Share

บทที่ 461

Author: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ท่านอ๋อง ท่านยังต้องถามอีกหรือ? แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ที่ท่านทะนุถนอมไว้กลางใจ!”

“นอกจากนางแล้ว ยังจะเป็นผู้ใดอีกเล่า?”

เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา

“อย่าได้พูดเรื่องเหลวไหลโดยไร้ซึ่งหลักฐาน!”

ลั่วชิงยวนยิ้มเยาะ “ต่อให้มีหลักฐาน ท่านอ๋องก็คงไม่เชื่อกระมัง”

“ยิ่งไปกว่านั้น ลำพังด้วยความสามารถของท่านอ๋องแล้ว การค้นหาหลักฐานและค้นหาตัวผู้ที่ปล่อยข่าวลือก็คงเป็นเรื่องยากกระมัง?”

ฟู่เฉินหวนสามารถปกป้องลั่วเยวี่ยอิงได้ ต่อให้เขาจะล่วงรู้ถึงสิ่งที่นางทำ เขาก็มิได้จัดการกับนาง

ลั่วชิงยวนทราบเรื่องนี้ดียิ่ง

ฟู่เฉินหวนโมโหเสียจนหน้าตาซีดขาว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์อันเคลือบคลุมระหว่างนางกับฟู่อวิ๋นโจวจึงก่อให้เกิดเรื่องซุบซิบนินทามากมายปานนั้น

เมื่อข่าวมาถึงราชสำนัก ขุนนางทั้งหลายต่างพากันกล่าวโทษเขาแล้วแนะนำให้เขาจัดการเรื่องส่วนตัวให้ดีเสียก่อนที่จะมาจัดการเรื่องบ้านเมือง

เพราะเรื่องเสื่อมทรามที่ทำลายหน้าตาของราชวงศ์

พวกเขาจึงฉวยโอกาสนี้รวมหัวกันต่อต้านและกีดกันเขามิให้มีส่วนร่วมในเร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 462

    ฟู่เฉินหวนชะงักฝีเท้า “หม่อมฉันตกลงช่วยชีวิตเขาก็ได้” “แต่ท่านต้องให้หม่อมฉันรักษาเขาเอง!” นี่คือเงื่อนไขของนาง ยามนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างล่วงรู้ว่าอัครเสนาบดีป่วยหนัก แม้แต่หมอหลวงก็อับจนหนทาง ทว่านางสามารถรักษาลั่วไห่ผิงได้ อย่างไรเสีย ลั่วไห่ผิงก็ยังดวงมิถึงฆาต คราวนี้ก็น่าจะยังมิตายหรอก แต่นางคงมิยอมให้ลั่วไห่ผิงหายเป็นปกติง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอก นางจะทำให้เขาต้องทรมานด้วยความเจ็บปวดไปชั่วชีวิต! อีกอย่างนางก็ไม่ยอมยกผลงานของตนให้ผู้ใดแน่ เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน เขาก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เพื่อฟู่อวิ๋นโจวแล้ว นางถึงกับตอบรับเงื่อนไขที่จะช่วยชีวิตลั่วไห่ผิง หากนางบอกว่ามิได้รักใคร่ไยดีในตัวฟู่อวิ๋นโจว ผู้ใดจะเชื่อกันเล่า? รอยยิ้มเยียบเย็นผุดขึ้นบนเครื่องหน้าอันเด่นชัดของฟู่เฉินหวน จากนั้นน้ำเสียงเย็นชาก็ค่อย ๆ ดังขึ้นว่า “หากเจ้ายอมตอบตกลงช่วยชีวิตลั่วไห่ผิงเพื่อช่วยชีวิตฟู่อวิ๋นโจว ดูเหมือนว่าท่านมหาราชครูก็หาได้สลักสำคัญกับเจ้าเท่ากับฟู่อวิ๋นโจวนักหรอก” “ข้าคิดว่าหามีสิ่งใดสั่นคลอนจิตใจที่จะสังหารลั่วไห่ผิงของเจ้าได้ไม่เสียอีก ดังนั้นข้าจึงรู้สึกชื่นชมว่ามิเสียแรงที

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 463

    “ใช่” ฟู่เฉินหวนมิได้ปิดบังสิ่งใด ทว่าเมื่อลั่วเยวี่ยอิงได้ยินเช่นนี้เข้า นางกลับร้อนใจมากเสียจนคว้าแขนเสื้อของฟู่เฉินหวนเอาไว้ “ท่านอ๋อง จักทำเช่นนี้ได้อย่างไรเพคะ!” “ท่านกับหม่อมฉันต่างรู้ดีว่าท่านพี่เกลียดชังท่านพ่อของหม่อมฉัน หากนางทำร้ายท่านพ่อขึ้นมาจักทำเช่นไรเพคะ?" “ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนั้นมิได้นะเพคะ!” ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางมองดวงตาแดงก่ำของลั่วเยวี่ยอิงที่ราวกับจวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ จนเขาเกือบจะตกปากรับคำนางไปแล้ว ทว่าเหตุผลทำให้เขาต้องระงับตนเองพลางตอบว่า “ข้าจักคอยดูมิให้นางทำร้ายท่านอัครเสนาบดี ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงเรื่องที่นางเองก็เป็นบุตรีคนหนึ่งของท่านอัครเสนาบดีเช่นกัน” “ท่านอ๋อง!” ลั่วเยวี่ยอิงขวางลั่วชิงยวนเอาไว้ด้วยท่าทีร้อนรนกังวลใจ ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วแล้วมองฟู่เฉินหวน “หากมิต้องการให้ข้าตรวจดูก็ช่างเถอะ เช่นนั้นข้าก็จักกลับแล้ว” หลังจากนางพูดจบก็หันหลังเดินจากไป ไหน ๆ นางก็ไม่เต็มใจที่จะรักษาลั่วไห่ผิงมาตั้งแต่แรกแล้ว ฟู่เฉินหวนคว้ามือนางเอาไว้ ทว่ายามนี้หมอหลวงทั้งหลายต่างกำลังเฝ้ามองดูอยู่ ฟู่เฉินหวนไม่อาจพูดจารุนแรงจึงได้แต่เอ่ยกระซิบว่า “เจ้าตกลง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 464

    หมอหลวงเองก็รีบวิ่งเข้ามาในห้อง “อ๊ะ เขากระอักโลหิตเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอาการเช่นนั้นมาก่อนเลย” ทุกคนก้าวเข้ามาตรวจอาการของลั่วไห่ผิงด้วยท่าทีร้อนใจยิ่ง ลั่วเยวี่ยอิงที่ตกอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวัง ออกแรงผลักลั่วชิงยวนแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “เจ้ามันสตรีใจอำมหิต ท่านเป็นบิดาของเจ้านะ! ไฉน! ไฉนเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย?” ลั่วเยวี่ยอิงโมโหเสียจนหน้าตาเหยเก ดูเหมือนว่านางพร้อมจะฉีกทึ้งลั่วชิงยวนให้เป็นชิ้น ๆ แล้ว หลังจากลั่วชิงยวนโดนอีกฝ่ายผลักอย่างแรงจนซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว ลั่วชิงยวนก็ปัดมือของอีกฝ่ายออกอย่างหมดความอดทน โดยไม่คิดจะอธิบายสักนิด บัดนี้เอง หมอหลวงที่เป็นกังวลเรื่องอาการของลั่วไห่ผิงก็ร้องอุทานออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า “ชีพจรเช่นนี้มิดีแล้ว!” “เขาหายใจเร็วเสียแล้ว หากมิสามารถควบคุมการหายใจได้ มีความเป็นไปได้มากว่า…” “อาการของอัครเสนาบดีเข้าขั้นวิกฤตแล้ว!” หมอหลวงเอาแต่พูดคุยกัน เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ อาการป่วยของลั่วไห่ผิงก็วิกฤตขึ้นมาราวกับว่าเขาควบคุมมิได้อีกแล้ว พวกเขาต่างก็ร้อนใจขึ้นมา เกรงว่าวันนี้เขาคงไม่รอดแล้ว ตอนนี้ฟู่เฉินหวนเองก็มอง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 465

    ในยามนี้เอง หลังจากลั่วเยวี่ยอิงได้ยินวาจาเหล่านี้ก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “ลั่วชิงยวน เจ้าทำเกินไปแล้ว!” นางรู้สึกตื่นตระหนกมากเสียจนอยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่กลับถูกฟู่เฉินหวนรั้งแผ่นหลังเอาไว้ ลั่วชิงยวนหยิบเข็มเงินแล้วฝังให้ลั่วไห่ผิงด้วยความเชี่ยวชาญ หามีหมอหลวงคนใดกล้าเดินเข้ามาอีกไม่ อย่างไรเสีย หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นกับท่านอัครเสนาบดี พวกเขาคงแบกรับมิไหวเป็นแน่ พวกเขาจึงได้แต่จับตามองทุกความเคลื่อนไหวของลั่วชิงยวน ทว่าสิ่งที่สร้างความตกตะลึงให้แก่พวกเขาก็คือ การที่ลมหายใจของลั่วไห่ผิงค่อย ๆ สงบลงทีละนิด มิได้เร็วเท่าก่อนหน้านี้อีกแล้ว เห็นได้ว่าหน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงสม่ำเสมอแล้ว หมอหลวงต่างตกตะลึง หลังจากลั่วชิงยวนฝังเข็มเสร็จสิ้น นางก็ถอนเข็มเงินออกมาแล้วหยิบโอสถเสริมลมปราณออกมาจากล่วมยามาป้อนให้ลั่วไห่ผิงกิน หลังจากนั้นสักพัก สีหน้าของลั่วไห่ผิงกลับมีเลือดฝาด มิได้ซีดขาวเช่นก่อนหน้านี้อีก ลั่วชิงยวนเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “เดี๋ยวข้าจะเขียนเทียบโอสถให้ เพียงแต่ต้องใช้เครื่องยาสมุนไพรทั่วไปเพื่อบำรุงกำลัง กินสักสามวันเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” “เขาคงฟื้นแล้วลุกขึ้นได้ภายในส

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 466

    “ถึงเวลาปล่อยฟู่อวิ๋นโจวไปแล้ว”น้ำเสียงเย็นชาของลั่วชิงยวนทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกโกรธอีกครั้งดวงตาของเขามืดลงและพูดอย่างเย็นชา “ข้าเป็นคนรักษาคำพูดอยู่แล้ว”“เช่นนั้นก็ดี!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเย็นชาและไม่มีความอบอุ่นใด ๆ ระหว่างทางกลับตำหนัก ทั้งคู่ต่างพากันเงียบ บรรยากาศอึดอัดไม่น้อยเมื่อมาถึงตำหนักอ๋อง ลั่วชิงยวนบอกให้ฟู่เฉินหวนปล่อยตัวเขาทันทีฟู่เฉินหวนไม่รอช้า และได้ปล่อยฟู่อวิ๋นโจวออกจากคุกน้ำทันทีลั่วชิงยวนไปยังเรือนทักษิณาหลังจากนั้นใบหน้าของฟู่อวิ๋นโจวทั้งซีดและดูซูบผอม เส้นผมที่เปียกโชกของเขาแนบแก้มและลำคอ เผยให้เห็นผิวขาวซีดอย่างคนป่วยลั่วชิงยวนรีบจับชีพจรของเขาอย่างรวดเร็วฟู่อวิ๋นโจวฟื้นคืนสติขึ้นมาด้วยความงุนงง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ชิงยวน ข้าเป็นภาระเจ้าอีกแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ครั้งนี้ท่านเป็นหวัด ดังนั้นโปรดรักษาตัวด้วยเพคะ หม่อมฉันจักสั่งยาให้ท่าน ขอให้ท่านพักผ่อนให้เต็มที่เถิดเพคะ”ขณะที่นางกำลังพูด จู่ ๆ หมอกู้ก็เดินเข้ามา“มิรบกวนพระชายา ข้าดูแลองค์ชายห้าเองขอรับ”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและหันไปมองหมอกู้ “ในเมื่อหมอกู้เป็นหมอเทวดา ไฉน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 467

    “องค์ชาย หม่อมฉันจักพยายามโน้มน้าวแม่นางฝูเสวี่ยอย่างเต็มที่ แต่หม่อมฉันมิสามารถรับประกันได้ว่าแม่นางฝูเสวี่ยจักยอมรับปากเพคะ”ลั่วชิงยวนบังเอิญได้ยินการสนทนาของพวกเขาและอดไม่ได้ที่จะแอบตกใจ กับเรื่องนี้แล้วฟู่จิ่งหลีนับว่าหน้าใหญ่ใจโตไม่น้อยเลย“องค์ชายฟู่” ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยปากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของนาง ฟู่จิ่งหลีก็เงยหน้าขึ้น รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นี่ ช่างบังเอิญนัก ท่านเซียนฉู่ก็มาที่นี่เพื่อดื่มด้วยงั้นรึ?”“กระหม่อมมาเพราะมีเรื่องจะถามองค์ชายฟู่พ่ะย่ะค่ะ” ลั่วชิงยวนกล่าวเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่จิ่งหลีก็โบกมือและขอให้เหล่าสตรีที่อยู่รอบตัวเขาออกไปก่อนแม่เล้าเฉินเองก็จากไปอย่างรู้งานเช่นกันลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้า และฟู่จิ่งหลีก็รินสุราให้นางหนึ่งแก้ว “ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบกับท่านเซียนฉู่ที่นี่ มาดื่มกันหน่อยเถอะ”ลั่วชิงยวนปฏิเสธ “กระหม่อมดื่มมิเก่ง เพราะฉะนั้นกระหม่อมมิดื่มกับองค์ชายฟู่หรอกพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อถามองค์ชายฟู่ว่า ภาพวาดที่ถูกนำมาประมูลครั้งก่อนนั้นเป็นของสะสมตระกูลองค์ชายฟู่จริงหรือ?”“กระหม่อมได้ยินมาว่าภาพวาดนั้นสร้าง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 468

    ผู้มาเยือนคือสตรีในอาภรณ์และผ้าคลุมสีขาว นางดูมีอายุ แต่ชุดของนางบ่งบอกได้ถึงความไม่ธรรมดาและดูสูงส่งราวกับเทพธิดาตรงข้ามกับการแต่งกายของลั่วชิงยวนในขณะนี้อย่างสิ้นเชิงทันใดนั้นเสียงของลิ่นฝูเสวี่ยก็ดังขึ้น “ลี่เซียง!”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย และหลังจากพินิจมองอย่างถ้วนถี่ นางก็เห็นว่าสตรีผู้นี้คือลี่เซียงซึ่งเป็นนายหญิงคนปัจจุบันของหอเจาเซียง เป็นท่านอาฉินจริง ๆ ด้วยทุกคนในที่นี้ถูกท่านอาฉินดึงดูดและแอบซุบซิบกันอย่างไม่รู้ว่านางเป็นผู้ใดมาจากไหนจนกระทั่งร่างที่คุ้นเคยของหลีเถาติดตามนางไปแม่เล้าเฉินสะดุ้งและก้าวไปข้างหน้าทันที “วันนี้ คนจากหอเจาเซียงอย่างเจ้าคิดจักมาก่อปัญหางั้นรึ?”“พวกเจ้าขับไล่แม่นางฝูเสวี่ยผู้นี้มาด้วยตัวเอง ยามนี้เจ้ามายังหอฝูเสวี่ยของข้าเพื่อก่อปัญหา มิคิดว่าผิดจรรยาบรรณไปหน่อยหรือ?”แม่เล้าเฉินหัวเราะเยาะและดูประหลาดใดใบหน้าของท่านอาฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาที่เฉียบคมของนางจ้องมองไปที่อาภรณ์สีแดงเพลิงบนเวทีโดยตรง ก่อนจะเอ่ยย่างเย็นชา “หอฝูเสวี่ยของพวกเจ้านี่มันอะไรกัน? กล้าขโมยชื่ออาจารย์ของข้าไปใช้ วันนี้ข้าย่อมต้องมาเปิดโปงพวกเจ้าอยู่แล้ว!”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 469

    คำพูดอันชอบธรรมของท่านอาฉินทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ในเวลานี้ ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เสียงที่ชัดเจนดังขึ้น ทำให้บริเวณโดยรอบเงียบลงทันที“ข้าชื่อฝูเสวี่ย แต่ข้ามิได้บอกว่าชื่อของข้าคือลิ่นฝูเสวี่ย ในฐานะผู้เป็นนายของหอเจาเซียง ท่านมาร่ายรำเทพเหมันต์ที่หอฝูเสวี่ยของข้า มิทราบว่าจุดประสงค์ของท่านคือสิ่งใดกัน?”“อีกอย่าง ข้าได้ยินมาว่าทุกคนในหอสมุทรมรกตประสบอุบัติเหตุในปีนั้น และไม่มีผู้ใดรอดแม้แต่คนเดียว จู่ ๆ ศิษย์ของลิ่นฝูเสวี่ยก็ปรากฏตัวขึ้น ข้าสงสัยยิ่งนักว่าท่านรอดมาได้เช่นไร?”“เหตุใดจึงเร้นกายไปเสียหลายปีเช่นนี้เล่า?”ลั่วชิงยวนถามคาดคั้น ทำให้ใบหน้าของท่านอาฉินซีดลงท่านอาฉินโต้กลับอย่างเย็นชา “ในปีนั้นหอสมุทรมรกตประสบเรื่องราวเช่นที่เจ้าว่าจริง ข้าโชคดีที่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้เพียงผู้เดียว มันเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตสำหรับข้า ข้าจึงเลือกปลีกวิเวกเร้นกายจากสังคม แปลกมากหรือไร?”“ข้าต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าฟังด้วยรึ?”มุมปากของลั่วชิงยวนยกขึ้นด้วยความสนใจ “โอ้? เพราะความเจ็บปวด ท่านจึงหายตัวไปและกลายเป็นนายหญิงหอเจาเซียงเช่นนั้นรึ?”“ทุกคน

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1420

    ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1419

    ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1418

    ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1417

    นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1413

    คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status