เรื่องราวเมื่อหลายเดือนก่อน ได้หวนเข้ามาในห้วงความทรงจำของหญิงสาวอีกครั้ง ร้านขนมชื่อดังของเมืองหลวง ร่างระหงในชุดสีดำแดงยืนเลือกขนมอยู่ด้วยความเพลิดเพลิน อ๊ะ! หญิงสาวส่งเสียงอุทานเบา ๆ เมื่อร่างงามเกือบที่จะล้มลงสู่พื้น นางรู้สึกว่าต้นแขนเรียว ถูกดึงเอาไว้แต่ด้วยอีกฝ่ายออกแรงมากไปหรือไม่ นางรู้สึกตัวก็เมื่อร่างกายปะทะเข้ากับอกแกร่งของเจ้าของมือ ด้วยความตกใจทำให้นางส่งเสียงกรีดร้องออกมา แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็พลันได้เกิดขึ้นอีกระรอก เมื่อปากของนางถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ด้วยอาการตกตะลึงทั่วร่างแข็งค้างไปโดยไม่รู้ตัว เพี๊ยะ! ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดตามแรงฝ่ามือ หลังจากริมฝีปากของหญิงสาวเป็นอิสระ “บังอาจยิ่งนักที่กล้าล่วงเกินข้า” หญิงสาวแห้วเสียงดังใส่กับผู้ที่ล่วงเกินนาง เพราะมิว่าจะเป็นผู้ใด ก็ถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรตินางอย่างไม่น่าให้อภัย “หึ! นิสัยเสียมิเคยเปลี่ยน สมแล้วที่ไร้บุรุษสู่ขอ” แม้จะรู้ว่าตนเองทำผิดต่อหญิงสาว แต่เพราะคนตรงหน้าคือท่านหญิงผู้เหย่อหยิ่ง เลยทำให้เขานึกอยากที่จะกลั่นแกล้งนางขึ้นมาแทน ใช่ว่าเขาจะไม่ร
จวนแม่ทัพตะวันออก ชายแดน ถงเจี้ยนหลางนั่งมองจดหมายในมือ ก่อนจะขบกรามแน่น ชายหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมองพ่อบ้าน พร้อมเสียงหายใจฮึดฮัดเหมือนกำลังไม่พอใจ กับเนื้อหาบนกระดาษที่อยู่ในมือ “เหตุใดพี่ใหญ่มิคิดจะช่วยเหลือข้าเลย ท่านพี่ฉีเหอเรื่องนี้ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไร” ถงเจี้ยนหลาง เอ่ยถามพ่อบ้านข้างกาย ที่เอาแต่ยิ้มกว้าง เหมือนกำลังจงใจกวนโทสะเขาอยู่ในตอนนี้ “ท่านแม่ทัพเองก็เติบโตพอ ที่จะมีฮูหยินแล้วนะขอรับ พระชายาอาจเป็นห่วงในตัวท่านแม่ทัพก็เป็นได้ขอรับ จึงได้มิคัดค้านการแต่งงานของท่านแม่ทัพกับท่านหญิงเหลียนนะขอรับ” ฉีเหอให้เหตุผลแก่ผู้เป็นนาย ที่กำลังมีใบหน้าหงิกงอเหมือนเด็ก ซึ่งชายหนุ่มจะทำเช่นนี้ เพียงกับเขาและผู้เป็นนายหญิงเท่านั้น “ห่วง! ข้ามีสิ่งใดที่ท่านพี่ต้องมาห่วง ข้าอยู่ทุกวันนี้ก็สุขสบายดี ข้ายอมเป็นโสดไปชั่วชีวิต ดีกว่าต้องแต่งงานกับสตรีเช่นเหลียนม่งหยา” ใบหน้าของท่านหญิงเหลียนม่งหยา ลอยขึ้นมาในห้วงความคิดของแม่ทัพหนุ่มในทันที นางมันปีศาจร้ายทำให้เขาบุรุษผู้บริสุทธิ์ต้องตกหลุมพรางของนาง สตรีที่บุรุษทั่วหล้ามิต้องการแต่งเข้าจวน เพียงเพราะนิสัยหยิ่งจองหองของนาง “ท่านแม่ทัพ เป็
“พระชายาจำต้องบำรุงร่างกายให้มากนะพ่ะย่ะค่ะ เพราะนับจากนี้พระนางจะเหนื่อยอีกมาก” “หมายความว่าอย่างไร ในเมื่อนาง....” “เรียนท่านอ๋อง กระหม่อมขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ พระชายาตั้งครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดทั้งหมดของจ้าวเทียนหลงได้หายไป เมื่อท่านหมอได้เอ่ยแทรกขึ้น พร้อมข่าวที่เขาเฝ้ารอมานานหลายเดือน ในที่สุดวันนี้ทุกอย่างก็เป็นจริงเสียที “ตบรางวัล ตาแก่ตบรางวัลท่านหมอ รวมถึงทุกคนใจจวน เป็นการเฉลิมฉลองทายาทคนแรกของข้า ฮ่า ๆ น้องหญิงเรากำลังจะมีลูกแล้ว พี่ดีใจยิ่งนัก” จ้าวเทียนถลาไปยังเตียงนอน พร้อมประคองร่างบางให้ลุกนั่งพิงอกกว้าง ปากก็พร่ำบอกความรู้สึกของตนเอง ที่มีในตอนนี้ให้แก่ภรรยาได้รับรู้ ถงลู่ลู่ยิ้มกว้าง เมื่อได้รับข่าวดีเรื่องลูก ทั้งยังรู้สึกเอ็นดูในความตื่นเต้นของสามี ที่ดูจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่แล้วในตอนนี้ “ท่านพี่เกิดอันใดขึ้นขอรับ” เสียงมาก่อนตัว ร่างสูงของถงเจี้ยนหลางเพิ่งจะถึงเพียงหน้าประตู แต่คำถามนั้นดังมาก่อนแล้วนั่นเอง เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าเข้าหาพี่สาวกับพี่เขยด้วยความเป็น
เรือนเทียนหลง ร่างสูงเร่งสาวเท้าเข้าไปภายในเรือน ก่อนจะตรงไปยังห้องนอน ชายหนุ่มยืนลังเลอยู่ เมื่อยังคิดหาคำพูดไม่ได้ว่าเขาจะเริ่มต้นอย่างไรดี “ท่านพี่ ทำอันใดอยู่หน้าประตูเจ้าคะ ไยมิเข้าไปด้านในเล่าเจ้าคะมายืนอยู่ทำไมกัน” เสียงของภรรยาดังมาจากด้านหลัง จ้าวเทียนหลงถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เขาคิดว่านางอยู่ในห้อง แล้วเหตุใดเสียงของนางจึงมาจากด้านหลังของเขาได้เล่า “เอ่อ...เจ้ามาก็ดี ชะ...ช่วยนวดแขนให้พี่สักหน่อยเถิด” จ้าวเทียนหลงหันไปเผชิญหน้ากับภรรยา ก่อนจะหาข้ออ้างได้ทันท่วงที ยังดีที่ใบหน้าบางส่วนถูกบดบังด้วยหน้ากาก ไม่เช่นนั้นภรรยาคงได้เห็นสีหน้าของเขาในเวลานี้เป็นแน่ ถงลู่ลู่เก็บอาการขำขันสามีเอาไว้สุดความสามารถ เมื่อเห็นอาการเห่อแดงบนใบหน้าส่วนล่าง ลามมาจนถึงลำคอของสามี ถงลู่ลู่แสร้งทำเป็นไม่เห็นมันเสีย ตลอดหลายเดือนที่นางอยู่เมืองหลวง ในฐานะพระชายาไม่มีสักวัน ที่นางจะมิได้รับการเอาใจใส่ สามีดูแลนางเป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่คิดเข้าข้างตนเอง โดยการเหมารวมว่าเขารักใคร่นางอย่างที่ตัวนางมีใจให้แ
“ท่านเสนาบดี ยังจำปิ่นนี่ได้หรือไม่ขอรับ” ถงเจี้ยนหลาง ยกปิ่นผีเสื้อสีทองขึ้นให้อีกฝ่ายได้เห็นอย่างชัดเจน ใบหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ หาได้มีร่อยรอยความความรู้ใด ๆ ส่งผ่านออกมาแม้แต่น้อย “นี่มัน!” ถงหยาง ใบหน้าถอดสีในทันที เขาจำมันได้เป็นอย่างดี ว่าปิ่นในมือของบุตรชายนั่นเป็นของผู้ใด “รู้ไหมท่านเสนาบดี หากท่านมีใจยุติธรรมเช่นที่เจ้าของปิ่นนี่มีสักนิด เรื่องทุกอย่างอาจไม่สิ้นสุดด้วยความอัปยศเช่นนี้ มารดาข้ายินยอมให้ท่านมีภรรยาอีกหลายคน นอกจากท่านเสนาบดีจะมิไยดีนาง ยังพรากลมหายใจนางไปจากข้าสองพี่น้อง จากนี้อย่าได้ร้องหาความเมตตาจากเราพี่น้องอีกเลย เพราะมันหมดลงไปพร้อมลมหายใจของแม่ข้านานแล้ว” ถงเจี้ยนหลางไม่คิดจะใส่ใจกับคำพูดมากมาย ที่พรั่งพรูออกมาจากปากของบิดา ร่างสูงก้าวจากไปอย่างเชื่องช้า ทุกก้าวหาได้หนักอึ้งอย่างที่ควรจะเป็น ทว่ามันกลับเป็นความรู้สึกสุขใจเสียมากกว่า‘ท่านแม่ เจี้ยนหลางกับพี่ใหญ่ ทวงคืนความแค้นให้แล้วนะขอรับ’เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อสายลมอ่อน ๆ พัดหมุนวนรอบกาย แผนการในคืนนี้ของสองแม่ลูก เป็นเรื่องที่เขาไม่
หากเรื่องราวเหล่านี้หลุดออกไปสู่ภายนอก ย่อมนำมาซึ่งความอับอาย เขาจึงจงใจพูดออกไป เพื่อเร่งเวลาให้พ่อตาได้กระวนกระวายใจ จนเดินตามหมากที่เขาได้วางเอาไว้ ถงหยางหันไปตามสายตาของบุตรเขย ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปภายในเรือน โดยมีถงเอ้อหนานก้าวตามไปมิห่าง ส่วนจ้าวเทียนหลงและถงเจี้ยนหลางต่างพากันยกยิ้มอย่างมีความนัย “พระชายาอยู่ที่ใด” ชายหนุ่มเอ่ยถามองครักษ์ที่ยืนข้าง ๆ “พระชายาทรงรอท่านอ๋องกับคุณชายถง อยู่ที่เรือนรับรองพ่ะย่ะค่ะ” “เจ้าไปบอกนางว่าสามีกำลังรอชมละครอยู่ สักครู่จะกลับไป” “พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มทำได้แค่เพียงหมุนกาย เพื่อจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่จำต้องหยุดเท้าเอาไว้เพียงเท่านั้น เมื่อคนที่เขาต้องไปพบยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมผู้ติดตามคนสนิท “สามีช่างเห็นแก่ตัวยิ่ง คิดจะหาความบันเทิงแต่เพียงผู้เดียว” “หึ ๆ มีหรือสามีจะคาดการณ์ผิด ภรรยาพี่ต้องมาอยู่แล้วมิใช่หรืออย่างไร” “ช่างแสนรู้จริง ๆ นะเจ้าคะ” “อืม!...” ถงเจี้ยนหลางแทบจะหลุดหัวเราะออกมา เมื่อพี่เขยไม่
หน้าเรือนใหญ่ ถงหยางและบุตรชาย ต่างพากันหาคำพูดมากมาย เชิญชวนให้อ๋องหนุ่มและถงเจี้ยนหลางสนทนาด้วย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดภรรยาจึงได้ต้องการให้บุตรเขย และบุตรชายหญิงของเขานอนค้างที่จวนในคืนนี้ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ตัวเขาจะได้หาหนทาง เพิ่มความสนิทกับคนทั้งสามให้มากขึ้น “เจี้ยนหลาง สุราหมักผลไม้น่าจะเหมาะกับลูกนะ” ถงหยางยื่นกาสุราให้แก่บุตรชาย พร้อมรอยยิ้มกว้างเสมือนการกระทำอันสนิทสนมนี้ เกิดขึ้นอยู่ในทุกเมื่อเชื่อวัน “ขอรับท่านเสนาบดี แต่ข้ามันคนบ้านนอก สุราเช่นนี้เหมาะกับคนเมืองหลวงและสตรีมากกว่าตัวข้า ที่เติบโตมาในกองทัพขอรับ” ถงเอ้อหนานถึงกับชาหนึบไปทั้งใบหน้า ชายหนุ่มจำต้องวางจอกสุราลง เมื่อสิ้นคำพูดของน้องชายต่างมารดา แม้ถ้อยคำของถงเจี้ยนหลางจะดูธรรมดา ทว่ากลับแฝงไปด้วยคำเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด “เจ้ายังเด็ก ดื่มสุราฤทธิ์แรง มันจะไม่ค่อยเหมาะเท่าใดนักนะพ่อว่า” ถงหยางแสดงออกถึงความเป็นห่วงในตัวบุตรชาย ต่อให้แท้จริงเขาไม่คิดจะใส่ใจ ว่าถงเจี้ยนหลาง จะดื่มเหล้าราคาถูกหรือเหล้าป่าฤทธิ์แค่ไหน แ
ทางด้านถงอี้หลิงเองได้มองไปยังพี่สาวต่างมารดา ก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ นางไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพี่เขย เพราะนางมั่นใจว่าอย่างไรเสีย ก็จะได้รับคัดเลือก เข้าตำหนักองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน สำหรับอ๋องอัปลักษณ์ผู้นี้กับพี่สาว ก็เป็นเพียงบันไดเอาไว้ให้นางเหยียบขึ้นไปก็เท่านั้น จะมีหรือไม่มีก็ย่อมได้ คืนนี้นางจะตอบแทนพี่สาวสักหน่อย ที่ยอมแต่งงานเข้าจวนอ๋องแทนนาง ‘สามีเจ้าไม่ไยดี น้องสาวก็จะหาผู้อื่นมาถนอมเจ้าแทนพี่สาว หึ ๆ’ ถงอี้หลิงยิ้มอย่างมีความนัย หญิงสาวปิดบังทุกสิ่งอย่างเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มละมุน แผนการของนางจะต้องสำเร็จอย่างสวยงาม โดยไร้ผู้รู้เห็นในการกระทำครั้งนี้ “ท่านแม่” ถงอี้หลิงเอ่ยเรียกมารดาเบา ๆ เป็นการเตือนผู้เป็นแม่ให้ทำในสิ่งที่นางร้องขอก่อนการมาถึงของแขก ถงฮูหยินพยักหน้าน้อย ๆ เป็นการตอบรับบุตรสาว “ท่านอ๋องเพคะ หากจะเมตตาสกุลถงของเรา คืนนี้ทรงพาพระชายาค้างที่นี่สักคืนได้หรือไม่เพคะ ครอบครัวเราอยากที่จะพูดคุยปลอบขวัญบุตรสาวคนโต ที่ออกเรือนไปแล้ว ทั้งยังต้องออกสู่สนามรบเพื่อบ้านเมืองอีกนะเพคะ”
สกุลถงในค่ำคืนถัดมา ทุกคนภายในสกุลต่างเฝ้ารอการมาของแขกสำคัญ มื้อค่ำวันนี้ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพียงเพื่อเอาใจท่านอ๋องจ้าวเทียนหลงและพระชายา รวมถึงถงเจี้ยนหลางด้วยเช่นกัน “เรียนนายท่าน ท่านอ๋อง พระชายาและคุณชายรองมาถึงแล้วขอรับ”พ่อบ้านรีบเข้ามารายงานให้ผู้เป็นนายได้ทราบ ว่าเวลานี้แขกที่ทุกคนรอคอยได้มาถึงแล้ว “ออกไปกันได้แล้ว และจำไว้ห้ามทำให้ข้าเสียหน้า” ถงหยางเอ่ยกำชับทุกคน สมาชิกที่นั่งอยู่ภายในห้องต่างตอบรับประมุขของบ้าน ก่อนจะพากันออกไปยังหน้าจวน เพื่อตอนรับแขกคนสำคัญ ทางด้านจ้าวเทียนหลงนั้น เพียงก้าวลงจากรถม้า ความเรียบเฉยที่มีต่อภรรยาก็พลันเกิดขึ้น ซึ่งไม่ต่างอันใดกับถงลู่ลู่ สองสามีภรรยาดูไร้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีต่อกันยิ่งนัก ส่วนถงเจี้ยนหลาง ได้แต่ปรับสีหน้าเป็นปกติ ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมาเช่นกัน เมื่อพี่เขยกับพี่สาวต้องการจะทำสิ่งใด ตัวเขาก็ทำตามนั้นอย่างไร้ซึ่งข้อโต้แย้ง “คารวะท่านพ่อตา”จ้าวเทียนหลงประสานมือให้แก่พ่อภรรยา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะกลับมายืนในท่วงท่าสง่างามเช่นเดิม