”หลิงหยวนถัง”ที่ตั้งของหลิงหยวนถังนั้นอยู่บนถนนที่ขึ้นชื่อในด้านพิธีการจัดงานศพ ผู้ที่มาที่นี่โดยทั่วไปจะเป็นคนสามัญ หรือคนรับใช้จากตระกูลชั้นสูงอาภรณ์ของลั่วชิงยวนนั้นค่อนข้างสะดุดตา ดังนั้นนางและแม่นมเติ้งจึงไปหาอาภรณ์ชุดใหม่เปลี่ยนเพื่อให้ดูเหมือนชาวบ้านธรรมดา ก่อนหาผ้าโปร่งมาปิดบังใบหน้าไว้จากนั้นพวกนางก็เดินเข้าไปในร้านที่มีตุ๊กตากระดาษมากมายวางเรียงอยู่เป็นตั้งตรงหัวมุมมีเก้าอี้ไม้โยกตั้งอยู่หลังกองตุ๊กตากระดาษ เสียงเก้าอี้นั้นโยกดังเอี๊ยดอ๊าด แน่นอนว่าต้องมีคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่จากนั้นก็มีเสียงหม่นขรึมดังขึ้น “ท่านต้องการเพียงแวะพักชั่วคราวหรือต้องการพักค้างคืน?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็อดนิ่วหน้าไม่ได้“ท่านหมายความเช่นไร…” แม่นมเติ้งเองก็งุนงงเพราะร้านที่พวกนางเข้ามานั้นไม่ใช่โรงเตี๊ยมลั่วชิวยวนจับแขนของแม่นมเติ้งก่อนยกยิ้มและเดินเข้าไปที่เก้าอี้โยก “เถ้าแก่ล้อเล่นแล้ว อยู่ในร้านจัดงานศพ แล้วจะนอนในโลงศพหรือไร?”เสียงเก้าอี้โยกหยุดลงทันทีอากาศดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะมีกระแสลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาในร้าน ทำให้ตุ๊กตากระดาษทั้งหลายพากันขยับไหวจนดูเหมือนว่
ก่อนที่แม่นมเติ้งจะเข้าถึงกองหุ่นกระดาษนั้น ร่างที่อยู่ในกองกระดาษก็ลุกขึ้นจนตุ๊กตากระดาษร่วงพรูลงบนพื้นแม่นมเติ้งตกตะลึงไปอีกครั้งเมื่อนางมองลั่วชิงยวนอย่างพินิจ แม่นมเติ้งก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “พระชายา ท่านปลอดภัยหรือไม่เจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนปัดมือไปมาและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “ข้าจะเป็นอะไรไปได้เล่า”ลั่วชิงยวนหันหน้าไปมองเจ้าของร้านที่นอนอยู่บนพื้น นางกับแม่นมเติ้งช่วยกันอย่างมากเพื่อจะลากเขาออกมาชายผู้นั้นหมดสติไป และมีรอยบวมแดงเห็นได้ชัดอยู่บนหน้าผาก รวมถึงมีอักขระเวทย์หลายตัวอยู่ด้วยนี่เป็นรอยประทับที่เข็มทิศชะตาทิ้งเอาไว้นางเดินตรงไปที่โต๊ะแล้วหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาเปิดออกก่อนที่จะอ่านอย่างละเอียดธงอัญเชิญวิญญาณ โคมไฟล่อวิญญาณ จานสังเวยโลหิต ยันต์ชาตะ…มากมายหลายสิ่งยิ่งนักสิ่งของพวกนี้ล้วนมีไว้เพื่อดึงดูวิญญาณมีเสียงเล่าลือออกมาว่า จวนมหาราชครูนั้นมีวิญญาณสิงสู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่า พวกเขาเป็นผู้อัญเชิญวิญญาณเหล่านั้นมาเอง?หากว่าต้องการขจัดวิญญาณร้ายแน่นอนว่าต้องไม่ใช้ของพวกนี้ตอนนั้นเองเจ้าของร้านก็ฟื้นขึ้นมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดและสีหน้าก็งุนงง เมื่อเ
ลั่วชิงยวนนิ่วหน้าหากเป็นนางแม้ว่าโหยหาลูกชายที่สูญเสียไปตั้งแต่วัยเยาว์ นางก็คงไม่คิดจะอัญเชิญวิญญาณเขามาหลังจากที่ผ่านไปหลายสิบปีเช่นนี้นางรู้สึกว่า เรื่องนี้มีบางอย่างแปลก ๆเจ้าของร้านเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก เขาแค่รับผิดชอบจัดหาของและเก็บเงินมาเท่านั้น หนนี้เขานึกโลภและบุ่มบ่ามมากเกินไป จนทำให้ตนต้องเดือดร้อนเพราะว่าเขานั้นซาบซึ้งที่ลั่วชิงยวนช่วยแก้ปัญหาให้ เขาจึงมอบเงินห้าร้อยตำลึงกับนางเป็นการขอบคุณเมื่อลั่วชิงยวนรับเงินนั้น นางรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า นี่อาจจะเป็นวิธีทำมาหากินของนางได้ หากว่านางใช้ศาสตร์นี้ทำเป็นอาชีพ นี่น่าจะดีกว่าต้องทนทุกข์และโมโหหัวเสียอยู่ในตำหนักอ๋องใช่หรือไม่?เมื่อมีความคิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกมุ่งมั่น…เราจะต้องแก้ไขปัญหาในจวนมหาราชครูให้จงได้หากว่าสามารถแก้ปัญหาในจวนมหาราชครูได้ และได้ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือจากจวนมหาราชครู ในอนาคตหากว่ามีเรื่องแปลกประหลาดอันใดเกิดขึ้นกับตระกูลร่ำรวยในเมือง พวกเขาก็ต้องแนะนำนางให้ไปดู นางเองต้องสร้างชื่อเสียงขึ้นมาเสียก่อนถึงจะเริ่มหาเงินทองได้เมื่อออกมาจากร้าน ลั่วชิงยวนเองก็ยังคงครุ่นคิดเรื่องนี้ไม่เลิกแ
ใบหน้าของแม่นมเติ้งเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อนางติดตามพระชายา "พระชายา ไม่ใช่ว่าแม่นางอวิ๋นสี่..."ลั่วชิงยวนรีบวิ่งตรงไปที่หอนางโลมอย่างไม่คิดชีวิต "เข้าไปดูสิว่ามีใครอยู่รึเปล่า!"ด้านหลังของเรือนลั่วอวิ๋นสี่ถือห่อผ้าแล้วคว้าแขนของชายคนหนึ่งเอาไว้ "พาข้าไปกับท่านด้วยเถิด! คนในบ้านข้าบ้ากันไปหมดแล้ว ถ้าท่านไม่พาข้าไปด้วย ข้าตายแน่!"สวีซงหย่วนดูลำบากใจ "แต่นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย ถ้าข้าพาเจ้าไปด้วย ก็เท่ากับว่า… เราหนีตามกันไป!"“ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พี่หย่วน ท่านไม่อยากอยู่กับข้ารึ? ข้าเต็มใจจะไปกับท่านเอง ยังมีเหตุผลอันใดให้ท่านปฏิเสธอีก” ลั่วอวิ๋นสี่โกรธเล็กน้อยสวีซงหย่วนขมวดคิ้วและกัดฟัน "ก็ได้ ไปกันเถอะ!"ทั้งสองจับมือกันไว้ มือข้างที่ว่างถือห่อผ้า ก่อนเปิดประตูเตรียมจะวิ่งออกไปขณะที่ลั่วชิงยวนและแม่นมเติ้งเข้าไปในเรือน พวกนางก็บังเอิญชนเข้ากับชายแปลกหน้าที่ดูเหมือนกำลังฉุดกระชากลั่วอวิ๋นสี่อยู่กับสองตาทันทีที่ทั้งสองฝ่ายสบตากัน สีหน้าของลั่วอวิ๋นสี่ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือลั่วชิงยวนยกมือขึ้นแล้วโจมตีชายแปลกหน้าทันที "ปล่อยนางเดี๋ยวนี้!"สวีซงหย่วนทำอะไรไม
“เจ้าจะพาข้าไปไหน! ลั่วชิงยวนเลิกเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นสักทีได้ไหม?” นางไม่รู้เลยว่า ลั่วชิงยวนมาพบกับที่แห่งนี้ได้อย่างไรการได้พบกับลั่วชิงยวนไม่ต่างอะไรกับการประสบเคราะห์ร้ายแปดชั่วโคตรอย่างไรอย่างนั้น!ลั่วชิงยวนไม่ได้พูดอะไร ทว่ากลับพานางมาที่จวนมหาราชครูแทนเมื่อลั่วอวิ๋นสี่รู้ดังนั้นนางก็เริ่มขัดขืนอีกหน "ปล่อยข้านะ! ข้าจะไม่กลับไปที่นั่น!"ลั่วชิงยวนดุด้วยความโกรธ "สตรีสูงศักดิ์อย่างเจ้า ไม่ยอมกลับจวนแต่คิดจะหนีไปกับบุรุษป่าเถื่อนอย่างนั้นได้อย่างไร? ไม่รู้สึกอับอายสักหน่อยรึ!"ลั่วอวิ๋นสี่โต้กลับทันที "พี่หย่วนมิใช่คนป่าเถื่อน! เขาเป็นผู้พิทักษ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุทธภพต่างหาก! ลั่วชิงยวน พูดจาระวังปากด้วย!"“อีกอย่างจะมีใครหน้าด้านได้มากกว่าเจ้าอีก? พอออกเรือนไปแล้วก็ใจกล้าหน้าด้านขึ้นอย่างนั้นสินะ?”คำพูดของลั่วอวิ๋นสี่บาดใจคนฟังแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วนี่เป็นเรื่องธรรมดานางยังไม่ยอมปล่อยมือของลั่วอวิ๋นสี่และเอ่ยด้วยความจริงจัง "เจ้าจะพูดอันใดก็เชิญ แต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ข้าก็จะพาเจ้ากลับจวน! สวีซงหย่วนผู้นั้นมิใช่คนดี!""นี่เจ้า!" ปฏิกิริยาของลั่วอวิ๋นสี่ดูถ้า
“ของพวกนั้นไม่อาจพาคนที่ท่านอยากพบกลับมาได้ มันมีแต่จะนำปัญหาไม่รู้จบ และแม้แต่ความหายนะมาสู่ตระกูลของท่านด้วย”ทันทีที่นางได้ยินสิ่งนี้ ลั่วหรงก็ชะงักฝีเท้าลงและร่างกายของนางก็แข็งทื่อลั่วหรงยืนตัวแข็งทื่ออยู่เป็นเวลานานก่อนจะหันหลังกลับมานางสบตากับลั่วชิงยวนด้วยสายตาเฉียบคม "นี่เจ้าคิดจะเข้ามาสอดแนมเรื่องของตระกูลข้าอย่างนั้นสินะ? ฮ่า ข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป!"แม้แต่สมาชิกในตระกูลก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้ความลับเรื่องนี้ แต่คนนอกอย่างลั่วชิงยวนกลับรู้เรื่องนี้กับเขาด้วย!แน่นอนว่า คนที่หาวิธีจับผู้ชายได้อย่างนาง ย่อมมีหัวคิดไม่ธรรมดาแม้ว่าภายนอกนางจะดูอ้วนและไม่ฉลาดนัก แต่ภายใต้รูปร่างหน้าตาเช่นนั้นของนางได้เก็บซ่อนความฉลาดหลักแหลมเอาไว้!รอยยิ้มมีนัยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของลั่วชิงยวน "ข้าอยากจะขอถามท่านตรง ๆ สักหน่อย"“ฮูหยินลั่ว ท่านเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่? คนที่ท่านอยากพบตายจากไปหลายสิบปีแล้ว หากเขาหมดกรรมและไปเกิดนานแล้ว เขาจะยังอยู่ในใต้หล้านี้อีกหรือ? จริงอยู่ที่ท่านทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเรียกให้เขากลับมา แต่สิ่งที่ถูกเรียกมานั้นจะใช่เขาแน่หรือ?”คำถามนี้ทำให้ลั่วหรงชะงั
ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ก่อนพบเทียนเล่มหนึ่งในห้องนางจึงจุดจนมันสว่างไปทั่วฉะนั้นแล้วในห้องรับรองแขกอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีเพียงแสงเทียนเล่มนี้เพียงอย่างเดียวท่ามกลางความมืดดังกล่าว มีไฟดวงน้อย ๆ สว่างขึ้น มันเป็นดั่งเป้าสายตาท่ามกลางความมืดมิดในยามกลางคืนลั่วชิงยวนไม่ได้ปิดประตู นางคลายผ้าห่มออกแล้วล้มตัวลงนอน ตั้งแต่วินาทีแรกที่นางก้าวเข้าไปในห้องแห่งนี้ เข็มทิศก็สั่นไม่หยุด ที่นี่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความโกรธแค้น!ข้างนอกเกิดลมพัดแรงอย่างอธิบายไม่ได้ มันทำให้ใบไม้ในลานบ้านส่งเสียงกรอบแกรบ คล้ายกับเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัว “วะ ฮ่า ฮ่า"ทันใดนั้นก็มีลมพัดแรง กระแทกมาที่ประตูเข็มทิศในมือของลั่วชิงยวนหมุนอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ลมเข้าปะทะประตูอย่างแรง จนมันเปิดออกลมกระโชกแรงขึ้นและพัดไปทั่วประตูลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดและกระแทกปึงปังนางยังคงปลอดภัยในห้องรับรองแขกเล็ก ๆ ของนางไม่ว่าวิญญาณชั่วร้ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีวิญญาณชั่วร้ายตนใดบุกเข้ามาในห้องได้นางสัมผัสได้ว่า วิญญาณร้ายเหล่านั้นรวมตัวกันอยู่รอบห้องของนาง และล้อมรอบนางเอาไว้ลั่วชิงยวนหลับตาและพักผ่อ
แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ลั่วหรงจะไม่ยอมออกไปไหน ลั่วชิงยวนจับลั่วอวิ๋นสี่เอาไว้อย่างรวดเร็ว กัดนิ้วของนางแล้ววาดอักขระบนหน้าผากของลั่วอวิ๋นสี่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่วิญญาณอาฆาตที่อยู่โดยรอบจะค่อย ๆหายไปลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้แกะมือของลั่วอวิ๋นสี่ และในที่สุดนางก็คลายมือออกจากลำคอของตนรอยฝ่ามือสีเข้มที่คอทำให้ดูน่ากลัวนัก!ลั่วหรงที่คิดว่าตนเคยเห็นลมกระโชกแรงเช่นนี้มาหลายครั้ง และไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใด ในตอนนี้กลับหน้าซีดและแทบจะสิ้นสติเมื่อได้เห็นบุตรสาวของตนเป็นเช่นนี้ หัวใจของนางก็แทบจะสลายแต่ทว่าลั่วชิงยวนยังคงสงบและนิ่งเฉย หลังจากขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่อยู่รอบตัวไปได้แล้ว นางก็รีบหยิบยันต์ออกมา เผาน้ำ แล้วป้อนให้ลั่วอวิ๋นสี่ดื่มอาการตาเหลือกและฟองในปากของนางค่อย ๆ หายไปนางค่อย ๆ กลับมาสงบและล้มตัวลงนอนกับพื้น“รีบพานางกลับห้องเร็วเข้า!”ดวงตาของลั่วหรงแดงกำ และนางก็รีบเรียกคนสองสามคนให้พาลั่วอวิ๋นสี่กลับไปที่ห้องอย่างร้อนรนในขณะที่ลั่วหรงกำลังจะจากไป นางเหลือบมองลั่วชิงยวนอย่างลังเล "แล้วเจ้าล่ะ!"ลั่วชิงยวนเตะโต๊ะพิธีและแท่นบูชาแล้วเอ่ยขึ้นว่า "พวกท่านไปกันก่อนเถิด เด
“ท่านอยู่ต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อนเถิด” ลั่วชิงยวนกล่าวกับชายชราจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปชายชราลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลั่วชิงยวน “ท่านเจ้าเมืองมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “บนเขาแห่งนี้มีคนมาแย่งชิงยาสมุนไพรไปจริงหรือ? ที่ส่งคนไปตามหา มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?”“มีคนมาจริง ๆ ขอรับ พรรคพวกของพวกมันมีประมาณสิบคนได้ แต่พวกมันหนีไปเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนมัวแต่สนใจด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนบุกเข้าไปในคลังโอสถ”“พวกเขาถึงได้หนีรอดไปได้ขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งสงสัยว่าเป็นคนของสำนักเทียนฉยง และจงใจมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง จึงได้ชิงบัวถวายไปก่อนมองดูชายชราตรงหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนก็ยังมิเข้าใจเขาดีนักนางจึงถามว่า “บนหลังของท่านมีรอยประทับทาสหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “มีขอรับ”ลั่วชิงยวนรู้ว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เขาเคลือบแคลงใจว่านางมิใช่อวี๋ตันเฟิ่งแต่นางก็มิได้คิดจะแสร้งเป็นอวี๋ตันเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้“ท่านควรรู้ว่าข้ามิใช่อวี๋ตันเฟิ่ง”ชายชราผู้นั้นอึ้งไป มิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ในเมื่อ
หวังเพียงว่าจะกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้บนเขาได้ เพราะหากเขาไปสิงอยู่ในร่างผู้อื่นแล้วหนีลงเขาไปได้ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากเพียงแต่ในตอนนี้ นางไม่มีแรงพอที่จะไล่ตามแล้ว จึงไปหายาในคลังกับคนใบ้เมื่อไปถึง โฉวสือชีและอวี๋โหรวก็อยู่ที่นั่นอวี๋โหรวปรุงโอสถเสร็จแล้วโฉวสือชีกำลังค้นหาสมุนไพรอยู่ข้าง ๆ“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” โฉวสือชีถามด้วยความเป็นห่วงลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ข้ามิเป็นอะไร”โฉวสือชียื่นกล่องในมือออกมา แล้วพูดว่า “เจอโสมมังกรเพียงกิ่งเดียวเอง”ลั่วชิงยวนรับกล่องมา แล้วส่งให้คนใบ้ “รอจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ข้าจะจัดยาให้เจ้าชุดหนึ่ง แม้จะมิสามารถรักษาอาการของเจ้าให้หายขาดได้ แต่ก็พอจะยืดชีวิตได้”คนใบ้พยักหน้า รับโสมมังกรมาด้วยสีหน้าซับซ้อนภายใต้หน้ากากโฉวสือชีกล่าวเสียงหนักแน่น “คลังโอสถนี่ใหญ่โตเกินไป ข้าหาบัวถวายมิเจอจริง ๆ”“และเมื่อดูแล้วในนี้ก็มีร่องรอยการถูกรื้อค้น ต่งอวิ๋นซิ่วคงมิได้หลอกพวกเรา บัวถวายคงถูกใครบางคนชิงไปแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้วแน่น “บังเอิญเกินไปแล้ว บัวถวายถูกชิงไปตอนที่เรามาถึงพอดี”“แถมยังถูกกวาดไปจนเกลี้ยง”“สมุนไพรอื่นก็มิ
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ