“ท่านแม่ทัพ”
ฉีอิงแสร้งหลับตานิ่ง เมื่อได้ยินเสียงจากด้านหน้าประตู เธอเคยอ่านนิยายแนวโบราณ รู้ดีว่าฐานะตัวเองในตอนนี้ คือนายย่อมต้องมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ และมันเป็นเรื่องดี ที่ไม่ว่าใครจะไปหรือมา ต้องมีการเรียกขานชื่อให้รับรู้กันก่อน
“ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง นางฟื้นรึยัง”
เสียงทุ่มลึกของคนพูด ทำให้ฉีอิงอยากจะลืมตามองนัก ว่าหน้าตาของเขาจะเหมือนกับเสียงนั่นหรือไม่ ทว่าจากน้ำเสียงของแม่ทัพคนนี้ ดูมิได้ไร้เยื่อใยต่อเจ้าของร่างเท่าใดนัก ‘เห็นทีต้องทดสอบกันหน่อย’
“เอ่อ...ฮูหยินตื่นขึ้นมาเพียงครู่เดียว ก่อนจะหมดสติไปอีกเจ้าค่ะ” สาวใช้ของคนบนเตียง เอ่ยด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย
“ตามท่านหมอมาดูอาการของนางอีกครั้ง หากมีสิ่งใดให้รีบแจ้งแก่ข้า”
ชายหนุ่มมองไปยังร่าง ที่ยังคงไร้สติอยู่บนเตียง พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหมุนกายจากไป โดยไม่คิดที่จะเข้าไปดูภรรยาใกล้ ๆ หรือจับมือให้กำลังใจนางสักนิดก็ไม่มี ทุกอย่างถูกวางเอาไว้ตามที่แม่ทัพหนุ่มกำหนดเท่านั้น แม้แต่ระยะห่างระหว่างสามีภรรยา
“เจ้าค่ะ”
เมื่อมั่นใจว่าสามีเจ้าของร่างจากไปแล้ว ฉีอิงที่เริ่มหิว ได้ค่อย ๆ ลืมตา ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มองไปยังสาวใช้สองนาง ที่ดูจะตื่นเต้นที่เห็นเธอลุกขึ้นมาได้
“เอ่อ...ข้ารู้สึกหิวน้ำ”
ฉีอิงนั่งทวนความจำเรื่องชื่อของสาวใช้ ก่อนจะขยับตัวไปนั่งขอบเตียง หลายวันทีเดียวกับการหลับใหลของหลี่ฉีอิง ก่อนที่นางจะหมดลมไปในยามดึกอย่างเดียวดาย
“น้ำเจ้าค่ะฮูหยิน”
“ข้าหิวแล้ว มีอะไรให้ข้ากินสักหน่อยหรือไม่ เสี่ยวเจี้ยน”
เมื่อนึกชื่อของสาวใช้ออก ฉีอิงจึงได้เอ่ยขออาหาร กองทัพจำต้องเดินด้วยท้อง หากหิวโซ ก็ย่อมไร้เรี่ยวแรงที่จะสู้ต่อ
“เช่นนั้นข้าจะไปตามท่านหมอ และแจ้งข่าวแก่ท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ”
เสี่ยวเตี๋ยสาวใช้อีกคน เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวหน้าตาดี ที่พยายามเสนอตัวเข้าหาสามีผู้เป็นนาย
“ไม่ต้อง ข้าอยากกินอะไรสักหน่อย แล้วพักผ่อน ท่านแม่ทัพมีงานมากมาย เรื่องเพียงเท่านี้ อย่าได้รบกวนเขาเลย เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าอาบจะดีกว่า”
ฉีอิงตัดเส้นทางของเสี่ยวเตี๋ย เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาเพิ่มให้กับการใช้ชีวิตในภายหน้า เท่าที่รู้จากภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่ แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ไม่มีอนุหรือภรรยารอง จึงไม่แปลกที่มีคนพยายามเสนอตัวให้แก่เขา เพราะระหว่างสองสามีภรรยา หาได้มีเรื่องเช่นนั้นร่วมกันนับตั้งแต่แต่งงาน
ทุกอย่างถูกจัดเตรียมพร้อมสรรพในเวลาอันสั้น จนฉีอิงรู้สึกแปลกใจ เพราะยุคนี้ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวก เหมือนกับโลกที่เธอจากมา แต่ทำไมทุกสิ่งอย่าง จึงสามารถทำได้รวดเร็วขนาดนี้
ฉีอิงนั่งกินโจ๊กร้อน ๆ อย่างอารมณ์ดี โดยมีเสี่ยวเจี้ยนคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง จะมีเพียงเสี่ยวเตี๋ย ที่นั่งจัดเสื้อผ้าของผู้เป็นนายห่างออกไป
หลังอาหารมื้อแรก ในร่างของคนอื่น ทว่าเธอกับเจ้าของร่างมีชื่อเหมือนกัน มันคงเป็นชะตานำพา เหมือนในนิยายที่คนกำลังนิยมอ่านอยู่กระมัง 'ฉันจะใช้ร่างกายของเธอให้ดีที่สุด ฉันสัญญาแม่นางหลี่'
“เสี่ยวเจี้ยน อีกสักประเดี๋ยว เราไปเดินเล่นกันนะ”
ฉีอิงพยายามพูด ในแบบคนโบราณให้มากที่สุด นับว่าเธอโชคดีที่มีคุณย่า ที่ยังรักษาการพูด ในแบบฉบับของคนยุคเก่าอยู่ จึงทำให้เธอคุ้นชินไม่กระดากอายที่จะพูดเท่าใดนัก
“ดีเจ้าค่ะ ฮูหยินล้มป่วยมาเสียหลายวัน อากาศยามบ่ายกำลังสบายเลยเจ้าค่ะ”
“จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน ท่านเพิ่งฟื้นนะเจ้าคะ หากออกไปต้องลมด้านนอก อาจทำให้อาการป่วยกลับมาได้นะเจ้าคะ ทางที่ดีควรตามท่านหมอมาตรวจสักหน่อยจะดีกว่านะเจ้าคะ”
“ตัวข้า ข้าย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด”
น้ำเสียงของฉีอิงนั้น บ่งบอกว่าไม่ชอบใจกับคำพูดจาห่วงใยของเสี่ยวเตี๋ย จะทำอย่างไรได้ ภาพที่มันฉายในหัวของเธอนั้น
คือภาพที่หลี่ฉีอิงต้องทนทรมาน เพราะสาวใช้ที่หวังเลื่อนตำแหน่ง ฉอเลาะอยู่กับสามีของนางหลายต่อหลายครั้ง เรื่องนั้นมิเจ้บปวดเท่า ตอนที่เจ้าของร่างนี้ร้องขอให้ช่วยเหลือ เสี่ยวเตี๋ยกลับเดินจากไปอย่างไร้เมตตา
ฉีอิงวางช้อนลง ก่อนจะยกน้ำอุ่นขึ้นดื่มช้า ๆ หญิงสาวแทบไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรให้มาก ในเมื่อเธอเกิดมากับความร่ำรวย ใช้ชีวิตประหนึ่งเจ้าหญิง เธอจึงไม่ค่อยจะตื่นเต้นกับการทำตัวดั่งนางพญา ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“เราไปกันเถอะเสี่ยวเจี้ยน อ่อ...เสี่ยวเตี๋ยข้าฝากเจ้าเก็บของให้เรียบร้อยด้วย และข้าหวังว่า จะไม่มีใครทำนอกเหนือคำสั่งของข้านะ”
ฉีอิงเอ่ยย้ำเตือนความจำของสาวใช้อีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าของร่างนั้น ไม่เคยที่จะทำเช่นเธอในตอนนี้
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
เสี่ยวเตี๋ยรับคำด้วยมิเต็มใจเท่าใดนัก นางอยากที่จะติดตามผู้เป็นนายออกเดินเล่น เผื่อว่านางอาจโชคดีได้พบกับท่าแม่ทัพ เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวได้วางสิ่งที่อยู่ในมือ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากลับร่างของผู้เป็นนายและเสี่ยวเจี้ยน
หมับ! หลิวไท้ซาน คว้าจับข้อมือของคน ที่มาจากเบื้องหลังของเขา การต่อสู้เกิดขึ้นในทันที สิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจก็คือ ไยคนที่หลับอยู่บนเตียง หาได้รับรู้ถึงการต่อสู้ของเขา และผู้บุรุกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันผิดวิสัยของอวี้เหยา ผู้เก่งกาจเรื่องการต่อสู้“ท่านพี่ ข้าเหนื่อยแล้วนะเจ้าคะ ท่านจะหยุดมือได้หรือยังเจ้าคะ”ชายหนุ่มถึงกับชะงักค้าง เมื่อคนร้ายที่เขาคิดนั้น กลับมีน้ำเสียงเหมือนกับภรรยาของตนเอง“น้องหญิง เป็นเจ้าจริงหรือ”หลิวไท้ซานยังคงไม่วางใจ เพราะมันอาจเป็นหลุมพรางก็เป็นได้ ก่อนที่แสงสว่างเกิดขึ้น ด้วยแท่งไฟในมือของอีกฝ่าย ใบหน้างามของภรรยาปรากขึ้นชัดเจนในสายตา หลิวไท้ซานก้าวยาว ๆ เข้ารวบกอดภรรยาเอาไว้แน่นอวี้เหยา แทบจะนำแท่งไฟหลบจากสามีไม่ทันเลยทีเดียว เสียงลมหายใจของเขา ทำให้นางอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของพระชายานี่มันไม่สวยงาม อย่างที่คนภายนอกคิดเลยสักนิด ภัยมีอยู่รอบตัว นางเข้าใจแล้วว่าทำไม ท่านปู่ของนางจึงไม่อยากเกี่ยวดอง กับเชื้อพระวงศ์“แล้วบนเตียงนั่นเล่า มันคือสิ่งใดกัน” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“พอดีมีสตรีใจกล้า ลอบมาปีนเตียงของท่านพี่ นางคงศึกษาเรื่องของเ
เมื่อหลายปีก่อน อวี้เหยาในวันสิบขวบ นางเป็นเด็กหญิงที่สดใส และเพียบพร้อมทั้งความงามและทรัพย์สมบัติ จึงทำให้เขาและบุตรชายต้องพานางร่วมงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้งทว่าวันนั้นมีงานเลี้ยงในตอนกลางวัน อวี้เหยาบอกว่าเจ็บป่วยมาก มิอาจติดตามบิดาเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ นางจึงนอนพักผ่อนอยู่ในจวน และนี่คือแผนการเด็ก ๆ ที่เขารู้ทันหลานสาว แต่เป็นเรื่องที่เขาพอใจเช่นกัน เขายินดีให้นางไปวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า ยังดีกว่าต้องไปแสร้งมีความสุขในงานเลี้ยง ที่ผู้คนสวมหน้ากากเข้าหากันในวันนั้นเขาได้ให้พ่อบ้านของจวน คอยติดตามดูแลหลานสาวอยู่ห่าง ๆ เพราะนางกับสหายทั้งหมด ได้พากันออกไปวิ่งเล่นยังทุ่งหญ้า ที่มีลำธารตื้น ๆ ไหลผ่าน เด็กน้องทั้งห้าหาได้รู้ไม่ว่า วันนั้นหนึ่งในพวกเขา จะได้พบเจอ กับคนที่จะเปลี่ยนชีวิตไปตลอดการพ่อบ้านในในตอนนั้น ยังอยู่ในวันหนุ่มฉกรรจ์ ถึงกับมีใบหน้าซีดเผือด เมื่อคุณหนูของตนเอง กำลังตกอยู่กลางวงล้อมของคนแปลกหน้า เขารู้ได้ในทันทีว่านั่นคือมือสังหาร แล้วผู้เป็นเจ้านายตัวน้อย ไปยุ่งเรื่องของผู้ใดเข้ากันคนดูแลของคุณชายและคุณหนูทั้งห้า ต่างกระชับอาวุธในมือ พุ่งเข้าปกป้องผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว ผู้ใ
เพียงรถม้าหยุดลง เสียงถกเถียงกันจากด้านนอก ก็ทำให้อวี้เหยาลืมตัว พุ่งพรวดออกไปในทันที ‘ตาเฒ่าอวี้ตามมาถึงนี้จนได้’“เหยาเหยาหลานรัก ไยเจ้าใจดำอำมหิตถึงเพียงนี้”เสียงโอดครวญของชายชรา ทำให้ชายหนุ่มที่เร่งตามภรรยาลงมาดูเหตุการณ์ ได้แต่ยืนขมวดคิ้วจนเป็นปม ด้วยความสงสัย ก่อนจะได้รับคำตอบจากองครักษ์ ที่ก้าวเข้ามากระซิบบอก ว่าชายชราที่มาเยือนคือผู้ใด“อวี้เหยา คารวะท่านปู่”อวี้เหยารีบย่อกายอย่างงดงาม ซึ่งเป็นสิ่งแปลกตา สำหรับอวี้จ้าน ก่อนที่ชายชรา จะมองเลยไปยังชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว“ฮึ! เป็นข้าสินะ ที่ต้องคุกเข่าให้แก่เขา”หลิวไท้ซาน รู้ได้ในคำพูดเหน็บแหนมของชายชรา ชายหนุ่มรีบขยับไปยืนเคียงภรรยาตน“หลิวไท้ซาน คารวะท่านปู่”ชายหนุ่มรีบประสานมือ ทำความเคารพปู่ของภรรยา ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำให้เขากลายเป็นที่ครหา แม้ว่าเขาจะมียศที่สูงกว่า แต่ด้วยฐานะของเขย ย่อมต้องอ่อนน้อมต่อครอบครัวของภรรยา“ฮ่า ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ หลานเขยของข้า ไหน ๆ เจ้าบอกปู่สิ ว่าร่วมหอกันมาหลายเดือน มีข่าวดีให้ปู่บ้างรึยัง”อวี้จ้าน ก้าวเข้าประชิดหลานเขย พร้อมตบหนัก ๆ ลงบนบ่ากว้าง และตามด้วยคำถาม ที่ทำให้สอ
เวลาเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว การแต่งงานของท่านอ๋องหลิวไท้ซาน กับพระชายาอวี้เหยา ดูจะสงบสุขราบรื่นยิ่งนักในสายตาของผู้อื่น ความไร้สามารถของนาง ทำให้ผู้ปองร้ายพึงพอใจเป็นอย่างมาก ด้วยหวังใช้นาง ในการทำลายพระสวามีตลาดเมืองเอิ้นหยาง ท่านอ๋องหนุ่มได้พาพระชายา ออกมาเดินเที่ยวชมตลาด ซึ่งเขาจะทำเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ปึ๊ก!“อุ๊ย! ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเดินไม่ระวัง”เสียงหวานเอ่ยขึ้น เมื่อชนเข้ากับร่างหนาของชายหนุ่มในชุดสีดำ โดยมือของเขา ยังคงโอบเอวหญิงสาวอีกนาง เอาไว้แนบอกแกร่งอย่างทะนุถนอม“แม่นางเจ็บทีใดหรือไม่ คราวหลังให้ระวังสักหน่อย ดีที่ภรรยาของข้ามิล้มลงไปบาดเจ็บ มิเช่นนั้นข้าคงไม่ยินดีที่จะอภัยให้แก่ความสะเพร่าของแม่นางเป็นแน่”หญิงสาวถึงกับใบหน้าซีดเผือด นางคิดว่าในขณะที่ชนกับอีกฝ่ายอย่างแรง คนที่ควรอยู่ในอ้อมกอดของเขา จะต้องเป็นนางอย่างแน่นอน ทว่ามันกลับมิเป็นเช่นนั้นเมื่อตัวนางใกล้จะถูกตัวเขานั้น ชายหนุ่มตรงหน้าได้ยกแขนขึ้นขวางกั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าคนที่อยู่ห่างออกไป คิดเพียงว่านางชนเข้ากับแผ่นอกของเขาซ้ำร้ายชายหนุ่มผู้นี้ ยังไม่คิดจะช่วยรั้งตัวนางเอาไว้ ไม่ให้ล้มลงสู่พื้น ทว่าเขากลับไ
“พี่จะถนอมเจ้า”เอ่ยจบใบหน้าหล่อเหลา ได้โน้มลงชิดแก้มงาม ก่อนจะเลื่อนมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่ม ความชำนาญในเรื่องระหว่างชายหญิง ทำให้ใช้เวลาไม่นาน ภรรยาคนงามก็ยินยอมตอบสนองตอบเขา แม้จะเหมือนทารกหัดเดิน ทว่ามันกลับกระตุ้นความต้องการ ของเขาได้เป็นอย่างดี“อื้อ! อ๊ะ!”เสียงที่ออกมาจากเรียวปากงามนั้น บอกได้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นของภรรยา มือหนาของชายหนุ่ม ปลดเปลื้องอาภรณ์ของเขาและนางออกจนสิ้น มือหยาบกร้านกอบกุมสองเต้างาม ที่อวดโฉมต่อหน้าเขาอยู่ในเวลานี้ เสมือนการเชิญชวนให้ลิ้มลองปลายลิ้นสาก ตวัดยังยอดปทุมถันชมพู ที่กำลังแข็งชันรับลิ้นของเขา ก่อนจะขบกัดเพียงเบา ๆ แล้วดูดกลืนอย่างหิวกระหาย ชายหนุ่มใช้เวลาหยอกเย้ากับเต้างามสองข้างอยู่นานใบหน้าคมได้เลื่อนต่ำลงยังหน้าท้องแบนราบ ที่บัดนี้กำลังแดงก่ำไปด้วยความรัญจวนในกามอารมณ์ ชายหนุ่มจูบซับไปตามผิวอ่อนนุ่มอย่างถนอม มือหนาลูบไล้ตามเรียวขางามของภรรยา จนมาหยุดอยู่ยังดอกบัวงามของหญิงสาวอ๊ะ! อวี้เหยาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อนิ้วเรียวของสามี แหวกกลีบบอบบางนั้นเบา ๆ ก่อนจะไปโดนกับปลายเกสร ที่ซ่อนอยู่ภายในกลีบบัว ชายหนุ่มยังมิคิดล่วงล้ำเข้าสู่ถ้ำน้ำหว
ภายในห้องหอ อ๋องหนุ่มค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะขยับมานั่งข้าง ๆ หญิงสาว ชายหนุ่มเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกอย่างอ่อนโยนอวี้เหยาสบตาสามีของตนเอง ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ว่านางรู้สึกเช่นไร ใบหน้างามที่ถูกแต่งแต้มให้งดงาม ก้มลงน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกเก้อเขิน เมื่อต้องสบตากับสามี ที่เอาแต่จ้องนางตามิกระพริบ ‘ข้างามมาก เรื่องนี้ไม่ต้องบอก หึ ๆ’หากความคิดของหญิงสาว มีผู้อื่นล่วงรู้ ก็คงอยากจะกัดลิ้นตนเองให้พูดไม่ได้เสีย การเข้าข้างตนเองนั้น หาผู้ใดเกินคนเช่นอวี้เหยาไม่ นี่คือคำพูดของเหล่าสหายรักทั้งสี่ ที่ตอนนี้กำลังแอบซุ่มอยู่กับหัวหน้าพ่อบ้าน เพื่อคอยฟังเรื่องราวภายในห้องหอของสหายรัก“หิวหรือไม่ มาเถอะพี่จะช่วยเจ้าจัดการกับสิ่งเหล่านี้”ชายหนุ่มวางมือบนเครื่องประดับ ที่ดูมากมายบนผมของภรรยา เขาซึ้งในน้ำใจของนางนัก ที่ยอมทนให้สิ่งเหล่านี้อยู่บนกาย จากมือที่เขาสัมผัสในคราแรก บอกได้เป็นอย่างดีว่า นางมิได้ชื่นชอบกับเครื่องประดับพวกนี้เลยสักนิด สตรีที่จับอาวุธ มักจะแต่งกายให้สะดวกในการต่อสู้สองสามีภรรยา ช่วยกันจัดการกับเครื่องประดับ และชุดเจ้าสาวที่ดูจะหลายชั้นและหนักอึ