LOGIN*เมืองเหลามาจะฟัง*
แสงแดดอันร้อนแรงยามบ่ายคล้อย กำลังสาดส่องลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ทุกแห่งหน ซึ่งบนพื้นริมถนนลาดยางต่างมีลวดลายอันสวยงาม และเริ่มจะซีดจางด้วยกาลเวลา กลิ่นฝุ่นผสมกลิ่นหอมของกล้วยแขกทอดจากร้านคุณยายข้างบ้าน เป็นการคลุกเคล้าบรรยากาศสมัยวัยเยาว์ชวนน่าคะนึงหา บริเวณตรงหน้าบ้านไม้สองชั้นซึ่งมีสีฟ้า แต่ทว่าตัวบ้านกลับซีดจางและลอกออกตามอายุขัยของมัน รั้วเหล็กยังเป็นโครงสร้างแบบเดิมแต่ขึ้นสนิมอยู่ไม่น้อย สวนเล็กๆ มีต้นมะม่วงที่แม่เธอเคยปลูก มันยังยืนต้นอย่างโดดเดี่ยวคล้ายเธอในเวลานี้ แยมยกแขนเพื่อเช็ดเหงื่อบริเวณหน้าผาก ด้วยสาเหตุอากาศร้อนระอุเป็นพิเศษ เธอกำลังใส่ปุ๋ยต้นไม้หน้าบ้านหลังเก่าอยู่ เพราะได้ว่าจ้างคนงานให้มาซ่อมแซม ซึ่งเคยอาศัยตั้งแต่สมัยลืมตาดูโลกใบนี้ และมีเหตุการณ์ย้ายออกกะทันหันช่วงนั้น จึงไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานหลายปี ทำให้โครงสร้างผุพังมากพอสมควร "เจ๊แยมครับ!!! หลังคาต้องปูใหม่นะครับ ผมปีนไปตรวจสอบสภาพการใช้งานแล้ว หากไม่เปลี่ยนน่าจะอยู่ได้ไม่ถึงเดือนน่ะ ซึ่งมันรั่วหลายแผ่นอีกด้วยครับ" หัวหน้าคนงานบอกอย่างละเอียด "เปลี่ยนเลยจ้า~ ถ้ามีตรงไหนเหมือนจะไม่รอดแจ้งได้ตลอดเลยนะ" แยมถอดถุงมือผ้าออกพร้อมแหงนใบหน้ามาพูดคุย ซึ่งเธอกำลังนั่งยองและวางพลั่วพรวนดินทิ้ง "ได้เลยครับ!!!" หัวหน้าคนงานกล่าวพร้อมยิ้มกว้าง เมื่อเจอลูกค้าน่ารักไม่โวยวายแบบแยม เขาเดินจากไปเพียงแค่ไม่นานรถขายไอศกรีมขับผ่านมาบริเวณรั้วหน้าบ้าน เธอจึงวิ่งโร่ออกไปโบกมือเรียกทันที "เอารสทุเรียนหนึ่งไม้ค่ะ และขอรสอื่นคละกันอีกสิบแท่งด้วยนะคะ!!!" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงแจ่มใส ตั้งใจเลี้ยงพวกคนงานภายในบ้านที่ขยันขันแข็ง จังหวะกำลังยืนจ่ายตังค์ให้คนขายอยู่นั้นเอง ดวงตาคู่สวยกลับมองเห็นชายร่างสูงโปร่ง เขาพึ่งจะปิดประตูรถยนต์คันสุดหรู สวมใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงยีนสีน้ำเงินพร้อมแว่นกันแดด ความหล่อเหลาทำให้เธอไล่สายตามองไม่ห่าง และกำลังตรงมาซื้อไอศกรีมด้วยเช่นกัน "ผมเอารวมมิตรแท่งหนึ่งครับ!!!" ยูโรตะโกนบอกพร้อมก้าวขายาวมาแต่ไกลโพ้นจนหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ "นี่นายแอบสะกดรอยตามฉันมาเหรอ!!!" แยมกล่าวถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะเธอไม่คาดคิดเลยว่าจะพบเขาที่อำเภอแห่งนี้ได้ "เธอเป็นใครกัน" ยูโรกล่าวถามพร้อมเลิกคิ้วสูงมองอย่างไม่เข้าใจ คงเป็นเพราะหมวกผ้าคลุมใบหน้าสวยเอาไว้ จึงเห็นได้แค่เพียงดวงตาหนึ่งคู่ของเธอเท่านั้น "ฉันเอง!!!" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมถอดหมวกออกมาถือเอาไว้ "เฮ้ย!!! เธอนั่นแหละ มาได้อย่างไรกันเนี่ย" ยูโรกล่าวถามด้วยน้ำเสียงตกตะลึง "มาซ่อมแซมบ้านเก่า คงไม่คิดว่าฉันจะเป็นยัยโรคจิต ถึงขั้นแอบตามนายมาหรอกนะ" แยมกล่าวพร้อมปรายหางตามองบ้านตนเอง เสียงโทรศัพท์ของยูโรกลับดังขึ้น เขาจึงกดรับสายอย่างกะทันหัน "หืม~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคาง ยกฝ่ามือหนาลูบบริเวณคางพลางใช้ความคิด สายตาอันคมกริบเริ่มฉายแววแฝงไปด้วยความลึกซึ้งอะไรสักอย่าง จนแยมเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นเพราะหัวใจเต้นหวิว คล้ายว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น "จะยืนจ้องอีกนานไหม ตรงนี้แดดร้อนจะตาย ฉันขอตัวไปก่อนนะ" แยมกล่าวเสียงดังลั่นกลบเกลื่อนความรู้สึกตน เธอเตรียมจะวิ่งพรวดพราดเข้าบ้าน เพื่อหลบแสงจากดวงอาทิตย์ เธอโน้มลำตัวนั่งลงบริเวณโคนต้นมะม่วง พร้อมแกะซองหวังจะรับประทานไอศกรีม จังหวะนั้นเองยูโรกลับเดินเร็วเข้ามาใกล้ เขานั่งลงยื่นฝ่ามือหนาแบออกตรงหน้า ทำให้แยมนึกสงสัยกับการแสดงท่าทางของเขา "คราวนี้!!! ฉันไม่ได้จะจีบเธอแล้ว แต่จะมาทวงหนี้ที่เคยติดค้างเอาไว้!!!" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมแสดงหน้าตาขึงขัง ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนจากแรกเริ่มเลย "จะบ้าเหรอ!!! ฉันไปกู้ยืมนายตอนไหนกัน" แยมแผดเสียงแหลมอย่างไม่สบอารมณ์ "พรุ่งนี้จะเริ่มเก็บดอกเบี้ยแล้วนะ" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เขาเตรียมจะเดินหนีออกจากรั้วประตูบ้าน เหลือทิ้งไว้เพียงแค่คำถามภายในสมองของแยมมากมาย จนเธอเองต้องนั่งรู้สึกสับสน "ยังชอบกินรสทุเรียนเหมือนเดิมเลยนะ" ยูโรตะโกนบอกพร้อมเปิดประตูรถยนต์สุดหรู ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับออกไปเปรียบเสมือนพายุลูกหนึ่งพัดผ่านเลยก็ว่าได้ "ฉันไปเผลอติดหนี้ไอ้หมอนั่น!!! ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ" แยมกล่าวงึมงำและหลุดออกจากห้วงภวังค์ความคิด เพราะหัวหน้าคนงานวิ่งมาชวนคุยเรื่องการซ่อมแซมส่วนอื่นเพิ่มเติม ช่วงเวลาตอนเย็น ขณะขับรถยนต์จะกลับบ้านอีกอำเภอ เกิดเหตุไม่คาดคิดน้ำมันดันหมดกลางทาง เนื่องจากก่อนหน้าได้นำรถยนต์ใช้เดินทางไปซื้อวัสดุก่อสร้าง และลืมแวะเติมที่ปั๊มจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ สองมือเล็กคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์หาลูกน้อง แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเลย เพราะไม่มีใครว่างรับสายสักคน ดวงหน้าสวยนอนหมอบคาพวงมาลัยเอียงคอมองท้องฟ้าอันมืดครึ้ม ฝนกระหน่ำเทลงมาอย่างกับตั้งใจซ้ำเติมกันเสียอย่างนั้น ความรู้สึกสิ้นหวังนี้ทำให้แยมหลับตาพริ้ม แต่ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกด้านข้าง หลังจากเพ่งมองอยู่นานเห็นเขายืนถือร่มสีดำคันใหญ่ ใช่แล้ว..เป็นยูโร สองมือเล็กเปิดประตูพร้อมแสดงหน้าตาบึ้งตึง "คิดว่าทั้งชีวิตนี้!!! เธอคงใช้หนี้คนอย่างฉันไม่หมดหรอก หึ~" ยูโรกระแทกเสียงใส่พร้อมดึงแขนเรียวเล็กเข้าหาตน ใบหน้ากลมซบแผงอกแกร่งของเขา จนหัวใจดวงน้อยเต้นแรงผิดจังหวะ ตัวสั่นเครือราวกับอ่อนแอขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพียงแค่ตลอดทางขากลับ เธอเอาแต่คิดทบทวนจนสมองแทบจะแตก เหตุใดคำพูดวันนี้ของเขาเหมือนฉันติดค้างเอาไว้มาก คล้ายผูกใจเจ็บกันมาหลายปี สุดท้ายคิดถึงเด็กชายหุ่นยักษ์คนหนึ่ง เธอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า.. ฐานะทางบ้านร่ำรวยมหาศาล เป็นหัวโจกเด็กเกเรหลังห้อง ไม่เพียงชอบแกล้งดึงผมเปียเธอบ่อยๆ แต่ใครก็รังแกเธอไม่ได้เพราะเขาเหมือนโล่กำบังอันแข็งแกร่ง อยู่มาวันหนึ่งเขามาสารภาพรักพร้อมไอศกรีมรสรวมมิตร ซึ่งพวกเรากลายเป็นคู่รักที่ใครต้องรู้สึกอิจฉา เพราะเขาตามใจเธอมากและเชื่อฟังเป็นที่หนึ่ง ผลการเรียนก็ดีขึ้นไม่น้อยจนครอบครัวเขาเอ็นดูเธอ และความรู้สึกทั้งหมดกลับพังทลายลง คำสัญญาที่เคยให้เอาไว้ ยังไม่ได้คืนให้แก่เขาเลยด้วยซ้ำ เพราะย้ายบ้านกะทันหันไปโดยไม่ร่ำลาอีกฝ่าย และยังมีเหตุผลคับข้องใจต่อกันอีกเพียบ จนความสัมพันธ์ระหว่างเราจบลงไม่ดี "ขอโทษเรื่องอดีตครั้งนั้นด้วยนะ ฉันไม่ได้.." แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอมือสั่นเล็กน้อย เธอหยุดก่อนจะหลุบตาลงเมื่อโดนเขาพูดแทรก "ไม่อยากฟัง!!! ขึ้นรถได้แล้ว!!!" ยูโรตะคอกเสียงดังแข่งกับสายฝน แยมตื่นตระหนกจนเดินเร็วตามเขา และพวกเรากลับเงียบสงบไร้การสนทนา ราวกับมีก้อนหินทับกลางอกพวกเราทั้งสองคน สายตาอันคมกริบมองถนนเบื้องหน้า ถึงแม้ว่าจะขับรถยนต์อยู่ แต่แอบเหล่มองสาวสวยด้านข้างตนอยู่เป็นระยะ ส่วนตัวเขาดักรอเธอบนถนนเส้นนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว เพียงแค่กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีอีก ความรู้สึกสมัยวัยเยาว์ทำให้หัวใจของเขา รู้จักเกิดความกลัวจะต้องแยกจากเธอไปอีก สิ่งเดียวที่ทำได้คงต้องคอยเฝ้ามองและอยู่ตรงนี้เพื่อปกป้องเธอเหมือนเดิม แม้ว่าปากกับการกระทำทุกอย่างจะสวนทางกัน หลังจากส่งแยมเข้าร้านชำพร้อมให้ร่มหนึ่งคัน ยูโรกลับถอนหายใจแรงราวกับลดความเกร็งทิ้งไปหมดสิ้น เธอยืนส่งอยู่ตรงหน้าร้านคล้ายว่ามีเรื่องอยากจะพูดคุย แต่เหมือนไม่กล้าเอ่ยสักประโยค คงเป็นเพราะก่อนหน้าตะคอกเธอเอาไว้ "กลับมาได้ก็ดีแล้ว หายไปตั้งนานหลายปี!!! นึกว่าเธอจะไปนอนตายที่ไหนซะอีก เฮ้อ~" ยูโรกล่าวออกมาอย่างกับระบายความในใจอันคลุกรุ่น พร้อมทั้งจับพวงมาลัยรถยนต์แน่นถนัด เหยียบคันเร่งขับหนีหายออกไปทันที (*หมายเหตุคำว่า.."เหลามา" : เป็นศัพท์ภาษาวัยรุ่นกล่าวถึงประมาณว่า.. พูดมาเถอะ!!! หรือเล่ามาเถอะนะ!!!)แสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าคริสตัล ทอดเงาวูบไหวตามบนเพดานสูงของห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเบาๆ แทรกอยู่ระหว่างเสียงหัวเราะและคำอวยพร จากแขกผู้มีเกียรติยามค่ำคืนนี้งานวันเกิดของบรรเจิด ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติยศ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นบุตรชายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หากแต่ยังเพราะเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ด้วย ซึ่งคือ..รองผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเป็นทางการแยมยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แม้จะดูน่ารักเข้ากับรูปร่างเพรียวบางแต่ก็เรียบหรู สองมือประคองกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมผูกโบสีทองแน่นความรู้สึกประหม่าแล่นวาบภายในกลางอก เมื่อสายตาเธอกวาดมองบรรยากาศล้อมรอบตัว แขกภายในงานล้วนเป็น.. นักการเมืองกับข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจชื่อดัง ทุกคนดูสง่างามและคุ้นเคยกับโลกใบนี้ ต่างจากเธอที่ยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเสมอแต่แล้วสายตาแยมก็หยุดลงที่ร่างสูงโปร่ง เขาสวมสูทสีดำอย่างเป็นทางการ บรรเจิดยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ใหญ่ สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มสุภาพ ดวงตาอบอุ่นเป็นประกายแม้จะต้องรับมือกับคำยินดีและคำอวยพรไม่ขาดสาย เขายังคงดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ราวกับไม่ใช่งานให
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*แสงไฟบนหน้าจอกระทบแว่นตาเกือบหนึ่งชั่วโมง แยมนั่งตรวจสอบบัญชีอย่างมีสมาธิ จู่ๆ สมองของเธอกลับมีคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแพนด้าเสียอย่างนั้นเธอกดบันทึกไฟล์เอกสารและปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ก่อนจะใช้สองมือเล็กดันโต๊ะสำนักงาน จนเก้าอี้ล้อเลื่อนถอยหลังอย่างเชื่องช้า แอบชำเลืองสายตามองสาวน้อย อยู่ตรงบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์"เจ๊มีอะไรหรือเปล่าคะ หนูทำบัญชีไม่เรียบร้อยใช่ไหมคะ" แพนด้าวิ่งพรวดพราดมาใกล้บริเวณโต๊ะที่แยมนั่ง ด้วยท่าทางตื่นตระหนกเพราะกลัวโดนดุแยมเอื้อมแขนยาวไปตรงแผ่นหลังสาวน้อย ก่อนจะยกฝ่ามือลูบแผ่วเบา ราวกับปลอบโยนไม่ให้แพนด้าตื่นเต้นเกินเหตุ"เจ๊..แค่มีคำถามที่สงสัยต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แพนด้ากลับยืนขนลุกซู่ราวกับถูกกดดัน"เจ๊รีบถามมาเลยเถอะ ท่าทางแบบนี้ของเจ๊ มันทำให้หนูอึดอัดเกินไปนะคะ" แพนด้าตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เปลี่ยนทิศทางสายตาเบนลงต่ำแทน"เจ๊ยังจำได้อยู่นะ คราวก่อน..แพนด้ามาคุยเล่นกับเจ๊น่ะ เหมือนจะมีเพื่อนหนุ่มจอมเกเรตามจีบไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมดันมาคบหากับยอดได้ล่ะ แค่ยังสงสัยว่าหนูไม่ได้คบซ้อนใช
*อาคารสองชั้นสุดหรู*เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งและดับสนิทลงท่ามกลางความมืดมิด แยมเปิดประตูฝั่งคนขับออกมายืนเท้าสะเอวมองอย่างชั่งใจ หัวคิ้วคนสวยขมวดมุ่นเธอเบะปากราวกับโมโหยูโรอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสองขาเรียวเล็กกลับเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เธอแบกร่างกายอันหนาเตอะของชายขี้เมาออกมาทันที"เอามา!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเคือง เธอยื่นฝ่ามือเล็กแบออกอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอาคางมาเกยแทน"จะเอาหัวใจของผมเหรอครับคนสวย~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางเขายิ้มหวานอย่างกวนอารมณ์"นายอยากตายมากนักเหรอ ฉันเป็นใครกันแน่ นายช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะนะ" แยมสวนกลับทันควัน เพราะคิดว่าเขายังเอาแต่คิดถึงสาวร้านคาราโอเกะอีก"คุณเป็น..ภรรยาของผมน่ะสิ!" ยูโรยิ้มแป้นตาแทบปิด เตรียมจะยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ดวงหน้าเห่อร้อนของเธอ แต่แยมเลือกที่จะผลักเขานอนลงกับพื้นปูนซีเมนต์แทน"ส่งกุญแจมาสักที! ยุงกัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย!" แยมตวาดใส่แก้เขินอาย เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกอดอกตนเอง หวังเพียงให้ดวงใจเต้นอย่างสงบลงเขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้เธออย่างว่าง่าย เมื่อประตูบานเล็กถูกเปิดออกแยมจึงลากยูโรเข้
*ร้านคาราโอเกะ*แสงไฟนีออนดวงสีชมพูม่วงกะพริบระยิบระยับ เสียงดนตรีจากห้องข้างๆ ดังลอดมาเป็นจังหวะ ยูโรนั่งอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์บาร์แก้ววิสกี้ในมือแทบไม่เคยว่าง เขาคอยรินซ้ำจนของเหลวสีทองขลุกขลิกเกือบล้นขอบแก้วภายในหัวใจของเขา.. ยังคงวนเวียนกับภาพแยมกำลังยืนหัวเราะเคียงข้างบรรเจิด หรือว่าเธอไม่เห็นความหมายของการรอคอยที่เราทำมาตลอดเลย เขาเอาแต่นั่งตัดพ้อตัวเองอยู่ซ้ำๆหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอสวมชุดกระโปรงสีทองแบบกระชับลำตัว เดินเข้ามานั่งอยู่ตรงด้านข้างเขา กลิ่นน้ำหอมแสนหวานช่างเย้ายวนราวกับกลิ่นไวน์เก่าแก่"ยูโร! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!" น้ำเสียงสดใสเอ่ยทักทายคนนั่งสับสน เธอกำลังเท้าคางมองแววตาเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจำได้ "เรไร" อดีตเพื่อนสนิทของแยมสมัยเรียนมัธยม พวกเธอทั้งสองเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และยังเคยเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยเช่นกัน"อืม!" ยูโรตอบเสียงแหบแสนจะแผ่วเบาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์"นายมานั่งดื่มคนเดียว แต่ทำไมหน้าตาบึ้งตึงเชียว" เรไรหัวเราะน้อยๆ มือเรียวแตะไหล่เขาเป็นเชิงหยอกล้อ ยูโรไม่ได้ผลักไสเพราะเคยพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว เพียงปล่อยให้เ
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*เสียงกระดิ่งเหนือประตูไม้เริ่มดังเมื่อมีลูกค้าเปิดเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมกรุ่นจากขนมปังสดกับใบตองที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ผสมกับเสียงเครื่องคิดเลขดังไม่หยุด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักกว่ายามปกติแยมจัดเรียงขนมปังกรอบลงตะกร้าใหญ่ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนังเป็นระยะ เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าเข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสอง ใจเธอเต้นแผ่วแรงด้วยความคาดหวังอีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยูโรก็คงมารออยู่ตรงหน้าร้านเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาลมา ทั้งสองมักจะเดินเล่นรับลมยามเย็นด้วยกัน จนเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันเลยเหล่าลูกน้องต่างกระวีกระวาดทำงาน เพราะใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วเช่นกัน คงไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหมือนอย่างเคย ทุกสิ่งเป็นได้แค่เพียงความคิดเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากลูกค้ารายสุดท้ายมาเยือน"สวัสดีครับแยม~" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นบริเวณตรงหน้าประตูหญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมอง เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับสีขาวกับกางเกงผ้าเรียบ "บรรเจิด" เพื่อนสมัยมัธยมและเป็นคนที่เคยทำให้หัวใจเธอแกว่งไกวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังยืนยิ้มอย่างจริงใจ"อ้าว! บรรเจิด! มาซื้อของเหรอ หายหน้าห
*ภัตตาคารสุดหรู*เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวมองแล้วย่อมอบอุ่นสายตา ภายในภัตตาคารหรูหราริมแม่น้ำถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง ประกายวิบวับจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะห้อยระย้าจากบนเพดาน ส่องแสงกระทบแก้วไวน์จนระยิบระยับ แยมเอาแต่ยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหน้า ใจเธอเต้นแรงราวกับเด็กที่ถูกครูใหญ่เรียกพบ"ไม่ต้องกังวลนะหนูแยม พ่อแค่พามาทานอาหารอร่อยกัน ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ" เสียงสุภาพของเปโซเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวแซมขมับแต่งตัวด้วยสูทเข้ารูป ดูภูมิฐานจนใครๆ ต้องเหลียวมองข้างกายคือดีนาร์ เธอเป็นภรรยาของเขา หญิงวัยกลางคนที่ยังคงงดงามในชุดกระโปรงผ้าไหมสีงาช้าง ใบหน้าสงบและอ่อนโยน เธอยื่นมือมาสัมผัสแขนแยมเบาๆ แทนกำลังใจ"แม่เองก็ตั้งใจอยากจะเจอหนูมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ" ดีนาร์กล่าวพร้อมยิ้มหวานแยมกะพริบตาปริบๆ มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายไหล่จนแน่น เธอสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายที่พยายามเลือกอย่างคัดสรรให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรกับสถานที่และบรรยากาศเลย เพราะออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็ถูกคุณแม่ของยูโรแปลงโฉมภายในห้างสรรพสินค้าทันที"ขอบคุณมากเลยค่ะ







