ฉงเสว่ปิงสะบัดกายเดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านใน มู่หลินเร่งร้อนสาวเท้าตามทันควัน ไต้ฮ่าวเฉินมองตามร่างอรชรซึ่งเร่งฝีเท้าเป็นระวิงโดยไม่รั้งรอก็พลันหรี่นัยน์ตาด้วยความคลางแคลง นางเปิดประตูเข้าไปยังห้องหนึ่งทางทิศตะวันออกอย่างคุ้นชิน เดิมทีเขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่านางควรพักห้องใด เหตุใดนางจึงเลือกเข้าถูกห้องกัน
คิ้วเข้มขมวดมุ่น "จื่อจ้ง"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าบอกองค์หญิงหรือ ว่าข้าให้นางพักห้องนั้น"
จื่อจ้งมองตามด้วยความงงงวย "กระหม่อมยังไม่ได้บอกผู้ใดเลยพ่ะย่ะค่ะ"
ความสงสัยก่อเกิดขึ้นเป็นริ้ว
ฉงเสว่ปิง เจ้าคล้ายรู้จักข้าดีไปเสียทุกเรื่อง แท้จริงแล้วเจ้าอยากถอนหมั้นกับข้าเพราะเรื่องใดกันแน
ขาเรียวเดินย่างกรายเข้ามาด้านในเนิบนาบ ภายในห้องช่างคุ้นเคยไม่แปรเปลี่ยน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมวลบุปผาซึ่งลอยลมเข้ามาส่งผลให้ความเคร่งเครียดมลายหายไปสิ้น ฉงเสว่ปิงยอบกายลงนั่งบนเตียงหนานุ่ม จากนั้นจึงผินหน้ามองหัวเตียงด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
ดอกมู่ตาน
คิ้วสวยเลิกขึ้น พลางเอื้อมหยิบบุปผาแสนโปรดปรานขึ้นมาดอมดม สักพักสติของนางจึงถูกเรียกลับ นางโ
ฉงเสว่ปิงสะบัดกายเดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านใน มู่หลินเร่งร้อนสาวเท้าตามทันควัน ไต้ฮ่าวเฉินมองตามร่างอรชรซึ่งเร่งฝีเท้าเป็นระวิงโดยไม่รั้งรอก็พลันหรี่นัยน์ตาด้วยความคลางแคลง นางเปิดประตูเข้าไปยังห้องหนึ่งทางทิศตะวันออกอย่างคุ้นชิน เดิมทีเขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่านางควรพักห้องใด เหตุใดนางจึงเลือกเข้าถูกห้องกันคิ้วเข้มขมวดมุ่น "จื่อจ้ง""พ่ะย่ะค่ะ""เจ้าบอกองค์หญิงหรือ ว่าข้าให้นางพักห้องนั้น"จื่อจ้งมองตามด้วยความงงงวย "กระหม่อมยังไม่ได้บอกผู้ใดเลยพ่ะย่ะค่ะ"ความสงสัยก่อเกิดขึ้นเป็นริ้วฉงเสว่ปิง เจ้าคล้ายรู้จักข้าดีไปเสียทุกเรื่อง แท้จริงแล้วเจ้าอยากถอนหมั้นกับข้าเพราะเรื่องใดกันแนขาเรียวเดินย่างกรายเข้ามาด้านในเนิบนาบ ภายในห้องช่างคุ้นเคยไม่แปรเปลี่ยน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมวลบุปผาซึ่งลอยลมเข้ามาส่งผลให้ความเคร่งเครียดมลายหายไปสิ้น ฉงเสว่ปิงยอบกายลงนั่งบนเตียงหนานุ่ม จากนั้นจึงผินหน้ามองหัวเตียงด้วยสีหน้าแย้มยิ้มดอกมู่ตานคิ้วสวยเลิกขึ้น พลางเอื้อมหยิบบุปผาแสนโปรดปรานขึ้นมาดอมดม สักพักสติของนางจึงถูกเรียกลับ นางโ
"ท่านพ่อ ไยท่านบอกว่าองค์หญิงอะไรนั่นอยากยกเลิกการอภิเษกไงเจ้าคะ เหตุใดจึงมีการส่งม้าเร็วแจ้งข่าวว่าทูตจากแคว้นสุ่ยเหอจะมาเยือนเล่า" ซินอี๋แผดเสียงแปดหลอดอย่างไม่สบอารมณ์"ซินอี๋ ใจเย็น ๆ ดูเหมือนการเจรจาของท่านอ๋องคงไม่ลุล่วง ข้าเกรงว่าการมาหนนี้แคว้นสุ่ยเหออาจมีเจตนาอื่นแอบแฝง" ซินเว่ยครุ่นคิด ทว่าตระหนักเพียงใดก็ยังคิดไม่ตกหากต้องการยกเลิกพิธีอภิเษกจริง ไยต้องผลัดกันไปมาระหว่างสองแคว้นให้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าเล่น หรือไต้ฮ่าวเฉินอาจมีแผนการใด เดิมทีซินเว่ยหมายมั่นส่งเสริมให้ซินอี๋ขึ้นเป็นชายารองของชินอ๋องเพราะพันธะหมั้นหมายของสองแคว้นย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงกระนั้นเมื่อซินเว่ยได้ยินข่าวว่าองค์หญิงแห่งแคว้นสุ่ยเหอต้องการถอนสัญญาหมั้นหมายก็ยิ่งเป็นผลดีนัก ตำแหน่งพระชายาคงไม่ไกลเกินเอื้อม เพียงแต่ไต้ฮ่าวเฉินกลับบ่ายเบี่ยงเรื่องนี้เสมอ ซ้ำยังแสร้งไม่ใส่ใจพันธสัญญาระหว่างสองแคว้น ทว่ายามที่ชินอ๋องได้ยินนามขององค์หญิงฉงเสว่ปิง กลับหน้าตั้งหูผึ่งจนเขาจับสังเกตได้ แม้จะเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวก็ตามที"เจตนาใดกัน ข้าว่าองค์หญิงอะไรนั
ณ ศาลาริมน้ำท้ายตำหนัก บุรุษร่างสูงกำลังนั่งสนทนากันด้วยท่วงท่าสงบนิ่งดุจสายน้ำที่ค่อย ๆ ไหลหลากไปตามเส้นทาง"ท่านอ๋อง ท่านพึงใจในตัวธิดาของข้างั้นหรือ"จากท่าทีบนโต๊ะอาหารไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา ฉงเจิ่งหมินลอบสังเกตแววตาและอาการของไต้ฮ่าวเฉินโดยตลอด ดูเหมือนเขามีความพึงใจในตัวของฉงเสว่ปิงไม่มากก็น้อยไต้ฮ่าวเฉินตอบรับโดยไม่ลังเล "แน่นอนว่าใช่""ท่านทราบใช่หรือไม่ว่านางต้องการยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย อีกอย่างนางดื้อรั้นยิ่งท่านรับมือกับนางไหวแน่หรือ""ข้าทราบ ข้าจะไม่บังคับนาง เรื่องดื้อรั้นเปรียบดั่งเปลือกแข็งภายนอกเพื่อใช้ปกป้องตนเองเสียมากกว่า ข้ารู้ว่าแท้จริงนางมิใช่เฉกเช่นที่แสดงออกมา ดูเหมือนนางมีอคติกับข้าในบางเรื่องก็เท่านั้น เพียงแต่ฝ่าบาทจะให้โอกาสข้าได้สานสัมพันธ์กับธิดาของท่านหรือไม่ ข้าเชื่อว่าเมื่อทุกอย่างชัดแจ้ง นางจะลดทิฐิที่มีต่อข้าลงได้"ฉงเจิ่งหมินถอนหายใจหนึ่งคำรบ "เดิมทีเสว่ปิงตอบรับการหมั้นหมายกับท่านแล้ว ทว่าไม่กี่วันมานี้นางกลับมีท่าทีแปลกไปราวแผ่นฟ้าพลิกกลับ คนเป็นพ่อแม่เช่นข้าไหนเลยจะกล้าหักหาญน้ำใจบุตรธิดาตน""ฝ่
พระราชวังหลวงแคว้นสุ่ยเหอ ขบวนชินอ๋องมาถึงในสถานะทูต ฉงเจิ่งหมินได้เตรียมการต้อนรับเอาไว้อย่างครบครัน เนื่องจากก่อนหน้าตู้เหยียนเฟิงนั้นส่งสาส์นมาแจ้งล่วงหน้าก่อนแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าชินอ๋องจะรั้งอยู่ด้านนอกอีกสองสามวัน คาดไม่ถึงว่ากลับเร่งร้อนถึงเพียงนี้"เสด็จพ่อ เสด็จแม่" ฉงเสว่ปิงวิ่งถลาเข้าสวมกอดบุพการีทั้งสอง"เสว่ปิง ไยทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าท่านอ๋อง" เฉิงเหยาเอ่ยตำหนิใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มอ่อน "ข้าไม่ถือ พระชายาอย่าได้เกรงใจไป"ฉงเสว่ปิงเหลียวมองเขาแล้วจึงยู่หน้า คนเช่นชินอ๋องหรือนางจะคิดเกรงใจ ต่อให้ยามนี้ยังไม่คุ้นชินแล้วอย่างไร นางจะทำให้เขาชังน้ำหน้าตน และล้มเลิกสัญญาหมั้นหมายไปเองเสีย"ท่านแม่ ชินอ๋องเป็นคนง่าย ๆ ข้าว่าพิธีต้อนรับนี้ยิ่งใหญ่ไปสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ""ปิงเอ๋อร์!" ฉงเจิ่งหมินยกมือคลึงขมับ ดุบุตรธิดาเสียงเข้มฉงเสว่ปิงลอยหน้า จากนั้นจึงวิ่งร่านั่งแหมะขนาบข้างตู้เหยียนเฟิง ริมฝีปากสีกุหลาบฉีกยิ้มโชว์เขี้ยวแหลมเล็ก ใบหน้าคมสันซับสีระเรื่อพลางยิ้มตอบ ฝ่ามือกว้างจึงยกขึ้นลูบศีรษะอ
ดาบเล่มนั้นถูกปัดออกไปด้วยความรวดเร็ว ร่างกำยำถูกเสียบแทงกลางอกพลันทรุดฮวบก่อนถึงตัวฉงเสว่ปิง ไต้ฮ่าวเฉินวิ่งรี่หน้าตั้ง กระนั้นเขาช้าไปหนึ่งก้าว ช้าที่ว่าฉงเสว่ปิงกลับอยู่ภายใต้อ้อมแขนของบุรุษอีกคนไปเสียแล้ว แต่อย่างไรก็นับว่าโชคดีที่อีกฝ่ายสามารถช่วยเหลือนางได้ทันเวลาฉงเสว่ปิงแหงนมองคนเบื้องหน้าตาปริบ ๆ"ปิงเอ๋อร์เป็นอันใดหรือไม่" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความห่วงใยนางส่ายหน้าพัลวัน "ทะ...ท่านพี่เหยียนเฟิง"ไต้ฮ่าวเฉินชะลอฝีเท้าพลันโล่งอก ทว่าใจของเขากลับระส่ำระสายอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นทั้งสองกอดกันกลม ถึงแม้ตู้เหยียนเฟิงเป็นพี่ชายของฉงเสว่ปิง อย่างไรแล้วเขาก็เป็นเพียงพี่บุญธรรม"ดูเหมือนองค์ชายจะมาได้ทันจังหวะดีทีเดียว ไม่ทราบว่ายามนี้ไยท่านจึงมาอยู่ที่นี่หรือ"น้ำเสียงเคลือบแคลงส่งผลให้ตู้เหยียนเฟิงรู้สึกขัดใจนัก เขาประคองฉงเสว่ปิงยืนให้มั่นขนาบกายตน มือเล็กยังคงเกาะแขนอีกฝ่ายอยู่ไม่ห่าง ไต้ฮ่าวเฉินมองแขนที่พันเกี่ยวกันเบื้องหน้าก็พลอยขมวดคิ้วมุ่น"ท่านอ๋อง หมายความว่าอย่างไรหรือท่านกำลังสงสัยในตัวข้ารึ เดิมทีช่วงนี้แถบชายแดนเหนือไม่สงบ
การเที่ยวเล่นครานี้กร่อยเสียแล้ว ฉงเสว่ปิงจึงร้องขอไต้ฮ่าวเฉินให้พานางกลับ เขามิได้ขัดใจนางแต่อย่างใด หนำซ้ำยังเอาอกเอาใจไปเสียทุกอย่าง แม้เป็นเช่นนั้นฉงเสว่ปิงกลับไม่ยอมใจอ่อนและพูดจาดี ๆ กับเขาสักครา มีเพียงเสี้ยวเวลาที่นางอาจลืมตัวไปชั่วขณะขบวนของทูตจากแคว้นไต้เจียมุ่งหน้าไปยังวังหลวง แท้จริงแล้วเขาหมายเดินทางกับบรรดาองครักษ์ไม่กี่หยิบมือเท่านั้น ทว่ายามนี้บ่าวไพร่มากกว่าที่คะเนไว้นัก จุดประสงค์หลักเพียงหอบของกำนัลพะรุงพะรังมาถวายแด่เจ้าแคว้น เดิมทีการเดินทางยุ่งยากหลายคนเพียงนี้ไต้ฮ่าวเฉินหาได้ชมชอบ"องค์หญิง ไยหน้าบูดบึ้งถึงเพียงนั้น ได้นั่งม้าอยู่ในอ้อมกอดของว่าที่สวามีไม่คิดยินดีสักหน่อยเลยรึ"ฉงเสว่ปิงเบือนหน้าหลบ "ท่านกำลังรังแกข้ามากกว่า รถม้าก็มีแต่ท่านกลับเลือกใช้ม้าตัวเดียวเพื่อเบียดกันเนี่ยน่ะหรือ ท่านอ๋อง ท่านมันจอมร้ายกาจ เจ้าเล่ห์เพทุบาย""หึ!" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขยับยิ้มพรายการเดินทางเป็นไปอย่างเรียบเรื่อยหาได้มีสิ่งใดพิเศษ ขบวนชินอ๋องข้ามผ่านลำธารร้อยหลี่มาไกลโขแล้ว เบื้องหน้าคือป่าไผ่รกครึ้ม ตัดผ่านเส้นทางล
อาหารถูกยกมาวางละลานตา เหตุใดเบื้องหน้ามักมีจานโปรดของนางอยู่ด้วยเสมอราวถูกจับวาง หากจะบอกว่าเป็นความบังเอิญก็ยากจะเชื่อ ถ้าหากนางเป็นคนสั่งนั่นว่าไปอย่างในเมื่อผู้ที่ย้อนกลับมาล้วนเป็นนางไม่ใช่เขาต่อให้ใคร่รู้เพียงใดความหิวย่อมชนะทุกสิ่ง มือเรียวจับตะเกียบขึ้นอย่างกระตือรือร้น ดวงตากลมโตกวาดมองถ้วนทั่วหมายเลือกอาหารสักจานเพื่อชิมเป็นคำแรกเสียงทุ้มหยอกล้อ "ไม่กลัวยาพิษแล้วหรือ""มีพิษแล้วอย่างไร ตายก็ตายข้าชินแล้ว" จากนั้นฉงเสว่ปิงจึงลงมือจัดการอาหารเบื้องหน้าโดยไม่สนใจเขาอีก ท่าทางการกินสบายอารมณ์ยิ่งการที่เขามองดูอีกฝ่ายทานอาหารด้วยความเพลิดเพลินเฉกเช่นเด็กไม่ประสา ส่งผลให้จิตใจเกิดอาการหวั่นไหวอย่างน่าฉงน ลำคอพลอยแห้งผากเสียจนต้องยกถ้วยชาขึ้นจิบอึกแล้วอึกเล่าข้าเป็นอะไรกันระหว่างนั่งทาน กลับมีบุรุษผู้หนึ่งบังเอิญเห็นภาพใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองเข้าราวจับวาง ใบหน้าหล่อเหลามึนตึงด้วยอารมณ์ด้อยสุนทรีย์ ชายหนุ่มลืมตัวไปชั่วขณะว่ายามนี้ตนอยู่ที่แห่งใด ท่อนขาแกร่งสาวเท้าพรวดพราดเข้ามา ร่างสูงยืนตระหง่านเขม้นมองด้วยประ
ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ไต้ฮ่าวเฉินเที่ยวชดใช้ความเสียหายให้กับร้านค้าแถบนั้นทั้งหมด ฉงเสว่ปิงทำได้เพียงก้มหน้าสำนึกผิดแล้ว ยามนี้นางไม่มีเงินทองมากพอจะชดใช้ให้ใคร เดิมทีหมายออกมาเพียงชั่วครู่เท่านั้น ผู้ใดจะทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายดันจับนางได้เสียก่อน"หากถึงวังหลวงแล้วข้าจะให้เสด็จพ่อชดใช้คืนท่าน" เสียงใสกล่าวอู้อี้ไต้ฮ่าวเฉินปรายตามอง "ไม่จำเป็น อีกหน่อยก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน"ฉงเสว่ปิงยู่หน้า "ท่านอ๋อง หยุดมั่นหน้าได้แล้ว ผู้ใดจะยอมเป็นทองแผ่นเดียวกับท่าน เพ้อเจ้อให้น้อยหน่อยดีกว่า"ไต้ฮ่าวเฉินแค่นยิ้ม"อ๊ะ!...ข้าอยากกินน้ำตาลปั้น" ฉงเสว่ปิงดึงแขนเสื้อของเขายิก ๆไต้ฮ่าวเฉินลดสายตามองสาบเสื้อที่ขยับไหว ริมฝีปากพลันกระตุกเล็กน้อย ดูเหมือนนางไม่เกรงกลัวเขาแต่อย่างใด หนำซ้ำยังทำราวสนิทชิดเชื้อกันมาช้านาน ท่อนขาสูงยาวก้าวย่างตามสตรีเบื้องหน้าไปเงียบ ๆ อย่างว่าง่าย"เถ้าแก่ ท่านปั้นรูปคนได้หรือไม่""คุณหนู ข้าทำได้แน่นอน ว่าแต่ท่านอยากทำรูปสามีท่านหรือ" ชายขายน้ำตาลปั้นเหลือบมองไต้ฮ่าวเ
"องค์หญิง""...""องค์หญิง""...""เสว่ปิง!"ฉงเสว่ปิงสะดุ้งโหยง "อะไรของท่าน เรียกเบา ๆ ไม่ได้หรือไร""ข้าเรียกอยู่หลายครา ไม่ทราบว่าองค์หญิงกำลังเหม่อลอยถึงชายใดหรือ" นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างนึกคลางแคลง"นึกถึงชายใดก็เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับท่าน" ฉงเสว่ปิงลอยหน้าตอบฝ่ามือหยาบกร้านยื่นส่งให้นาง ทว่าใบหน้างามกลับเชิดคอตั้งถือดี "ข้าลงเองได้"ฝ่ามือของเขาจึงค้างอยู่เช่นนั้น จากนั้นค่อย ๆ ลดลงพลางมองดูขาเรียวพยายามเขี่ยเพื่อเกี่ยวที่พักเท้าซึ่งยาวกว่าขาตนด้วยความทุลักทุเล ไต้ฮ่าวเฉินยิ้มขันยืนกอดอกมองอยู่เช่นนั้นดื้อรั้นนักต้องปล่อยให้คิดได้เองจึงรู้เข็ดหลาบฉงเสว่ปิงโน้มกายไปเบื้องหน้า แขนสองด้านโอบคอม้าตัวเขื่องเอาไว้ นางพยายามเบี่ยงกายหนึ่งฝั่งเพื่อให้เท้าของตนสามารถเหยียบบนที่พักเท้าได้ตาอ๋องทึ่ม ไยจึงตัวสูงนักฉงเสว่ปิงพยายามกัดฟันหลายครา ทว่ากลับส่งผลให้ม้าตื่นตระหนกเมื่อนางดันเผลอคว้าหมับเอาใบหูของมัน เจ้าม้าศึกตัวใหญ่ยกกีบเท้าหน้าขึ้น ฉงเสว่ปิงเบิกตากว้างตะลึงลาน พลันดี