ภาพที่น่ากลัวนี้ ทำให้หลงหมิงกับเหล่าทหารที่เมื่อครู่กำลังตะโกนส่งกำลังใจล้วนตะลึงไปตอนที่มหาปราชญ์มีชีวิตอยู่ยังบาดเจ็บได้ แต่นี่ตายแล้วกลับแข็งแกร่งกว่าตอนมีชีวิตอีกหรือ?หลงหมิงมองมหาปราชญ์ที่เดินเข้ามาทีละก้าว แล้วฟาดฝ่ามือโจมตีไปตามสัญชาตญาณปัง...ฝ่ามือนี้ทำให้ร่างมหาปราชญ์สั่นไหวไปมา แต่ภาพร่างของมหาปราชญ์แหลกละเอียดที่หลงหมิงจินตนาการไว้นั้นก็ยังคงมิเกิดขึ้นแม้แต่เซียวหลินเทียนเองก็อึ้งไปเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าสวินเย่น่ากลัวเดิมทีเขาคิดว่าสวินเย่ใช้กู่ควบคุมมหาปราชญ์ไว้แต่คิดมิถึงเลยว่าสวินเย่มิได้ทำเพียงเท่านั้นตนช่วยสวินเย่ออกมา คงมิได้เป็นการเพิ่มศัตรูที่มิอาจเอาชนะได้ขึ้นมาอีกคนหรอก! “สวินเย่ เจ้าทำอะไรกับเขากันแน่?”หลงหมิงทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด เขามีพลังในขั้นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์์ และฝึกจนร่างกายคงกระพันแล้วแต่ดูจากท่าทางของมหาปราชญ์ในตอนนี้ กลับดูเหมือนแข็งแกร่งกว่าตนอีก“เหอะ ๆ ต่อให้ข้าบอกท่าน แล้วท่านจะจัดการเขาได้รึ?”สวินเย่ยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ “หลงหมิง กู่ที่ข้าเพาะเลี้ยงไว้มิใช่แค่กู่ศพเท่านั้น แต่มันคือราชากู่ศพที่เหนือก
พวกยอดฝีมือเช่นเซียวหลินเทียน ฉินซานและหลงเพ่ยเพ่ยล้วนถูกพลังที่ซัดสาดเข้ามานี้ผลักจนยืนมิอยู่ บรรดาคนรับใช้และองครักษ์เหล่านั้นก็ยิ่งมิอาจต้านทานได้จนพากันล้มลงกับพื้นที่อยู่อาศัยโดยรอบก็สั่นสะเทือนเช่นกัน ทำให้ก้อนหินนับมิถ้วนร่วงออกจากกำแพงเนื่องจากแรงสั่นสะเทือน“ปัง…” หลังจากเสียงดังสนั่นนั้น ทุกคนก็เห็นเพียงว่ามหาปราชญ์ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป เลือดสด ๆ พุ่งทะลักออกมาจากปากของเขา และล้มลงกับพื้นอย่างแรงจากนั้นก็เกิดเสียงดังปังขึ้น มหาปราชญ์กระแทกพื้นจนเป็นหลุม ร่างของเขาร่วงลงไปในหลุมนั้นทันที“ฮ่าฮ่า... แนวหน้าไร้ค่าเช่นนี้ต้านทานการโจมตีของข้ามิได้หรอก พวกเจ้ายังหวังพึ่งเขาให้ช่วยเหลือพวกเจ้าอีกรึ?” หลงหมิงยืนด้วยท่าทางอวดดี ร่างกายของเขายึดแน่นอยู่ที่เดิมอย่างมั่นคงราวกับเสาเหล็กที่แน่นหนาและแข็งแรงพลังของเขาทำให้คนรู้สึกถูกกดขี่อย่างแรงกล้า!ท่าทีของเขาดูสูงเกินเอื้อมถึงราวกับจอมทัพที่ปกครองใต้หล้า! เซียวหลินเทียนตะลึง พลังที่แข็งแกร่งราวกับจอมมารเช่นนี้ พวกเขาล้วนเทียบมิติด!แม้แต่มหาปราชญ์ยังต้านทานการโจมตีครั้งเดียวมิได้ แล้วในบรรดาพวกเขาใครจะเป็นคู่ต่อสู
เมื่อหลงหมิงเห็นสวินเย่ บนใบหน้าก็ยังคงมีสีหน้าดูแคลนเช่นเดิม“อาศัยคนไร้ค่าเช่นเขา แล้วยังจะกล้ามาท้าทายข้าอีก!”สวินเย่มองหลงหมิงอย่างเย็นชา “หลงหมิง คนโบราณกล่าวไว้ว่า บุรุษเมื่อจากกันสามวันก็ควรมองเขาเสียใหม่ด้วยสายตาเคารพยำเกรง!”“ความสามารถของสวินเย่ที่ท่านรู้จักเหล่านั้น เป็นเพียงสิ่งที่ข้ายินยอมให้ท่านเห็นเท่านั้น! สิ่งที่ข้ามิยินยอมให้ท่านเห็นต่างหากคือความสามารถที่แท้จริงของข้า!”“เหอะ ๆ หลงหมิง แม้แต่ในฝันข้ายังคิดว่าจะทำให้ท่านตะลึงพรึงเพริดเข้าสักวัน วันนี้ข้าจะทำให้ท่านเห็นว่าข้ามีคุณสมบัติที่จะท้าทายท่านหรือไม่!”หลงหมิงตะลึงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังมิเห็นเป็นจริงจังพลังของเขานั้นสูงสุดในแดนเทพ และสิ่งที่สวินเย่ถนัดก็คือวิชากู่และการวางยาพิษ ตราบใดที่ตนระมัดระวังมิให้ตกหลุมพรางของเขา สวินเย่จะทำอะไรเขาได้“มิต้องพูดจาไร้สาระ หากพวกเจ้ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าอาจจะให้พวกเจ้าเป็นศพที่ครบสมบูรณ์ มิฉะนั้นก็รอถูกข้าฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้เลย!”หลงหมิงเอ่ยออกมาอย่างเย่อหยิ่งเซียวหลินเทียนเห็นหลงหมิงสวมชุดมหาเทพเก้ามังกรสีเหลืองสดใส เห็นได้ชัดว่าเมื่อเขาได้ข่าวก็รีบออก
องค์หญิงหานเยวี่ยก็มิพูดให้เสียเวลา รีบพุ่งเข้าไปตัดโซ่เหล็กด้วยกระบี่แล้วช่วยเจ้าแห่งทิศใต้ออกมาทันทีหลงเพ่ยเพ่ยก็พุ่งไปอีกฝั่งแล้วช่วยชายาเจ้าแห่งทิศใต้ออกมาเช่นกัน ทั้งยังช่วยคนของจวนเจ้าแห่งทิศใต้ด้วย“เสด็จพี่ พวกเซียวหลินเทียนรอรับอยู่ข้างนอก พวกเรารีบไปกันเถิด!”“ประเดี๋ยวพวกเจ้าเห็นมหาปราชญ์ช่วยเรา อย่าได้ตกใจไป ตอนนี้เขากลายเป็นหุ่นเชิดของเซียวหลินเทียนแล้ว!”องค์หญิงหานเยวี่ยหัวเราะเหอะ ๆ แล้วเอ่ยออกมา “คิดมิถึงเลยว่าแม่หนูหลิงอวี๋จะเลือกสามีได้ฉลาดเช่นนี้ มีมหาปราชญ์คุ้มกันอยู่ พวกเราน่าจะหนีออกจากเมืองหลวงแดนเทพได้อย่างราบรื่นแล้ว!”ขณะที่องค์หญิงหานเยวี่ยพูดอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็ส่งป้ายอาญาสิทธิ์หนึ่งให้เจ้าแห่งทิศใต้“เสด็จพี่ นี่คือป้ายอาญาสิทธิ์ที่เสด็จแม่ให้คนส่งมา ท่านรู้ว่าจะใช้งานอย่างไร ขอมอบให้ท่านก็แล้วกัน!”เจ้าแห่งทิศใต้รู้สึกเย็นเฉียบที่มือ เขาก้มลงมอง แล้วตาเบิกโตอย่างตกใจทันทีนี่คือป้ายอาญาสิทธิ์เหล็กดำที่ด้านบนสลักสัญลักษณ์เปลวไฟสีแดงไว้นี่คือป้ายอาญาสิทธิ์ของกลุ่มองครักษ์เงาเพลิงอัคคีที่เสด็จแม่ของตนแอบฝึกฝนไว้กองกำลังยอดฝีมือที่ฮองเฮ
เมื่อมีการคาดเดาเช่นนี้ ฝูหยางก็มิกลัวอีกต่อไปแล้วเขาเอ่ยขึ้นมาทันที “มหาปราชญ์ เช่นนั้นข้าจะไปแจ้งตระกูลจงเจิ้งให้มาทำลายเมืองหลวงแดนเทพร่วมกัน เช่นนี้แล้วเมื่อเจ้านายช่วยท่านปู่ทวดฝูออกมาแล้ว พวกเราค่อยมาทำความสะอาดความยุ่งเหยิงนี้ ดีหรือไม่ขอรับ?”“อืม! เจ้าไปเถิด!”มหาปราชญ์ตอบรับพอเป็นพิธีและเร่งความเร็วรีบไปที่ราชสำนักฝ่ายในทางด้านราชสำนักฝ่ายใน แม่ทัพที่เฝ้าอยู่คือเก๋อเจิงน้องชายของเก๋อหาวคนสนิทของหลงหมิงเขาเพิ่งกินอาหารเช้าไป กำลังดื่มชาอย่างสบาย ๆ คิดว่าครั้งนี้หลงหมิงได้เป็นมหาเทพแล้ว จะมอบตำแหน่งทางการอะไรให้ตนสักอย่างในเวลานี้องครักษ์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา แล้วตะโกนออกมา “แม่ทัพเก๋อ แย่แล้ว มหาปราชญ์นำกำลังคนเข้ามา เขามิได้พูดสิ่งใดทั้งนั้น เพียงแต่สังหารคนฝ่าเข้ามาแล้วขอรับ!”"ว่ากระไรนะ?"เก๋อเจิงเด้งตัวลุกขึ้นอย่างสับสนเล็กน้อยมหาปราชญ์มิใช่คนกันเองหรอกหรือ?เหตุใดเขาจึงต้องการช่วยเจ้าแห่งทิศใต้เล่า?“เร็วเข้า… ให้มือธนูเตรียมพร้อม หากพวกเขาบุกเข้ามา ก็สังหารให้หมดมิต้องละเว้น!”“ส่งคนไปรายงานข่าวในวังด้วย ขอให้มหาเทพหมิงทรงส่งคนมาสนับสนุนโดยเร็
วิชากู่ของสวินเย่นั้นทรงพลังเพียงใด มหาปราชญ์รู้ดีอยู่แก่ใจ เขามิใช่คู่ต่อสู่ของสวินเย่แม้แต่น้อยอีกทั4้งเมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของสวินเย่แล้ว แม้ว่าจะมิตาย แต่นับตั้งแต่นี้ไปเขาก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของสวินเย่ การไร้ความรู้สึกนึกคิดและถูกผู้อื่นบงการนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าความตายเสียอีก!“เจ้า… เจ้าทำกระไรข้า?”มหาปราชญ์อยากจะกระโจนขึ้นไปสังหารสวินเย่ แต่มือและเท้าของเขากลับแข็งทื่อ มิสามารถยกขึ้นมาได้เลย“นี่ยังต้องถามอีกรึ? ก็ย่อมต้องทำให้เจ้ากลายเป็นหุ่นเชิดที่เชื่อฟังอย่างไรเล่า!”สวินเย่จ้องมหาปราชญ์แล้วยิ้มออกมาแปลก ๆสวินเย่ในสายตาของมหาปราชญ์นั้นนับวันก็ยิ่งเลอะเลือนไปเรื่อย ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสีแดงฉาน และสุดท้ายเขาก็มองมิเห็นอะไรทั้งนั้น“พอแล้ว!”สวินเย่กางนิ้วทั้งห้าของเขาออก เป็นการบอกให้เซียวหลินเทียนแบกตนลงไปองครักษ์ในเรือนของมหาปราชญ์ล้วนถูกเซียวหลินเทียนทำให้หมดสติไปแล้ว เซียวหลินเทียนจึงแบกสวินเย่ลงไปอย่างวางมาด แล้วเข้าไปในห้องตำราของมหาปราชญ์หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เซียวหลินเทียนก็แบกสวินเย่ออกไปส่วนมหาปราชญ์ดูเหมือนจะนอนไปตื่นหนึ่ง เมื่อ