Share

๒๓ ตระกูลใหม่ที่รุ่งโรจน์

last update Last Updated: 2025-10-17 22:17:27

ฟ้าหลังฝนสำหรับครอบครัวหลินแล้ว ท้องฟ้าของพวกเขาในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะสดใสไร้เมฆหมอกบดบัง แต่มันยังประดับประดาไปด้วยดวงดาวแห่งเกียรติยศที่ส่องประกายเจิดจรัสอีกด้วย

เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของปี 1988 หนึ่งปีกว่านับตั้งแต่การล่มสลายของตระกูลซู ช่วงเวลาที่ปราศจากมารผจญนี้เองที่ทำให้ธุรกิจใบไหวดีไซน์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดราวกับมังกรทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์

บัดนี้ หลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ป ไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าในอำเภอเล็ก ๆ อีกแล้ว แต่ได้กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีโรงงานตัดเย็บเป็นของตัวเอง มีสาขากระจายอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วทั้งมณฑล และกำลังจะเริ่มขยายตลาดไปยังเมืองหลวงอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ แบรนด์ใบไหวได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแฟชั่นที่ทันสมัย คุณภาพดี และเป็นความภาคภูมิใจของสินค้าที่ผลิตในประเทศอย่างแท้จริง

ครอบครัวหลินเองก็ได้ย้ายออกจากบ้านหลังเดิมมาอาศัยอยู่ในบ้านทรงลานสี่ทิศ หลังใหญ่ที่เยว่ซินทุ่มเงินซื้อมันมาแล้วตกแต่งใหม่ทั้งหมด ที่นี่กว้างขวางและงดงามราวกับจวนของขุนนางในสมัยก่อน กลางลานบ้านมีสวนหย่อมที่จัดแต่งอย่างสวยงาม มีสระปลาคาร์ปเล็ก ๆ และต้นไหวที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ประดุจดังสวรรค์บนดินที่สร้างขึ้นมาด้วยสองมือของพวกเขาเอง

พวกเขามีเงินทองมากมายจนใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด มีชื่อเสียงเกียรติยศที่ใคร ๆ ต่างก็ยกย่องนับถือ แต่สิ่งล้ำค่าที่สุดที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ก็คือความรักและความอบอุ่นภายในครอบครัว

แม้จะมีแม่บ้านและคนรับใช้คอยดูแลอำนวยความสะดวกสบายทุกอย่าง แต่แม่หลินก็ยังคงยืนกรานที่จะเข้าครัวทำอาหารให้ลูก ๆ ด้วยตัวเองทุกมื้อ พ่อหลินก็ยังมีความสุขกับการเดินตรวจตราและซ่อมแซมสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านด้วยตัวเอง ส่วนต้าเฉียงกับซิวอิงก็ยังคงหาเรื่องทะเลาะหยอกล้อกันเหมือนเด็ก ๆ ความร่ำรวยไม่ได้กัดกร่อนจิตวิญญาณที่เรียบง่ายของพวกเขาไปเลยแม้แต่น้อย พวกเขาปรับตัวเข้ากับความมั่งคั่งได้ แต่ไม่เคยยอมให้ความมั่งคั่งมาเปลี่ยนแปลงแก่นแท้ของตนเอง

และในฤดูร้อนปีนี้เอง ชัยชนะครั้งที่สองที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ความสำเร็จทางธุรกิจก็ได้มาเยือนครอบครัวหลินอีกครั้ง!

เช้าวันประกาศผลสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับผู้ใหญ่

บรรยากาศในบ้านตระกูลหลินเต็มไปด้วยความตึงเครียดระคนความคาดหวัง ทุกคนต่างนั่งไม่ติดที่ หลินต้าเฉียงและหลินซิวอิงหลังจากที่ทำงานในบริษัทของครอบครัวในตอนกลางวัน พวกเขาก็ได้ใช้เวลาทุกค่ำคืนตลอดสองปีที่ผ่านมาทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสืออย่างหนักหน่วงภายใต้การติวเข้มของเยว่ซิน และวันนี้คือวันพิพากษาความพยายามทั้งหมดของพวกเขา

“ใจเย็น ๆ นะคะพี่ใหญ่ พี่รอง” เยว่ซินบีบมือให้กำลังใจพี่ทั้งสอง “ความพยายามไม่เคยทรยศใคหรอกค่ะ”

ไม่นานนัก บุรุษไปรษณีย์ก็ได้ขี่จักรยานมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ในมือของเขามีซองจดหมายสีน้ำตาลสองฉบับ จดหมายที่ชี้ชะตาอนาคตของคนสองคน

เยว่ซินเป็นคนเดินออกไปรับซองจดหมายนั้นมาด้วยหัวใจที่เต้นระรัวไม่แพ้พี่ ๆ ของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอยื่นซองจดหมายให้พี่ชายและพี่สาวคนละฉบับ

ต้าเฉียงมองซองจดหมายในมือแล้วถึงกับมือสั่น เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบรรจงฉีกซองออกอย่างเชื่องช้า ในขณะที่ซิวอิงผู้ใจเย็นกว่ากลับค่อย ๆ ใช้นิ้วกรีดเปิดซองอย่างประณีต

ทุกคนต่างกลั้นหายใจรอ...

วินาทีต่อมา...

“โอ้โฮ!!!” ต้าเฉียงก็คำรามลั่นออกมาด้วยความดีใจสุดขีด เขากระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ลานบ้านราวกับเด็ก ๆ “ฉัน... ฉันสอบติดแล้ว! มหาวิทยาลัยชิงหวา! คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์! สวรรค์! ฉันได้เรียนที่ชิงหวาจริง ๆ ด้วย!”

ในขณะเดียวกันนั้นเอง น้ำตาเม็ดโตก็ได้ไหลรินออกมาจากดวงตาของซิวอิง เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อสะกดเสียงสะอื้น แต่รอยยิ้มที่กว้างที่สุดในชีวิตก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“มหาวิทยาลัยปักกิ่ง คณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาต่างประเทศ...”

เปรี้ยง!

ราวกับมีพลุฉลองนับพันนัดถูกจุดขึ้นในบ้านตระกูลหลิน

มหาวิทยาลัยชิงหวาและมหาวิทยาลัยปักกิ่ง สองมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ ลูกชายและลูกสาวของชาวนาที่เคยยากจนที่สุด บัดนี้ได้ก้าวเข้าสู่ประตูของสถาบันการศึกษาที่ทรงเกียรติที่สุดของแผ่นดินพร้อมกันถึงสองคน

“ฮือ ๆๆ ลูกแม่...” แม่หลินโผเข้าไปกอดลูกทั้งสองคนไว้แน่น ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร “ในที่สุด... ในที่สุดพวกลูกก็ทำได้ แม่ภูมิใจในตัวพวกลูกเหลือเกิน”

พ่อหลินยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะออกมาเสียงดังทั้ง ๆ ที่น้ำตากำลังไหลอาบแก้ม เขายกมือขึ้นตบบ่าลูกชายอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่า

“ดี! ดีมาก! สมกับเป็นลูก ๆ ของฉัน! ฮ่า ๆๆ!”

เยว่ซินยืนมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข ความสำเร็จในครั้งนี้มันมีความหมายกับเธอยิ่งกว่าการทำเงินได้นับล้าน ๆ หยวนเสียอีก เพราะนี่คือการพิสูจน์ว่าเธอไม่เพียงแต่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาได้ แต่เธอยังสามารถช่วยให้พวกเขาได้ค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของตนเองอีกด้วย

ค่ำคืนนั้น งานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ได้ถูกจัดขึ้นในบ้านตระกูลหลิน

อาหารเลิศรสถูกนำมาจัดวางเต็มโต๊ะกลมตัวใหญ่ เหล้าเหมาไถชั้นดีถูกนำออกมารินฉลอง บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคำพูดแสดงความยินดี

“ฉันไม่เคยคิด ไม่เคยกล้าฝันเลยจริง ๆ” พ่อหลินยกจอกเหล้าขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและเปี่ยมสุข “ว่าฉันหลินเจี้ยนกั๋ว ชาวนาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินคนนี้จะได้เป็นพ่อของนักศึกษามหาวิทยาลัยชิงหวาและมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ต่อไปนี้ฉันจะเดินไปที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศจีนอย่างยืดอกผายไหล่อย่างภาคภูมิใจ!”

“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณน้องเล็กของเรา!” ต้าเฉียงยกจอกของตนเองขึ้นชูให้เยว่ซิน “ถ้าไม่ได้เธอ ป่านนี้พี่ใหญ่ก็คงยังเป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งที่เอาแต่ใช้แรงงานอยู่ในไร่ เธอไม่ได้ให้แค่เงินทองกับพวกเรานะเยว่ซิน แต่เธอให้สมองใหม่กับพวกเราด้วย!”

“ใช่แล้วจ้ะ” ซิวอิงกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้มหวาน “น้องเล็ก เธอคือคนที่เปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่พวกเราไม่เคยรู้จักมาก่อน ขอบคุณนะ”

เยว่ซินยกจอกของตนเองขึ้นรับคำขอบคุณจากทุกคนด้วยความถ่อมตน “ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะความพยายามของพวกเราทุกคนต่างหาก ความสำเร็จที่หอมหวานในวันนี้เป็นของพวกเราทุกคนค่ะ”

เธอมองใบหน้าที่เปี่ยมสุขของทุกคนในครอบครัว เธอทำได้แล้ว เธอได้สร้างโลกใบใหม่ที่สมบูรณ์แบบให้กับพวกเขาแล้วจริง ๆ

หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา พ่อหลินได้เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เยว่ซินที่กำลังยืนชมจันทร์อยู่ริมสระปลาคาร์ป

“ขอบใจนะลูก” เขาเอ่ยขึ้นมาสั้น ๆ

“คะ?”

“สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง” เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มและจริงจัง “พ่ออาจจะไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิด แต่พ่อก็รักและภูมิใจในตัวลูกยิ่งกว่าพ่อคนไหน ๆ ในโลก”

คำพูดนั้นทำให้หัวใจของเยว่ซินอบอุ่นยิ่งกว่าแสงจันทร์ในคืนนี้เสียอีก

พ่อหลินมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว “อนาคตของลูก ของต้าเฉียง ของซิวอิงมันช่างกว้างใหญ่และสดใสเหลือเกิน อนาคตที่ไม่ได้อยู่ในอำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้อีกต่อไปแล้ว”

เขาหันมายิ้มให้ลูกสาว “เตรียมตัวให้พร้อมนะ เพราะชีวิตบทใหม่ของพวกลูกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๖ จุดจบของตัวร้าย

    กาลเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของปี 1989 โลกได้หมุนไปข้างหน้าอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง...ณ กรุงปักกิ่ง หลินเยว่ซิน หลินต้าเฉียง และหลินซิวอิงได้กลายเป็นนักศึกษาที่โดดเด่นในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ บริษัทหลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ปได้เปิดสำนักงานใหญ่และสาขาแฟล็กชิปที่เมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย และได้กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับชาติที่ทรงอิทธิพลทว่าณ อำเภอหลิวอันที่ห่างไกล ช่วงนี้ได้มีข่าวลือระลอกใหม่เกิดขึ้นในวงน้ำชาของเหล่าแม่บ้าน ข่าวลือที่เกี่ยวกับบุคคลที่แทบจะถูกลบหายไปจากความทรงจำของผู้คนแล้ว“นี่เธอได้ยินเรื่องนั้นหรือยัง?” หญิงคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนบ้าน “เห็นว่านังหนูซูเหม่ยลี่อะไรนั่นกำลังจะกลับมาแล้วนะ”“หา?! กลับมาอะไรกัน?” อีกคนถามด้วยความไม่ใส่ใจ“ก็ฉันได้ยินมาว่าเธอไปเจอผู้อุปถัมภ์คนใหม่ เป็นถึงเถ้าแก่จากต่างเมืองที่ร่ำรวยมากเลยล่ะ เห็นว่าเธอกำลังจะกลับมาทวงทุกอย่างคืน เธอบอกกับคนไปทั่วว่าความจริงทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดโปง ที่แท้หลินเยว่ซินนั่นแหละคืออสรพิษตัวจริง!”ในอดีต ข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้คงจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้ว แต่ในวันนี้ปฏิกิริยาของผู้คนกลับแตกต

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๕ คำตอบรับ

    วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ท่านนายพลลู่และภรรยาเดินทางกลับไปแล้ว บ้านของตระกูลหลินก็ยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความตื่นเต้นไม่จางหาย ทุกคนต่างพูดคุยกันถึงเรื่องงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขท่ามกลางความชื่นมื่นนั้น หลินเยว่ซินกลับรู้สึกว่าหัวใจของตนเองยังคงมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุมอยู่ เธอยอมรับการสู่ขอ แต่ทว่าเธอยังไม่เคยได้ให้คำตอบแก่เขาจากหัวใจของเธออย่างแท้จริงเลยบ่ายวันนั้น ขณะที่เธอกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่ในห้องทำงาน ลู่เฟิงในชุดลำลองสบาย ๆ ก็เดินเข้ามาหาอย่างเงียบ ๆ“เยว่ซิน” เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ไปเดินเล่นกับฉันหน่อยได้ไหม?”แม้จะเป็นคำเชิญที่เรียบง่าย แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหมายอันลึกซึ้ง นี่คือการนัดหมายครั้งแรกของพวกเขาในฐานะคู่หมั้นอย่างเป็นทางการเยว่ซินพยักหน้ารับเบา ๆ เธอรู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองเสียทีทั้งสองเดินเคียงข้างกันออกจากตัวเมือง ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่สวยงามหรือโรแมนติกใด ๆ แต่กลับเดินไปตามเส้นทางดินสายเก่าที่ทอดตัวมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านหงซิง จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดส

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๔ คำขอจากใจจริง

    ฤดูสารทของปี 1988 ได้นำพาสายลมเย็นสบายและใบไม้สีทองโปรยปรายมาสู่เมืองหลิวอัน ครอบครัวหลินกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เปี่ยมสุขและวุ่นวายที่สุด พวกเขากำลังเตรียมการใหญ่สำหรับการย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองหลวงของต้าเฉียง ซิวอิง และเยว่ซินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเอง จดหมายฉบับหนึ่งจากลู่เฟิงก็ได้ถูกส่งมาถึง ซึ่งเนื้อหาข้างในนั้นก็ค่อนข้างที่จะสั้นกระชับ แต่ทว่ากลับทำให้หัวใจของเยว่ซินเต้นไม่เป็นส่ำ เขาเขียนว่าเขาจะกลับมาเยี่ยมบ้านในสัปดาห์หน้า และครั้งนี้เขาจะไม่ได้มาคนเดียวสัญชาตญาณของเยว่ซินร้องบอกว่าการมาเยือนในครั้งนี้จะต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และดูเหมือนว่าทุกคนในบ้านก็จะรู้สึกได้เช่นเดียวกัน แม่หลินถึงกับลงมือทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่และสั่งให้พ่อหลินไปซื้อใบชาต้าหงเผาชั้นดีที่สุดมาเตรียมไว้ต้อนรับแขกเช้าวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส รถยนต์เก๋งหงฉีสีดำมันวาวสองคันแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูบ้านทรงลานสี่ทิศของตระกูลหลินอย่างเงียบเชียบแต่แฝงไว้ด้วยบารมีอันน่าเกรงขาม การปรากฏตัวของรถยนต์ระดับผู้นำประเทศเช่นนี้ทำให้เพื่อนบ้านที่สัญจรผ่านไปมาถึงกับต้องหยุดยืนมองด้วยความตก

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๓ ตระกูลใหม่ที่รุ่งโรจน์

    ฟ้าหลังฝนสำหรับครอบครัวหลินแล้ว ท้องฟ้าของพวกเขาในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะสดใสไร้เมฆหมอกบดบัง แต่มันยังประดับประดาไปด้วยดวงดาวแห่งเกียรติยศที่ส่องประกายเจิดจรัสอีกด้วยเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของปี 1988 หนึ่งปีกว่านับตั้งแต่การล่มสลายของตระกูลซู ช่วงเวลาที่ปราศจากมารผจญนี้เองที่ทำให้ธุรกิจใบไหวดีไซน์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดราวกับมังกรทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์บัดนี้ หลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ป ไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าในอำเภอเล็ก ๆ อีกแล้ว แต่ได้กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีโรงงานตัดเย็บเป็นของตัวเอง มีสาขากระจายอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วทั้งมณฑล และกำลังจะเริ่มขยายตลาดไปยังเมืองหลวงอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ แบรนด์ใบไหวได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแฟชั่นที่ทันสมัย คุณภาพดี และเป็นความภาคภูมิใจของสินค้าที่ผลิตในประเทศอย่างแท้จริงครอบครัวหลินเองก็ได้ย้ายออกจากบ้านหลังเดิมมาอาศัยอยู่ในบ้านทรงลานสี่ทิศ หลังใหญ่ที่เยว่ซินทุ่มเงินซื้อมันมาแล้วตกแต่งใหม่ทั้งหมด ที่นี่กว้างขวางและงดงามราวกับจวนของขุนนางในสมัยก่อน กลางลานบ้านมีสวนหย่อมที่จัดแต่งอย่างสวยงาม มีสระปลาคาร์ปเล็ก ๆ และต้นไหวที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ปร

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๒ เปิดโปงสู่สาธารณะ

    หากคิดจะจับ ก็ต้องแสร้งปล่อยไปก่อนนี่คือกลยุทธ์ที่หลินเยว่ซินและลู่เฟิงได้วางไว้ร่วมกัน...สองวันหลังจากที่ซูเหม่ยลี่ได้จ่ายเงินก้อนสุดท้ายของเธอไป บทความชิ้นเอกอันแสนสกปรกของเฒ่าเหมาก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ใต้ดินฉบับหนึ่ง มันถูกนำไปแจกจ่ายตามร้านน้ำชาและแผงลอยต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง เรื่องราวที่ถูกปรุงแต่งขึ้นอย่างสุดฝีมือได้สร้างความสับสนให้กับผู้คนอีกครั้ง ความสงสัยระลอกใหม่เริ่มซัดสาดเข้าใส่ชื่อเสียงของหลินเยว่ซินอีกคราทางฝั่งร้านใบไหวดีไซน์ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ยอดขายตกลงเล็กน้อย และมีเสียงซุบซิบนินทาจากลูกค้ามากขึ้น หลินเยว่ซินดูเหมือนจะตกอยู่ในภาวะตั้งรับ เธอเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาโต้ตอบใด ๆ ท่าทีที่ดูเหมือนยอมจำนนนี้เองที่ทำให้ซูเหม่ยลี่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ แต่แล้ว ในขณะที่ข่าวลือกำลังคุกรุ่นถึงขีดสุด ร้านใบไหวดีไซน์ก็ได้เคลื่อนไหวในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดบัตรเชิญที่ถูกออกแบบอย่างสวยหรูได้ถูกส่งไปยังสำนักข่าวทุกแขนง ทั้งสื่อท้องถิ่นและสื่อสิ่งพิมพ์ระดับมณฑล เนื้อหาในบัตรเชิญระบุว่าทางร้านจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๑ สิ้นไร้หนทาง

    ลมหนาวในช่วงปลายปี พัดพาเอากลิ่นอายของเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงให้ลอยอบอวลไปทั่วทั้งเมือง บนถนนหนทางประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงสดใส ผู้คนต่างมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมเฉลิมฉลองวันปีใหม่ แต่สำหรับตระกูลซูแล้วฤดูหนาวในปีนี้มันช่างหนาวเหน็บและโหดร้ายเสียเหลือเกินธุรกิจที่เคยยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ล่มสลายลงโดยสมบูรณ์แล้ว...การที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ถูกระงับไปอย่างรวดเร็วผิดปกติ เป็นดั่งสิ่งสุดท้ายที่ทำให้คู่ค้าและธนาคารต่างหมดสิ้นความเชื่อมั่นในตระกูลซู พวกเขารู้ดีว่าตระกูลซูไม่เพียงแต่กำลังจะล้มละลาย แต่ยังไปเหยียบตาปลาของผู้มีอำนาจระดับสูงเข้าให้อีกด้วย ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาอีกตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาวะสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างแท้จริง คฤหาสน์หลังงามกำลังจะถูกยึดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทรัพย์สินเงินทองที่เคยมีก็ร่อยหรอลงไปจนแทบไม่เหลือ พวกเขาไม่มีทางไปอีกแล้วค่ำคืนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบงันอันน่าสมเพชภายในคฤหาสน์ที่เคยโอ่อ่า ซูเจิ้งกั๋วที่บัดนี้ดูแก่ชราลงไปนับสิบปีได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ“เรายังเหลือหนทางสุดท้าย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status