Share

๑๒ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

last update Last Updated: 2025-10-17 22:15:20

กาลเวลาเปรียบเสมือนสายน้ำที่ไม่เคยไหลย้อนกลับ หลายสัปดาห์นับจากการเปิดร้านของเยว่ซินได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว กิจการของครอบครัวหลินเจริญรุ่งเรืองขึ้นในทุก ๆ วันราวกับต้นไม้ที่ได้รับปุ๋ยชั้นดีในฤดูใบไม้ผลิ พวกเขาไม่เพียงแต่มีเงินพอที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ขัดสน แต่ยังเริ่มมีเงินออมก้อนใหม่ที่ค่อย ๆ พอกพูนขึ้นในหีบไม้อย่างน่าชื่นใจ

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้กลายเป็นภาพชินตา พ่อหลินกับต้าเฉียงดูมีสง่าราศีขึ้นเมื่อไม่ต้องก้มหน้าทำงานในไร่นาอีกต่อไป แม่หลินกับซิวอิงก็ดูผิวพรรณผ่องใสขึ้นเมื่อไม่ต้องตรากตรำกับงานหนักในโรงงาน ทุกอย่างดูเหมือนจะกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีที่สุด

แต่หลินเยว่ซินผู้มีประสบการณ์จากชาติที่แล้วกลับรู้ดี ใต้ผิวน้ำที่ดูสงบนิ่งนั้นมักจะมีคลื่นใต้น้ำอันเชี่ยวกรากซ่อนอยู่เสมอ

***

ณ คฤหาสน์ตระกูลซู

เพล้ง!

เสียงถ้วยชาราคาแพงถูกปาลงกับพื้นจนแตกกระจายละเอียด ซูเหม่ยลี่กรีดร้องออกมาด้วยความเดือดดาลราวกับนางมารร้าย

“ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้ว! ฉันทนเห็นนังเด็กบ้านนอกนั่นได้ดีไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!”

ทุกวันนี้ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็มักจะได้ยินแต่เรื่องราวความสำเร็จของกิจการร้านของเด็กบ้านนอกนั่นนั้นอยู่เสมอ เพื่อนฝูงในแวดวงคุณหนูต่างพากันพูดถึงเสื้อผ้าดีไซน์ใหม่ที่พวกเธอแอบไปซื้อมาด้วยความตื่นเต้น ชื่อของหลินเยว่ซินกำลังจะบดบังรัศมีของซูเหม่ยลี่คนนี้ไปจนหมดสิ้น

แผนการใส่ร้ายป้ายสีก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า หนำซ้ำยังทำให้เธอกับมารดาต้องอับอายขายหน้ากลับมาอีกต่างหาก ในเมื่อไม้อ่อนใช้ไม่ได้ผล เธอก็จะใช้ไม้แข็ง!

ซูเหม่ยลี่แอบขโมยเงินก้อนใหญ่จากตู้เซฟของบิดา แล้วใช้เส้นสายของคนขับรถในบ้านไปว่าจ้างกลุ่มอันธพาลในตลาดมืดของอำเภอ คำสั่งของเธอนั้นเรียบง่ายแต่โหดเหี้ยม...

“ฉันไม่ต้องการให้ใครบาดเจ็บล้มตาย” เธอกล่าวกับหัวหน้าแก๊งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่ฉันต้องการให้ร้านของมันพังพินาศ! ทำลายข้าวของให้หมด ทำให้มันดูเหมือนเหตุการณ์ปล้นชิงทรัพย์ธรรมดา ๆ ที่ผิดพลาด ทำให้มันหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ทำให้มันรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของมัน!”

บ่ายวันนั้น ณ ร้านใบไหวดีไซน์ เป็นช่วงใกล้เวลาจะปิดร้านแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มบางตาลง พ่อหลินกับต้าเฉียงเพิ่งจะออกไปที่โกดังผ้าเพื่อสั่งของล็อตใหม่พอดี ทำให้ในร้านเหลือเพียงเยว่ซิน แม่หลิน และซิวอิง กับลูกค้าผู้หญิงอีกเพียงสองสามคนเท่านั้น

เยว่ซินรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เธอสังเกตเห็นชายฉกรรจ์หน้าตาไม่น่าไว้วางใจสองสามคนมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านหลายครั้ง แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าอาจจะคิดมากไปเอง

ห่างออกไปฝั่งตรงข้ามถนน ลู่เฟิงกำลังยืนเลือกซื้อขนมเปี๊ยะจากร้านแผงลอยแห่งหนึ่ง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ที่หมู่บ้าน ก่อนจะต้องเดินทางกลับไปยังค่ายทหารที่ชายแดนในวันรุ่งขึ้น เขาตั้งใจจะซื้อของฝากกลับไปให้สหายในกองทัพ และโดยไม่รู้ตัวเท้าของเขาก็พามาหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับร้านของเธออีกครั้ง

เขาแอบมองเข้าไปในร้าน เห็นเธอกำลังยิ้มแย้มพูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นธรรมชาติ ภาพนั้นทำให้มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ โดยไม่รู้ตัว แต่แล้วรอยยิ้มของเขาก็พลันแข็งค้าง

โครม!

ประตูร้านถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง ชายฉกรรจ์สี่คนท่าทางคุกคามก้าวพรวดพราดเข้ามาในร้าน พวกมันคือกลุ่มคนที่เยว่ซินเห็นเมื่อวานไม่มีผิด!

“เฮ้ย! ส่งเงินมาให้หมด!” หัวหน้ากลุ่มซึ่งเป็นชายหน้าบากตะโกนลั่น ทำลายความสงบสุขของร้านลงในพริบตา

ลูกค้าผู้หญิงสองสามคนกรีดร้องด้วยความตกใจแล้ววิ่งหนีออกจากร้านไปอย่างไม่คิดชีวิต แม่หลินกับซิวอิงหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังเคาน์เตอร์

อันธพาลคนหนึ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วกวาดเอาราวแขวนเสื้อผ้าล้มลงกับพื้นเสียงดังโครมคราม เสื้อผ้าที่เพิ่งตัดเย็บเสร็จใหม่ ๆ ร่วงหล่นลงไปกองกับพื้นสกปรก อีกคนหนึ่งหยิบเก้าอี้ไม้ขึ้นมาแล้วฟาดเข้าไปที่ตู้กระจกโชว์เครื่องประดับจนแตกกระจายเสียงดังลั่น

เพล้ง!

เศษแก้วและเครื่องประดับทำมือที่พวกเธอตั้งใจทำกันสุดฝีมือกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

ท่ามกลางความโกลาหลนั้น หลินเยว่ซินกลับไม่ได้กรีดร้องหรือวิ่งหนี เธอยืนนิ่งอยู่กลางร้าน ก้าวไปยืนขวางหน้าแม่และพี่สาวที่กำลังตัวสั่นเทาอยู่ด้านหลัง ใบหน้าของเธอซีดขาว แต่ดวงตากลับลุกโชนไปด้วยความโกรธาอันเย็นเยียบ

“พวกแกต้องการอะไร?” เธอถามเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความกดดันที่น่ากลัว

ชายหน้าบากเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเธอพร้อมกับแสยะยิ้มชั่วร้าย “เถ้าแก่เนี้ยน้อย กิจการดีนี่น่าจะแบ่งปันผลกำไรให้พวกเราเป็นค่าคุ้มครองบ้างนะ”

“ออกไป” เยว่ซินกล่าวเสียงเย็น “เดี๋ยวนี้”

“หึ ปากดีนักนะแม่หนู!” ชายหน้าบากหัวเราะลั่น “ดูเหมือนแกจะยังไม่รู้สำนึก งั้นฉันก็คงต้องสั่งสอนมารยาทให้แกสักหน่อย!” ว่าแล้วมันก็ยื่นมืออันสกปรกของมันออกมาหมายจะคว้าตัวเธอ

หมับ!

แต่ก่อนที่ปลายนิ้วของมันจะทันได้แตะต้องตัวของเยว่ซิน มือของมันก็ถูกคว้าจับไว้กลางอากาศ

ลู่เฟิงปรากฏตัวขึ้นในร้านตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและเงียบเชียบ เขามายืนอยู่ข้างกายเยว่ซิน แล้วบีบข้อมือของชายหน้าบากไว้แน่นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาคมกริบราวกับพญาเหยี่ยว

“อ๊ากกกก!” ชายหน้าบากแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด กระดูกข้อมือของมันแทบจะแหลกละเอียดคามือของลู่เฟิง

อันธพาลอีกสองคนที่เห็นหัวหน้าถูกเล่นงานก็คำรามลั่นแล้วพุ่งเข้ามาหมายจะรุมทำร้าย

แต่พวกมันคิดผิด!

ลู่เฟิงปล่อยมือจากชายหน้าบากแล้วผลักมันกระเด็นไปชนชั้นวางของ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อรับมือกับอันธพาลที่พุ่งเข้ามา เขาไม่ได้ออกท่วงท่าที่สวยงามเหมือนในหนัง แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขานั้นเรียบง่าย รุนแรง และเด็ดขาดถึงขีดสุด

เขาเอี้ยวตัวหลบหมัดของคนแรกได้อย่างเฉียดฉิว แล้วใช้สันมือสับเข้าไปที่ต้นคอของมันอย่างแม่นยำ

ปึ้ก!

ร่างของอันธพาลคนนั้นก็ล้มพับลงไปกองกับพื้นทันทีโดยไม่ทันได้ร้องสักแอะ

คนที่สองชะงักด้วยความตกใจ แต่ก็สายไปเสียแล้ว ลู่เฟิงใช้เท้าเตะตัดเข้าไปที่ข้อพับขาของมันจนเสียหลัก แล้วตามด้วยการกระแทกศอกเข้าที่ลิ้นปี่อย่างจัง

อั่ก!

ร่างที่สองทรุดลงไปนอนขดตัวจุกจนพูดไม่ออก

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสิบวินาที

อันธพาลคนที่สี่ที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังเห็นสหายทั้งสามถูกจัดการลงอย่างง่ายดายราวกับใบไม้ร่วงก็ถึงกับขวัญกระเจิง พวกมันมองลู่เฟิงด้วยสายตาหวาดผวาเหมือนเห็นปีศาจ ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีออกจากร้านไปอย่างไม่คิดชีวิต

ชายหน้าบากที่พอจะตั้งหลักได้ก็รีบพยุงเพื่อนที่สลบอยู่เผ่นหนีตามไปติด ๆ

ความเงียบอันน่าอึดอัดกลับเข้ามาปกคลุมร้านที่บัดนี้อยู่ในสภาพเละเทะไม่ต่างจากถูกพายุถล่ม

ในตอนนั้นเอง พ่อหลินกับต้าเฉียงก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและวิ่งกลับมาถึงร้านพอดี พวกเขาเห็นสภาพร้านที่พังพินาศกับบุรุษแปลกหน้าที่ยืนอยู่กลางร้านก็ถึงกับตกตะลึง

“เกิด... เกิดอะไรขึ้น!?” ต้าเฉียงถามเสียงดัง “แล้วแกเป็นใคร!?”

“ใจเย็นก่อนต้าเฉียง!” แม่หลินรีบวิ่งออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ “คุณชายคนนี้เขามาช่วยเราไว้นะ!”

ลู่เฟิงหันไปพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย

“แค่คนเมาอาละวาดนิดหน่อยครับ” เขาพูดโกหกหน้าตายเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย “ตอนนี้ไปหมดแล้ว พวกคุณลองตรวจสอบดูว่ามีอะไรเสียหายหรือหายไปบ้าง แล้วก็ไปแจ้งทางการไว้จะดีกว่า”

น้ำเสียงของเขาสุภาพและเป็นมิตร แต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยอำนาจบางอย่าง

“ขอบคุณ... ขอบคุณมากจริง ๆ นะพ่อหนุ่ม” พ่อหลินกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “ถ้าไม่ได้เธอ ครอบครัวเราคง...”

“ไม่เป็นไรครับ” ลู่เฟิงกล่าวตัดบทเบา ๆ “ถือว่าผมผ่านมาเจอพอดี”

เขาไม่ต้องการจะอยู่เป็นจุดสนใจนานไปกว่านี้ จึงเตรียมจะหมุนตัวจากไป แต่แล้วสายตาของเขาก็สบเข้ากับสายตาของหลินเยว่ซินที่มองมายังเขาอย่างเงียบ ๆ

ในแววตาของเธอนั้นไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงความสงบนิ่ง การประเมินสถานการณ์ และแววแห่งความรู้ทัน

เยว่ซินรู้ว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญ และเธอก็จำเขาได้แม่น ชายหนุ่มคนเดียวกับที่เคยช่วยเธอไว้ใต้ต้นไหวในวันนั้น

ลู่เฟิงสบตากับเธอเพียงชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้เธอเล็กน้อยเป็นการอำลา แล้วหันหลังเดินหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็วราวกับภูตผี ทิ้งไว้เพียงครอบครัวหลินที่ยังคงยืนตะลึงอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของร้าน และคำถามมากมายที่ผุดขึ้นในใจของหลินเยว่ซิน...

ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้?

คำตอบนั้นชัดเจนอยู่ในใจของเธอว่าคนบงการคือซูเหม่ยลี่ และที่สำคัญกว่านั้น เขาคนนั้นเป็นใครกันแน่? และทำไมเขาถึงต้องคอยปรากฏตัวขึ้นมาช่วยเหลือเธออยู่เสมอ? คน ๆ นี้เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๖ จุดจบของตัวร้าย

    กาลเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของปี 1989 โลกได้หมุนไปข้างหน้าอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง...ณ กรุงปักกิ่ง หลินเยว่ซิน หลินต้าเฉียง และหลินซิวอิงได้กลายเป็นนักศึกษาที่โดดเด่นในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ บริษัทหลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ปได้เปิดสำนักงานใหญ่และสาขาแฟล็กชิปที่เมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย และได้กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับชาติที่ทรงอิทธิพลทว่าณ อำเภอหลิวอันที่ห่างไกล ช่วงนี้ได้มีข่าวลือระลอกใหม่เกิดขึ้นในวงน้ำชาของเหล่าแม่บ้าน ข่าวลือที่เกี่ยวกับบุคคลที่แทบจะถูกลบหายไปจากความทรงจำของผู้คนแล้ว“นี่เธอได้ยินเรื่องนั้นหรือยัง?” หญิงคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนบ้าน “เห็นว่านังหนูซูเหม่ยลี่อะไรนั่นกำลังจะกลับมาแล้วนะ”“หา?! กลับมาอะไรกัน?” อีกคนถามด้วยความไม่ใส่ใจ“ก็ฉันได้ยินมาว่าเธอไปเจอผู้อุปถัมภ์คนใหม่ เป็นถึงเถ้าแก่จากต่างเมืองที่ร่ำรวยมากเลยล่ะ เห็นว่าเธอกำลังจะกลับมาทวงทุกอย่างคืน เธอบอกกับคนไปทั่วว่าความจริงทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดโปง ที่แท้หลินเยว่ซินนั่นแหละคืออสรพิษตัวจริง!”ในอดีต ข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้คงจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้ว แต่ในวันนี้ปฏิกิริยาของผู้คนกลับแตกต

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๕ คำตอบรับ

    วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ท่านนายพลลู่และภรรยาเดินทางกลับไปแล้ว บ้านของตระกูลหลินก็ยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความตื่นเต้นไม่จางหาย ทุกคนต่างพูดคุยกันถึงเรื่องงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขท่ามกลางความชื่นมื่นนั้น หลินเยว่ซินกลับรู้สึกว่าหัวใจของตนเองยังคงมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุมอยู่ เธอยอมรับการสู่ขอ แต่ทว่าเธอยังไม่เคยได้ให้คำตอบแก่เขาจากหัวใจของเธออย่างแท้จริงเลยบ่ายวันนั้น ขณะที่เธอกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่ในห้องทำงาน ลู่เฟิงในชุดลำลองสบาย ๆ ก็เดินเข้ามาหาอย่างเงียบ ๆ“เยว่ซิน” เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ไปเดินเล่นกับฉันหน่อยได้ไหม?”แม้จะเป็นคำเชิญที่เรียบง่าย แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหมายอันลึกซึ้ง นี่คือการนัดหมายครั้งแรกของพวกเขาในฐานะคู่หมั้นอย่างเป็นทางการเยว่ซินพยักหน้ารับเบา ๆ เธอรู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองเสียทีทั้งสองเดินเคียงข้างกันออกจากตัวเมือง ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่สวยงามหรือโรแมนติกใด ๆ แต่กลับเดินไปตามเส้นทางดินสายเก่าที่ทอดตัวมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านหงซิง จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดส

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๔ คำขอจากใจจริง

    ฤดูสารทของปี 1988 ได้นำพาสายลมเย็นสบายและใบไม้สีทองโปรยปรายมาสู่เมืองหลิวอัน ครอบครัวหลินกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เปี่ยมสุขและวุ่นวายที่สุด พวกเขากำลังเตรียมการใหญ่สำหรับการย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองหลวงของต้าเฉียง ซิวอิง และเยว่ซินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเอง จดหมายฉบับหนึ่งจากลู่เฟิงก็ได้ถูกส่งมาถึง ซึ่งเนื้อหาข้างในนั้นก็ค่อนข้างที่จะสั้นกระชับ แต่ทว่ากลับทำให้หัวใจของเยว่ซินเต้นไม่เป็นส่ำ เขาเขียนว่าเขาจะกลับมาเยี่ยมบ้านในสัปดาห์หน้า และครั้งนี้เขาจะไม่ได้มาคนเดียวสัญชาตญาณของเยว่ซินร้องบอกว่าการมาเยือนในครั้งนี้จะต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และดูเหมือนว่าทุกคนในบ้านก็จะรู้สึกได้เช่นเดียวกัน แม่หลินถึงกับลงมือทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่และสั่งให้พ่อหลินไปซื้อใบชาต้าหงเผาชั้นดีที่สุดมาเตรียมไว้ต้อนรับแขกเช้าวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส รถยนต์เก๋งหงฉีสีดำมันวาวสองคันแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูบ้านทรงลานสี่ทิศของตระกูลหลินอย่างเงียบเชียบแต่แฝงไว้ด้วยบารมีอันน่าเกรงขาม การปรากฏตัวของรถยนต์ระดับผู้นำประเทศเช่นนี้ทำให้เพื่อนบ้านที่สัญจรผ่านไปมาถึงกับต้องหยุดยืนมองด้วยความตก

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๓ ตระกูลใหม่ที่รุ่งโรจน์

    ฟ้าหลังฝนสำหรับครอบครัวหลินแล้ว ท้องฟ้าของพวกเขาในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะสดใสไร้เมฆหมอกบดบัง แต่มันยังประดับประดาไปด้วยดวงดาวแห่งเกียรติยศที่ส่องประกายเจิดจรัสอีกด้วยเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของปี 1988 หนึ่งปีกว่านับตั้งแต่การล่มสลายของตระกูลซู ช่วงเวลาที่ปราศจากมารผจญนี้เองที่ทำให้ธุรกิจใบไหวดีไซน์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดราวกับมังกรทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์บัดนี้ หลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ป ไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าในอำเภอเล็ก ๆ อีกแล้ว แต่ได้กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีโรงงานตัดเย็บเป็นของตัวเอง มีสาขากระจายอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วทั้งมณฑล และกำลังจะเริ่มขยายตลาดไปยังเมืองหลวงอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ แบรนด์ใบไหวได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแฟชั่นที่ทันสมัย คุณภาพดี และเป็นความภาคภูมิใจของสินค้าที่ผลิตในประเทศอย่างแท้จริงครอบครัวหลินเองก็ได้ย้ายออกจากบ้านหลังเดิมมาอาศัยอยู่ในบ้านทรงลานสี่ทิศ หลังใหญ่ที่เยว่ซินทุ่มเงินซื้อมันมาแล้วตกแต่งใหม่ทั้งหมด ที่นี่กว้างขวางและงดงามราวกับจวนของขุนนางในสมัยก่อน กลางลานบ้านมีสวนหย่อมที่จัดแต่งอย่างสวยงาม มีสระปลาคาร์ปเล็ก ๆ และต้นไหวที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ปร

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๒ เปิดโปงสู่สาธารณะ

    หากคิดจะจับ ก็ต้องแสร้งปล่อยไปก่อนนี่คือกลยุทธ์ที่หลินเยว่ซินและลู่เฟิงได้วางไว้ร่วมกัน...สองวันหลังจากที่ซูเหม่ยลี่ได้จ่ายเงินก้อนสุดท้ายของเธอไป บทความชิ้นเอกอันแสนสกปรกของเฒ่าเหมาก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ใต้ดินฉบับหนึ่ง มันถูกนำไปแจกจ่ายตามร้านน้ำชาและแผงลอยต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง เรื่องราวที่ถูกปรุงแต่งขึ้นอย่างสุดฝีมือได้สร้างความสับสนให้กับผู้คนอีกครั้ง ความสงสัยระลอกใหม่เริ่มซัดสาดเข้าใส่ชื่อเสียงของหลินเยว่ซินอีกคราทางฝั่งร้านใบไหวดีไซน์ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ยอดขายตกลงเล็กน้อย และมีเสียงซุบซิบนินทาจากลูกค้ามากขึ้น หลินเยว่ซินดูเหมือนจะตกอยู่ในภาวะตั้งรับ เธอเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาโต้ตอบใด ๆ ท่าทีที่ดูเหมือนยอมจำนนนี้เองที่ทำให้ซูเหม่ยลี่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ แต่แล้ว ในขณะที่ข่าวลือกำลังคุกรุ่นถึงขีดสุด ร้านใบไหวดีไซน์ก็ได้เคลื่อนไหวในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดบัตรเชิญที่ถูกออกแบบอย่างสวยหรูได้ถูกส่งไปยังสำนักข่าวทุกแขนง ทั้งสื่อท้องถิ่นและสื่อสิ่งพิมพ์ระดับมณฑล เนื้อหาในบัตรเชิญระบุว่าทางร้านจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๑ สิ้นไร้หนทาง

    ลมหนาวในช่วงปลายปี พัดพาเอากลิ่นอายของเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงให้ลอยอบอวลไปทั่วทั้งเมือง บนถนนหนทางประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงสดใส ผู้คนต่างมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมเฉลิมฉลองวันปีใหม่ แต่สำหรับตระกูลซูแล้วฤดูหนาวในปีนี้มันช่างหนาวเหน็บและโหดร้ายเสียเหลือเกินธุรกิจที่เคยยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ล่มสลายลงโดยสมบูรณ์แล้ว...การที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ถูกระงับไปอย่างรวดเร็วผิดปกติ เป็นดั่งสิ่งสุดท้ายที่ทำให้คู่ค้าและธนาคารต่างหมดสิ้นความเชื่อมั่นในตระกูลซู พวกเขารู้ดีว่าตระกูลซูไม่เพียงแต่กำลังจะล้มละลาย แต่ยังไปเหยียบตาปลาของผู้มีอำนาจระดับสูงเข้าให้อีกด้วย ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาอีกตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาวะสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างแท้จริง คฤหาสน์หลังงามกำลังจะถูกยึดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทรัพย์สินเงินทองที่เคยมีก็ร่อยหรอลงไปจนแทบไม่เหลือ พวกเขาไม่มีทางไปอีกแล้วค่ำคืนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบงันอันน่าสมเพชภายในคฤหาสน์ที่เคยโอ่อ่า ซูเจิ้งกั๋วที่บัดนี้ดูแก่ชราลงไปนับสิบปีได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ“เรายังเหลือหนทางสุดท้าย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status