มาเฟียจ้าวชีวิต
Writer : Aile'N
ตอนที่ 7
"คิดอะไรอยู่หรอครับ คิ้วขมวดเชียว" องศาถามขึ้นในตอนที่ยกของว่างมาให้ของขวัญ แล้วเห็นว่าร่างนั้นเอาแต่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังคิดอะไรที่มันสำคัญอยู่
"ขวัญ.. ถ้าขวัญอยากทำงานให้คุณโทโมยะเหมือนพี่ พอจะมีโอกาสเป็นไปได้มั้ยคะ" คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างชั่งใจ อึกอักเล็กน้อยก่อนจะยอมพูดในสิ่งที่คิดออกมา นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องที่อยากจะทำงานให้นายเขาอยู่อีกหรอเนี่ย..
"อย่าเลยครับ นอกจากนายจะไม่ให้ทำแล้ว น้องขวัญยังไม่เหมาะที่จะทำอะไรแบบนี้ด้วย" องศาตอบย้ำว่าไม่มีทางที่ของขวัญจะมายืนอยู่ในจุดเดียวกับเขาได้ ต่อให้อยากทำแค่ไหนนายใหญ่คงไม่อนุญาตเพราะผู้หญิงจะเป็น 'จุดอ่อน' ของแก๊ง ไม่ว่าฝีมือจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่จิตใจก็ยังอ่อนไหวง่ายกว่าผู้ชายอยู่ดี
"แล้วขวัญพอจะทำอะไรได้บ้างคะ ขวัญไม่อยากนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องนะ" ร่างบางเริ่มเครียดจริงจัง เธอนั่งคิดมาร่วมสองชั่วโมงแล้วว่าเธอพอจะทำอะไรเพื่อโทโมยะได้บ้าง ที่คิดว่าทำได้ก็เสนอไปหมดแล้วแต่เขาก็ไม่ต้องการ
"พี่ว่าน้องขวัญน่าจะกลับไปเรียนนะ ถ้าเรียนจบนายอาจจะให้มาช่วยเรื่องบัญชีหรือเอกสารก็ได้" องศาแนะนำเท่าที่พอจะเห็นความเป็นไปได้ ตอนนี้งานเหล่านั้นอากิกับเซย์โนะเป็นคนจัดการอยู่ บางครั้งก็เห็นทำกันจนหัวหมุนเพราะธุรกิจในเครือของคาชิมะไม่ได้มีแค่อย่างสองอย่าง แถมในอนาคตอันใกล้ยังมีแนวโน้มว่าจะขยับขยายอำนาจออกไปอีก
"โหย ขวัญไม่ชอบบัญชีเลยอ่ะ แค่เห็นตัวเลขเยอะๆ ก็จะบ้าแล้ว" ร่างบางส่ายหน้าดิกจนผมกระจาย ให้อ่านประมวลกฎหมายกี่หน้าเธอก็อ่านได้ แต่ถ้าเป็นตัวเลขเธอขอบ๊ายบายแบบไม่เห็นฝุ่น
"หึหึ งั้นน้องขวัญชอบอะไรล่ะครับ" องศาขำเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าแหยงตัวเลขอย่างที่บอกจริงๆ
"ตอนเรียนขวัญเรียนนิติฯ ค่ะ ขวัญอยากเป็นทนาย" เสียงหวานเอ่ยยิ้มๆ อย่างภาคภูมิใจ
"ที่นี่ไม่มีตำแหน่งนั้นน่ะสิครับ" คนฟังทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวตัวเล็กหน้าตาซื่อๆ แบบนี้จะเลือกเรียนกฎหมาย มันดูห่างไกลจากเจ้าตัวไปมากโขเลยทีเดียว.. แต่ยังไงเสียความฝันนั้นก็คงจะต้องถูกดับไปถ้าอยากจะทำงานที่นี่.. เพราะแก๊งมาเฟียที่มีธุรกิจทั้งด้านขาวและดำไม่จำเป็นจะต้องมีทนายไว้ขึ้นโรงขึ้นศาลให้เสียเวลา หรือถ้ามี.. กว่าจะถูกเรียกใช้งานคุณทนายก็คงจะถูกหยากไย่เกาะเต็มตัวไปเสียก่อน..
"ไม่มีอะไรที่ชอบอีกหรอครับ" ร่างสูงถามต่อเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่นั่งทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา
"ชอบกินค่ะ แหะๆ ^0^" ของขวัญบอกขำๆ พลางยิ้มกว้างจนตาหยี
"หึหึ เรียนทำอาหารก็ดีนะครับ นายชอบทานอาหารไทย พวกที่มีกลิ่นเครื่องเทศแรงๆ และรสชาติเผ็ดจัดจ้านดูจะชอบมากเป็นพิเศษ" องศาแนะนำออกมาอีก ยังไงซะ.. ผู้หญิงก็ต้องเหมาะกับการทำงานบ้านงานครัวมากกว่าอย่างอื่นอยู่แล้ว ถ้าร่างบางมีพรสวรรค์สามารถทำอาหารอร่อยถูกปากนายเขาได้ก็อาจจะมีสิทธิ์ได้ทำงานในครัวก็ได้
"จริงหรอคะ? " คนฟังถามกลับอย่างแปลกใจ มิน่าตอนที่เขามาทานข้าวด้วยบนโต๊ะอาหารถึงมีแต่อาหารไทยทั้งรสเผ็ดและไม่เผ็ด ซึ่งเขาไม่เคยแตะจานที่ไม่เผ็ดเลย คงเพราะกลัวเธอกินไม่ได้ละมั้งเลยสั่งส่วนที่ไม่เผ็ดมาให้
"ครับ" องศายิ้มบางอีกครั้งที่เห็นร่างบางเริ่มจะสนใจสิ่งที่เขาบอกขึ้นมา ก็นะ.. ของขวัญอาจจะไม่รู้ตัวว่าถึงจะชอบบ่นให้เจ้านายเขาเวลาไม่พอใจ แต่พอเขาพูดถึงนายทีไรดวงตากลมโตจะเปล่งประกายและมองมาอย่างสนใจทุกที ช่างเป็นคนย้อนแย้งอะไรอย่างนี้..
"แต่ขวัญไม่ถนัดพวกอาหารน่ะสิคะ ถ้าเป็นขนมหวานก็ว่าไปอย่าง ตอนเด็กๆ ขวัญกับเพื่อนเคยอยากเปิดร้านขนมหวานน่ารักๆ ร่วมกันด้วย แต่คิดว่ามันคงไม่ง่าย" ร่างบางยิ้มเผล่ เล่าความฝันวัยเด็กน้อยให้อีกฝ่ายฟังอย่างเขินๆ มันก็นานมาแล้วล่ะ จนเธอเกือบลืมไปสนิท เพราะเมื่อโตขึ้นได้เรียนรู้อะไรๆ มากขึ้นความคิดความต้องการของคนเรามันก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอยู่แล้ว
"ลองขอนายใหญ่ดูสิครับ" องศาเสนอยิ้มๆ ตอนนี้คนในตึกไม่เว้นแม้แต่เขาก็คิดว่าของขวัญอาจจะเป็น 'เด็กเลี้ยงของนาย' กันหมด เพราะฉะนั้นขอแค่นี้ย่อมได้อยู่แล้ว
"หา? ขอหรอคะ? ไม่เอาอ่ะ ขวัญแค่พูดให้ฟังเฉยๆ ไม่ได้จริงจัง" ร่างบางรีบปฏิเสธด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าองศาจะแนะให้เธอไปขอโทโมยะเพราะเธอไม่ได้จริงจังถึงขนาดนั้น มันก็แค่ความฝันในวัยเด็ก..
"แล้วน้องขวัญจะทำอะไรล่ะครับ เรียนก็ไม่เอา มาทำงานอย่างพี่ก็ไม่ได้ เห็นทีคงต้องอยู่แต่ในห้องนี้แล้วล่ะ" เสียงทุ้มบ่นระโหยโรยแรงอย่างอ่อนใจ นู่นก็ไม่ นี่ก็ไม่ เขาเองก็หมดจนปัญญาที่จะหาทางช่วยแล้วจริงๆ
"......" ของขวัญไม่มีคำตอบให้ เพียงหยิบช้อนตักเค้กส้มเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับอย่างใช้ความคิด กองทัพต้องเดินด้วยท้องไง ใครไม่รู้กล่าวไว้..
..
..
ฝั่งโทโมยะที่กำลังเคลียร์งานเอกสารอยู่ในห้องทำงาน กำลังหัวหมุนได้ที่เพราะนั่งอยู่ในนี้มาตั้งแต่เช้า จนบ่ายเข้าไปแล้วก็ยังไม่เสร็จเสียที ได้แค่ใกล้.. จะเสร็จ
"ใกล้เสร็จแล้วใช่มั้ย" เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นกองเอกสารที่คนสนิทนำมาให้ลดลงไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ใกล้จะหมดแล้ว!
"ครับ เหลือแค่รายงานงบประมาณก่อสร้างโรงแรมริมน้ำ" อากิบอกขณะวางเอกสารที่ว่าลงตรงหน้าผู้เป็นนาย มือแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยสักอันน่าเกรงขามรับมาเปิดอย่างไม่รั้งรอ ก่อนกวาดสายตาอ่านและวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ใช้เวลาพักใหญ่ก็เซ็นอนุมัติลงไปแล้วยื่นกลับไปให้คนสนิท ร่างสูงวางปากกาลงบนโต๊ะก่อนยกมือขึ้นคลึงเปลือกตาเบาๆ พลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เหยียดขาไล่ความเมื่อยล้าที่สะสมมาเป็นเวลานานแล้วนิ่งไป
"มีอะไร" คนเป็นนายเอ่ยถามเสียงเรียบเมื่อเห็นสนิทมีท่าทีแปลกๆ เหมือนมีอะไรอยากจะพูด
"นายจะเอายังไงกับเด็กคนนั้นครับ พวกเราไม่เห็นด้วยนักที่พาเธอมาที่นี่ เธอจะกลายเป็นจุดอ่อน.." เซย์โนะพูดหน้าเครียดๆ อากิเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ่งร่างกายอ่อนแอหน้าตาใสซื่อแบบนั้นยิ่งต้องระวัง
"ฉันรู้.. และไม่คิดจะให้ยัยนั่นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคาชิมะมากไปกว่านี้อยู่แล้ว พวกนายไม่ต้องห่วง.. ไปพักได้" ร่างสูงเอ่ยเสียงเข้ม ตัดบทไม่ให้ทั้งคู่มากความไปกว่านี้ด้วยการไล่ให้ออกจากห้องไป คนถูกไล่มีท่าทีอึกอักไม่อยากไป แต่ดวงตาคมกริบที่จ้องมองมาก็ทำให้ไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งได้ทั้งคู่จึงยอมออกไป ปล่อยคนที่ยังอยู่ไว้ในห้วงความคิดของตัวเองนานหลายนาที
..
..
ก๊อกๆ
ในช่วงค่ำของวันนั้นหลังจบมื้อค่ำภายในห้องตัวเองร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนฯ ได้เดินมายังห้องข้างๆ ก่อนยกมือเคาะเบาๆ ไม่กี่ทีก็เปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือร่างเล็กผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังนั่งคาบเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคำใหญ่ไว้คาปากและเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความตกใจ
พลันได้สบตากันแก้มเนียนก็เห่อร้อนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายช่างเข้ามาได้จังหวะ เห็นท่าทางน่าเกลียดของเธอเข้า เมื่อตั้งสติได้จึงรีบซู้ดมาม่าเข้าปากให้หมด ยัดไว้จนแก้มป่องก่อนรีบกำจัดมันลงท้องอย่างว่องไว
"ทำอะไร" ร่างสูงขมวดคิ้วฉับ ถามออกมาเสียงเข้มราวกับไม่พอใจ
"กินไงคะ ไม่น่าถาม" ร่างบางตอบซื่อ เงยหน้าขึ้นมองตาใสอย่างไม่เข้าใจว่าสายตาเขาไม่ดีหรือยังไง ถึงไม่เห็นว่าเธอกำลังทำอะไร
"ย้อน? " คำถามซื่อถูกตีความไปอีกอย่างเพราะคำพูดของคนตอบสื่อความหมายไปในทางนั้นจริงๆ เธอเลยได้แต่ยิ้มแห้งสู้สายตาเอาเรื่องของอีกฝ่าย
"ก็.. เปล่า คุณก็เห็นนี่คะ ไม่น่าจะถาม" ของขวัญอธิบายเสียงเบาอย่างระมัดระวัง แต่พูดไปก็เท่านั้นความหมายไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน คนฟังเลยยังคงทำตาดุ..
"มันน่ากินตรงไหน ประโยชน์ก็ไม่มี" เสียงทุ้มเอ่ยพลางมองชามมาม่าสลับกับหน้าคนกินอย่างไม่ค่อยพอใจ ร่างบางไม่เถียงเรื่องที่ว่ามันไม่มีประโยชน์เพราะใครๆ ก็รู้ แต่ยังไงก็ยังอยากกินอยู่ดี เธอกินแต่อาหารหรูๆ แล้วเบื่อก็เลยวานให้องศาไปซื้อมาให้
"คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ" ของขวัญไม่ฟังคำบ่นแต่ถามเข้าเรื่องใหม่แทน เพราะเธอโดนคนสนิทบ่นไปก่อนแล้ว คำเดียวกันเป๊ะแต่คนละอารมณ์.. องศาบ่นอย่างอ่อนใจเพราะไม่สามารถห้ามเธอได้ แต่คนตรงนี้กำลังดุเสียมากกว่า
"ตั้งแต่พรุ่งนี้ฉันอนุญาตให้เธอไปฝึกงานในครัว และมีหน้าที่ทำความสะอาดทุกห้องในชั้นนี้" โทโมยะได้แต่ส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ มือใหญ่ดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออกก่อนทิ้งตัวลงนั่งด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย เรียวขายาวเหยียดวาดขึ้นไขว่ห้างในองศาพอดิบพอดี แค่นั้นก็ดึงความสนใจของร่างบางไปจนหมด คนอะไร.. แค่นั่งยังหล่อ
"...จริงหรอคะ? " ของขวัญได้สติเมื่อถูกจ้องนานเข้า แค่เธอไม่สนใจทำไมจะต้องทำตาดุด้วย..
"อืม.. อย่าระเบิดครัวฉันซะล่ะ" เสียงต่ำยียวน ทำคนฟังที่เผลอเคลิ้มไปในตอนแรกมองค้อนกลับ เรียกเสียง 'หึ' ในลำคอแกร่งได้อีกครา แต่คราวนี้ร่างบางไม่เถียงเพราะมีบางอย่างที่เธอสนใจมากกว่า..
"แล้วนี่.. ทานข้าวหรือยังคะ" เธอถามออกไปเสียงเบา มองสบตาคมเพียงนิดก็หลุบต่ำลงมองเส้นมาม่าอืดๆ ในชามอย่างไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปไว้ตรงไหน
"ทานแล้ว" ใบหน้าคมแสดงความแปลกใจออกมาเพียงนิดก่อนตอบ
"งานหนักหรอคะ หน้าเพลียๆ " ตากลมมองสบตาคนฟังอีกครั้ง.. ริ้วรอยความเหนื่อยล้าจากใบหน้าเรียบเฉยเป็นสิ่งที่เธอสังเกตเห็นมาได้สักพัก แม้อีกฝ่ายจะทำตัวนิ่ง แข็งแกร่งประหนึ่งยักษ์วัดแจ้งอยู่ตลอด แต่เธอเป็นคนช่างสังเกต บอกเลยว่าปิดไม่มิด!
"งั้นก็.. พักผ่อนเยอะๆ นะคะ" เสียงหวานบอกต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายอมรับ พูดจบก็หลบสายตากันอีก.. บ้าจริง เป็นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่นั่งจ้องหน้าเธอราวกับมีอะไรน่าสนใจนั่นแหละ ใครจะไปสู้สายตาแบบนั้นของเขาได้!
"หึ.. เธอก็กินนมเยอะๆ นะ จะได้โตไวๆ " โทโมยะกระตุกยิ้มเพียงนิด พูดพลางมองต่ำลงมาบริเวณหน้าอกเล็กๆ ของคนฟังเพื่อสื่อให้รู้ว่าหมายถึงอะไร
พรึ่บ!
คนถูกแซวรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเองไว้โดยอัตโนมัติ ตากลมโตถลึงมองค้อนใส่ร่างสูงอย่างเคืองๆ ยิ่งทำให้ใครคนนั้นหัวเราะเยาะด้วยความขบขัน
"หึหึ.." ของขวัญอยากจะด่า แต่คิดคำด่าไม่ทันออกอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เธอนั่งอ้าปากค้างอยู่กลางอากาศด้วยความเจ็บใจ
"ฮึ่ย.. เขาเรียกว่าซ่อนรูปเฟ้ย! " ตั้งสติได้ปากเล็กๆ ก็เบ้ใส่บานประตูและบ่นงึมงำไล่หลังเขาไปอย่างขุ่นเคือง หาเรื่องแกล้งเธอได้ทุกวันสิน่า!
วันต่อมา..
ของขวัญตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้นเพราะวันนี้จะไม่ได้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องอีกแล้ว เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จพักใหญ่องศาก็พาเธอลงลิฟต์ไปอีกสามชั้นอันเป็นโซนของห้องครัวอันกว้างใหญ่ไพศาล นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ไปที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องตัวเองเห็นอะไรก็เลยตื่นเต้นไปหมด
เมื่อมาถึงที่หมายองศาก็พาร่างบางไปฝากตัวกับเชฟชาวไทยคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องขนมหวานทั้งไทยและเทศ ทำความรู้จักกันนิดหน่อยเชฟก็สอนให้เธอลองทำขนมไปพร้อมกันกับเขา แรกๆ ก็เกิดความสงสัยว่ามันเป็นการฝึกงานจริงหรอ? จนได้คำตอบจากองศาว่าไม่เชิงฝึกแต่เป็นการเรียนทำอาหารและขนมมากกว่า โดยทุกวันตอนเช้าถึงเที่ยงจะมีเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและขนมผลัดเปลี่ยนกันมาสอน ตอนบ่ายถึงจะเป็นช่วงเวลาของการทำความสะอาดแต่เป็นการทำวันเว้นวัน เมื่อวานแม่บ้านมาทำความสะอาดไปแล้ววันนี้ของขวัญเลยยังไม่ต้องทำ..
ร่างบางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการเข้าครัวทำนู่นทำนี่มันจะสนุกได้ขนาดนี้ อีกทั้งเชฟก็ใจดียิ้มง่ายและคุยเก่งตามประสาคนไทย บรรยากาศเลยค่อนข้างเป็นกันเองมากจนไม่รู้สึกกดดันแม้จะทำผิดทำถูกไปบ้าง เมนูแรกที่เชฟสอนทำคือมาการอง ของโปรดที่มาจากการรีเควสของเธอเอง ราคาตามท้องตลาดทั่วไปนั้นค่อนข้างแพง ตั้งแต่แม่ล้มป่วยก็เลยไม่มีโอกาสได้กิน แต่วันนี้แหละ.. เธอจะกินให้พุงกางไปเลย!
ไม่เพียงแต่ทำกินกันเองกับเชฟหรือคนสนิทของขวัญยังทำเผื่อไปถึงโทโมยะ อากิและเซย์โนะด้วย ทำงานมาเหนื่อยๆ ก็ต้องเติมน้ำตาลกันสักหน่อยจะได้สดชื่น แต่โชคดีที่ก่อนทำองศาเบรกไว้ก่อนว่าเจ้านายของเขาไม่ชอบกินขนมหวาน ร่างบางเลยขอเชฟทำรสกาแฟและดาร์กช็อกโกแลตให้เขากับคนสนิทแทน คาดหวังอย่างยิ่งว่าคนกินจะชอบ..
"เป็นยังไงบ้างคะ" เมื่อทำเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องชิม.. ของขวัญให้องศากับเชฟเสี่ยงตายชิมก่อนและยืนมองอย่างลุ้นๆ
"อร่อยครับ" คนสนิทตอบทั้งที่ยังเคี้ยวมาการองรสชาเขียวหนุบๆ ในปาก เชฟเองก็พยักหน้าเห็นตรงกัน แต่คนทำกลับทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
"นี่ชมเพื่อเอาใจขวัญหรือเปล่าคะเนี่ย พูดตรงๆ ก็ได้ ขวัญจะได้ปรับปรุง" ร่างบางพูดพลางทำหน้ามุ่ย อยากจะชิมแต่ก็กลัวตาย..
"หึหึ น้องขวัญลองชิมดูก่อนสิครับ" องศาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนแนะให้ลองชิมจะได้รู้กันไปเลย ไม่ใช่รอลุ้นเอาจากคนอื่นแล้วก็ไม่เชื่อแบบนี้
"อร่อยใช่มั้ยล่ะ พี่กับเชฟพูดความจริงทั้งนั้น" ร่างสูงถามย้ำเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำตาปริบๆ หลังชิมฝีมือตัวเองไปแบบเต็มปากเต็มคำ
"คุณขวัญมีพรสวรรค์พอตัวเลยนะครับ ทำครั้งแรกแต่ก็ทำออกมาได้ดี" เชฟกล่าวชมด้วยความเอ็นดู ทำคนถูกชมรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้
"ขอบคุณค่ะ แต่ขวัญว่ามันทำไม่ยากซะมากกว่า ต้องลองเจอเมนูยากๆ กว่านี้ อาจจะครัวระเบิดก็เป็นได้ แหะๆ " คนตัวเล็กยิ้มแห้งก่อนตบมุกขำๆ แก้เขิน จากนั้นเชฟก็สอนทำต่ออีกหลายเมนู ทำไปชิมไปจนอิ่มหนำกันถ้วนหน้า แต่ก็หยุดไม่ได้เพราะรู้สึกว่ายิ่งทำยิ่งสนุก
"ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันขวัญต้องอ้วนแน่เลยค่ะ" เสียงหวานบ่นพึมพำหน้ามุ่ยๆ ขณะถือตะกร้าใส่ขนมหลายอย่างที่หัดทำทั้งหมดเดินออกจากห้องครัว
"พี่คงจะอ้วนกว่าอีก" องศาหน้าเครียดไม่ต่างกันเพราะคนที่ต้องคอยชิมในทุกๆ เมนูคือเขาล้วนๆ ร่างบางกับเชฟไม่ได้ครึ่งของเขาเลยด้วยซ้ำ บางทียืนมองไปมองมาปากมันก็ว่างแถมกลิ่นหอมๆ ยังเตะจมูกยั่วน้ำย่อยในกระเพาะอยู่ตลอด ใครจะไปอดใจไหวในเมื่อเขาชอบกินของหวานอย่างกับอะไรดี
"เรามาอ้วนไปด้วยกันเถอะค่ะ" คนตัวเล็กยิ้มร่าเมื่อมีเพื่อนร่วมขบวนการ รอยยิ้มสดใสนั้นทำองศาหลุดยิ้มตามด้วยความเอ็นดู ถ้าน้องสาวเขายังอยู่ก็คงจะอายุเท่าของขวัญพอดี..
"แล้วนี่ขวัญจะเอาเจ้าพวกนี้ไปให้เจ้านายพี่กับคุณอากิและคุณเซย์โนะยังไงคะ" เมื่อกลับมาถึงหน้าห้อง ร่างบางก็เอ่ยถามด้วยความหนักใจ โทโมยะน่ะให้ไม่ยากหรอกเพราะเขาชอบมากวนใจเธอบ่อยๆ แต่คนสนิทของเขานี่สิ.. ไม่ใช่ว่าหาตัวยากแต่ไม่กล้าเอาไปให้เลยต่างหาก
"ของคุณอากิและคุณเซย์โนะฝากพี่ไว้ก็ได้ครับ แต่ของนายใหญ่เดี๋ยวพี่เรียนท่านให้" องศาบอก ของขวัญก็พยักหน้าตกลงกันตามนั้น ขนมหวานในส่วนของอากิและเซย์โนะจึงปล่อยให้เขาจัดการไป ส่วนตัวเธอก็ถือส่วนของใครคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง
ร่างบางถือตะกร้าขนมมาวางไว้บนโต๊ะ จ้องมองอย่างภาคภูมิใจนิดๆ ก่อนผละไปอาบน้ำแต่งตัวและกลับมานั่งทานมื้อเย็น ทานอิ่มก็นั่งรอใครคนนั้นที่ไม่รู้ว่าจะเข้ามาหาหรือเปล่าแต่ก็รอเพราะอยากให้เขาได้ชิมไวๆ
รอแล้วรอเล่าคนตัวใหญ่ก็ยังไม่มาสักทีจนของขวัญเริ่มง่วง ง่วงจนฝืนความหนักของเปลือกตาไม่ไหว นั่งหลับไปตรงโต๊ะทานข้าวโดยที่มือยังโอบตะกร้าขนมไว้อย่างหวงแหน..
นานนับชั่วโมงบานประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกเปิดออกพร้อมปรากฏร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเดินเข้ามา ก่อนหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะที่มีร่างหนึ่งฟุบหลับอยู่ ในวงแขนคือตะกร้าขนมที่เจ้าตัวฝึกทำและตั้งใจเอามาให้เขาชิมโดยเฉพาะ มองนิ่งเล็กน้อยใครคนนั้นก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วหยิบมาการองรสกาแฟที่ถูกบรรจุอยู่ในซองพลาสติกใสผูกริบบิ้นอย่างดีมาแกะ ก่อนยกขึ้นชิม..
..
..
..
..
อีกหน่อยของขวัญจะไปนอนในครัวแล้วค่ะ เจอทีไรไม่เคยหลับบนเตียงเลย55555
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ) เป็นเวลากว่าสามเดือนที่โทโมยะและของขวัญใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น ด้วยเจตนารมณ์ของเขาที่หมายมั่นจะสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งคาชิมะให้ผู้เป็นน้องชาย เมื่อเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไปเวลาที่เหลือเขาจึงเริ่มเดินหน้าสอนงานน้องอย่างเต็มกำลังและขีดเส้นตายไว้ว่าภายในสองปีทาคิยะจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนยอมรับให้ได้ นั่นทำให้อีกฝ่ายแอบมาโอดครวญให้ร่างบางฟังบ่อยๆ ว่าผู้เป็นพี่เคี่ยวเข็ญอย่างกับจะพาไปแข่งโอลิมปิก ได้ยินแล้วก็ขำแต่คงจะช่วยอะไรไม่ได้นอกจากคอยรับฟังหลังช่วงทดลองงานสามเดือนของทาคิยะผ่านพ้นไปทั้งคู่ก็บินกลับประเทศไทย ปล่อยให้ว่าที่ผู้นำคนต่อไปหยัดยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ไม่เชิงว่าโดดเดี่ยวเพราะเขามีทั้งคนสนิทและผู้ช่วยมือดีหลายคน ด้วยเหตุนี้งานของคาชิมะที่โทโมยะทำอยู่เลยพลอยลดน้อยลงไปด้วย แม้ไม่ถึงกับหมดแต่เขาก็มีเวลาเหลือพาของขวัญไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาตามที่เคยสัญญากันไว้ในตอนก่อนไปญี่ปุ่น เขาพาเธอไปไหว้พ่อแม่เขาเธอเองก็พาเขาไปไหว้พ่อแม่เธอเหมือนกันเรียกได้ว่าชีวิตในช่วงนี้ดี๊ดีและมีความสุขแบบสุดๆ แม้จะยังไม่มีเหตุการณ์ประมาณว่าขอเป็นแฟนหรือบอ
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 26โชคดีที่ของขวัญไม่ได้ถูกร่างสูงกินแทนข้าวเย็นเพราะแค่รอบเดียวในบ่อน้ำพุช่วงล่างก็เจ็บเสียดจนกลายเป็นคนเดินช้าและเดินนุ่มนวลไปแบบเขินๆ อย่างในตอนนี้ที่กำลังเดินตามอีกฝ่ายไปยังห้องอาหารก็มีหลายครั้งที่เขาต้องชะลอฝีเท้าเพื่อให้เธอตามทัน แน่นอนว่าเขารู้ถึงสาเหตุวัดได้จากสายตาวาววับที่มองมาเดิมทีของขวัญคิดว่าเพื่อนร่วมโต๊ะทานมื้อค่ำจะมีแค่ทาคิยะคนเดียว รวมเธอกับร่างสูงก็เป็นสามคน แต่พอประตูไม้เนื้อดีถูกเลื่อนออกถึงได้รู้ว่าบรรยากาศมันผิดจากที่คิดไว้มาก ภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่นี้มีจำนวนบุคคลด้านในไม่ต่ำว่าสิบคน!ทุกคนล้วนอยู่ในชุดสบายๆ อย่างยูกาตะและล้วนเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะมีอายุ.. เสียงพูดคุยกันอย่างออกรสชาติในตอนก่อนหน้าเงียบกริบลงไปในทันทีที่โทโมยะพาเธอเข้ามา ทุกสายตาไม่ได้ผ่านการนัดหมายแต่พวกเขาพากันมองผู้มาใหม่ทั้งสองสลับกันอย่างพร้อมเพรียง"อ้าวพี่ มาๆ มานั่งนี่เลยครับ" ทาคิยะเป็นคนดึงความสนใจของทุกคน เขารีบลุกจากเบาะรองนั่งนุ่มๆ บนพื้นมานำทางให้ทั้งคู่ไปนั่งลงบนหัวโต๊ะที่ได้จัดเตรียมที่ทางไว้ให้ตั้งแต่แรก สายตาทุกคู่ยังคงจับจ้อง
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 25"อะ อื้ม~" ท้ายทอยเล็กถูกมือใหญ่รั้งเข้าหา ประกบจูบลงไปบนริมฝีปากแดงเรื่อ ดูดซับความนุ่มนิ่มที่ด้านนอกเบาๆ ก่อนสอดแทรกเรียวลิ้นคว้านลึกเข้าไปข้างใน ร่างบางเปิดปากให้อย่างรู้หน้าที่ แม้จะยังไม่ประสาแต่ก็สมยอมตอบรับสัมผัสของร่างสูงด้วยความเต็มใจทุกครั้งเผลอไผลไปกับรสจูบครู่เดียวร่างเพรียวบางก็ถูกยกตัวลอยเปลี่ยนท่ามานั่งคร่อมตักในสภาพล่อแหลมยิ่งกว่าเดิม มือใหญ่วางลงบนสะโพกอวบ บีบเคล้นเบาๆ ก่อนลูบไล้ขึ้นมาตามเอวคอดกิ่วจนถึงแผ่นหลังเนียนนุ่ม ชั่วอึดใจก็กอดรั้งคนบนตักเข้ามาแนบชิด บดเบียดร่างกายเข้าหากันจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง ทรวงอกอวบขาวเบียดชิดแผงอกล่ำ หน้าท้องแบนราบแนบแน่นไปกับลอนซิกแพค ช่วงล่างแข็งขืนเสียดสีอยู่กับช่องทางอ่อนนุ่มที่ยังคงปิดสนิท วงแขนแกร่งที่โอบกอดเอวบางขยับโยกตัวเธอขึ้นลงเป็นจังหวะเนิบนาบ.. จงใจให้อะไรๆ มันบดเบียดพอให้หวาดเสียวท้องน้อยเล่นๆ"อะ อ๊ะ อื้อ.." หลังถูกครอบครองไปหลายต่อหลายครั้งในที่สุดริมฝีปากบางที่เริ่มบวมเจ่อก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ ของขวัญรีบกอบโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างหิวกระหาย สองมือจิกเกร็งอยู่บนไหล่กว้างเมื่อเขาเปลี่ย
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 24หลังจากปลดคาวามูระและพรรคพวกออกจากตำแหน่งโทโมยะก็ค่อนข้างจะวุ่นๆ นิดหน่อยเพราะต้องเรียกตรวจสอบ ประเมินความเสียหายและทำการปรับเปลี่ยนหัวหน้าเขตคนใหม่เข้ามาดูแลแทน รวมทั้งทำการรื้อระบบเก่าที่อีกฝ่ายเคยจัดการดูแลทิ้งแล้ววางระบบใหม่เข้าไปแทนที่ รวมๆ แล้วหลายปีที่ผ่านมาคาชิมะถูกมันโกงกินไปไม่น้อย ยังไม่รวมเรื่องที่แอบค้ายาและค้ามนุษย์พื้นที่ที่เป็นกฎต้องห้ามของแก๊งอีกตอนแรกก็สงสัยว่าคนๆ เดียวที่ภรรยาจากไปนานแล้วมีภาระแค่ส่งเสียลูกสาวเรียนเมืองนอกแค่คนเดียวมันจะจำเป็นต้องใช้เงินมากอะไรขนาดนั้น แต่พอขุดไปขุดมาถึงได้รู้ว่ามันติดการพนัน ติดเหล้าติดยาและติดผู้หญิงอย่างหนัก เงินที่ได้ไปก็เอาไปลงกับอบายมุขพวกนั้นทั้งหมด ลูกแทบจะไม่เหลียวแล!แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย หลังจากที่ถูกพาตัวไปขังไว้ในคุกมืด.. สถานที่ที่มีไว้เพื่อกักขังคนทรยศ สองวันให้หลังร่างสูงก็ได้รับรายงานว่าผู้เป็นอาได้หลบหนีความผิดด้วยการใช้เข็มขัดผูกคอตัวเองกับลูกกรงสิ้นใจก่อนที่จะโดนเจ้าทาคิยะสำเร็จโทษไปก่อนแล้ว สภาพศพไม่น่าดูเท่าไรเพราะก่อนหน้านั้นคนของเขาที่สั่งให้คอยเฝ้าหน้าค
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 23"ฮ่าๆ ๆ เงินตั้งห้าสิบล้าน พี่แกยังกล้าโอนมาให้ฉัน ง่ายๆ แลกกับชีวิตไร้ค่าของแก ไม่น่าเชื่อ.. ฉันอุตส่าห์เป่าหูพวกแกให้เกลียดกันเพื่อหวังจะให้พวกแกหันมาฆ่ากันเอง แต่แม่งคงจะไม่มีวันนั้น.. เพราะแกมันโง่ทาคิยะ! แกมันขี้ขลาด! เหอะ คนแบบนี้น่ะหรออยากจะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง ถุ้ย! ฝันกลางวันอยู่หรือไงไอ้เด็กเหลือขอ! " เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาด้วยความสะใจเมื่อลูกน้องเข้ามารายงานว่าได้รับเงินเรียกค่าไถ่จากหลานชายคนโตเรียบร้อย ก่อนที่น้ำเสียงหยามเหยียดจะพ่นคำดูถูกใส่หลานชายคนเล็กพร้อมกับยืนจ้องมองด้วยสายตาเกลียดชัง"สารเลว.. พวกผมเป็นหลานของอานะ! " คนที่ถูกจับมัดนั่งบนเก้าอี้ในสภาพสะบักสะบอมเลือดโชกขบกรามแน่นด้วยความโกรธจัด ถามหาความเมตตาลมๆ แล้งๆ จากคนที่มีสายเลือดร่วมกันครึ่งหนึ่งด้วยความเจ็บใจ กว่าจะรู้สึกตัวว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือชำระความแค้นก็เสียรู้จนหมดสภาพ"หลานหรอ ฮ่าๆ ๆ ฉันนับญาติกับพวกแกที่ไหนกันเล่า ฉันเกลียดไอ้คาสึยะพ่อของแก เกลียดแก เกลียดพี่ชายของแก! พวกแกมันมารชีวิต! ถ้าไม่มีพวกแกทุกสิ่งทุกอย่างก็จะต้องเป็นของฉัน!! " คาวามูระระเบิดอารมณ์
มาเฟียจ้าวชีวิตWriter : Aile'Nตอนที่ 22"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย" องศาถามขึ้นในตอนที่เดินทางกลับ เพราะคนตัวเล็กนั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากร้านอาหารตามสั่งของพราวแล้ว สีหน้าก็ดูจะไม่สู้ดีนัก"เปล่าค่ะ ก่อนกลับพี่องศาพาขวัญแวะทำบุญหน่อยนะคะ" ของขวัญบอกปัดอย่างที่คิด แต่คนฟังก็ไม่ได้เซ้าซี้จะรู้ให้ได้ ทำเพียงพยักหน้ารับและแวะเข้าวัดตามคำสั่งเมื่อได้ทำบุญจิตใจที่ว้าวุ่นของร่างบางก็พอจะสงบลงมาได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังแอบคิดอยู่.. ก็เรื่องของแป้งนั่นแหละ ไม่เชิงว่ารู้สึกผิดไปเสียทีเดียว แต่เป็นความสงสารและเห็นใจมากกว่า ในฐานะคนที่เคยแอบรักเขามาเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้กรณีของเธอก็ยังไม่เรียกว่าสมหวังนะ แค่ก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น.."นี่.." น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยเรียกสติคนเหม่อให้หันมามอง แล้วก็ต้องแปลกใจว่าอีกฝ่ายกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตัว.."..มาตั้งแต่เมื่อไรคะเนี่ย" เมื่อพิจารณาดีๆ แล้วของขวัญก็ต้องตกใจซ้ำอีก เพราะร่างสูงนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน เธอควรจะรู้สึกตัวบ้างเวลาพื้นโซฟามันยุบตามน้ำหนักเขา นี่ต้องเหม่อขนาดไหนถึงได้ไม่รู้สึกอะไรเลย.."ก็นานพอที่จะ