จ้าวเจินเจินตื่นตระหนก นางมิรู้ว่าองค์ชายสองกับเซียวหลินเทียนมีเดิมพันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้!แต่นางรู้ดีถึงความโลภสามีของตนที่มีต่อดาบสามมังกร!อีกทั้งความรักที่มีต่อม้ากีบขาวด้วย!หากตนพ่ายแพ้ แล้วองค์ชายคังสูญเสียม้ากีบขาวไป องค์ชายคังจะต้องโกรธตนมากแน่!แต่นางก็บ่ายเบี่ยงมิได้จริง ๆ!ความจริงก็คือความจริง!จ้าวเจินเจินเงยหน้าขึ้นมองอย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็เห็นลูกพี่ลูกน้องของตนหลายคนอยู่ด้านล่าง แล้วดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมายังไม่อับจนหนทาง!นางยังมีความหวังที่จะกู้หน้าคืนมาได้!“ข้าขอโทษ...เมื่อครู่ข้าครุ่นคิดเรื่องหมากล้อมอยู่จึงลืมตอบไป...”“ตานี้… น้องสี่ชนะแล้ว!”จ้าวเจินเจินยิ้มอ่อนโยน “ทักษะหมากล้อมของน้องสี่ยอดเยี่ยมมาก ที่แท้เมื่อก่อนก็หลบซ่อนเอาไว้นี่เอง!”เมื่อองค์ชายคังเห็นจ้าวเจินเจินยอมรับเองว่าพ่ายแพ้ก็โกรธมากจนหันหลังเดินออกไปจ้าวเจินเจินรีบตามเขาไปพลางกระซิบบางอย่างกับเขา จากนั้นสีหน้าองค์ชายคังจึงดูดีขึ้นเขาหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม พลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียน“ยังมีอักษรศิลป์กับการวาดภาพอีกมิใช่หรือ? วันนี้เจินเจินของข้าโชคไม่ดีนิดหน่อย… แต่ข้ามิเชื
“นี่มันหมายความว่าเยี่ยงไร? หมายความว่าพระชายาอ๋องอี้มิใช่คนไร้การศึกษาไร้ความสามารถเลย!”ฮูหยินที่อยู่ข้าง ๆ นางหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “มิใช่คนไร้การศึกษาไร้ความสามารถ แต่กลับมีชื่อเสียงแพร่ออกไปแย่มาก...ช่างน่าสนใจจริง ๆ!”“ไม่สิ ไม่แน่อาจเป็นหวางซือเองก็ได้ที่เผยแพร่ข่าวออกไป! มิฉะนั้นใครจะรู้ว่าพระชายาอ๋องอี้ไร้การศึกษาและความสามารถเล่า!”“แม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยง เพื่อลูก ๆ ของตนแล้วคงมิลังเลที่จะทำลายชื่อเสียงของพระชายาอ๋องอี้!”พวกฮูหยินมองหน้ากัน พลางยิ้มอย่างรู้กันหลังจากที่หวางซือได้ยินอยู่ไม่ไกลนัก นางก็ยิ่งโกรธมากอีกด้านหนึ่ง หลิงหว่านก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างตื่นเต้น นางรับอุปกรณ์อักษรศิลป์และวาดภาพ แล้วก็ขึ้นไปกับอันซิน“ท่านพี่หลิงหลิง ท่านพี่สุดยอดยิ่ง! ข้ายังกังวลแทนท่านพี่อยู่ข้างล่างอยู่เลย มิคิดเลยว่าท่านพี่จักทำให้ข้าประหลาดใจ!”หลิงหว่านรู้แล้วว่าทักษะการเล่นดนตรีกับหมากล้อมของหลิงอวี๋นั้น ได้เรียนรู้อย่างจริงจังหลังจากที่เซียวหลินเทียนเมินเฉยนางนางรู้สึกว่าหลิงอวี๋สามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง เปลี่ยนมุมมองของทุกคนที่มีต่อนางได้ นางเองก็ต้องเรียนรู้จากหล
รองประมุขเฉินกับประมุขซุนประกาศว่าการแข่งขันทั้งสองรายการจะแข่งขันในเวลาเดียวกันหลิงอวี๋กับอันซินยอมรับมันอย่างมีความสุขแต่จูเหวินกับลั่วอวี้จูกลับตะโกนอย่างไม่พอใจ“องค์หญิงหก หากการแข่งขันทั้งสองรายการจะจัดขึ้นในเวลาเดียวกัน เราก็มิได้ว่ากระไร แต่จะนับการลงโทษเยี่ยงไรเล่า? หากอันดับสุดท้ายดื่มสุราลงโทษเพียงสามจอกมันจะเบาเกินไปกระมัง!”เซียวทงรู้ดีว่าพวกนางกลัวว่าหากหลิงอวี๋แพ้แล้วจะได้ดื่มสุราลงโทษเพียงสามจอก ไม่ต้องใส่ชุดกระโปรงเต้นรำ นางจึงยิ้มพลางเอ่ย“ในเมื่อการแข่งขันทั้งสองจัดขึ้นในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นบทลงโทษก็ย่อมมิใช่แค่ดื่มสุราลงโทษสามจอกแล้ว ตามกฎเมื่อครู่ คนที่ได้อันดับสุดท้ายบทลงโทษจะเพิ่มเป็นสองเท่า และต้องสวมชุดกระโปรงนั้นเต้นรำด้วย!”ลั่วอวี้จูเหลือบมองพวกองค์ชายที่ขึ้นมาดูหมากล้อมบนเวทีเมื่อครู่แล้วยังไม่ลงจากเวที โดยเฉพาะเซียวหลินเทียนพลางเอ่ย“องค์หญิง ในเมื่อเป็นกฎ เช่นนั้นผู้แพ้จะไม่สามารถหาข้อแก้ตัวเพื่อหลบหนีการลงโทษได้นะ!”เมื่อฮูหยินลั่วแม่ของลั่วอวี้จูเห็นสิ่งนี้ ก็อยากจะกอบกู้ที่บุตรีของตนทำให้เสียหน้าก่อนหน้านี้ จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างคลุมเครือเช่นกัน
องค์ชายสามรุ่ยเป็นคนสุภาพเรียบร้อย เขามิได้โดดเด่นมากนักในบรรดาองค์ชาย เห็นได้ชัดว่าดูธรรมดามากเพราะองค์ชายสามมิได้มีแม่เป็นฮองเฮาเว่ยเยี่ยงองค์ชายใหญ่ และไม่ได้มีภูมิหลังทางครอบครัวร่ำรวยเยี่ยงพระชายาเส้าแม่ขององค์ชายสอง!เบื้องหลังขององค์ชายห้าก็มีพระสนมฮุ่ย หรือแม้แต่เซียวหลินเทียน แม้ว่าพระสนมอวิ๋นจะตายไปแล้ว แต่เพราะก่อนตายพระสนมอวิ๋นเฟยเป็นที่โปรดปรานจักรพรรดิอู่อัน เซียวหลินเทียนจึงอยู่ในสายตาของจักรพรรดิอู่อันมาโดยตลอด!มีเพียงองค์ชายสามเท่านั้นที่ไม่มีภูมิหลังทางครอบครัวและไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง!เพราะว่าแม่ของเขาไม่มีแม้แต่ตำแหน่งพระสนม นางเป็นสตรีธรรมดาสามัญที่ดูโดดเด่นคนหนึ่งที่จักรพรรดิอู่อันตกหลุมรักเมื่อเขาออกไปข้างนอกจักรพรรดิอู่อันพานางกลับมาที่วัง แต่ในวังมีสตรีงดงามโดดเด่นอยู่มากมาย ทันทีที่ความรู้สึกแปลกใหม่หมดไป จักรพรรดิอู่อันก็ลืมนางไปแม่ขององค์ชายสามให้กำเนิดเขาได้ไม่กี่ปี ก็เสียชีวิตเพราะเศร้าหมองจากการมิได้รับความโปรดปรานหากมิใช่เพราะการไหว้บรรพบุรุษประจำปีกับงานเลี้ยงในวังที่องค์ชายสามจะต้องเข้าร่วม แม้แต่จักรพรรดิอู่อันเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเขายังมี
หลิงอวี๋เหลือบมองนางกำนัลอย่างไม่แยแส ยิ้มเย็นชา และยังคงไม่ลงมือทุกคนด้านล่างเห็นดังนั้นก็พูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ “มิใช่ว่าพระชายาอ๋องอี้มิรู้การเขียนอักษรศิลป์กับวาดภาพจริง ๆ หรอกกระมัง! เวลามีเพียงธูปดอกเดียวเท่านั้นเอง หากนางมิลงมือก็มิทันแล้ว!”พวกคุณชายตระกูลจ้าวก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกันมีคนเอ่ยขึ้นมา “พระชายาคังลูกพี่ลูกน้องของข้าเริ่มเรียนดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพมาตั้งแต่เด็ก จนถึงวันนี้ยังไม่มีสตรีใดเก่งเกินนางได้เลย!”“พระชายาอ๋องอี้ผู้นี้เมื่อครู่ก็แค่มีโชคถึงเอาชนะนางได้ พอเอาเข้าจริงก็ขี้ขลาด!”อีกคนเอ่ยขึ้นมาอีก “พระชายาอ๋องอี้มิเคยเรียนอักษรศิลป์และการวาดภาพจากผู้ใดเลย ยังกล้ามาแสดงฝีมือต่อหน้าผู้ที่เชี่ยวชาญอีก ช่างน่าขำเสียจริง!”“การเรียนอักษรศิลป์และการวาดภาพต้องจิตใจสงบ หากมิสั่งสมมาเป็นสิบปีก็เขียนได้มิดีหรอก!”“พวกเจ้าลองนึกดูสิว่าช่วงหลายปีมานี้พระชายาอ๋องอี้ทำสิ่งใด นางใช้เวลาทั้งหมดไปกับการไล่ตามบุรุษ และจับจ่ายซื้ออาภรณ์เครื่องประดับ นางจักเขียนอักษรศิลป์และวาดภาพได้เยี่ยงไรกัน!”“ฮ่า ๆ...”พอคุณชายตระกูลจ้าวพูด คุณชายหลายคนก็
“หว่านเอ๋อร์ มิต้องหรอก เจ้ารีบวาดเถิด ข้าแก้ไขได้!”หลิงอวี๋ไม่อยากถ่วงเวลาของหลิงหว่าน จึงทำท่าทางให้กำลังใจนาง“หว่านเอ๋อร์สู้ ๆ เรามาพยายามไปด้วยกันนะ!”เมื่อเห็นธูปเผาไหม้ไปอย่างไร้ความปรานี หลิงหว่านก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วรีบก้มหน้าวาดภาพคนตระกูลหลิงจะแพ้ทุกอย่างไม่ได้ อย่างไรนางก็จะต่อสู้เพื่อตระกูลหลิง!“ขอโทษพระชายาอ๋องอี้ เมื่อครู่บ่าวมือลื่นเจ้าค่ะ!”นางกำนัลเห็นว่าหลิงอวี๋เปลี่ยนกระดาษไม่ได้ก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แล้วจะฝนหมึกให้หลิงอวี๋อีกครั้งเซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ก็หัวเราะออกมาทันที แต่รอยยิ้มนั้นไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย“เหอะ ๆ… นางกำนัลของน้องหกนี่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจริง ๆ!”“วันนี้มือลื่นทำลายกระดาษของพระชายาอ๋องอี้ได้ วันข้างหน้าก็มือลื่นฆ่าน้องหกได้กระมัง… นางกำนัลเช่นนี้มิต้องมีหรอก ลู่หนาน หักมือของนางเสีย!”ยังมิทันที่องค์หญิงหกจะได้โต้ตอบ ลู่หนานก็พุ่งเข้าไป ยกมือไปบีบข้อมือของนางกำนัลแล้วทันใดนั้น คนที่วาดภาพอยู่บนเวทีทั้งหมดก็ได้ยินเสียงกระดูกของนางกำนัลหัก“พี่… พี่สี่… ผู้ใดให้พี่มาแตะต้องนางกำนัลของข้า!”เซียวทงกระโดดขึ้นด้วยความโกรธเซียวหล
หลิงอวี๋กำลังยุ่งอยู่กับการวาดภาพ ทุกคนเห็นเพียงว่าประเดี๋ยวนางก็ฝนหมึก ประเดี๋ยวนางก็ใช้พู่กันที่หักมาวาดภาพเซียวหลินเทียนมิกล้ามอง เขาเลิกหวังว่าหลิงอวี๋จะเป็นผู้ชนะแล้ว เขาแค่คิดว่าอีกประเดี๋ยวจะช่วยหลิงอวี๋แก้ไขปัญหาเรื่องสวมกระโปรงนั้นได้เยี่ยงไร!ฮูหยินลั่วรู้สึกภูมิใจ แล้วยิ้มให้ฮูหยินที่อยู่รอบ ๆ พลางเอ่ย“พระชายาอ๋องอี้ผู้นี้นี่จริง ๆ เลย แพ้ก็ยอมรับความพ่ายแพ้ไปเสียสิ เหตุใดจึงต้องทนยื้อต่อไปเล่า!”“น่าสงสารนางกำนัลผู้นั้น นางก็มิได้ตั้งใจ แต่ถูกท่านอ๋องอี้หักมือไปแล้ว… ท่านอ๋องอี้คงจะแพ้ไม่เป็นจึงได้กริ้ว!”มีฮูหยินคนหนึ่งมิกล้าพูดวาจาไม่ดีกับท่านอ๋องอี้ จึงเออออตามไป“พระชายาอ๋องอี้ไม่รู้ตัวเอง มิเกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องอี้ คาดว่าท่านอ๋องอี้คงมิอยากให้นางทำให้พระองค์อับอาย!”พระสนมหรงได้ยินคำพูดของทั้งสองคนก็หัวเราะเยาะพลางเอ่ย“เทียนเอ๋อร์ของข้าถูกหลิงอวี๋ทำลายชื่อเสียงไปมากแล้ว พวกเจ้าอย่าเอาพวกเขาไปเหมารวมกันเลย เทียนเอ๋อร์ก็คือเทียนเอ๋อร์ นางก็คือนาง!”ฮูหยินลั่วมองพระสนมหรง แล้วจู่ ๆ ดวงตาก็เป็นประกายประเดี๋ยวหากหลิงอวี๋แพ้ก็ต้องสวมกระโปรงเช่นนั้นเต้นรำแล้วทำใ
ประมุขซุนเดินตามรองประมุขเฉินไปรอบ ๆ แต่ประมุขซุนค่อนข้างสงบมากกว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาแสดงออกแบบเดียวกันกับภาพวาดของทุกคนเลยจ้าวเจินเจินสังเกตการแสดงออกของประมุขซุนแล้วก็มีความมั่นใจมากขึ้นเพื่อความยุติธรรม ก่อนหน้านี้ได้มีการตัดสินใจให้คณะกรรมการตัดสินทุกคนทำการลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสินผู้ชนะหลังจากที่ประมุขซุนกับรองประมุขเฉินดูเสร็จ คณะกรรมการตัดสินก็ขึ้นไปตรวจดูทีละคนตอนเซียวหลินเทียนเห็นภาพวาดของจ้าวเจินเจิน หัวใจของเขาก็ตึงเครียด เขามองมันอย่างว่างเปล่า ด้วยความรู้สึกผสมปนเปในใจทักษะการวาดภาพกับอักษรศิลป์ของจ้าวเจินเจินนั้นดีกว่าตอนนั้นที่ใกล้ชิดกับตนนักเห็นได้ว่าจ้าวเจินเจินมิได้ขี้เกียจเลย หลายปีที่ผ่านมาพยายามพัฒนาตัวเองตลอดเขามองที่ภาพวาดของหลิงอวี๋โดยมิหวังแล้ว จากนั้นเซียวหลินเทียนก็ละสายตาไปทางอื่นมิได้แล้วจู่ ๆ หัวใจของเขาก็เป็นราวกับมีพายุโหมกระหน่ำ นี่… นี่มันเป็นไปได้เยี่ยงไร!หลิงหว่านสังเกตสายตาของคณะกรรมการตัดสินอยู่ตลอด และคำนวณเวลาที่พวกเขาอยู่หน้าภาพวาดแต่ละภาพนางมั่นใจในภาพวาดของตนมาก และนางก็เป็นห่วงหลิงอวี๋!นางแค่หวังว่าหลิงอวี๋จะมิได้แย่ถึงเ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี