LOGINเมื่อหยางเฉิงได้รับความเห็นชอบจากเซียวหลินเทียนแล้ว ก็ยิ่งบังเกิดความมั่นใจมากขึ้นครั้นมาถึงลานฝึกทหาร เขาก็กล่าวกับแม่ทัพหยวนว่า “ท่านจงเรียกคนของค่ายกองหมาป่ามารวมพลเถิด! ข้าอยากเห็นฝีมือของพวกเขา!”ในใจแม่ทัพหยวนนึกดูแคลนยิ่งนัก ทว่ายังคงรับบัญชา และสั่งให้เฝิงกังเป่าแตรรวมพล“ปู๊น ปู๊น...”เสียงแตรรวมพลดังขึ้น เหล่าทหารที่ฝึกฝนอยู่โดยรอบพลันวิ่งกรูกันเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง และเข้าประจำที่ตามหน่วยของตนอย่างเป็นระเบียบเพียงชั่วพริบตา เบื้องล่างลานกว้างก็ปรากฏร่างทหารเจ็ดแปดสิบคนยืนเรียงรายกันเซียวหลินเทียนเฝ้าสังเกตการณ์อย่างสงบนิ่งทหารเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่คัดเลือกมาจากแต่ละหน่วยอย่างแท้จริง ผู้ที่ด้อยที่สุดยังมีวรยุทธ์ดินแดนที่ห้า ส่วนผู้ที่สูงหน่อยก็อยู่ดินแดนที่เจ็ดขึ้นไปการมาเยือนครั้งนี้ เซียวหลินเทียนได้พาจู้เฉียงมาด้วยจู้เฉียงปลอมแปลงโฉมแล้ว และได้นำพาแม่ทัพเซวียและเซวียกวงไปค้นหาศพก่อนหน้านี้ เซียวหลินเทียนล่วงรู้จากจู้เฉียงแล้วว่า ทหารในกองพันนี้ส่วนใหญ่ล้วนมีพื้นเพมาจากครอบครัวยากไร้ที่พวกเขาพากเพียรพยายามจนเข้าค่ายกองหมาป่า ก็เฉกเช่นเดียวกับจู้เฉีย
“ใต้เท้าหยาง! ขออภัยที่ข้าน้อยมารับท่านช้าไป!”แม่ทัพหยวนมิได้ลงจากม้า เขานั่งอยู่บนหลังม้าพลางประสานมือคารวะหยางเฉิง และกล่าวอย่างสุภาพ ทว่าแฝงแววคลางแคลงใจ“ข้าน้อยได้ยินมาว่า เป็นท่านอ๋องของพวกเราที่เชิญท่านมาตรวจการที่ค่ายกองหมาป่า? แล้วเหตุใดข้าน้อยจึงมิเคยได้ยินท่านอ๋องตรัสถึงเรื่องนี้เลย?”หยางเฉิงยิ้มเย็นชา “อ๋องซู่มิได้บอกท่านหรือ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?“หรือเป็นเพราะอ๋องซู่งานยุ่งมาก จึงหลงลืมไป?”“ช่างเถิด หากเจ้าเด็กนั่นหลงลืมไป ตัวข้าก็จะมิถือสาหาความ! ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ขอดูเสียหน่อยเถิด!”ทว่ากลุ่มของแม่ทัพหยวนยังคงขวางอยู่เบื้องหน้ามิยอมเปิดทางให้หยางเฉิงสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที “แม่ทัพหยวน เหตุใดกัน มิต้อนรับข้างั้นหรือ?”“ท่านอย่าได้ลืมเลือนไปว่า งบประมาณทหารครึ่งหนึ่งของค่ายกองหมาป่าแห่งนี้ ล้วนมาจากศาลาว่าการของข้า!”“ข้ามาดูว่ากองกำลังที่พวกเราสนับสนุนนั้นฝึกฝนไปถึงขั้นใดแล้ว นี่มิใช่เรื่องที่สมควรหรือ?”แม่ทัพหยวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้าหยางพูดเล่นแล้ว ท่านมาตรวจการ พวกเราหรือจะกล้ามิยินยอม!”“เมื่อครู่ข้าน้อยเพียงกำลังครุ่นคิดว่
ทางด้านเซียวหลินเทียนเองก็ได้รับสาส์นขอความช่วยเหลือจากข้าหลวงหยาง จึงได้นำคนมาสมทบเมื่อถึงจุดนัดรวมพล หยางเฉิงก็จัดแจงแผนการ เขาและเซียวหลินเทียนเป็นกองหน้าไปรับมือกับคนสนิทของหลงซู่ที่ประจำการอยู่ที่ยอดเกาหลิ่งก่อนส่วนแม่ทัพเซวียและเซวียกวงก็จะให้จู้หาวนำทางมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่เฝิงกังใช้ฝังซากศพแห้งเหล่านั้นเพียงแค่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา แผนของหยางเฉิงก็คือการเกลี้ยกล่อมกองกำลังหน่วยนี้ของค่ายกองหมาป่าให้แข็งข้อต่ออ๋องซู่ระหว่างทาง หยางเฉิงเกรงว่าเซียวหลินเทียนจะมิคุ้นเคยกับยอดเขาเกาหลิ่ง จึงได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของยอดเกาหลิ่งตลอดจนค่ายกองหมาป่าให้เขาฟังอย่างละเอียดเซียวหลินเทียนเองก็มิอาจล่วงรู้ได้ว่า การกระทำของหยางเฉิงในครั้งนี้นับเป็นการตัดสินใจสวามิภักดิ์ต่อเจ้าแห่งทิศใต้อย่างเด็ดขาดแล้วหรือไม่ทว่าหยางเฉิงแสดงความจริงใจถึงเพียงนี้ เซียวหลินเทียนก็มิอาจเพิกเฉยได้เช่นกัน“อ๋องซู่เดินทางไปยังในเมืองแล้ว ยามนี้ที่ยอดเขาเกาหลิ่งจึงมีเพียงแม่ทัพหยวนที่คอยรักษาการอยู่!”“แม่ทัพหยวนผู้นี้เป็นคนของอ๋องซู่ เขาปฏิบัติต่อข้าอย่างนอบน้อมก็จริง แต่ทั้งหมดน
ยามนี้ เซียวหลินเทียนและข้าหลวงหยางได้เดินทางมาถึงยอดเขาเกาหลิ่งแล้วเซียวหลินเทียนปลอมตัวเป็นองครักษ์ใต้บังคับบัญชาของข้าหลวงหยางติดตามมาด้วยข้าหลวงหยางนำกำลังคนกลุ่มหนึ่งมา และผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีแม่ทัพเซวียวัยสี่สิบกว่าปีผู้หนึ่งแม่ทัพเซวียผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ เขาและข้าหลวงหยางเป็นสหายพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันเซียวหลินเทียนรู้ดีว่าแม่ทัพเซวียผู้นี้ก็รับผิดชอบดูแลกองกำลังหน่วยหนึ่งของอ๋องซู่เช่นกัน เซวียกวงบุตรชายของเขา หยางหนานและหยางรั่วหลานล้วนเติบโตมาด้วยกันแบบสหายวัยเด็กเพียงแต่ว่ามารดาของอ๋องซู่ได้จัดการหมั้นหมายระหว่างอ๋องซู่และหยางรั่วหลานไว้ก่อนแล้ว แม้ว่าเซวียกวงจะหลงรักหยางรั่วหลานเพียงใด แต่ด้วยภูมิหลังตระกูลมิอาจเทียบอ๋องซู่ได้ จึงทำได้เพียงเก็บงำความรักนั้นไว้ก้นบึ้งหัวใจเซวียกวงเองก็ได้ตำแหน่งถึงรองแม่ทัพ นั่นย่อมหมายความว่า สองพ่อลูกตระกูลเซวียต่างก็ถูกพิษแล้วหลังจากหยางเฉิงล่วงรู้ว่าโอสถที่อ๋องซู่มอบให้มีพิษ เขาก็รู้สึกผิดต่อสหายพี่น้องผู้นี้ของตนที่สุดเขามิได้นอนทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้าก็รีบไปยังศาลาว่าการ เชิญแม่ทัพเซวียและเซวียกวงมาพบเมื่อทั
ครั้นแม่ทัพต่งได้ฟังก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ เขาครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ข้าหลวงหยางออกไป เขาได้บอกข้าไว้แล้ว!”“เขาบอกว่าอยากจะฉวยโอกาสที่อ๋องซู่และเจี่ยงชิงมายังศาลาว่าการนี้ การป้องกันของยอดเขาเกาหลิ่งอ่อนลง จึงนำคนไปสืบหาเรื่องที่อ๋องซู่สังหารคนเพื่อชิงวรยุทธ์!”“ป่านนี้ข้าหลวงหยางคงไปถึงยอดเขาเกาหลิ่งแล้ว เขากลับมามิทันกาลเป็นแน่!”“เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะไปที่จวนตระกูลหยางเพื่อต้านทานพวกเขาไว้ก่อน!”หลิงอวี๋คาดมิถึงว่าหยางเฉิงจะไปยอดเขาเกาหลิ่งจริง ๆ หัวใจจึงบีบรัดแน่นการที่อ๋องซู่และเจี่ยงชิงกล้าวางใจจากยอดเขาเกาหลิ่งมาได้ ย่อมหมายความว่าที่นั่นยังมีคนสนิทของพวกเขาเฝ้าดูแลอยู่การเดินทางไปครั้งนี้ของหยางเฉิง มิใช่ว่ามีภัยมากกว่าโชคดีหรอกหรือ?“ข้าหลวงหยางได้บอกหรือไม่ว่าไปเพียงลำพัง หรือนำผู้ช่วยไปด้วย?”หลิงอวี๋เอ่ยถามด้วยความร้อนใจแม่ทัพต่งส่ายหน้า “ข้าหลวงหยางมิได้กล่าวไว้!”“ฮูหยินอู่ ท่านกำลังกังวลว่าข้าหลวงหยางจะตกอยู่ในอันตรายหรือ?”“อันที่จริงก็มิจำเป็นต้องกังวล ข้าหลวงหยางเองก็เป็นแม่ทัพมาก่อน เขาบัญชาการรบมานานหลายปี ในเมื่อล่วงรู้ว่าอ๋องซู่ม
หลิงอวี๋แปลงโฉมตนเองเรียบร้อยแล้ว จึงเดินออกจากห้องของหยางรั่วหลานทันทีที่นางก้าวพ้นประตูเรือนก็พบกับหยางหนาน หลงซู่และท่านหมอชราผู้มีร่างเตี้ยผู้หนึ่งที่กำลังเดินมาก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มัวแต่วุ่นอยู่กับการปรุงโอสถถอนพิษให้หยางรั่วหลานในห้องข้าง ๆ จึงมิได้พบหน้าท่านหมอชราผู้นี้หลิงอวี๋คาดเดาได้แล้วว่าท่านหมอชราผู้นี้ก็คือเจี่ยงชิงที่ปลอมตัวมายามนี้นางแต่งกายเป็นสาวใช้ จึงทำเพียงก้มศีรษะลงต่ำหลบไปด้านข้าง ปล่อยให้คนทั้งสามเดินผ่านไปดูเหมือนคนทั้งสามจะพบบรรดาสาวใช้บ่าวไพร่ในจวนตระกูลหยางจนชินตา จึงมิได้ใส่ใจอันใดและเดินผ่านหน้าหลิงอวี๋ไปทว่าหลิงอวี๋กลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ที่ร่างของตนนางมิได้เงยหน้าขึ้นมอง เพียงรู้สึกว่าสายตานั้นจับจ้องนางอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงละไปเมื่อเห็นทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว หลิงอวี๋จึงรีบร้อนจากไปคนที่มองนางเมื่อครู่ย่อมต้องเป็นเจี่ยงชิง หลงซู่มีฐานะสูงศักดิ์ ย่อมมิสิ้นเปลืองเวลามาจับจ้องสาวใช้เพียงผู้หนึ่งหลิงอวี๋เอ่ยปากถามบ่าวรับใช้ผู้หนึ่ง จนสืบรู้ความว่าหยางเฉิงอยู่ที่ศาลาว่าการ นางจึงรีบรุดตามไปทันทีเมื่อไปถึง







