Share

บทที่ 171

Author: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานหันไปมองผู้อาวุโสใหญ่ เดิมทีนางคิดว่าผู้อาวุโสใหญ่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

แต่จากสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ ไม่มีร่องรอยใด ๆ เลย

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนจริงจังและคนตรงไปตรงมา จั๋วซือหรานแทบจะมองเห็นความประหลาดใจในดวงตาของเขา

จะเห็นได้ว่าขบวนรถม้าของตระกูลเฟิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของผู้อาวุโสใหญ่ และแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ยังคาดไม่ถึงเลย

จากรถม้าคันแรกของตระกูลเฟิง มีชายคนหนึ่งสวมชุดของคนรับใช้ของตระกูลเฟิงกระโดดลงรถม้าและเดินไปหาจั๋วซือหราน

เขาพูดด้วยความเคารพว่า " แม่นางจั๋วจิ่วขอรับ อรุณสวัสดิ์ขอรับ"

จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองเขา

“ข้าน้อยได้รับคำสั่งมาหาท่าน เพื่อมอบ…” คนรับใช้ตของระกูลเฟิง กล่าวด้วยความเคารพ

จั๋วซือหรานขัดจังหวะเขา “คำสั่งของใคร”

“ ซื่อจื่อ …และคำสั่งของผู้อาวุโสทั้งหลายขอรับ” หลังจากคนรับใช้ตอบแล้ว เขาพูดเรื่องของเมื่อครู่นี้ต่อ “มอบของขวัญตอบให้ท่านขอรับ”

คนรับใช้ถือใบรายการของขวัญด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่ทราบว่าใบรายการของขวัญได้ระบุของขวัญกี่ชิ้น มันถูกม้วนเป็นม้วนและถูกปิดผนึกด้วยกระดาษสีแดง เขาส่งมอบให้กับจั๋วซือหราน

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 172

    “ก็หนูติดธุระน่ะแม่” จั๋วซือหรานพูดและยิ้ม “แต่ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ท่านอ๋องไม่ใช่คนไร้เหตุผล และท่านอ๋องมีช่องทางทราบข่าวของข้าอย่างรวดเร็วแน่ ๆ ท่านอ๋องต้องเข้าใจหนูแน่ ๆ”แม้ว่าเป็นอย่างนั้นก็จริง ๆ แต่อวิ๋นเหนียงยังคงรู้สึกการกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมเล็กน้อย คิ้วของนางบิดเบี้ยวเล็กน้อย "แม่ไม่กังวลว่า ท่านอ๋องจะไม่เข้าใจ"แม้ว่าอวิ๋นเหนียงไม่เคยพยเฟิงบหยียน แต่ฟังจากข่าวรือของชาวบ้าน นางฟังออกว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่อ่อนน้อมถ่อมตนและดีเยี่ยม มิฉะนั้น เขาจะไม่ถูกเรียกว่าเป็นที่หนึ่งในบรรดาหนุ่ม ๆ อันหล่อเหลาและดีเยี่ยมในเมืองหลวง“แม่กังวลเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงจะไม่เข้าใจหนู” อวิ๋นเหนียงกล่าวว่า “เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะคิดว่าหนูไม่เสียมารยาท วันหลังพวกเขาจะหาเรื่องหนู ”จั๋วซือหรานยิ้มเมื่อนางได้ยินคำพูดของท่านแม่"หนูไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าใจหนู เฟิงเหยียนต้องเข้าใจหนูก็พอ นอกจากนี้ ท่านแม่คงมองออกว่า หนูไม่ใช่คนที่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาอาจมีอคติกับหนูอยู่บ้าง แต่หลังจากเมื่อวานเป็นต้นไป คงไม่ใช่เช่นนั้นแล้วเจ้าค่ะ”ผู้อาวุโสใหญ่ยืนฟังคำพูดของ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 173

    หลิ่วเย่ฟังเสียงฝีเท้านั้น นางรู้สึกเจ้าของเสียงนี้อารมณ์ดีมาก และเจ้าของผู้นี้เดินอย่างสบาย ๆหลิ่วเย่ตาบอดข้างหนึ่ง แต่หูของนางยังคงดีมาก ดังนั้นนางได้ยินการเคลื่อนไว้ของข้างนอกอย่างชัดเจนนี่ไม่ใช่เสียงฝีเท้าของฝูซาง ฝูซางเป็นคนรอบคอบ นางทำงานได้ทั้งรวดเร็วและดี ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยมีจังหวะผ่อนคลายเช่นนี้ และนางมักจะรีบร้อนเล็กน้อยส่วนฝูซูกับจั๋วหวาย ฝีเท้าของพวกเขามีชีวิตชีวาและอ่อนเยาว์หน่อย หากจะบอกว่าพวกเขาเดิน พวกเขากระโดดและวิ่งไป ๆ มา ๆ มากกว่าฮูหยินเป็นผู้ที่อ่อนโยน วิธีการพูดและการกระทำเหมือนฝีเท้าของฮูหยิน เสียงฝีเท้าของฮูหยินนุ่มนวลและเสียงฝีเท้าที่ผ่อนคลายเช่นนี้ หลิ่วเย่จำคนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น...หญิงสาวผู้นั้นมีพรสวรรค์อันโดดเด่น นางอายุน้อยและงามเสมือนนางฟ้า บางทีอาจเป็นเพราะนางดีทุกอย่าง นางไม่ต้องใจร้อนในเรื่องใด ๆ ดังนั้นนางจึงดูสบาย ๆ และผ่อนคลายอยู่เสมอหรืออาจเป็นเพราะในฐานะที่เป็นลูกสาวคนโต นางต้องแบกรับความกดดันมากกว่าผู้อื่น นางจึงไม่กล้าเดินและกระโดดมากเกินไป นางเลยก้าวได้ทีละก้าวเท่านั้น เดินอย่างสบาย ๆ และมั่นคงเมื่อหลิ่วเย่จำเสียงฝีเท้าได้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 174

    จั๋วซือหรานกล่าวและมองหลิ่วเย่ นางยิ้มแต่ไม่มีรอยยิ้มตั้งแต่จั๋วซือหรานเดินเข้าห้อง หลิ่วเย่จ้องมองจั๋วซือหรานด้วยดวงตาข้างที่ยังมองได้จั๋วซือหรานมองนางแล้วพูดเบา ๆ “ หลิ่วเย่ ไม่เจอกันนานเลย”ริมฝีปากแตกของหลิ่วเย่สั่น นางขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่นางไม่พูดอะไร นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และสุดท้ายนางก็แค่เรียกจั๋วซือหรานด้วยเสียงแหบ "คุณหนู..."จั๋วซือหรานเลิกคิ้วและมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ "นางพูดได้และสารภาพได้อยู่นี่"เดิมทีนางนึกว่าหลิ่วเย่อาจถูกวางยาและเป็นใบ้ หรือหมดสติ หรืออะไรบางอย่างโดยไม่คาดคิดนางยังมีสติอยู่และยังพูดได้ด้วยนั่นเป็นอาการที่ยังสามารถสารภาพได้ ทำไมผู้อาวุโสใหญ่ ถึงไปหานางจั๋วซือหรานสับสนเล็กน้อยผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “นางกลัวตาย นางบอกว่าหากเราไม่ช่วยชีวิตนาง นางจะไม่สารภาพ หากนางไม่สารภาพ ข้าจะเหนื่อยใจ”จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของผู้อาวุโสใหญ่ สำหรับคนซื่อสัตย์อย่างเขา แม้ว่าเขาจะต้องการให้ความยุติธรรมแก่นางจริง ๆ เขาก็ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนเนื่องจากเขาไม่มีสิทธิ์จัดการฉินตวนหยาง ซึ่งผู้ที่เป็นข้าราชการแห่งราชสำนัก เขาจึงต้องหาทางแก้ไขจากหลิ่วเย่ หา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 175

    การกระทำของฝูซางว่องไวมาก นางก็มัดหลิ่วเย่ให้แน่นตามคำแนะนำของจั๋วซือหรานในเวลาอันสั้นฝูซางกับฝูซูเป็นผู้ติดตามที่แท้จริง ผู้ติดตามไม่แตกต่างกับคนรับใช้ผู้ติดตามสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ กับเจ้านายได้ ตัวอย่างเช่น เด็กรับใช้ของเจ้านายสามารถไปเรียนที่สถานศึกษากับเจ้านาย เด็กรับใช้ของเจ้านายยังสามารถฝึกศิลปะการต่อสู้กับเจ้านายได้เช่นกันแม้ว่าเด็กรับใช้ไม่ได้เรียนและฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจังเหมือนเจ้านาย แต่การที่สามารถอยู่ข้างกายของเจ้านายนั้นได้ความรู้หรือไม่มันขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง บางทีเด็กรับใช้อาจจะเป็นผู้ทรงพลังก็ได้นะกล่าวโดยสรุป ฝูซางกับฝูซู ฝึกศิลปะการต่อสู้กับเจ้าของร่างเดิม พวกเขาอาจไม่ได้มีความสามารถที่โดดเด่น แต่ความสามารถของพวกเขาก็เหนือกว่าคนรับใช้อย่างหลิ่วเย่ตั้งเยอะฝูซางมัดหลิ่วเย่ไว้อย่างรวดเร็วแม้ว่าหลิ่วเย่จะรู้ว่าจั๋วซือหรานจะรักษานาง แต่นางก็ยังตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนี้"คุณห คุณหนูอยากทำอะไร ปล่อยข้าไป ปล่อยข้า"แต่เนื่องจากนางได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่นางตื่นตระหนกอย่างมาก เสียงของนางยังฟังอ่อนแออย่างมากฝูซางไม่สนใจนางกำลังพู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 176

    ในขณะนี้ จั๋วซือหรานได้ดึงมือของนางออกแล้วหลิ่วเย่ถูกความเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก และในช่วงที่นางยังเบลออยู่ นางได้ยินเสียงของจั๋วซือหราน "ก็ไม่เลว ลำไส้ไม่ได้เสียกมากนัก ถือว่าเจ้าโชคดี"ลูกตาดำที่ไร้ชีวิตชีวาของหลิ่วเย่เหลือบมองจั๋วซือหรานอีกครั้งจากนั้นนางก็เห็นจั๋วซือหรานเริ่มหยิบเครื่องมือสำหรับการผ่าตัดออกมาจั๋วหลานกับฝูซางไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่านางหยิบเครื่องมือออกมาที่ไหน และพวกเขาไม่เข้าใจว่าเครื่องมือพวกนี้คืออะไรอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเครื่องมือเหล่านี้ไม่ใช่ของที่ใช้กับผู้ที่ได้รับมีบาดเจ็บทั่วไปหลิ่วเย่มองเครื่องมือที่จั๋วซือหรานหยิบออกมา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่รู้จักแต่นางไม่สามารถพูดอะไรได้ และเมื่อเห็นเครื่องมือโลหะแวววาวเหล่านั้น หลิ่วเย่ก็ไม่กล้าขยับตัวแม้ว่านางถูกมัดไว้แน่น แต่ก่อนหน้านี้ นางยังบิดตัวเล็กน้อย แต่ในเวลานี้ เมื่อนางเห็นเครื่องมือที่จั๋วซือหรานหยิบออกมาและนางรู้ดีว่านางได้รับบาดเจ็บที่ไหน ดังนั้นนางเห็นเครื่องมือเย็น ๆ เหล่านี้ เมื่อนางรู้ว่าของเหล่านี้จะถูกใช้ที่ไหนหลิ่วเย่สั่นเบาลง“ ฝูซาง ไปเอาน้ำร้อนมา” จั๋วซือหราน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 177

    ทันทีที่จั๋วหลานเดินเข้ามา เขาเห็นจั๋วซือหรานใช้เครื่องมือที่ดูเหมือนกรรไกร นางกำลังคีบ... เข็มโค้งที่ดูเหมือนเบ็ดตกปลา แล้วจี้ไปที่ท้องของหลิ่วเย่มือของเขาไม่นิ่ง และกะละมังก็ตกบนพื้น เสียงนั้นดังก้อง ซึ่งทำให้ฝูซางสะดุ้งแต่ดูเหมือนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างกะทันหันนี้ไม่ได้ทำให้จั๋วซือหรานเสียสมาธิ ไม่ต้องพูดถึงนางตกใจ นางไม่แม้แต่จะขยับคิ้ว และนางไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยในการเคลื่อนไหวเลยนางปักเข็มอย่างแม่นยำ จากนั้นดึงเข็มแล้วดึงด้าย...หลิ่วเย่ส่งเสียงคำรามแหลมออกมาจากลำคอของนางดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดจากจั๋วหลานทำกะละมังตกบนพื้น ฝูซางตกใจจนกระโดดในที่เดิม หรือเสียงคำรามอันแหลมคมที่ออกมาจากลำคอหลิ่วเย่การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่สามารถทำให้จั๋วซือหรานเสียสมาธิเลยเธอทำให้ผู้คนรู้สึกว่าแม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาเธอ แต่เธอก็ยังสามารถทำสิ่งที่เธอทำอยู่ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสีหน้าของเธอนี่คือคุณสมบัติทางจิตตวิทยาที่แพทย์ควรมี และในความคิดเห็นของจั๋วซือหราน นี่เป็นเรื่องธรรมชาติแต่ในสายตาของคนด้านข้าง นี่คือคุณสมบัติที่ทรงพลังอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากผ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 178

    จั๋วซือหรานไม่มีการคัดค้านใด ๆ ดังนั้นนางเอื้อมมือและตบจุดฝังเข็มสามสี่จุดของหลิ่วเย่หลิ่วเย่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางว่างเปล่า หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดูเหมือนว่านางจำได้ว่าก่อนที่นางหมดสติ นางต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนแต่ในขณะนี้ ปากของนางไม่ถูกผ้ายัดใส่แล้ว ดังนั้นนางจึงอ้าปากและคำรามอย่างเสียงดังจั๋วซือหรานยกมือปิดหูไว้ นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "อย่าตะโกน"หลังจากหลิ่วเย่กรีดร้องอีกสองสามครั้ง นางเริ่มค่อย ๆ มีสติกลับมา และนางพูดเสียงแหบแห้งว่า "ข้ายังไม่ตายหรือ ข้า... ยังมีชีวิตอยู่หรือ"ภายใต้ความเจ็บปวดสุดขีดของก่อนหน้านี้ นางอยากตายจริง ๆ ก่อนที่นางหมดสติ นางนึกว่านางต้องตายแน่ ๆแต่ตอนนี้นางมีสติกลับมา นางเริ่มรู้สึกนางโชคดีนางลดสายตาลงและอยากดูบาดแผลของตัวเอง นางรู้ดีว่าบาดแผลที่หน้าท้องของนางเป็นอย่างไรจั๋วซือหรานหันไปสั่งฝูซาง "ไปเอากระจกมา ส่องให้นางดูสิ"ฝูซางรีบไปเอากระจกมา นางแก้ผ้าปิดแผลของหลิ่วเย่เมื่อเห็นรอยแผลบนท้องเหมือนตะขาบง แม้น่ากลัวมาก แต่ก็ดีกว่าการสภาพที่ถูกผ่าท้องครั้งก่อนมากจริง ๆหลิ่วเย่ตกใจเล็กน้อย นางมองจั๋วซือหรานหนึ่งแวบ ราวกับว่านาง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 179

    เดิมทีจั๋วซือหรานว่าจะไปจวนเฟิงทันที ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น นางยังคงต้องให้เกียรติท่านอ๋องหน่อย ไม่ได้เพื่ออะไร แต่อย่างน้อยเขาหน้าตาดีและเรื่องที่นางแข่งกับตระกูลเหยียน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็เพิกเฉยต่อมิตรภาพระหว่างเขากัตระกูลเหยียน และเข้าร่วมในการแข่งขันระหว่างนางกับตระกูลเหยียนเขายังทำร้ายตัวเองเช่นนั้นและให้พวกเขารักษาเขาจั๋วซือหรานสรุปได้ว่า เฟิงเหยียนต้องมีวิธีโดยเฉพาะในการควบคุมความอาการบาดเจ็บของเขาดังนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาต้องมาเป็นผู้ป่วยในการแข่งขันทักษณะการแพทย์ระหว่างนางกับตระกูลเหยียน เขาคงไม่ต้องทำร้ายตัวเองถึงขั้นนั้นหรอกและเขารักษาสัญญาได้ค่อนข้างดี การแข่งขันเพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ และวันนี้เขาสั่งคนส่งของขวัญหมั้นมาที่ประตูจวนของนางทันที แม้ว่าสัญญาการแต่งงานระหว่างนางกับเขาจะไม่เป็นความจริง แต่ดูจากของขวัญหมั้น เขาก็ไม่ได้ละเลยนางดังนั้นจั๋วซือหรานจึงตัดสินใจว่า เมื่อทำธุระทางนี้เสร็จ นางจะไปจวนเฟิงทันที อย่างน้อยก็อย่าทำให้เฟิงเหยียนรู้สึกลำบากใจต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงแต่ในขณะนี้นางยังยอมหยุดฝีเท้าเพราะคนตรงหน้าเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างห

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1277

    ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1276

    ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1275

    จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1274

    จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1270

    แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status