ถังหยวนมีนิสัยเช่นเดียวกันกับผู้อาวุโสใหญ่ เป็นคนที่พูดไม่มาก หลังจากได้เขายินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็เงียบไปสองสามวินาทีแล้วพยักหน้า“ข้าน้อยเข้าใจขอรับ ข้าจะถ่ายทอดคำพูดของคุณหนูแก่ผู้อาวุโสใหญ่ขอรับ ”ถังหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามอีก"ข้าน้อยอยากจะถามคุณหนูอีกครั้ง พลังแห่งสายเลือดของตระกูลจั๋วตื่นตัวจริง ๆ หรือขอรับ"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างเดียว แต่นางไม่ได้ตอบคำถามนี้ นางเพียงแค่พูดว่า " ท่านลุงถัง สรุปข้าต้องให้พลังแห่งสายเลือดของตระกูลจั๋วตื่นตัวก่อน ถึงจะได้รับความยุติธรรม หรือความยุติธรรมจะมีอยู่เสมอเจ้าคะ"ถังหยวนได้ยินคำพูดนี้ เขาไม่พูดอะไร ในที่สุดก็หันหลังกลับไปกับคนรับใช้อีกคนความตื่นเต้นเกือบจะสิ้นสุดลงแล้ว จั๋วซือหรานไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป นางมองไปที่ผู้คนรอบตัวนางที่กำลังรอดูเรื่องตลกของนางนางพูดเสียงดัง"วันนี้ทุกคนมาที่นี่เพื่อดูเรื่องตลกของข้า ข้าขอโทษที่ข้าทำให้ทุกคนดูเรื่องตลกไม่ได้ แต่วันนี้มีการแสดงที่ดีให้ทุกคนชม ดังนั้นทุกคนไม่ได้มาเสียเปล่า ๆ ""การแข่งขันที่ตระกูลเหยียนประกาศในอีกไม่กี่วัน ราวกับว่าชัยชนะอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือ
“ใช่ คุณหนูจิ่ว บ้าของข้าจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาในอีกสองวันข้างหน้า มิทราบว่าคุณหนูจิ่วโปรดให้เกียรติข้าไหม”ไม่น่าแปลกทำไมคนเหล่านี้จึงเปลี่ยนทัศนคติต่อจั๋วซือหรานทันที เพราะแพทย์กลั่นยาในเมืองหลวงไม่ได้มีฐานะสูงส่งสักเท่าไร ก็เพียงพอที่จะให้เหล่าตระกูลที่พอมีฐานะไปตีสนิทยิ่งไปกว่านั้น แพทย์กลั่นยาคนนี้เป็นลูกหลานของตระกูลจั๋ว ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลชนชั้นสูงขุนนางธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาสามารถส้างโอกาสกับผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างจั๋วซือหราน และไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาจะมีชื่อเสียงที่ดีโดยไม่มีวันเสียหน้าแต่จั๋วซือหรานไม่สนใจการพยายามสร้างความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้ ดังนั้นนางจึงจากไปและกลับไปที่จวนของนางโดยตรงฝูซูเห็นคุณหนูของเขาสอบติดแพทย์กลั่นยาอย่างราบรื่น เขาดีใจอย่างมากเขาตื่นเต้นจนนั่งไม่ลงและวนเวียนอยู่ในสนามต่อไป เพื่อแสดงความดีใจของเขา“คุณหนู คุณหนูเก่งมากจริง ๆ เราควรไปบอกเรื่องนี้กับฮูหยิน ฮูหยินจะได้มีความสุขดีไหมขอรับ” ฝูซูเสนอความคิดเห็นจั๋วซือหรานส่ายหัว "ไม่จำเป็นต้องบอกแม่อย่างจงใจ จวนจั๋วต้องรู้เรื่องของวันแล้วแน่ ๆ และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะแพร่กระจายไปสู่หูของแม่"
ถึงจะพูดเช่นนั้น ฝูซูยังคงหวาดกลัวเรื่องที่หลิ่วเย่ก่อมา และเขายังคงกลัวคนรับใช้ใหม่ที่มาในช่วงนี้ดังนั้นเขาจึงโน้มน้าวตลอด "จริงสิขอรับ คุณหนู อย่าใช้คนพวกนั้นเลย เท่าที่ข้าเห็นมา มีหลายคนถูกผู้ใหญ่ในจวนจั๋วส่งมา"“คนที่เดิมทีควรจะเป็นพ่อดูแลบ้านของเรานั้นเป็นคนของคุณท่านจั๋วลิ่ว อีกสองคนที่ต้องดูแลชีวิตประจำวันของคุณหนูนั้นเป็นคนของฮูหยินสี่า เท่าที่ข้าเห็น มีคนเหล่านี้แล้ว ขนาดข้ายังโง่มากเลยนะขอรับ และอาจมีอีกหลาย ๆ คน ซึ่งข้ามองไม่ออก”ฝูซูถามอีกครั้ง “คุณหนู เราจำเป็นต้องใช้พวกเขาหรือ”จั๋วซือหรานหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ "เจ้าเก่งสินะ ตอนนี้ฝูซูฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ และเขาสามารถดูแลงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้แล้วสินะ"ฝูซูไม่มีความสุขเลยหลังจากได้รับคำชมจากนางเช่นนี้ และยังดูเศร้าใจมาก“คุณหนู คุณหนูอย่าล้อข้าสิขอรับ ข้ากังวลแทบตาย”จั๋วซือหรานกล่าวว่า "มีอะไรต้องกังวล ในเมื่อพวกเขาส่งคนมาที่นี่ เราใช้พวกเขากันเถอะ ทำไมจะไม่ใช้ล่ะ นอกจากรับใช้ข้า ในบ้านเรา ยังมีงานบ้านอีกมากมาย ไม่มีใครทำเลย”“หากเจ้าไม่ให้พวกเขาทำ เจ้าอยากทำเองหรือ เมื่อก่อนหลิ่วเย่ สั่งพวกเจ้าพี่น้องสองคนไปที่
ทันทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วและผู้อาวุโสสามกลับมาที่จวนจั๋วพวกเขา พวกเขาถูกสั่งให้ไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เคร่งเครียดมากผู้อาวุโสหลายคนที่ไม่ค่อยปรากฏตัวในอดีตก็ปรากฏตัวในปัจจุบันทั้งหมดผู้อาวุโสสองมีสีหน้าที่ค่อนข้างโหดร้าย ปกติเขาไม่ค่อยปรากฏบ่อยนัก แต่เมื่อปรากฏตัวในตอนนี้ ก็เริ่มสอบสวนแล้วเขามองคุณท่านจั๋วลิ่วอย่างเฉียบแหลมเขาพูดเข้มงวดมาก "จั๋วเห้อหรง คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้"ใบหน้าของคุณท่านจั๋วลิ่วซีดลง แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรสักคำและคุกเข่าลงและยืดหลังตรงในหน้าห้องโถงผู้อาวุโสสามพยายามช่วยพูด "อ้าว ไม่ต้องเข้มงวดขนาดนี้ก็ได้ จั๋วหกทำเพื่อตระกูลเราเอง อีกอย่าง จั๋วซือหรานนางแยกตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูล นั่นเป็นการตัดสินใจของนางด้วย"ผู้อาวุโสทีสองตะโกนด้วยความโกรธจากด้านข้าง "หุบปาก มันเป็นเพราะเจ้าหนุนหลังจั๋วหกตลอด จึงทำให้เขาไม่กลัวอะไร อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าในเรื่องของครั้งนี้ มีการยินยอมของเจ้า ไม่อย่างนั้น สถานการณ์จะไม่แย่ถึงขนาดนี้”ใบหน้าของผู้อาวุโสสามดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่เขาโต้เถียงคำพูดของผู้อาวุโสสองไม่ได้แต่สุดท้ายเขารับคำกล่าวหานั้นไม่
ในสถานการณ์ปัจจุบัน คุณท่านจั๋วลิ่วไม่กล้าพูดอะไร จริง ๆ แล้วเขาไม่ควรพูดอะไรเหล่าผู้อาวุโสกำลังวางแผนที่จะรักษาจั๋วซือหรานไว้ในฐานะที่นางมีพรสวรรค์ และเขาเป็นคนที่ไม่ถูกจั๋วซือหรานมาตลอดไม่ว่าจะเขาพูดอะไรในเวลานี้ ล้วนเป็นความแค้นส่วนตัวเหล่าผู้อาวุโศต้องไม่ปล่อยเขาแน่ ๆ แม้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เรื่องที่เขาประกาศต่อสาธารณะว่า จั๋วซือหรานถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาถูกเหล่าผู้อาวุโสกล่าวหาแน่ ๆเกรงว่า หลังจากที่เหล่าผู้อาวุโสหาทางออกได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดการเขา"ก่อนอื่น เราต้องสอบสวนคดีที่เสียวจิ่วถูกทำลายอย่างละเอียดถี่ถ้วน"“มันง่ายมาก เพียงแค่จับชายขาหักที่กล้าหลอกนางมา และหาวิธีให้เขาสารภาพ จั๋วหลาน คนใกล้ชิดตัวของเจ้า ถังหยวน บังเอิญรู้วิธีการทรมาน ข้าว่าเราจะได้คำตอบอย่างรวดเร็ว”สิ่งที่ผู้อาวุโสหกพูดนั้นเป็นวิธีการที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนปลอดภัย หลังจากได้ยินคำแนะนำนั้น เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "แม้ว่าชายขาหักคนนั้นจะเป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง แต่เขาสอบติดบัณฑิตและถื
ผู้อาวุโสใหญ่ พูดอย่างใจเย็น "ยังมีทาสอยู่ในคุก เดิมทีนางเป็นทาสของเสียวจิ่ว แต่นางเป็นคนโง่ที่ทรยศ ซึ่งติดสินบนได้ง่าย นางคงเป็นคนที่มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถทนการลงโทษใด ๆ ได้"เมื่อคุณท่านจั๋วลิ่วได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ สีหน้าของเขาแข็งทื่อและทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเขาแสดงว่าเขากำลังกินปู้ร้อนท้องเขายิ้มแห้ง ๆ และอธิบาย "ข้าใจร้อน เป็นเพราะข้าเป็นห่วงลูกของข้าเอง หวังว่าเหล่าท่านผู้ใหญ่จะเข้าใจคนที่เป็นพ่อ..."เหล่าผู้อาวุโสเข้าใจชัดเจนมาก แต่พวกเขาไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับเขาในขณะนี้พวกเขาตัดสินใจสอบสวนเรื่องที่จั๋วซือหรานถูกวางยาพิษกู่ อย่างละเอียด และเริ่มสอบสวนจากหลิ่วเย่ ซึ่งผู้ทรยศเจ้านายส่วนทางจั๋วซือหราน เหล่าผู้อาวุโสตัดสินใจจะเตรียมของขวัญที่ล้ำค่าและให้คนส่งไปที่จวนของจั๋วซือหราน เพื่อแสดงความยินดีกับนางที่สอบติดแพทย์กลั่นยาหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่มองคุณท่านจั๋วลิ่วดวงตาของเขาเคร่งขรึมอยู่เสมอ แต่ในขณะนี้ ดวงตาของเขาแหลมคมมาก ซึ่งทำให้คุณท่านจั๋วลิ่วรู้สึกหนังศีรษะตึงเครียด“จั๋วเห้อหรง” ผู้อาวุโส
คนรับใช้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังตอบว่า "สอง สองแส้ขอรับ"จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว “ข้าต้องรับตั้งเก้าเส้นโดยไม่มีข้อยกแว้น…” นางพูดเช่นนี้ ดูเหมือนนางไม่ได้ถามจงใจ จากนั้นยกรายการของขวัญในมือขึ้นและพูดต่อ “ข้าได้รับของขวัญแล้ว ฝากขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่าน”คนรับใช้ยังคงตกตะลึงอยู่ เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า " คุณหนูจิ่ว ท่านไม่... กลับไปหรือ"เดิมทีเขาได้ยินจากผู้อาวุโสว่า ส่งของขวัญเหล่านี้มาที่นี่ จั๋วซือหรานจะกลับไปที่จวนจั๋ว เพื่อขอบคุณสำหรับการส่งของขวัญแก่นาง ดังนั้นผู้อาวุโสให้พวกเขาเตรียมเกี้ยวนุ่ม ๆ มาที่นี่ เพื่อพา จั๋วซือหรานกลับไปโดยไม่คาดคิด นางไม่มีความตั้งใจที่จะกลับไปเลยหรือจั๋วซือหรานมองคนรับใช้ นางยิ้มและพยักหน้า "ใช่สิ ข้าควรกลับไปที่ไหน ข้าถอนตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลแล้ว วันนี้คุณท่านลิ่วยังประกาศต่อสาธารณะว่า ข้า จั๋วซือหราน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจั๋วอีกต่อไปแล้ว ที่ที่ข้าอยู่ในตอนนี้คือบ้านของข้า ข้าควรไปที่ไหนอีก”คนรับใช้ดูลำบากใจมาก แต่เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรมากมายคนรับใช้รู้ด้วยว่า เขาพูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว หากเขาทำให้นางขุ่นเคือง เขานี่แหล
ซือคงเซี่ยนเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "อ้าว อย่างนี้หรือ เช่นนั้น เราไปกันเถอะ"จั๋วซือหรานหัวเราะ จากนั้นนางมองไปที่คนรับใช้ของจวนจั๋วที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาที่แผ่วเบานางสั่ง“ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้ากลับไปก่อนได้”คนรับใช้ยังอยากพูดอะไรอีก แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรเนื่องจากท่านอ๋องเซี่ยนอยู่ที่นี่เขาเพียงพูดด้วยความกลัว“ขอรับ คุณหนูจิ่ว เราจะกลับไปรายงานขอรับ พวกเราจะไม่รบกวนคุณหนูจิ่วอีกแล้วขอรับ”หลังจากคนรับใช้ออกไป จั๋วซือหรานจึงเดินตามซือคงเซี่ยน และออกจากจัวนไปยังพระราชวังซือคงเซี่ยนอดไม่ได้ที่ต้องหัวเราะแล้วพูดว่า " คุณหนูจิ่ว สรุปเจ้าจะไปพบเสด็จย่าเสียจริง หรือเจ้าไปเยี่ยมเสด็จย่าเพื่อรับของขวัญที่ข้าเตรียมให้คุณ หรือว่าเจ้าแค่จะหลบพวกคนที่น่ารำคาญในเมื่อครู่”ดวงตาของจั๋วซือหรานเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเหมือนพระจันทร์เสี้ยว นางถามว่า "ท่านอ๋องคิดอย่างไร"ซือคงเซี่ยนมองดูนางแล้วพูดว่า "ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การแสดงของคุณหนูจิ่วในวันนี้น่าทึ่งมาก เดิมทีข้าอยากไปที่ชมที่นั่นด้วยตัวเอง แต่ข้ากลัวว่า คนอื่นจะคิดว่าแม้แต่ราชวงศ์ก็ดูถูกเจ้า ข้าจึงต้องอดทน ไม่กล้าไปที่นั่น คุณหนูจิ่วอย
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย