Share

บทที่ 935

Author: หว่านชิงอิ๋น
“มิเช่นนั้น ก็โปรดท่านอ๋องสารภาพมาให้ชัดเจนว่า ร่วมมือกับต่งชูเพื่อล้างแค้นให้พระชายาหลี และทำร้ายจักรพรรดิสูงสุดอย่างไร”

ในขณะนั้น ฟู่เฉินหวนพยายามระงับความเจ็บปวดด้วยสติอีกครั้ง ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า "ไสหัวไป!"

ขันทีหลิวเยาะเย้ย "เช่นนั้น ลั่วเยวี่ยอิงคงต้องทนทุกข์ทรมานเสียหน่อยแล้ว"

"เฆี่ยนต่อไป!"

ขันทีหลิวออกคำสั่ง และผู้คุมก็เฆี่ยนลั่วเยวี่ยอิงด้วยแส้อย่างแรงอีกครั้ง

ร่างกายของลั่วเยวี่ยอิงเต็มไปด้วยเลือด นางมิสามารถขยับได้แม้เพียงครึ่งก้าว นางทำได้เพียงนอนหมอบลงบนพื้นรับโทษทัณฑ์ และร้องครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"หยุด! หยุด!"

ฟู่เฉินหวนดึงโซ่อีกครั้งด้วยความตื่นตระหนก ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้ง

เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

เล็บของลั่วชิงยวนจิกเข้าไปในฝ่ามือ ดวงตาของนางแดงก่ำ

หัวใจของนางเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? ฟู่เฉินหวนจะอาเจียนเป็นเลือดได้อย่างไร!

มิได้การ มีบางอย่างผิดปกติ! ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่!

นางรีบพุ่งไปข้างหน้าทันที "หยุดเดี๋ยวนี้!"

นางแย่งแส้จากมือของผู้คุมแล้วผลักเขาออกไป

ขันทีหลิวพูดอย่างเย็นชา "พระชายาจะทำอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (2)
goodnovel comment avatar
ມັນນີ້ ປາລີວັນ
จะอ่านต่อยังไงค่ะ อยากอ่านใจจะขาดแล้วนะ
goodnovel comment avatar
Sam Sung
นอ.จะหาสาเหตุได้รึไม่
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 936

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด“ว่ากระไรนะเพคะ?” ลั่วชิงยวนมิเข้าใจเสียงของฟู่เฉินหวนฟังดูอ่อนแรง แฝงด้วยความสะอื้นและสิ้นหวัง "ข้าขอโทษ ข้าควบคุมตัวเองมิได้"เสียงนั้นทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง และทันใดนั้นนางก็เข้าใจทุกอย่างนางอดมิได้ที่จะกอดเขาไว้แน่น ๆ น้ำตาพลันไหลออกมา“หม่อมฉันรู้แล้ว หม่อมฉันรู้หมดทุกอย่างแล้ว”ฟู่เฉินหวนควบคุมตัวเองมิได้จริง ๆ และมิได้เป็นเช่นนี้เพราะเขารักลั่วเยวี่ยอิงก่อนหน้านี้ ฟู่เฉินหวนมาหานางเพื่อขอความช่วยเหลือหลายครั้ง เขาถามว่า ในใต้หล้านี้มีวิธีใดที่จะควบคุมจิตใจคนได้ นางมิรู้ว่าฟู่เฉินหวนถูกควบคุม ดังนั้นนางจึงเชื่อมาตลอดว่าฟู่เฉินหวนรักลั่วเยวี่ยอิงมากเกินไปวันนี้อาการปวดหัวและอาการอาเจียนเป็นเลือดของเขา แน่นอนว่ามิได้เกิดจากการเจ็บปวดที่ที่ลั่วเยวี่ยอิงถูกเฆี่ยนตีมีอะไรบางอย่างควบคุมฟู่เฉินหวนอยู่!ฟู่เฉินหวนเจ็บปวดเกินกว่าจะขยับได้ แต่เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยกแขนขึ้นมากอดนางคางที่ไร้เรี่ยวแรงของเขาวางพาดลงบนไหล่ของนางพลางหลับตาลง แต่ริมฝีปากกลับมีรอยยิ้มจาง ๆ ที่ซีดเซียวปรากฏขึ้น“ความลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 937

    ลั่วชิงยวนดึงลั่วเยวี่ยอิงไปข้างหลังนางอย่างระมัดระวังเมื่อไทเฮาเห็นฉากนี้ นางก็อดมิได้ที่จะหัวเราะ "เป็นเรื่องยากที่จะที่ได้เห็นเจ้าปกป้องลั่วเยวี่ยอิง ​​เจ้ามิลืมใช่หรือไม่ว่า นางเคยปฏิบัติกับเจ้าเช่นไร"“มอบนางให้ข้าเถอะ ข้าจะมิปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีแน่”ลั่วเยวี่ยอิงคว้าแขนเสื้อของลั่วชิงยวนไว้อย่างประหม่าลั่วชิงยวนมองไปที่ไทเฮาอย่างเย็นชา หากไทเฮาจับลั่วเยวี่ยอิงไป ไม่มีทางที่ไทเฮาจะสังหารลั่วเยวี่ยอิงเป็นแน่ ไทเฮาจะต้องใช้นางควบคุมและทรมานฟู่เฉินหวน“มิว่าอย่างไรลั่วเยวี่ยอิงก็เป็นคนของตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการ เหตุใดต้องส่งนางให้กับไทเฮาด้วยหรือเพคะ?”“หากจะฆ่านาง หม่อมฉันจะลงมือเอง”ใบหน้าของไทเฮาเปลี่ยนเป็นเย็นชา“ลั่วชิงยวน เจ้าเพียงแค่ต้องปกป้องฟู่เฉินหวนตามรับสั่งขององค์จักรพรรดิสูงสุด แต่นี่เจ้ายังมาปกป้องลั่วเยวี่ยอิงด้วย เจ้าคิดว่าตัวข้านั้นหลอกได้ง่าย ๆ รึ?”ลั่วชิงยวนมองไทเฮาด้วยสายตาเย็นชา ปราศจากความกลัวแม้แต่น้อย“มิสำคัญว่าไทเฮาจะทรงเชื่อหรือไม่ หากแย่ที่สุดก็เผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิสูงสุด สิ่งใดที่ไทเฮาทรงต้องการที่จะทราบ องค์จักรพรรดิสูงสุดจะทรงตอบท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 938

    ในผลการทำนายแสดงให้เห็นว่า ดาวหมาป่าสวรรค์แห่งแคว้นได้ตกลงมา และจะเกิดสงครามในแคว้นเทียนเชวียเปลวไฟแห่งสงครามนั้นจะกลืนกินดินแดนครึ่งหนึ่งของแคว้นเทียนเชวียนี่เป็นมหาภัยพิบัติสำหรับแคว้นเทียนเชวีย แต่ก็เป็นโอกาสในการพลิกสถานการณ์ของพวกเขาด้วยจู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็คิดถึงพวกนอกด่านฉับพลันนั้นก็นึกถึงฉินเชียนหลี่ขึ้นมาทันใดนั้น นางก็เริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉินเชียนหลี่หรือไม่แต่ก่อนหน้านี้ คนของฟู่เฉินหวนที่ส่งไปบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีอีกทั้งลั่วอวิ๋นสี่ก็มิได้ส่งข่าวใด ๆ ให้นางมาเป็นเวลานาน ดังนั้นก็หมายความว่าไม่มีอะไรผิดปกติทุกอย่างดูเหมือนจะสงบสุขดีแต่การทำนายนี้ย่อมมิหลอกลวง!เช่นนั้นหลังจากรุ่งสาง ลั่วชิงยวนจึงส่งคนไปเชิญจักรพรรดิมา เพื่อถามเกี่ยวกับพวกนอกด่านที่ชายแดนฟู่จิ่งหานตอบว่า "ทุกอย่างที่นั่นดูเหมือนจะสงบสุขดี จนถึงตอนนี้ข้ามิได้ยินข่าวร้ายใด ๆ เลย"ลั่วชิงยวนพยักหน้า "ก่อนหน้านี้พวกนอกด่านหายตัวไปอย่างลึกลับ หม่อมฉันคิดว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของชายแดน"“หากในอีกมิกี่วันมีหนังสือราชการจากทางนั้นส่งมา ฝ่าบาทจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 939

    ลั่วชิงยวนมองแผนที่แล้วพูดว่า "แม้ว่าอู่จิ้นจะมีความสำคัญ แต่อู่จิ้นก็มีแนวป้องกันตามธรรมชาติซึ่งก็คือเทือกเขาด้านหลัง แม้ว่าศัตรูจะมีเจตนาชั่วร้ายและต้องการทำลายอู่จิ้น แต่ก็มิอาจผ่านภูเขาไปได้ในเวลาสั้น ๆ”“ในทางกลับกัน หากพ่ายแพ้ พวกนอกด่านจะสามารถเข้าสู่แคว้นเทียนเชวียได้โดยไม่มีสิ่งใดขัดขวาง”ดวงตาของฟู่จิ่งหานเป็นประกาย "แม่ทัพใหญ่ฉินก็พูดเช่นนี้"“แต่มหาราชาจารย์เหยียนกลับพยายามขัดขวางอย่างหนัก โดยบอกว่าแม่ทัพใหญ่ฉินเป็นห่วงลูกชายของเขาก็เท่านั้น”“มิได้พิจารณาอย่างยุติธรรม”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "ตระกูลเหยียนเป็นบ้าไปแล้วหรือ? พวกเขาจะมีประโยชน์อะไรหากพวกนอกด่านบุกแคว้นเทียนเชวีย"ทันทีที่คำพูดออกมาจากปากของเขา ลั่วชิงยวนก็คิดถึงผลประโยชน์ขึ้นมาได้นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาส่องประกายเย็นชา“ฟู่เฉินหวนถูกจำคุก หากพวกนอกด่านบุกเข้ามา ตระกูลเหยียนก็สามารถแย่งชิงอำนาจทางทหารจากฟู่เฉินหวนไปได้อย่างมีเหตุอันสมควร และสามารถต่อต้านพวกนอกด่านได้เต็มกำลัง”"นับว่าเป็นแผนที่ชาญฉลาดจริง ๆ"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่จิ่งหานก็ขมวดคิ้ว "มิได้เด็ดขาด!"“หากอำนาจทางทหารทั้งหมดอยู่ในมือของมห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 940

    รองเท้าคู่นั้นที่พบในตู้เสื้อผ้าดูเหมือนว่าจะเป็นวัสดุชนิดเดียวกันระดับการสึกหรอของพื้นรองเท้าดูเหมือนที่ด้านในจะสึกหรอมากกว่าเช่นกันมินาน ขันทีหลิวก็จากไปลั่วชิงยวนลุกขึ้นจากพื้นดิน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ นางจึงรีบไปที่สวนด้านหลังเมื่อเปิดประตูเข้าไป ฉากภายในก็ดูเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยผ้าห่มบนเตียงเคยถูกพับไว้ ตอนนี้กลับยุ่งเหยิง ดูเหมือนมีคนเพิ่งนอนที่นี่นางเดินเข้าไปสัมผัสใต้ผ้าห่ม ปรากฏว่ามันยังอุ่นอยู่!ลั่วชิงยวนตกใจมาก ชายคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่งั้นหรือ?นางเปิดตู้เสื้อผ้าออก แต่ภายในตู้เสื้อผ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ในกาน้ำชาบนโต๊ะมีน้ำร้อนเพิ่มขึ้น และมีถ้วยชาที่ใช้แล้วเพิ่มเข้ามาเท่านั้นเมื่อนึกถึงว่า ขันทีหลิวออกไปจากทางนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาคือคนที่อาศัยอยู่ที่นี่?เขาเป็นคนรักของต่งชูหรือไม่?แต่นั่นมิถูกต้อง แม้ว่าขันทีหลิวจะเป็นขันที แต่เขาก็มิควรอาศัยอยู่ด้านหลังห้องบรรทมของไทเฮาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางก็เริ่มค้นภายในห้องทันทีตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน หวังว่าจะพบเบาะแสเพิ่มเติมสุดท้ายก็พบทางลับอยู่บนเตียง เมื่อเปิดแผ่นไม้ขึ้นมา ด้านล่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 941

    “หัวหน้าหมอหลวงมู่ ใบเทียบยาทั้งสองนี้มาจากสำนักหมอหลวงของท่านหรือไม่?”หัวหน้าหมอหลวงมู่มองดูและพยักหน้า “มันเป็นใบเทียบยาที่สำนักหมอหลวงจัดทำขึ้น แต่นี่ดูมิเหมือนกับใบเทียบยาที่ออกตอนตรวจรักษา น่าจะเป็นใบเทียบยาที่ออกในระหว่างการทดสอบตามปกติของสำนักหมอหลวง”“เช่นนั้น หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่จำลายมือในใบเทียบยานี้ได้หรือไม่?”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ตอบอย่างมิลังเลแม้แต่น้อยว่า "นี่น่าจะเป็นลายมือของเซิ่งไป่ชวน"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง“เป็นเขาหรือ?”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่สับสนมาก "พระชายา ท่านถามเรื่องนี้ด้วยเหตุใด? อีกทั้งใบเทียบยาที่ใช้ในการทดสอบเหล่านี้ก็ควรถูกเก็บไว้ในสำนักหมอหลวง เหตุใดจึงมาอยู่กับท่าน?"“เซิ่งไป่ชวนมิได้ก่อเรื่องอะไรมิดีใช่หรือไม่?”มู่หรูไห่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยลั่วชิงยวนเปลี่ยนหัวข้อและถามว่า "ผู้ดูแลสำนักหมอหลวง ข้าขอถามสักคำ ท่านจัดการเจิ้งหวู่เหลียงแห่งสำนักหมอหลวงแล้วหรือยัง?"มู่หรูไห่มีสีหน้าเคร่งขรึม “มิต้องห่วง ข้าจะจะจัดการเอง แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปลั่วชิงยวนพยักหน้า แล้วนางก็พูดถึงใบเทียบยา นางถามอย่างสงสัย "ผู้ดูแลสำนักหมอหลว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 942

    จากนั้นนางจึงติดตามหัวหน้าหมอหลวงมู่ไปยังสำนักหมอหลวง และยังปลอมตัวเป็นหมอหลวงหนุ่มเพื่อความสะดวกในการเข้าออก มิให้เป็นที่สะดุดตาหัวหน้าหมอหลวงมู่พานางไปยังหอจดหมายเหตุตามหาม้วนหนังสือเก่า ๆ ที่ถูกฝุ่นจับหนาอยู่บนชั้นหนังสือหลังจากค้นหาอยู่นาน ในที่สุดหัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ก็หยิบหนังสือหนา ๆ สองเล่มออกมา"น่าจะเป็นเล่มนี้แล้ว"ลั่วชิงยวนเปิดหนังสือ และตรวจดูทีละหน้านางอ่านบันทึกการวินิจฉัยชีพจรหนึ่งปีก่อนเกิดกลียุคในวัง นางสนมทั้งหมดได้รับการวินิจฉัยชีพจรโดยหมอหลวงเป็นประจำ แต่บันทึกการวินิจฉัยชีพจรของไทเฮากลับมีการเปลี่ยนหมอหลวงกลางคัน“หัวหน้าสำนักหมอหลวง หมอหลวงสวี่ซิงเต๋อยังอยู่หรือไม่?”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ส่ายหน้า “เขาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว”ลั่วชิงยวนมองกลับไปกลับมาที่บันทึกไปมา คิ้วขมวดมุ่น“มีอะไรหรือ? มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”ลั่วชิงยวนกล่าวว่า "ดูสิ ต้นเดือนสาม ไทเฮามีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้และง่วงนอน แต่มิได้จับชีพจร เพียงแค่สั่งยาให้ทานเท่านั้น"“ในเดือนสี่ หมอหลวงผู้วินิจฉัยชีพจรถูกแทนที่ด้วยสวี่ซิงเต๋อ”“ในอีกสิบเดือนต่อจากนั้น หมอหลวงสวี่ซิงเต๋อเป็นผู้ต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 943

    ลั่วชิงยวนจะมิเป็นกังวลได้เช่นไร การเคลื่อนไหวของตระกูลเหยียนครั้งนี้ก็เพื่อจะกลืนอำนาจทหารในมือของฟู่เฉินหวน ดังนั้นย่อมมิอาจปล่อยให้พวกเขาสมหวังได้“วันนี้ตอนที่เข้าไปในพระตำหนักโช่วสี่ หม่อมฉันพบเบาะแสบางอย่าง แต่มิพบหลักฐานที่เพียงพอ ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่าจะต้องล่อให้บุคคลนั้นปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง”นางค่อย ๆ เดินไปที่เตียงและเห็นว่าจักรพรรดิสูงสุดก็มิได้หลับไปเช่นกัน และกำลังตั้งใจฟังคำพูดของนางนางคุกเข่าลงและถามว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องการใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง และหม่อมฉันต้องการความร่วมมือจากพระองค์ พระองค์ทรงเต็มใจหรือไม่เพคะ?”เพราะการฝังเข็มอย่างรุนแรงเพื่อให้ร่างกายของจักรพรรดิสูงสุดเคลื่อนไหวได้ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย นางจึงต้องขอความยินยอมจากองค์จักรพรรดิสูงสุดก่อนแต่จักรพรรดิสูงสุดก็พยักหน้าอย่างมิลังเลทั้งยังส่งสายตาให้กับนางอย่างแรงกล้าด้วยลั่วชิงยวนตกตะลึง "ท่านทรงอยากให้หม่อมฉันฝังเข็มตอนนี้เลยหรือ?"จักรพรรดิสูงสุดพยักหน้า“แต่การฝังเข็มเสียตั้งแต่ตอนนี้ ในวันพรุ่งคงไม่มีผลมากนัก”แต่จักรพรรดิสูงสุดดูวิตกกังวลมาก และตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะให

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1422

    ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1421

    ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1420

    ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1419

    ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1418

    ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1417

    นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status