Share

บทที่ 343

Author: ดอกถังร่วงหล่น
ปู๋เยี่ยโหว “......”

เจ้าอาวาส “......”

นางเล่นวางเพลิงหน้าบ้านคนอื่นเขา แล้วยังบอกว่ามาขอคำชี้แนะอีก

นี่มันขอคำชี้แนะแบบไหนกัน เห็นชัดเลยว่าเป็นการมาพังบ้าน!

เจ้าอาวาสแข้งขาอ่อน ยกมือขึ้นอุดปากนาง “ท่านบรรพบุรุษ เจ้าจะทำลายอารามเทียนอี้จนราบคาบเลยหรือ พวกเรารีบหนีกันเถอะ!”

เฟิ่งชูอิ่งไม่พูดอะไร เพียงมองเจ้าอาวาสแน่นิ่ง

สายตาของนางไม่ได้คมกริบดุดัน แค่กลับทำให้เจ้าอาวาสเย็นหลังวาบ

เขาเอ่ยเสียงสั่น “อารามเทียนอี้มีคนอยู่ร่วมพัน ข้างล่างนั้นยังมีชาวนาอยู่อีกหลายพันคน

“หากพวกเขาบุกเข้ามาพร้อมกันทั้งหมดล่ะก็ แค่พวกเขาถ่มน้ำลายกันคนละทีสองทีก็ทำพวกเราจมน้ำตายได้แล้ว!”

เฟิ่งชูอิ่งปลอบใจเขา “ไม่ต้องกลัว หากเขาคิดจะฆ่าใครสักคนก็น่าจะเป็นเจ้า ไม่ใช่ข้าหรอก เพราะวันนี้คนที่มาหาเรื่องอารามเทียนอี้ก็คือเจ้า

“ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ถึงขั้นมีคนตายแล้ว เจ้ากับพระลูกวัดหนีไม่พ้นปัญหานี้หรอก

“ทรัพย์สินต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้มา ทำแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จสิ!”

เจ้าอาวาส “......”

เจ้าอาวาส “!!!!!!”

เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันที!

เขาสร้างบาปกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาพบเจอกับนาง!

ปู๋เยี่ยโหวยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ เขายื
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 344

    ประกอบกับมีเจ้าอาวาสยืนข้างๆ นาง เขาจึงคิดว่าคนที่นักพรตเฒ่าชี้คือเจ้าอาวาสเขาถามเจ้าอาวาส “มิน่าล่ะท่านนักบวชถึงกล้ามาขอประลองฝีมือกับอารามเทียนอี้ ที่แท้ก็เพราะในมือมีสมบัติล้ำค่าอย่างหลิงเสวี่ยอยู่”เจ้าอาวาสได้เคยได้ยินชื่อของหลิงเสวี่ยมาก่อน มันคืออาวุธที่ร้ายกาจอย่างยิ่งมีดเล่มนั้นพลังทำลายไม่สูงมาก แต่หากคนที่ใช้มีดเล่มนั้นใช้วิชาควบคู่ไปด้วย วิชาของเขาจะมีพลานุภาพมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัวได้ยินมาว่ามีดเล่มนั้นเป็นของเจ้าสำนักลี้ลับที่จากโลกนี้ไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนตอนนั้นคนที่นักพรตเฒ่าชี้แล้วบอกว่าหลิงเสวี่ยคือเฟิ่งชูอิ่ง แปดส่วนมีดเล่มนั้นต้องอยู่ในมือเฟิ่งชูอิ่งเขาสับสนไปหมด ทว่าสีหน้ากลับเศร้าหมองอย่างมากเขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “อาตมาไม่รู้จักหลิงเสวี่ยอะไรนั่นหรอก แล้วก็ไม่มีตัวช่วยอะไรด้วย วันนี้เพียงมาขอถกความรู้ด้วยเท่านั้น!”หวูเหวยจื่อได้ยินแบบนั้นก็แสยะยิ้ม ชี้ไปที่ศพซึ่งไหม้เกรียม “แล้วศพของนักพรตอารามเทียนอี้ของเขาจะอธิบายว่าอย่างไร?”เจ้าอาวาสท่องอมิตาพุทธ เอ่ยเสียงอ่อนโยน “เรื่องนี้ เหตุใดท่านหัวหน้าอารามเทียนอี้ไม่ลองถามตัวเองดูล่ะ“เพลิงกรรมจะลุกไหม้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 345

    “ท่านหัวหน้าอารามมีฐานะเป็นผู้นำของอารามแห่งนี้ หากไม่รู้การกระทำของพวกเขา แสดงว่าท่านหัวหน้าอารามไร้ความสามารถ“หากรู้แต่ไม่คิดจะควบคุมหยุดยั้ง เช่นนั้นก็เป็นการผิดต่อหลักศีลธรรม บาปกรรมหนักหนา!”กล่าวจบเขาก็ยกพระธรรมคำสอนออกมาเอ่ย บอกว่าการกระทำของหวูเหวยจื่อผิดตรงไหน ต่อไปจะต้องได้รับผลกรรมอย่างไรในฐานะเจ้าอาวาสประจำอาราม ยามปกติเขามักจะสั่งสอนพระลูกวัดเป็นประจำ แล้วยังต้องล้างสมองคนที่มาซื้อธูปเทียนเครื่องรางและยันต์คุ้มครองอีกการจะทำทั้งหมดนั้น ต้องมีฝีปากที่ยอดเยี่ยมอย่างมากซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เจ้าอาวาสเชี่ยวชาญมากที่สุด เขาจึงสั่งสอนหวูเหวยจื่อเสียยกใหญ่หวูเหวยจื่อกับนักพรตที่เหลือรู้สึกเหมือนมีเสียงวิ้งๆ ดังในหัว พวกเขาอยากจะทุบเจ้าอาวาสให้ตายๆ ไปเสีย ไอ้พระบ้านี้จะพูดมากไปถึงไหน!ทว่าพวกเขารู้ว่าในมือของเจ้าอาวาสมีหลิงเสวี่ยอยู่ แล้วศพของนักพรตที่ถูกเผาก็ยังกองอยู่ตรงนั้นหากพวกเขาเป็นฝ่ายลงมือ จุดจบของพวกเขาก็คงเหมือนกับศพพวกนี้แต่หากต้องทนฟังต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็รู้สึกเหมือนสมองจวนจะถูกคำสอนของเจ้าอาวาสเป่าจนระเบิด!พวกนักพรตทั้งหลายทำหน้าอมทุกข์ พวกเขาคิด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 346

    ตอนแรกพวกนักพรตไม่ได้สนใจเฟิ่งชูอิ่งสักเท่าไหร่ แต่พอได้ยินสิ่งที่นางพูดพวกเขาก็หันไปมองนางพร้อมกันนางคนเดียวกล้าท้าประลองกับพวกเขาทั้งหมดเลยหรือ?อวดดีเกินไปแล้ว!นักพรตคนนั้นคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป เอ่ยถามว่า “เจ้าแน่ใจนะ?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ฟ้าใกล้มืดแล้ว หากต้องประลองกันสามครั้งเพื่อตัดสินผลแพ้ชนะมันจะเปลืองเวลาเกินไป มิสู้ตัดสินให้จบในครั้งเดียวไปเลย“หากชนะเจ้าแค่คนเดียว ก็คงจะวัดฝีมือของข้าไม่ได้ แล้วพวกเจ้าทุกคนก็คงไม่ยอมรับผลแต่โดยดี ดังนั้นพวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันหมดนั่นแหละ!”นางรูปร่างหน้าตาดูว่านอนสอนง่าย เหมือนเด็กสาวอ่อนหวานไร้พิษภัย แต่กลับพูดจาอวดดีอย่างมากนักพรตคนนั้นแสยะยิ้ม “เจ้าอย่าร้องไห้ทีหลังละกัน!”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “วางใจเถอะ ข้าจะทำให้พวกเจ้าร้องแทน”นักพรตพวกนั้น “......”พวกเขาไม่เห็นเฟิ่งชูอิ่งอยู่ในสายตาจริงๆ เพราะว่านางดูเป็นเด็กสาวหัวอ่อน และยังอายุน้อยเกินไปด้วยแม้เมื่อครู่นี้นางจะเป็นคนใช้เพลิงกรรมเผาพวกนักพรตเหล่านั้นจนตาย แต่พวกเขามองว่านั่นจะต้องเป็นฝีมือของเจ้าอาวาส มิใช่ฝีมือนางหรอกเขาเอ่ยเสียงเย็นชา “ไม่ต้องให้พวกศิษย์พี่พวกนั้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 347

    แต่ตอนนี้เขาแสดงบทบาทเป็นภิกษุผู้สูงส่งที่มีความคิดลึกล้ำยากหยั่ง การตอบสนองแบบนี้ก็นับว่าเหมาะสมกับบทบาทดีหวูเหวยจื่อมองเฟิ่งชูอิ่งด้วยความตกตะลึงอย่างมาก นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อยันต์อสนีบาตเป็นยันต์ที่น่ากลัวที่สุด แล้วก็เป็นยันต์ที่ปรมาจารย์ด้านยันต์วาดสำเร็จยากที่สุดเพราะว่ายันต์ประเภทนี้ต้องใช้ความสามารถที่สูงมาก คนทั่วไปมีเก็บไว้สักหนึ่งถึงสองแผ่นก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว สามารถใช้ในยามคับขันได้แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับหยิบออกมาเป็นกอบเป็นกำเหมือนสินค้าขายส่งตามท้องตลาด ศิษย์สิบกว่าคนโดนยันต์อสนีบาตจากนางคนละหนึ่งแผ่นศิษย์ทั้งหมดที่เขาพาออกมาด้วย เดินออกมาด้วยเท้า แต่กลับถูกแบกกลับเข้าไปทุกรายเขามองเฟิ่งชูอิ่งแล้วถามว่า “เจ้าเอายันต์อสนีบาตมาจากไหนมากมาย?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “ก็ต้องวาดขึ้นมาน่ะสิ”นางกล่าวจบก็หันมองเจ้าอาวาสแวบหนึ่ง “ท่านอาจารย์เป็นคนสอนข้าเอง”เจ้าอาวาสตัวสั่นเล็กน้อย แต่ไม่กล้าโต้แย้งคำพูดของนางทั้งสองคนสบตากัน จากนั้นก็แลกเปลี่ยนสายตากัน สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาคำพูดของนางดังก้องในหูของหวูเหวยจื่อ เขาพลันเข้าใจไปว่านัดบวชทุกคนในอารามส

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 348

    ปู๋เยี่ยโหวบังเอิญมาพบนางที่กำลังเตรียมตัวจะไปหาเรื่องอารามเทียนอี้พอดี เขาก็เลยติดตามมาชมเรื่องสนุกพร้อมกับรอคอยโอกาสลงมือสมแล้วที่ถูกจิ่งสือเยี่ยนตราหน้าว่าเป็นบุคคลอันตรายในนิยาย เขาเป็นคนที่สร้างอันตรายได้ทุกหนแห่งจริงๆ!สิ้นเสียงของเขา นักเลงและอันธพาลเหล่านั้นก็ลงมือทุบตีทำร้ายคนทันทีพวกเขาส่วนมากไม่มีวรยุทธ์ แต่กลับมีประสบการณ์ต่อสู้อย่างโชกโชน อีกทั้งตอนทะเลาะวิวาทไม่สนใจกฎกติกา ไม่ว่าจะชั่วช้าไร้คุณธรรมแค่ไหนก็ทำหมดจิ้มลูกตา เตะอัดเป้า เขวี้ยงหินใส่ ขอแค่กระทืบนักพรตของอารามเทียนอี้จนเจ็บตัวได้ พวกเขาพร้อมจะใช้หมดทุกวิธีเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”ปู๋เยี่ยโหวขยับเข้ามาใกล้นาง “อารามเทียนอี้มีค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาอยู่ เจ้าทำลายค่ายกลแห่งนั้นทิ้งสิ พวกเราจะกวาดล้างอารามเทียนอี้ให้ราบคาบด้วยกัน”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเหล่ตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตามความจริงว่า “ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาสร้างจาการรวบรวมพลังของนักพรตทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน“ท่านโหวคิดว่าข้าเพียงคนเดียวสามารถทำลายได้หรือ?”ปู๋เยี่ยโหวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ลองดูหน่อยสิ ทำลายได้ย่อมดีที่สุด ทำลายไม่ได้ก็ยังได้กลั่นแก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 349

    หวูเหวยจื่อโกรธจนแผดเสียงคำรามลั่น “ปู๋เยี่ยโหว ไอ้คนเสียสติเอ๊ย!”ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะร่วน “เจ้าเพิ่งรู้วันนี้หรือ?”ในตอนนั้นเอง ภายในอารามก็มีเสียงระเบิดดังก้องออกมาเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ก็มีไฟลุกท่วมขึ้นมาในถนนสายหลักของอารามมีเสียงคนตะโกนว่า “รูปปั้นของท่านบรรพจารย์ถูกระเบิดแล้ว รีบไปช่วยกันดับไฟเร็ว!”หวูเหวยจื่อได้ยินแบบนั้นก็เดือลดาลจนเส้นเลือดฝอยปรากฏในดวงตาปปั้นของท่านบรรพจารย์อยู่ในตำหนักที่ใช้สักการะของอารามเทียนอี้ เป็นที่ยึดเหนี่ยวของนักพรตทุกคนในอารามรูปปั้นของเขาถูกทำลายแบบนี้ ก็เหมือนกับการทำลายอารามเทียนอี้ทิ้งนั่นแหละภายในอารามมีเสียงคนแหกปากตะโกนออกมาว่า “อารามเทียนอี้ทำเรื่องชั่วช้าเลวทราม ปปั้นของท่านบรรพจารย์จึงระเบิดตัวเอง!”เสียงดังกล่าวแฝงด้วยกำลังภายในอย่างชัดเจน เพราะมันได้ยินไปจนถึงด้านนอกอารามเทียนอี้เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงตะโกนดังกล่าวก็หลุดขำออกมา เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่นางขอให้องครักษ์เงาของปู๋เยี่ยโหวเป็นคนทำเองตอนแรกนางคิดว่ากำลังพลฝ่ายพวกเขาน้อยไปหน่อย แล้วพวกนักพรตอารามเทียนอี้ก็โหดเหี้ยมมาก นางกลัวจะอาละวาดได้ไม่หนักพอหากไม่รุนแรงมา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 350

    เพราะว่าคลังเก็บสมบัติแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยเพชรนิลจินดาและเงินทองของพวกนั้นวางกองรวมกันและส่องแสงระยับระยับจนนางตาแทบบอดเฟิ่งชูอิ่งคิดว่าตอนนี้นางไม่ควรจะลังเลเลยแม้แต่น้อย มิฉะนั้นจะเป็นการไม่ให้เกียรติสมบัติเหล่านี้ได้นางเปิดกำไลมิติออกแล้วกวาดสมบัติทั้งหลายเข้าไปเก็บข้างในอย่างบ้าคลั่งนางหันกำไลไปทางกล่องที่สูงครึ่งตัวคน เพียงพริบตาเดียว สมบัติภายในกล่องก็ถูกนางดึงเข้าไปเก็บในมิตินางหันกำไลไปทางกำแพงสีทองอร่าม ทองคำก็ถูกสูบเข้าไปเก็บในกำลังทั้งหมด....ใช้เวลาเพียงจิบชาถ้วยเดียว นางก็กวาดสมบัติล้ำค่าทั้งหมดในคลังสมบัติของอารามจนหมดเกลี้ยง!เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน แต่ใครบ้างที่ไม่ชอบเงิน!หลังจากนางปล้นสมบัติจนหมดคลังก็เตรียมจะหนีออกจากที่นี่ แต่กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆนางลองขยับปลายนิ้วคำนวณดู แล้วลองมองการจัดวางภายในห้องอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าภายในห้องมีช่องลับซ่อนอยู่ด้วยนางใช้มือเคาะกำแพงเบาๆ หลังยืนยันตำแหน่งได้แล้วก็ลองใช้มือคลำไปรอบๆ จนกระทั่งพบกลไกที่ซ่อนอยู่เมื่อนางขยับกลไกดังกล่าว ประตูบานหนึ่งก็เผยออกอย่างช้าๆ ก่อนนางจะเปิดประตูเข้าไป

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 351

    ขอเพียงเปิดค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา ค่ายกลก็จะสามารถสังหารพวกปู๋เยี่ยโหวทั้งหมดได้เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูคลังสมบัติ กลับพบว่านักพรตที่เฝ้าประตูอยู่สลบไปแล้ว อีกทั้งแม่กุญแจที่คล้องประตูยังหล่นอยู่กับพื้นด้วยหวูเหวยจื่อหน้าถอดสีทันควัน รีบผลักบานประตูเข้าไป ก่อนจะพบว่าประตูทุกบานด้านในถูกเปิดออกหมดเลยเมื่อก้าวเดินเข้าไปด้านใน ก็ทราบว่าสมบัติล้ำค่าทั้งหมดหายไปแล้วหวูเหวยจื่อกล่าวอย่างเดือดดาล “ปู๋เยี่ยโหวเจ้าคนต่ำช้า กล้าใช้กลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ[footnoteRef:1]อย่างนั้นหรือ ข้าจะฆ่าเขาให้ตาย!” [1: หลอกศัตรูให้เผลอประมาทแล้วเข้าโจมตี] เขากล่าวจบก็พุ่งตัวเข้าไปด้านใน พบว่าหนังสือตำราทั้งหมดไม่เหลือสักเล่มเดียว แล้วบริเวณตาค่ายกลยังส่งกลิ่นเหม็นตุๆ ออกมาด้วยช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักพรตในอารามเทียนอี้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายมาก จึงไม่เคยเปิดใช้งานค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาสักครั้ง พวกเขาจึงไม่มั่นใจนักว่าโดยปกติแล้วค่ายกลสมควรมีหน้าตาเป็นอย่างไรถึงแม้ยามนี้พวกเขาจะได้กลิ่นที่เหม็นเน่าสุดขีด แต่กลับไม่ได้คิดอะไรมากยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาถูกโทสะครอบงำ จนประมาทและขาดความยั้งคิดเขาเรียกต

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status