Share

บทที่ 1434

Author: หูเทียนเสี่ยว
ไม่นานนัก เงาดำร่างหนึ่ง ก็ค่อยๆ เดินเข้ามา

ไม่ได้ใช้วิชาร่างแพรวพราว หรือการโจมตีฉับพลันที่คาดไม่ถึงอะไร

เขากระทั่งแค่...เดินเข้ามาอย่างสบายแบบนี้หรือ?

นี่มันจะเปิดเผยเกินไปแล้ว

คนที่ทำตัวเปิดเผยแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนโง่จริงๆ ก็ต้องเป็นยอดฝีมือสุดยอด

เชื่อมั่นอย่างเด็ดขาดต่อพลังของตนเอง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน เดินเข้ามาตรงๆ ได้เลย

จะสนทำไมว่าพวกเจ้ามีฝีมือแค่ไหน มีคนมากแค่ไหน

ที่แท้นี่ก็คือถังฉือ...

เขาอยู่ในชุดดำ เส้นผมดำขลับถูกรวบมัดไว้ด้านหลังศีรษะ

รูปร่างดูทะมัดทะแมงและดูเรียบง่ายมาก

นอกจากผ้าคาดหัวที่คาดไว้ตรงหน้าผาก ก็ไม่มีเครื่องประดับอื่นอยู่อีก ดำมืดไปทั้งตัว ที่หน้าอกกอดกระบี่ยาวเอาไว้

กระบี่ยาวนั่นดูแล้วก็เรียบง่ายมาก

ไม่มีอัญมณีอะไรประดับไว้ ไม่มีลวดลายแกะสลักซับซ้อน

ไม่ว่าจะด้ามกระบี่หรือฝักกระบี่ ดูแล้วเรียบง่ายเอามากๆ

บนด้านกระบี่มีเชือกป่านเส้นเล็กๆ พันไว้รอบๆ ดูแล้วรู้สึกจับถนัดมือมาก

แต่ก็ไม่ใช่รูปร่างของอาวุธเทพอะไรแบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น บนตัวคนผู้นี้ กระทั่งไม่มีจิตสังหารเลยด้วย

เหมือนคนที่ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไรเลย

คนแบบนี้...คือกระบี่อันดับ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1437

    ไม่เพียงแต่จั๋วซือหรานที่ผ่อนคลายลงไม่ได้ พวกสือหลินเองก็ผ่อนคลายลงไม่ได้เหมือนกันเอาจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะหนีออกไปนานแล้วแต่ว่า พวกเขาต่อให้แค่จะขยับตัวหนีไปสักเล็กน้อย หรือแค่จะก้าวเท้าออกไปแค่ก้าวเดียวก็สัมผัสได้ว่า ตนเองเหมือนถูกกลิ่นอายน่ากลัวบางอย่างพันธนาการเอาไว้ศพที่ศีรษะและลำตัวแยกจากกันของเนี่ยคุน ยังมีเลือดทะลักไปทั่วอยู่ข้างๆ เลยนะ!มีคำเตือนแบบนี้แล้ว ใครจะกล้าบุ่มบ่ามขยับตัวอีก?ทำได้แค่ยืนอยู่ที่เดิมเท่านั้นสายตาของถังฉือเหลือบมองพวกเขาเรียบๆ จากนั้นก็พูดเสียงสงบออกมาว่า "แล้วที่นี่ยังมีพวกทรยศจากตำหนักเซินหลัวอยู่ด้วย"สือหลินใจหายวาบขึ้นมา ตัวชาดิกไปหมด!ตอนนี้เอง เฟิงเหยียนก็เอ่ยเสียงต่ำมาว่า "ข้ากับปันอวิ๋นก็คนทรยศนะ"สีหน้าของถังฉือไม่เปลี่ยนไปนัก แต่ถ้ามองอย่างละเอียดอันที่จริงก็ยังมองออกว่า ในสีหน้าเขา มีอาการชะงักไปเล็กน้อยแบบไม่ค่อยชัดเจนนักเทียบกับเฟิงเหยียนที่น้ำเสียงต่ำขรึมแล้ว ยังถือว่าเป็นน้ำเสียงที่ตั้งใจจริงจังอยู่เสียงของปันอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ่งไม่ยี่หระเข้าไปอีก "ไม่ใช่แค่นี้นะ ข้ากับเฟิงเหยียนยังคิดจะไปขโมยตัวซงซีกับเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1436

    เขาไม่มีชื่อ ไม่มีพ่อแม่ กระทั่งไม่รู้ว่าตนเองสกุลอะไรด้วยซ้ำคนอื่นล้วนเรียกเขาว่าเสียวหม่าต่อมาบรรดาศิษย์พี่น้องบอกเขาว่า เขาควรจะมีชื่อจริง เสียวหม่าเสียวหม่าเนี่ย ระหว่างพวกเขาพี่น้องเรียกกันก็พอแต่ใครก็คิดไม่ออกว่าให้เขาชื่อว่าอะไรดีถึงอย่างไรเรื่องตั้งชื่อให้คนอื่นแบบนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ทางการและสำคัญมากเรื่องหนึ่งแม้เขาจะไม่พูด แต่ตอนนั้นก็รู้สึกคาดหวังมาก แต่ก็ไม่มีใครตั้งให้ จึงรู้สึกผิดหวังขึ้นมาอาเหยียนที่พูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไรก็พูดขึ้นว่า ถ้างั้นก็ชื่อฉือแล้วกัน ที่แปลว่าวิ่งทะยานน่ะแล้วสกุลล่ะ?อาอวิ๋นที่ปกติเอาแต่ขี้เกียจมาโดยตลอดก็หัวเราะพูดขึ้นว่า เขาไม่ใช่ชอบกินลูกกวาดที่สุดหรือ เช่นนั้นก็สกุลถังไปเลยสิดังนั้นเขาจึงไม่ใช่เสียวหม่าอีกแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นถังฉือมีแค่ต่อหน้าเหล่าศิษย์พี่น้องเท่านั้น ที่เขายังคงเป็นเสียวหม่าซุ่มซ่ามคนนั้นเพียงแต่ต่อมา ทุกอย่างก็หายไปไม่เหลือ สำนักหายไป...บ้านก็หายไปไม่เหลืออะไรอยู่เลยเขาสังหารคนไปมากมาย คนอื่นถามเขาว่าทำไมถึงสังหารคนได้โดยไม่กระพริบตาทำไมกันนะ?น่าจะเพราะคนที่ตนเองใส่ใจ ต่างค่อยๆ หายกันไปแล้วกระมัง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1435

    และตอนนี้เอง สือหลินกับชายหน้าบากกลุ่มคนที่ทรยศออกมาจากตำหนักเซินหลัวสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีเปลี่ยนไปจนปั้นยากเลยทีเดียว มีความหวาดกลัวออกมาอย่างไม่ปิดบังตอนนี้เอง ในที่สุดพวกเขาก็นึกออกแล้วพวกเขานึกออกแล้วเพราะอะไรก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงหึ่งๆ รางๆ ถึงได้รู้สึกคุ้นเคยนัก รู้สึกว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน...เพราะพวกเขาเคยได้ยินคนพูดถึงแล้วจริงๆนั่นเป็นช่วงที่พวกเขายังไม่ได้ทรยศตำหนักเซินหลัวพวกเขาทำตัวเป็นเครื่องจักรสังหารคนไม่ได้จริงๆ และเคยเจ็บปวดทรมานกับสับสนเพราะเรื่องนี้ด้วยเช่นกันกระทั่งยังเคยสงสัยด้วย ว่ามีตัวตนคนแบบนี้อยู่จริงหรือ?จากนั้นจึงได้ล่วงรู้ถึงตัวตนหนึ่งเข้าคนที่ฝึกฝนออกมาจากตำหนักเซินหลัวในระยะเวลาที่สั้นที่สุดได้ยินว่า เขาคือคนที่อาภัพทางครอบครัว ไม่มีญาติพี่น้องใดเลยสำหรับญาติของคนอื่น เขาก็ไม่ได้มีจิตใจเห็นใจสงสารให้เขาสังหารใครเขาก็ไปสังหารกระทั่งไม่มีลังเลด้วยซ้ำพวกเขายังจำได้ถึงคำที่นำมาพรรณนาคนผู้นี้ในตอนนั้น...เขาคือมือสังหารแต่กำเนิดดังนั้นพวกเขาจึงเคยถาม ว่าคนผู้นี้แกร่งมากไหม?คำตอบที่ได้รับคือ...แข็งแกร่งมาก แกร่งขนาด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1434

    ไม่นานนัก เงาดำร่างหนึ่ง ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาไม่ได้ใช้วิชาร่างแพรวพราว หรือการโจมตีฉับพลันที่คาดไม่ถึงอะไรเขากระทั่งแค่...เดินเข้ามาอย่างสบายแบบนี้หรือ?นี่มันจะเปิดเผยเกินไปแล้วคนที่ทำตัวเปิดเผยแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนโง่จริงๆ ก็ต้องเป็นยอดฝีมือสุดยอดเชื่อมั่นอย่างเด็ดขาดต่อพลังของตนเอง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน เดินเข้ามาตรงๆ ได้เลยจะสนทำไมว่าพวกเจ้ามีฝีมือแค่ไหน มีคนมากแค่ไหนที่แท้นี่ก็คือถังฉือ...เขาอยู่ในชุดดำ เส้นผมดำขลับถูกรวบมัดไว้ด้านหลังศีรษะรูปร่างดูทะมัดทะแมงและดูเรียบง่ายมากนอกจากผ้าคาดหัวที่คาดไว้ตรงหน้าผาก ก็ไม่มีเครื่องประดับอื่นอยู่อีก ดำมืดไปทั้งตัว ที่หน้าอกกอดกระบี่ยาวเอาไว้กระบี่ยาวนั่นดูแล้วก็เรียบง่ายมากไม่มีอัญมณีอะไรประดับไว้ ไม่มีลวดลายแกะสลักซับซ้อนไม่ว่าจะด้ามกระบี่หรือฝักกระบี่ ดูแล้วเรียบง่ายเอามากๆบนด้านกระบี่มีเชือกป่านเส้นเล็กๆ พันไว้รอบๆ ดูแล้วรู้สึกจับถนัดมือมากแต่ก็ไม่ใช่รูปร่างของอาวุธเทพอะไรแบบนั้นยิ่งไปกว่านั้น บนตัวคนผู้นี้ กระทั่งไม่มีจิตสังหารเลยด้วยเหมือนคนที่ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไรเลยคนแบบนี้...คือกระบี่อันดับ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1433

    พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน พวกเขาก็รู้ว่าจั๋วซือหรานไม่ได้พูดโกหกในสายตาพวกเขา ล้วนเป็นอารมณ์สั่นสะเทือนตกตะลึงนี่มันยากเกินไปแล้วเพราะก่อนหน้านี้จั๋วซือหรานพบว่า คนที่ตำหนักเซินหลัวชุบเลี้ยงออกมา จะเป็นพวกอารมณ์เฉยเมยสีหน้าไม่แสดงชัดเจนบนใบหน้าต่อให้เห็นสือหลินยังมีชีวิตอยู่ สีหน้าพวกเขาก็แค่รู้สึกผ่อนคลายลงมาเล็กน้อยเท่านั้นทว่าตอนนี้ บนสีหน้าพวกเขากลับมีความตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดชายหน้าบากคนนั้นพูดขึ้นมาก่อนว่า "เจ้าบ้าไปแล้ว"เขายืนยันได้เลย ว่าหญิงสาวคนนี้บ้าไปแล้วนางไม่รู้หรือไงว่าพูดอะไรอยู่? จะเป็นศัตรูกับสภาผู้อาวุโสเนี่ยนะ?ถ้าหากพวกเขาสามารถเป็นศัตรูกับสภาผู้อาวุโสได้!พวกเขาก็ไม่ต้องมาหลบอยู่ในซื่อหนานเหมือนหนูในท่อแล้ว!"เจ้าจะต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ" เขาเอ่ยซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง"ข้าไม่ได้บ้า" จั๋วซือหรานตอบ "คนเราน่ะ มันก็ต้องมีความฝันอยู่บ้าง""ไอ้ของเจ้านั่นมันไม่ใช่ความฝัน" ชายหน้าบากส่ายหัว "เจ้าก็แค่ละเมอเพ้อพกคิดถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้เท่านั้น เป็นศัตรูกับสภาผู้อาวุโสเนี่ยนะ? เจ้ารู้ไหมว่าสภาผู้อาวุโสคืออะไร?"จั๋วซือหรานยิ้มๆ "คือความมืดมิด การกดขี่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1432

    เทียบกับชายหนุ่มที่เขาจนปัญญาจะรับมือคนนั้น เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้ตึงมือยิ่งกว่าหญิงสาวคนนึง ถ้าสามารถทำให้ชายหนุ่มเชื่อฟังนางได้ จริงอยู่ที่อาจเป็นเพราะความงามของนาง แต่ที่มากกว่านั้นต้องเป็นเพราะความสามารถที่แท้จริงแน่นอน"เจ้าคิดจะทำอะไร?" สือหลินถาม น้ำเสียงระแวดระวังจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ข้าจะทำอะไรได้ ข้าก็ไม่ได้ทรมานเจ้าเสียหน่อย"นางเชิดคางไปทางชายหน้าบาก "คนของเจ้าเอาเงื่อนไขมาต่อรองกับข้าอยู่นะ"สือหลินตกตะลึง มองไปทางเนี่ยคุนที่ถูกมัดไว้แน่นหนาเข้าใจว่าเงื่อนไขในคำพูดจั๋วซือหรานคืออะไรและเข้าใจขึ้นมาทันที สือหลินรู้ว่าเงื่อนไขนี้ยังไม่พอนางต้องมีแผนการอื่นอยู่อีกแน่และตอนนี้เอง จั๋วซือหรานก็มองไปทางชายหน้าบาก "นี่ คนของพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่นะ แล้วข้อแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ พิจารณาไปถึงไหนแล้วล่ะ?"ชายหน้าบากมองสือหลิน จากนั้นก็มองจั๋วซือหรานเขานิ่งเงียบครุ่นคิด เอ่ยถามเสียงต่ำว่า "ถ้าพวกเราจะไปตอนนี้ เจ้าอาจจะขวางเราไว้ไม่ได้""นั่นใช่นั่นล่ะ เหล่าอสูรที่ตำหนักเซินหลัวชุบเลี้ยงออกมา ฝีมือแต่ละคนต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบพอนางพูดคำนี

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status