเจ้าของมือที่เล่นบทแฟนของเขาแบบกะทันหันด้วยใบหน้าเรียบเฉย จิวารียักคิ้วให้พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แกล้งเขาได้
“จิ๋วสกัดดาวรุ่งไม่ดีนะครับ” ตะวันตำหนิเพื่อนสาวแต่สีหน้าชอบใจกับการกระทำของเธอ เขาเองที่มานั่งพร้อมกันแต่ไม่เห็นจะมีใครมาขอแลกไลน์เลยสักคน
“ไม่ได้แดกหรอกมึงไอ้ดินวันนี้...กูด้วย” คำเห็นใจจากธีธัชที่ฟังดูเหมือนตอกย้ำตัวเองเสียมากกว่า จิวารีโน้มคออิทธิพลลงมาใกล้ มองหน้าหล่อของเพื่อนที่ห่างกันไม่ถึงศอก
“ไม่เอา...ไม่โกรธ” หยอกเย้าพร้อมกับตบไหล่เบา ๆ เป็นการปลอบใจพร้อมกับยกแก้วเครื่องดื่มให้
“เป็นผู้หญิงชอบถึงเนื้อถึงตัวผู้ชาย” จิวากรดุน้องด้วยสายตา
“อะไรพี่แจ็คไอ้ดินก็เพื่อนจิ๋ว” คนถูกดุที่ไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด
“อ้าว เมื่อกี้ยังบอกเป็นแฟนอยู่เลยนะครับ” ตะวันท้วงขึ้น
“เมื่อกี๊เขาเรียกการแสดง”
“มารคอหอยชัด ๆ” ธีธัชเสริมให้
จิวารียักไหล่
ภาพหญิงสาวที่กอดคอเพื่อนชายและหัวเราะกันอยู่ตรงหน้า ทำให้มอสเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาที่โต๊ะทันที สายตาที่มองอิทธิพลแบบตั้งคำถามในใจ ไอ้นี่เป็นใคร จิวารีปล่อยมือออกโดยอัตโนมัติ
“แจ็ค...จิ๋ว หลังปิดร้านพวกเราจะไปกินข้าวต้มปากทางไปด้วยกันไหม?” สายตาจับอยู่ใบหน้าสวยและลุ้นคำตอบ
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่มอสจิ๋วจะกลับไปพักผ่อน ขอบคุณนะคะ”
ปฏิเสธอย่างสุภาพ
ร้องเพลงร่วมกันมาทั้งสัปดาห์เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวกระมังที่ไม่สนใจเขาเลยสักนิดถ้ายกเรื่องงานออก เขาทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมเป็นศิลปินที่สาว ๆ ต่างหมายปองอยากเป็นคู่ควงเขาทั้งนั้น ยกเว้นเธอคนนี้ ทำให้ต่อมอยากเอาชนะมันเปิดตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ
“พี่แจ็คหิวก็ไปเถอะจิ๋วกลับกับเพื่อน ๆ ก็ได้” หันไปพูดกับพี่ชาย
อิทธิพลปรายตามองผู้มาใหม่ ที่มองจิวารีและมองเลยมาที่เขา สายตาของสองหนุ่มที่สบกันเข้าพอดีต่างฝ่ายต่างไม่ยอมหลบตากัน
“กูไม่ไปดีกว่าง่วงแล้วอีกเดี๋ยวก็คงกลับละ พวกมึงไปกันเถอะ”
คำปฏิเสธจากจิวากรเรียกมอสให้ละสายตาไป
อิทธิพลมองหน้าเพื่อนสาวที่พูดคุยกับเอวาและหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแบบไม่ใส่ใจสิ่งอื่น เนื้อหอมไม่เบานะยัยตัวแสบ เทวฤทธิ์เอย รุ่นพี่ที่ชมรมเอย ไหนจะเพื่อนในห้องที่เคยคุยกันว่าชอบเธอผ่านหูให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง และยังจะมีพี่มอสจอมแอ็กเพิ่มเข้ามาอีก นี่เธอลงนะหน้าทองไว้หรือยังไง
แสงแดดแก่ ๆ ในตอนบ่ายแต่มีลมเย็น ๆ พัดกระทบมาเป็นระยะ ไม่ได้ส่งผ่านความร้อนลงมาให้คนที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ได้เลย นอกจากจิวารีที่หน้ามุ่ยออกอาการหงุดหงิดอยู่คนเดียว
“อะไรวะ...”
เธอกระแทกก้นลงนั่งที่ม้าหินอ่อนอย่างเหนื่อยใจพร้อมเสียงโอดครวญอย่างผิดหวัง เมื่อเห็นผลสอบเก็บคะแนนปลายเทอม
นักศึกษาที่คะแนนฉิวเฉียดคาบเส้นแดง จะต้องเลือกทำกิจกรรมตามหัวข้อที่อาจารย์กำหนดเพื่อเพิ่มคะแนนสอบให้เลยเส้น ซึ่งเธอเองก็พอจะรู้และไม่ค่อยมั่นใจตัวเองสักเท่าไรในผลสอบวิชานี้เพราะไม่ค่อยสันทัดอยู่แล้ว บวกกับที่ต้องไปร้องเพลงหลังเลิกเรียนกว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกดื่น ให้ทบทวนบทเรียนก็ไม่ไหว บางวันไปเรียนก็ง่วงนอนแทบไม่รู้เรื่อง และสุดท้ายผลสอบก็ออกมารูปแบบนี้จนได้
“แล้วแกเลือกทำกิจกรรมอะไร?” คำถามจากเอวา
“บำเพ็ญประโยชน์กับสังคม” ตอบแบบเซ็ง ๆ และมีแผนในหัวไว้แล้ว
จิวารียื่นแก้วกาแฟให้อิทธิพลพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ รอยยิ้มสดใสกระจายอยู่เต็มใบหน้า
“ซื้อมาฝาก”
“ขอบคุณ” รับแก้วกาแฟจากมือเธอ ขมวดคิ้วเอียงหน้ามองเพื่อนสาวพร้อมกับคำถามที่เกิดขึ้นในหัว
“ชิมดูร้านนี้อร่อยมาก” ดึงหลอดมาแกะพลาสติกออกและเสียบลงไปในแก้วกาแฟให้เขา ชายหนุ่มดูดกาแฟจากแก้วตามที่เธอคะยั้นคะยอ
“อร่อยไหมล่ะ?”
“อือ” พยักหน้า แต่หัวคิ้วยังผูกปมเล็ก ๆ อยู่ แปลกใจกับท่าทีของเธอ
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า” เสียงสูง
“ไม่มีงั้นเราไปนะ นัดกับเพื่อนไว้จะไปเตะบอล” ลุกจากม้านั่งขึ้นยืนเต็มความสูง
“เดี๋ยวก่อนสิ” คว้าแขนแข็งแรงไว้ทันควันเงยหน้ามองคนตัวสูงและดึงให้เขานั่งลง แกล้งทำหน้าม่อย อิทธิพลอมยิ้มก่อนจะปั้นหน้าเข้ม ๆ และนั่งลงข้าง ๆ เธอ
“เก็บขยะในสวนสาธารณะ?” ทวนคำพูดของหญิงสาว
“ใช่ ต้องถ่ายรูปเขียนรายงานส่งอาจารย์ด้วย”
“แต่ว่า...ไม่มีคนถ่ายให้ตอนทำอ่ะ เอวาไม่ว่าง พี่แจ็คก็ไม่ว่าง ไอ้ธีไม่ต้องพูดถึง ส่วนตะวันจะไปเที่ยวต่างจังหวัด” ทำตาปริบ ๆ เรียกความสงสาร
“วันไหน?”
เสียงลมหนาวพัดผ่านรวงข้าวสีทองที่โอนเอนตามแรงลมอย่างอ่อนช้อย แสงอาทิตย์แรกของวันทาบทอลงบนท้องทุ่งกว้าง กลิ่นฟางกลิ่นดินที่ลอยคละคลุ้งในอากาศเมื่อหมอกจาง ๆ เริ่มคลายตัว กลุ่มนกน้อยใหญ่บินวนจิกเมล็ดข้าวในทุ่งนาโดยไม่สนใจหุ่นไล่กาเลยสักนิด ประหนึ่งว่าเป็นเพื่อนที่คุ้นหน้ากันเสียอย่างนั้นอิทธิพลขับมอเตอร์ไซค์ตามทางคดเคี้ยวที่ใช้เป็นทางลัดกลับจากท้ายทุ่ง โดยมีจิวารีนั่งซ้อนท้าย ในมือถือตะกร้าผักสดที่เก็บมาใหม่ ๆ สำหรับให้พ่อโจทำกับข้าวในเช้านี้ หลังจากสองหนุ่มสาวเคลียร์ความวุ่นวายของงานลงตัวแล้วและกลับมาเยี่ยมพ่อผ่านพ้นไปหลายฤดูที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามวันเวลาที่ล่วงผ่าน เช่นเดียวกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของการทำงาน ที่ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันคือวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันอย่างดีให้กับทุกปัญหาของการใช้ชีวิตอิทธิพลได้เข้าศึกษาต่อในสาขาบริหารธุรกิจเพื่อสานต่อตำแหน่งผู้บริหารเต็มตัวหลังจากทรงศักดิ์จากไปอย่างสงบในวัยชรา ดวงยี่หวาโอนกิจการร้านอาหารให้ทายาทเพียงคนเดียวหลังจากออกไปทำกิจการความสวยความงามตามที่เธอชื่นชอบ และมีจิวารีบริหารกิจการต่อจากเธอจิวากรลาออกจากบ
สองหนุ่มสาวหอบหิ้วถุงขนมขบเคี้ยวและกับแกล้มจากร้านสะดวกซื้อ หิ้วพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือไปหมด อีกทั้งเครื่องดื่มที่ตุนไว้สำหรับการเชียร์บอลในคืนนี้ด้วย จิวารีขอตัวไปอาบน้ำหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ชำระร่างกายคืนความสดชื่นแล้วยังไม่ทันจะได้นั่งพักเหนื่อยเสียงเคาะที่หน้าประตูก็ดังขึ้น ส่องดูหน้าคนเคาะที่ตาแมว อิทธิพลนั่นเอง“รอนานแล้ว” ทันทีที่เปิดประตูให้เขาก็อ้อนทันที พร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินมาที่ห้อง เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวถูกนำมาวางตรงโต๊ะหน้าทีวีสำหรับการเตรียมเชียร์บอลเรียบร้อย พร้อมกับเสียงบรรยายเมื่อการแข่งขันกำลังจะเริ่ม จิวารีนั่งลงข้างเขาเอนพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย“ที่ร้านเป็นไงบ้างวันนี้ยุ่งหรือเปล่า?”“อือ ลูกค้าเยอะ วันนี้ใส่รองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ไม่สบายเท้าเลย แถมปวดขามากอีกต่างหาก” มือทุบที่หน้าขาตัวเองเบา ๆ“เหนื่อยก็พักมีพี่ไพลินอยู่ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหรอก” ยกแขนขึ้นโอบไหล่เธอและดึงเข้ามาซบไหล่ตัวเอง“แล้วเรื่องเรียนต่อของนายไปถึงไหนแล้ว?”“รอเรื่องงานลงตัวก่อนค่อยว่ากันอีกที?” ตอบและจูบที่หน้าผากจิวารีเงยหน้าขึ้นมองเขา“อะไร?” อิทธิพลถามเมื่อหญิงสาวเอาแต่ยิ้มแล
จิวารีอยากตอบตกลงการเริ่มงานใหม่กับเอวา เมื่อถูกทาบทามให้ไปทำงานที่สาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดกับการร่วมหุ้นของสองครอบครัวระหว่างดวงยี่หวาและพิมพ์พรรณ แต่ดวงยี่หวาขอร้องให้เธอมาบริหารร้านอาหารแทน โดยยกเหตุผลทั้งร้อยแปดประการให้หญิงสาวใจอ่อน เพียงเพราะเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวไม่อยากให้สาวห่างไกลหูไกลตาเท่านั้นเองส่วนอิทธิพลนั้นตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งตามที่ทรงศักดิ์แต่งตั้ง ในการสานต่อธุรกิจของตระกูล เนื่องจากปัญหาสุขภาพของผู้เป็นปู่ เท่ากับว่าความรักที่เพิ่งผลิบานใหม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและภาระหน้าที่เพราะต่างฝ่ายต่างเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ในชีวิตการทำงาน ทำได้เพียงส่งข้อความหวานและโทรหาเพื่อฟังเสียงเท่านั้น หลังเลิกงานก็มารับหญิงสาวกลับห้องพร้อมกัน เพราะขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาอยู่คอนโดที่เคยปฏิเสธแล้ว เนื่องจากดวงยี่หวาอ้างเป็นสวัสดิการและใกล้ที่ทำงานจะได้สะดวกในการเดินทางด้วย“ร้านเดิมนะ ตอนเย็นหลังเลิกงานวันศุกร์”คือข้อความที่นัดเจอกันของกลุ่มเพื่อน หลังจากห่างหายจากการพบปะสังสรรค์นานแล้วหลังจากสิ้นสุดการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งกับการจัดการชีวิตให้เข้าที่เข้าทาง ทั้งเร
“มีอะไรหรือเปล่า?” เป็นเขาที่ถามขึ้นมาก่อน“เอ่อ....” เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ อิทธิพลปิดหลอดยาและเก็บลงกล่อง“เมื่อคืนนายไปส่งฉันใช่ไหม?” ถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใช่จากที่เอวาบอก“อือ” ตอบและเดินไปหยิบรีโมทย์เปิดทีวี นั่งพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย เลื่อนเลือกช่องดูผลการแข่งขันฟุตบอล“ขอบใจนะ” จิวารีอึกอักพูดต่อ“พี่แจ็คไม่อยู่บ้านน่ะ...ออกไปตั้งแต่เช้าก็เลยยังไม่ได้ถาม” ขยายความให้เผื่อเขาสงสัย“แล้ว...” เธอหยุดคำพูดไว้แค่นั้น กลอกตาล้อกแล้กไปมาเหมือนหัวขโมยจอมโกหกที่กลัวคนจับได้“หือ...” อิทธิพลหันมามองหน้ายกคิ้วเป็นคำถาม และรอฟังว่าเธอจะถามอะไรต่อ จิวารีเม้มปากแน่น หายใจติดขัด“คือ...ฉัน...น่าจะเมาหนักมาก”“แล้ว...เผลอทำอะไรรั่ว ๆ หลุด ๆ ไปบ้างหรือเปล่า?” ถามอย่างมีเลศนัยอิทธิพลยกมือขึ้นจับคางทำท่าครุ่นคิด“ก็...”จิวารีลุ้นคำตอบตามอย่างตื่นเต้น“ไม่มีนะ”เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา ค่อยยังชั่วหน่อย ที่แท้ก็แค่มโนเท่านั้น ยิ้มอย่างผ่อนคลาย กำลังจะอ้าปากถามเขาว่าอาหารจะมาส่งกี่โมง“เราก็แค่จูบกันเฉย ๆ” อิทธิพลพูดสวนขึ้นมารอยยิ้มบาง ๆ เมื่อครู่ค่อย ๆ หุบลง พร้อมกั
จิวารีงัวเงียตื่นมาเข้าห้องน้ำในตอนเช้ามืด ตามด้วยการกินยาแก้ปวดและเดินกลับห้องทิ้งหัวลงหมอนนอนต่อ ลืมตาตื่นอีกทีก็ใกล้เที่ยง มือควานหาโทรศัพท์บนหัวเตียงกดดูเวลาที่หน้าจอ ก่อนจะวางลงที่เดิม ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งและนิ่งอยู่สักครู่ มือนวดวนอยู่ข้างขมับ ก่อนลุกขึ้นไปอาบน้ำเรียกความสดชื่นคืนให้ร่างกายละอองน้ำเย็นที่ซ่ากระเซ็นลงสู่ร่างตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เรียกความตื่นตัวคืนมาได้ไม่น้อย กลิ่นหอมของแชมพูบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกผสมคละคลุ้งกันภายใต้ไอน้ำเย็นในห้องน้ำเล็ก ๆ จิวารียืนนิ่งใต้ฝักบัวปล่อยให้สายน้ำไหลลงชำระความมึนเมาและความรุงรังในใจออกไปให้หมด ในสมองก็พลอยลำดับเหตุการณ์ของเมื่อคืนไปด้วยภายใต้ภาพความทรงจำที่แสนจะเลือนรางเท่าที่สมองจะบันทึกไว้ได้แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดกลับเป็นความฝันนี่เธอเป็นหนักเอาการถึงขั้นฝันว่าได้จูบกับเขาแล้วเชียวเหรอ มือเสยผมที่เปียกปอนลงสองข้างแก้มขึ้น เงยหน้ารับละอองน้ำเย็น เป่าปากถอนหายใจทิ้ง อีกนานแค่ไหนกันนะถึงจะกล้าเผชิญหน้ากับเขาเหมือนเดิมแบบไม่รู้สึกอะไรได้ เอาน่า ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เรียนจบแล้ว ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหางานทำ
อิทธิพลจอดรถข้างริมฟุตบาทแวะซื้อข้าวต้มริมทาง เผื่อเธอสร่างเมาเมื่อถึงบ้านและเกิดหิวขึ้นมา ตลอดเส้นทางคนเมาที่ตื่นมาบ่นเป็นครั้งคราว“ดิน” เรียกชื่อเขาทั้งที่ตาหลับอยู่“หือ” คนขับหันไปมอง เธอพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบลงและหลับต่อ อิทธิพลเอื้อมไปดึงมือเธอมากุมไว้อีกมือจับพวงมาลัย“ว่าไง” แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นั่งข้างกันรถวิ่งมาจอดหน้าบ้าน ดีว่าเขาเคยมาส่งตะวันในครั้งที่ลืมของไว้ที่นี่ไม่งั้นคงวุ่นวายหาบ้านอยู่เป็นแน่ว่าหลังไหน คนเมาก็พูดไม่รู้เรื่อง หันมามองคนข้าง ๆ ที่นั่งคอพับหลับอยู่“จิ๋ว” มือแตะไหล่ปลุกเธอให้ตื่น“ถึงบ้านแล้ว”“อือ” พลิกตัวหลับต่อ“จิ๋ว...เข้าบ้านนะถึงบ้านแล้ว” พูดซ้ำอีกครั้ง“ฮือ...ไม่เอา...จะนอน” งัวเงีย เสียงในลำคอบ่งบอกว่ารำคาญ“เข้าใปนอนในบ้าน”“กุญแจบ้านอยู่ไหน?” ถามคนเมาที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของเธอมาเปิดหากุญแจ เปิดเข้าไปในบ้านสำรวจก่อนเพื่อความแน่ใจว่าห้องของเธอห้องไหนและเปิดประตูทิ้งไว้ เดินกลับมาอุ้มคนที่หลับอยู่เข้าบ้านวางหญิงสาวลงบนที่นอน ถอดรองเท้าออกให้ และกลับมาปิดรั้วบ้าน ก่อนจะเข้าไปสาละวนกับคนเมาอีกครั้ง“ทำไมเมาทิ้งตัวขน





![เจ้าสาวจัดดอก [PWP] + [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

