Share

ตอนพิเศษ 41 แค่มีเรา

last update Last Updated: 2025-12-17 21:19:54

เสียงลมหนาวพัดผ่านรวงข้าวสีทองที่โอนเอนตามแรงลมอย่างอ่อนช้อย แสงอาทิตย์แรกของวันทาบทอลงบนท้องทุ่งกว้าง กลิ่นฟางกลิ่นดินที่ลอยคละคลุ้งในอากาศเมื่อหมอกจาง ๆ เริ่มคลายตัว กลุ่มนกน้อยใหญ่บินวนจิกเมล็ดข้าวในทุ่งนาโดยไม่สนใจหุ่นไล่กาเลยสักนิด ประหนึ่งว่าเป็นเพื่อนที่คุ้นหน้ากันเสียอย่างนั้น

อิทธิพลขับมอเตอร์ไซค์ตามทางคดเคี้ยวที่ใช้เป็นทางลัดกลับจากท้ายทุ่ง โดยมีจิวารีนั่งซ้อนท้าย ในมือถือตะกร้าผักสดที่เก็บมาใหม่ ๆ สำหรับให้พ่อโจทำกับข้าวในเช้านี้ หลังจากสองหนุ่มสาวเคลียร์ความวุ่นวายของงานลงตัวแล้วและกลับมาเยี่ยมพ่อ

ผ่านพ้นไปหลายฤดูที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามวันเวลาที่ล่วงผ่าน เช่นเดียวกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของการทำงาน ที่ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันคือวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันอย่างดีให้กับทุกปัญหาของการใช้ชีวิต

อิทธิพลได้เข้าศึกษาต่อในสาขาบริหารธุรกิจเพื่อสานต่อตำแหน่งผู้บริหารเต็มตัวหลังจากทรงศักดิ์จากไปอย่างสงบในวัยชรา ดวงยี่หวาโอนกิจการร้านอาหารให้ทายาทเพียงคนเดียวหลังจากออกไปทำกิจการความสวยความงามตามที่เธอชื่นชอบ และมีจิวารีบริหารกิจการต่อจากเธอ

จิวากรลาออกจากบริษัทของตะวัน หลังจากพิมพ์พรรณให้เข้ารับตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายกฎหมายร่วมกับเอวาที่คุมเรื่องการเงินหลังจากหมั้นหมายกันแล้ว ธีธัชยังคงเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่ยังช่วยงานตะวันเช่นเดิม ส่วนตะวันนั้นกำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

“ไม่อยากกลับเลยอ่ะคิดถึงพ่อ” จิวารีออดอ้อนและโอบกอดผู้เป็นพ่อหลังจากขนกระเป๋าและของฝากจากพ่อขึ้นรถเรียบร้อย

“คิดถึงก็มาบ่อย ๆ” ลูบศีรษะหญิงสาวอย่างอ่อนโยน

“กลับแล้วนะครับ” อิทธิพลยกมือไหว้

“ขับรถดีๆ นะลูก เดินทางปลอดภัย” พ่อโจรับไหว้และอวยพรให้

สองหนุ่มสาวขึ้นรถและขับออกไป จิวารีโบกมือลาพ่อพร้อมทำตาละห้อยเหมือนเด็ก ๆ หลังกลับมาสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อชาร์ตแบต และพร้อมจะกลับเข้าสู่สภาวะการแข่งขันต่อในเมืองแล้ว

แสงไฟจากห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูส่องสะท้อนกระทบผ้าที่ถูกตกแต่งไว้อย่างปรานีต โต๊ะรับรองเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ชุดจานช้อนส้อมแวววาวสะท้อนแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าเหนือศีรษะ ซุ้มดอกไม้สดที่ถูกตกแต่งประดับประดาจากมืออาชีพไว้อย่างมีระดับส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยปะปนไปในอากาศ เสียงไวโอลีนคลอเบา ๆ ไปกับบทเพลงรักที่เล่นสดจากมุมเวที แขกเหรื่อในชุดราตรีสุดสวยและสูทสุภาพพูดคุยทักทายสลับกับเสียงหัวเราะอยู่ในงาน

ตะวันในชุดทักซิโดสีงาช้างเข้าชุดกับเจ้าสาวหน้าหมวยสวยหวาน เดินทักทายแขกในงานด้วยรอยยิ้ม จิวารีควงคู่มากับอิทธิพล เช่นเดียวกับเอวาที่ควงแขนมากับจิวากร และมีหนุ่มโสดธีธัชนั่งอยู่ข้าง ๆ

“ยินดีด้วยนะตะวัน” เพื่อน ๆ กล่าวคำยินดีส่งยิ้มให้คู่บ่าวสาว เอวาและจิวารียื่นกล่องของขวัญให้

“มีเจ้าตัวเล็กเร็ว ๆ นะ”

“คืนนี้เลยเป็นไง” ตะวันที่ตึงมาแล้วจากแอลกอฮอล์หลากชนิดพูดขำ ๆ พร้อมมองหน้าเจ้าสาวที่อายม้วนแก้มแดง

อิทธิพลยื่นกุญแจรถให้จิวารี

“วันนี้ขออนุญาตคุณแฟนนะครับ ขอสละตำแหน่งพลขับหนึ่งวัน จะล้มธีกับแจ็คเสียหน่อย...ล้มเจ้าบ่าวด้วย” หันมามองเพื่อน ๆ ทีละคนอย่างนึกสนุก

“อ่อน ๆ อย่างมึงนะเหรอ...โถ่ว” ธีธัชสบประมาทเพื่อน

แขกผู้ใหญ่เริ่มทยอยกลับแล้วเหลือเพียงกลุ่มเพื่อนสนิทของบ่าวสาวเท่านั้น และดูเหมือนว่าปาร์ตี้คืนนี้จะอีกยาวไกล จิวารีแค่ตึง ๆ เท่านั้นเพราะต้องรับหน้าที่พลขับแทนอิทธิพล จิวากรเริ่มมึนแล้วเช่นเดียวกับเอวาที่เสียงอ้อแอ้จนต้องโทรเรียกลุงบรรจงมาสแตนบายด์ ส่วนเจ้าบ่าวนั้นถูกหามเข้าห้องหอเรียบร้อยแล้ว ธีธัชหนีไปจีบเพื่อนเจ้าสาวและหายออกไปพร้อมกัน

ส่วนคนที่บอกจะล้มเพื่อนตอนนี้ถูกหิ้วปีกขึ้นรถแล้ว

จิวารีพยุงร่างคนสูงที่เดินไม่ค่อยจะสมประกอบเพราะฤทธิ์ไวน์และวิสกี้เข้ม ๆ จากในงาน วางชายหนุ่มลงบนเตียงนอนพร้อมเสียงถอนหายใจ

“ห้าวนักเป็นไงล่ะ” บ่นอุบอิบคนเดียว ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหาผ้าเย็นมาเช็ดตามหน้าตาให้ ปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อให้เช็ดได้ถนัด คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงหายใจแรงและเป่าปากอยู่เป็นระยะ กลิ่นไวน์อ่อน ๆ กระจายทั่วห้องเมื่อเปิดแอร์

หยิบผ้าห่มคลุมร่างให้เขา เดินไปปิดไฟในห้องนอน เหลือเพียงโคมไฟหัวเตียง

“จิ๋วกลับแล้วนะ” พูดกับคนเมาที่ไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า กำลังเอื้อมมือไปจะปิดโคมไฟ ก็โดนคนเมาดึงตัวล้มลงและสวมกอดเธอไว้

“ไม่เอา” เสียงอ้อแอ้ในลำคอและกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น

“ดิน” เงยมองหน้าเขาในแสงไฟสลัว

“หืม” ตอบแต่ปิดตาอยู่

“จิ๋วจะกลับห้องแล้ว” ดันตัวเองลุกขึ้นแต่ถูกเขากดลง เงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งนี่เมาจริงหรือเมาเล่นกันแน่

“ไม่เอา” อ้อนเสียงเบาพร้อมกับจูบหนัก ๆ ลงที่ริมฝีปากบางจนบิดเบี้ยวพร้อมเสียงจุ๊บของสองปาก จมูกไซร้ไปตามกรอบหน้า

“ดิน”

เรียกชื่อเขาเมื่อจมูกโด่งเริ่มซุกซนไปเรื่อยและไม่อยู่สุข

“หืม” ตอบรับสั้น ๆ คลอเคลียอยู่ที่ซอกคอหอม

จิวารีดันแผ่นอกแข็งแรงออกสองมือประคองใบหน้าชายหนุ่มไว้ในมือ จ้องตาเขาจากแสงไฟสีนวลที่หัวเตียง

“แกล้งเมาใช่ไหม?”

อิทธิพลยิ้มมุมปากแววตาฉ่ำ

“ไม่ได้แกล้ง...เมาจริง ๆ” พลิกตัวขึ้นบนและประกบจูบทันที จิวารีเสียงอู้อี้ในลำคอ ไม่นานก็นิ่งสนิทมือที่ดันแผ่นอกเขาเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นวางเบา ๆ และเลื่อนขึ้นคล้องคอเขา เมื่อลิ้นอุ่น ๆ เกี่ยวตวัดแลกความหวานกันอย่างดูดดื่มและเริ่มเร้าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นวิสกี้จาง ๆ จากปากเขาถูกส่งผ่านไปยังอีกปาก และจูบไซร้ไต่ลงมาที่ลำคอระหง หญิงสาวแหงนเงยใบหน้าขึ้น เมื่อมือหนาเริ่มซุกซนแข่งกับปาก

ก่อนที่ชุดราตรีของเธอจะถูกเหวี่ยงลงข้างเตียงพร้อมกับชุดของเขา

“วันนี้เธอสวยมาก”

เมื่อเลื่อนปากจูบพรมไปทั่วไหล่บอบบาง และต่ำลงมาเรื่อยจนถึงก้อนเนื้อนุ่มสองก้อนตรงกลางอก ปากและจมูกผลัดกันเก็บกลิ่นหอมและความหวานจากเรือนกายเธออย่างไม่รู้จักเบื่อ จิวารีส่งเสียงหวานกระเส่าเล็ก ๆ เมื่อยอดปทุมหายเข้าไปในปากหนา และดูดดื่มอย่างหอมหวานเหมือนเป็นเมรัยรสเลิศ สลับกับการบีบเคล้นอย่างถือดี ในการครอบครองและเป็นเจ้าของเรือนร่างเธอ

จิวารีสอดมือเข้าใต้เรือนผมเขาขณะที่ชายหนุ่มซุกใบหน้าอยู่กลางอกดูดดื่มอย่างหิวกระหาย จนเธอเผลอส่งเสียงหวานออกมาเหมือนเอาใจ และยิ่งสร้างแรงปรารถนาที่เพิ่มขึ้นให้กับเขาอีก สองมือลูบไล้ไปตามเนื้อนวลของสรีระ สัมผัสส่วนโค้งส่วนเว้าอย่างเบามือและหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเสียงที่ออกจากปากเธอมันยั่วยวนยิ่งนัก

เลื่อนต่ำลงด้านล่างชื่นชมความงามของดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานรอเขามาเชยชม สองเข่าเรียวถูกตั้งขึ้นร่างใหญ่แทรกเข้าระหว่างกลาง ริมฝีปากไต่จูบขึ้นไปเรื่อย ๆ และมอบจูบเร่าร้อนให้เธอที่กำลังส่งเสียงเหมือนอ้อนวอนเขาอยู่ ความแข็งขึงของบุรุษเพศที่สัมผัสผิวดอกไม้งามอย่างยั่วยวน สัญชาตญาณความปรารถนาของหญิงสาวแอ่นรับอย่างไม่เขินอาย พร้อมเสียงครางหวานออกจากปากอย่างแผ่วเบา

เธอเผยอปากแหงนเงยหน้าขึ้นและนิ่วหน้าเมื่อสองร่างแนบสนิท เผลอจิกเล็บที่แผ่นหลังเขาเมื่อความแข็งแรงบนกลางกายชายเข้าไปค้นหาความวาบหวามด้านในจนมิดด้าม อิทธิพลจูบปลอบแผ่วเบาที่เปลือกตา

“ผ่อนคลายนะ อย่าเกร็ง” ปลอบเธอเสียงกระเส่าขณะที่เลือดในกายเริ่มเดือดพล่านจนเกือบถึงขีดสุดแล้ว แต่พยายามควบคุมไว้แบบค่อยเป็นค่อยไป

ก่อนจะขยับโยกเนิบนาบให้เธอคุ้นชิน จิวารีปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสนุ่มนวลและหยาบกระด้างสลับกัน แต่กระนั้นก็สร้างความปั่นป่วนจนแทบขาดอากาศหายใจ หากไม่เปล่งเสียงออกมาคงต้องขาดใจตายเป็นแน่

เสียงกระเส่าถี่ขึ้นตามจังหวะขยับโยกเมื่อแอลกอฮอล์ในร่างมันทำงานดีไม่มีที่ติ บวกกับแรงปรารถนาภายในนั้น สองร่างโลดแล่นทะยานไปท่ามกลางค่ำคืนแสนหวานที่มีเพียงเขาและเธอ ห้องทั้งห้องกลายเป็นสีชมพูที่อบอวลด้วยแรงกระหาย กว่าจะถึงฝั่งฝันร่างบางก็แทบทะลุลงใต้เตียงจากแรงรักของชายหนุ่ม และวนซ้ำจนค่อนสว่าง ก่อนจะหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน

ม่านหนาที่ถูกเลื่อนออกที่หน้าต่างรับแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้าที่ส่องกระทบกระจกใสในห้องนอน ปลุกคนที่หลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นมารับบรรยากาศสดใสของรุ่งอรุณ อิทธิพลพยุงตัวลุกขึ้นครึ่งตัวมองหาร่างของคนที่นอนข้าง ๆ แต่มีเพียงความว่างเปล่า ก่อนจะสลัดความมึนงงออกจากหัวและลุกขึ้นนั่ง ยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงภาพวาบหวิวในค่ำคืนที่ผ่านมา ลุกไปอาบน้ำชำระร่างกาย

เสียงแก้วกระทบกับช้อนในโซนห้องครัว บวกกับกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟโชยมาแตะจมูก ร่างหญิงสาวที่เขานอนกอดทั้งคืนยืนหันหลังให้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง จิวารีเบี่ยงตัวมามองเจ้าของอ้อมกอดและส่งยิ้มให้ อิทธิพลฝังจมูกลงข้างแก้ม

“ตื่นเช้าจัง”

หญิงสาวไม่ตอบ แต่หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา

“กาแฟไหม?”

“อือ” จุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปาก

“ขอบคุณครับ”

วิวในมุมสูงของระเบียงคอนโดในยามเช้า แสงแดดกระทบตึกสูงจากระยะไกลที่มองเห็นแสงสะท้อนสีทองกระจายออกมาด้านข้าง  ในมุมสูงของเมืองหลวงถึงแม้ฝูงนกน้อยใหญ่จะไม่ค่อยมีให้เห็นสักเท่าไหร่ เพียงแค่สายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้เช่นกัน

แก้วกาแฟสองใบที่วางอยู่บนโต๊ะ ขอบแก้วมีคราบกาแฟเปรอะเปื้อนอยู่ ลมอ่อน ๆ ในตอนเช้าพัดปะทะม่านประตูพลิ้วไหวเล่นลมในมุมสูงอยู่เป็นระยะ จิวารีนั่งทับบนขาแข็งแรงข้างเดียวของอิทธิพล ชายหนุ่มโอบกอดสะโพกเธอไว้หลวม ๆ วางคางที่ไหล่บาง ขณะที่เธอเปิดภาพถ่ายจากงานแต่งของตะวันผ่านหน้าจอมือถือให้เขาดู

เสียงหัวเราะของสองหนุ่มสาวดังประสานกันอย่างอบอุ่น เมื่อเอวาและจิวากร ส่งภาพความหลุดรุ่ยของแต่ละคนที่เมาในงานแต่งเมื่อวานเข้ามาในไลน์ และไม่ลืมส่งข้อความเข้าไปแกล้งเจ้าบ่าวป้ายแดงเสียหน่อย จิวารีหันมามองชายหนุ่มสองแขนคล้องที่ลำคอแข็งแรงไม่มีคำพูดใดออกจากปากเธอ มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งให้เขาเท่านั้น

สองสายตาสบกันภายใต้อ้อมกอด

“รักจิ๋วไหม?” ถึงแม้จะสัมผัสได้ว่าเขารักจากการกระทำ แต่บางครั้งก็แค่อยากได้ยิน อิทธิพลจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวย

“มาก” ตอบสั้น ๆ พร้อมกับหลุบมองริมฝีปากบางที่เขารู้ดีว่าหวานแค่ไหน

บางครั้งชีวิตของคนเราก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก และในบางครั้งก็สับสนวุ่นวายไปหมด แต่สำหรับเขาแล้วไม่ว่าวันนี้จะเป็นวันง่าย ๆ หรือพรุ่งนี้จะมีเรื่องให้ต้องคิดหนัก ขอเพียงมีเธออยู่ข้าง ๆ คอยเป็นกำลังใจในวันที่อ่อนล้า และใช้เวลาที่เหลืออยู่เป็นคู่ชีวิตและเพื่อนร่วมทาง เดินเคียงข้างกันอย่างมีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

💓💗_____จบ_____💕🧡

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านสำหรับการติดตาม ขอบคุณทุกข้อความ ทุกการกดหัวใจ

สัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อแบ่งปันเรื่องราวแห่งความสุขให้กับทุกคนนะคะ

รักจากใจ🤞😍

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนพิเศษ 41 แค่มีเรา

    เสียงลมหนาวพัดผ่านรวงข้าวสีทองที่โอนเอนตามแรงลมอย่างอ่อนช้อย แสงอาทิตย์แรกของวันทาบทอลงบนท้องทุ่งกว้าง กลิ่นฟางกลิ่นดินที่ลอยคละคลุ้งในอากาศเมื่อหมอกจาง ๆ เริ่มคลายตัว กลุ่มนกน้อยใหญ่บินวนจิกเมล็ดข้าวในทุ่งนาโดยไม่สนใจหุ่นไล่กาเลยสักนิด ประหนึ่งว่าเป็นเพื่อนที่คุ้นหน้ากันเสียอย่างนั้นอิทธิพลขับมอเตอร์ไซค์ตามทางคดเคี้ยวที่ใช้เป็นทางลัดกลับจากท้ายทุ่ง โดยมีจิวารีนั่งซ้อนท้าย ในมือถือตะกร้าผักสดที่เก็บมาใหม่ ๆ สำหรับให้พ่อโจทำกับข้าวในเช้านี้ หลังจากสองหนุ่มสาวเคลียร์ความวุ่นวายของงานลงตัวแล้วและกลับมาเยี่ยมพ่อผ่านพ้นไปหลายฤดูที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามวันเวลาที่ล่วงผ่าน เช่นเดียวกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของการทำงาน ที่ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันคือวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันอย่างดีให้กับทุกปัญหาของการใช้ชีวิตอิทธิพลได้เข้าศึกษาต่อในสาขาบริหารธุรกิจเพื่อสานต่อตำแหน่งผู้บริหารเต็มตัวหลังจากทรงศักดิ์จากไปอย่างสงบในวัยชรา ดวงยี่หวาโอนกิจการร้านอาหารให้ทายาทเพียงคนเดียวหลังจากออกไปทำกิจการความสวยความงามตามที่เธอชื่นชอบ และมีจิวารีบริหารกิจการต่อจากเธอจิวากรลาออกจากบ

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 40 อินเลิฟ

    สองหนุ่มสาวหอบหิ้วถุงขนมขบเคี้ยวและกับแกล้มจากร้านสะดวกซื้อ หิ้วพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือไปหมด อีกทั้งเครื่องดื่มที่ตุนไว้สำหรับการเชียร์บอลในคืนนี้ด้วย จิวารีขอตัวไปอาบน้ำหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ชำระร่างกายคืนความสดชื่นแล้วยังไม่ทันจะได้นั่งพักเหนื่อยเสียงเคาะที่หน้าประตูก็ดังขึ้น ส่องดูหน้าคนเคาะที่ตาแมว อิทธิพลนั่นเอง“รอนานแล้ว” ทันทีที่เปิดประตูให้เขาก็อ้อนทันที พร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินมาที่ห้อง เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวถูกนำมาวางตรงโต๊ะหน้าทีวีสำหรับการเตรียมเชียร์บอลเรียบร้อย พร้อมกับเสียงบรรยายเมื่อการแข่งขันกำลังจะเริ่ม จิวารีนั่งลงข้างเขาเอนพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย“ที่ร้านเป็นไงบ้างวันนี้ยุ่งหรือเปล่า?”“อือ ลูกค้าเยอะ วันนี้ใส่รองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ไม่สบายเท้าเลย แถมปวดขามากอีกต่างหาก” มือทุบที่หน้าขาตัวเองเบา ๆ“เหนื่อยก็พักมีพี่ไพลินอยู่ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหรอก” ยกแขนขึ้นโอบไหล่เธอและดึงเข้ามาซบไหล่ตัวเอง“แล้วเรื่องเรียนต่อของนายไปถึงไหนแล้ว?”“รอเรื่องงานลงตัวก่อนค่อยว่ากันอีกที?” ตอบและจูบที่หน้าผากจิวารีเงยหน้าขึ้นมองเขา“อะไร?” อิทธิพลถามเมื่อหญิงสาวเอาแต่ยิ้มแล

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 39 ชีวิตนอกมหาวิทยาลัย

    จิวารีอยากตอบตกลงการเริ่มงานใหม่กับเอวา เมื่อถูกทาบทามให้ไปทำงานที่สาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดกับการร่วมหุ้นของสองครอบครัวระหว่างดวงยี่หวาและพิมพ์พรรณ แต่ดวงยี่หวาขอร้องให้เธอมาบริหารร้านอาหารแทน โดยยกเหตุผลทั้งร้อยแปดประการให้หญิงสาวใจอ่อน เพียงเพราะเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวไม่อยากให้สาวห่างไกลหูไกลตาเท่านั้นเองส่วนอิทธิพลนั้นตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งตามที่ทรงศักดิ์แต่งตั้ง ในการสานต่อธุรกิจของตระกูล เนื่องจากปัญหาสุขภาพของผู้เป็นปู่ เท่ากับว่าความรักที่เพิ่งผลิบานใหม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและภาระหน้าที่เพราะต่างฝ่ายต่างเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ในชีวิตการทำงาน ทำได้เพียงส่งข้อความหวานและโทรหาเพื่อฟังเสียงเท่านั้น หลังเลิกงานก็มารับหญิงสาวกลับห้องพร้อมกัน เพราะขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาอยู่คอนโดที่เคยปฏิเสธแล้ว เนื่องจากดวงยี่หวาอ้างเป็นสวัสดิการและใกล้ที่ทำงานจะได้สะดวกในการเดินทางด้วย“ร้านเดิมนะ ตอนเย็นหลังเลิกงานวันศุกร์”คือข้อความที่นัดเจอกันของกลุ่มเพื่อน หลังจากห่างหายจากการพบปะสังสรรค์นานแล้วหลังจากสิ้นสุดการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งกับการจัดการชีวิตให้เข้าที่เข้าทาง ทั้งเร

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 38 สิ้นสุดทางเพื่อน เป็นแฟนกันนะ

    “มีอะไรหรือเปล่า?” เป็นเขาที่ถามขึ้นมาก่อน“เอ่อ....” เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ อิทธิพลปิดหลอดยาและเก็บลงกล่อง“เมื่อคืนนายไปส่งฉันใช่ไหม?” ถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใช่จากที่เอวาบอก“อือ” ตอบและเดินไปหยิบรีโมทย์เปิดทีวี นั่งพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย เลื่อนเลือกช่องดูผลการแข่งขันฟุตบอล“ขอบใจนะ” จิวารีอึกอักพูดต่อ“พี่แจ็คไม่อยู่บ้านน่ะ...ออกไปตั้งแต่เช้าก็เลยยังไม่ได้ถาม” ขยายความให้เผื่อเขาสงสัย“แล้ว...” เธอหยุดคำพูดไว้แค่นั้น กลอกตาล้อกแล้กไปมาเหมือนหัวขโมยจอมโกหกที่กลัวคนจับได้“หือ...” อิทธิพลหันมามองหน้ายกคิ้วเป็นคำถาม และรอฟังว่าเธอจะถามอะไรต่อ จิวารีเม้มปากแน่น หายใจติดขัด“คือ...ฉัน...น่าจะเมาหนักมาก”“แล้ว...เผลอทำอะไรรั่ว ๆ หลุด ๆ ไปบ้างหรือเปล่า?” ถามอย่างมีเลศนัยอิทธิพลยกมือขึ้นจับคางทำท่าครุ่นคิด“ก็...”จิวารีลุ้นคำตอบตามอย่างตื่นเต้น“ไม่มีนะ”เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา ค่อยยังชั่วหน่อย ที่แท้ก็แค่มโนเท่านั้น ยิ้มอย่างผ่อนคลาย กำลังจะอ้าปากถามเขาว่าอาหารจะมาส่งกี่โมง“เราก็แค่จูบกันเฉย ๆ” อิทธิพลพูดสวนขึ้นมารอยยิ้มบาง ๆ เมื่อครู่ค่อย ๆ หุบลง พร้อมกั

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 37 เคลียร์

    จิวารีงัวเงียตื่นมาเข้าห้องน้ำในตอนเช้ามืด ตามด้วยการกินยาแก้ปวดและเดินกลับห้องทิ้งหัวลงหมอนนอนต่อ ลืมตาตื่นอีกทีก็ใกล้เที่ยง มือควานหาโทรศัพท์บนหัวเตียงกดดูเวลาที่หน้าจอ ก่อนจะวางลงที่เดิม ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งและนิ่งอยู่สักครู่ มือนวดวนอยู่ข้างขมับ ก่อนลุกขึ้นไปอาบน้ำเรียกความสดชื่นคืนให้ร่างกายละอองน้ำเย็นที่ซ่ากระเซ็นลงสู่ร่างตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เรียกความตื่นตัวคืนมาได้ไม่น้อย กลิ่นหอมของแชมพูบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกผสมคละคลุ้งกันภายใต้ไอน้ำเย็นในห้องน้ำเล็ก ๆ จิวารียืนนิ่งใต้ฝักบัวปล่อยให้สายน้ำไหลลงชำระความมึนเมาและความรุงรังในใจออกไปให้หมด ในสมองก็พลอยลำดับเหตุการณ์ของเมื่อคืนไปด้วยภายใต้ภาพความทรงจำที่แสนจะเลือนรางเท่าที่สมองจะบันทึกไว้ได้แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดกลับเป็นความฝันนี่เธอเป็นหนักเอาการถึงขั้นฝันว่าได้จูบกับเขาแล้วเชียวเหรอ มือเสยผมที่เปียกปอนลงสองข้างแก้มขึ้น เงยหน้ารับละอองน้ำเย็น เป่าปากถอนหายใจทิ้ง อีกนานแค่ไหนกันนะถึงจะกล้าเผชิญหน้ากับเขาเหมือนเดิมแบบไม่รู้สึกอะไรได้ เอาน่า ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เรียนจบแล้ว ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหางานทำ

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 36 ความในใจ

    อิทธิพลจอดรถข้างริมฟุตบาทแวะซื้อข้าวต้มริมทาง เผื่อเธอสร่างเมาเมื่อถึงบ้านและเกิดหิวขึ้นมา ตลอดเส้นทางคนเมาที่ตื่นมาบ่นเป็นครั้งคราว“ดิน” เรียกชื่อเขาทั้งที่ตาหลับอยู่“หือ” คนขับหันไปมอง เธอพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบลงและหลับต่อ อิทธิพลเอื้อมไปดึงมือเธอมากุมไว้อีกมือจับพวงมาลัย“ว่าไง” แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นั่งข้างกันรถวิ่งมาจอดหน้าบ้าน ดีว่าเขาเคยมาส่งตะวันในครั้งที่ลืมของไว้ที่นี่ไม่งั้นคงวุ่นวายหาบ้านอยู่เป็นแน่ว่าหลังไหน คนเมาก็พูดไม่รู้เรื่อง หันมามองคนข้าง ๆ ที่นั่งคอพับหลับอยู่“จิ๋ว” มือแตะไหล่ปลุกเธอให้ตื่น“ถึงบ้านแล้ว”“อือ” พลิกตัวหลับต่อ“จิ๋ว...เข้าบ้านนะถึงบ้านแล้ว” พูดซ้ำอีกครั้ง“ฮือ...ไม่เอา...จะนอน” งัวเงีย เสียงในลำคอบ่งบอกว่ารำคาญ“เข้าใปนอนในบ้าน”“กุญแจบ้านอยู่ไหน?” ถามคนเมาที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของเธอมาเปิดหากุญแจ เปิดเข้าไปในบ้านสำรวจก่อนเพื่อความแน่ใจว่าห้องของเธอห้องไหนและเปิดประตูทิ้งไว้ เดินกลับมาอุ้มคนที่หลับอยู่เข้าบ้านวางหญิงสาวลงบนที่นอน ถอดรองเท้าออกให้ และกลับมาปิดรั้วบ้าน ก่อนจะเข้าไปสาละวนกับคนเมาอีกครั้ง“ทำไมเมาทิ้งตัวขน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status