หลินอ้ายตื่นขึ้นตั้งแต่ยามอิ๋น (ประมาณตีสามถึงตีห้า) หลังจากล้างหน้าและจัดผมเรียบร้อยแล้ว นางก็ก่อไฟในเตาอย่างเบามือเพื่อไม่ให้คนในบ้านตื่น นางตั้งใจทำอาหารเช้าอย่างง่าย ๆ ให้สามีและลูกสาวก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไปขายปลาที่อำเภอไห่ตง
"วันนี้ต้องทำข้าวต้มใส่ปลาเสียหน่อย จะได้มีแรงเดินทาง" หลินอ้ายพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
นางหั่นปลาสดเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นเติมน้ำซุปหอมกรุ่นลงไปในหม้อ ก่อนจะหยิบข้าวสุกที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานลงไปต้ม เสียงน้ำเดือดพล่านในหม้อผสานกับกลิ่นหอมของปลาและขิงที่ลอยฟุ้งไปทั่วครัว ทำให้หลินอ้ายรู้สึกอิ่มเอมใจ
เพียงหนึ่งเค่อ (ประมาณ 15 นาที) หลังจากนั้น หลินฉางหยูและหลินฉิงอันก็ตื่นขึ้นมา เสียงก้าวเท้าของพวกเขาดังขึ้นพร้อมกับเสียงสนทนาที่แสนอบอุ่น
"ท่านแม่ ท่านตื่นเช้าเช่นนี้อีกแล้วหรือ?" หลินฉิงอันถามพลางยิ้มให้อย่างเอ็นดู นางเดินเข้ามาช่วยมารดาหยิบตะเกียบและถ้วย
หลินอ้ายหันมายิ้มตอบ
"ข้าต้องเตรียมอาหารให้พวกเจ้าเดินทางอย่
หลินฉิงอันก้าวไปข้างหน้าพลางกล่าวอย่างสุภาพ"พวกเรามีปลาสดที่จับมาจากแม่น้ำบนเขาเจ้าค่ะ อยากจะมานำเสนอให้กับโรงเตี๊ยมไห่ถังของท่าน หากท่านสนใจ ข้าคิดว่าพวกท่านคงจะพอใจกับคุณภาพของปลานี้"เมื่อเขาเห็นปลาสดที่อยู่บนรถเข็นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น"โอ้โห! ปลาสดงามถึงเพียงนี้ พวกท่านเป็นผู้จับมาหรือ?" เสี่ยวเอ้อถามด้วยความตื่นเต้นหลินฉางหยูพยักหน้า"ใช่แล้ว พวกเราเป็นชาวบ้านที่จับปลาเองจากแม่น้ำบนเขา ทุกตัวในนี้เพิ่งจับมาเมื่อวานและดูแลอย่างดีจนถึงตอนนี้ ท่านลองตรวจดูได้"เสี่ยวเอ้อก้มลงมองปลาก่อนจะหยิบปลาตัวหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ ๆ เนื้อปลาสดใสและยังมีกลิ่นน้ำจาง ๆ ที่บ่งบอกถึงความสดใหม่"ยอดเยี่ยมจริง ๆ!" เสี่ยวเอ้ออุทานออกมา ก่อนจะยิ้มกว้าง"พวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปเรียกเถ้าแก่ให้มาตรวจดูด้วยตนเอง เถ้าแก่ของเราเป็นคนที่ชอบวัตถุดิบสดใหม่เช่นนี้มาก"ไม่นานนัก ชายวัยกลางคนรูปร่างสมส่วนในช
แสงอาทิตย์ยามบ่ายอ่อนโยนทอดผ่านแมกไม้ที่ไหวลู่ตามสายลม หลินฉิงอันกับหลินฉางหยูเดินเข็นรถเข็นกลับจากอำเภอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและการซื้อขายมาตลอดวัน แต่ความสำเร็จที่ได้จากการขายปลาครั้งนี้ก็ทำให้ทั้งคู่รู้สึกคุ้มค่า“ท่านพ่อ” หลินฉิงอันเอ่ยขึ้นพลางหันมามองบิดา“ลูกคิดว่าการจับปลาควรวางแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้น หากเราจับปลาในวันเดียวกับที่ต้องส่งปลา ข้ากลัวว่าจะเร่งรีบจนเกิดความผิดพลาด”หลินฉางหยูพยักหน้าพร้อมขมวดคิ้วครุ่นคิด“เจ้าพูดถูกนัก หากพวกเราจับปลาก่อนหนึ่งวันแล้วพักให้ตัวปลาสดชื่นในโอ่งดินก่อนนำไปส่ง คงจะดีกว่า”“อีกอย่าง” หลินฉิงอันเสริม“ลูกคิดว่าเราควรเตรียมของเพิ่มเติม เช่น ผ้าคลุมสำหรับป้องกันแสงแดดเผาตัวปลา หากทำเช่นนี้ โรงเตี๊ยมไห่ถังคงพึงพอใจในคุณภาพของปลามากขึ้น”หลินฉางห
"แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเจ้าค่ะ ตอนนี้เรามีเงินเหลือจากการขายปลาตั้ง 500 อีแปะหลังจากซื้อของทุกอย่างแล้ว!"น้ำเสียงของหลินฉิงอันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ"มากถึงเพียงนั้นเลยหรือ?"หลินอ้ายมีสีหน้าตกใจปนดีใจ ขณะยื่นมือมารับถุงเงินที่หลินฉางหยูส่งให้ นางเปิดถุงดู เห็นเหรียญอีแปะเรียงกันอย่างเป็นระเบียบในถุงผ้าสีน้ำตาลเล็ก ๆ"เจ้าค่ะ ข้าไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ทุกคนในบ้าน รวมทั้งซื้อข้าวสาร เนื้อ และเครื่องปรุงต่าง ๆ กลับมาให้ท่านแม่ใช้ในครัว แต่ยังเหลือเงินอีกตั้ง 500 อีแปะ แน่ะเจ้าค่ะ" หลินฉิงอันบอกอย่างกระตือรือร้นหลินอ้ายมองเงินในถุงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ดีจริง ๆ ครอบครัวเราจะได้มีเงินเก็บไว้เผื่อยามจำเป็น อันเอ๋อร์ เจ้าเก่งนัก"หลังจากจัดเก็บของเสร็จ ทุกคนในครอบครัวก็มานั่งล้อมวงกินอาหารเย็นด้วยกันบนโต๊ะไม้ในครัว มีแสงตะเกียงน้ำมันเล็ก ๆ ส่องแสงให้บรรยากาศอบอุ่นหลินฉางหยูเริ่มเล่าถึงแผนการจับปลาและการทำสัญญากับโรงเตี๊ยมไห่ถัง"
แสงแรกของวันสาดส่องลงมายังหมู่บ้านต้าไห่ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นสีทองอ่อน หมอกบาง ๆ ลอยเอื่อยบนยอดเขา ชาวบ้านเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการหาบน้ำและเตรียมของไปนา แต่วันนี้กลับมีเสียงกระซิบกระซาบแพร่กระจายอยู่ตามลานหมู่บ้านตั้งแต่เช้ามืด"เจ้ารู้หรือไม่? ได้ยินว่าบ้านตระกูลหลินที่เพิ่งแยกบ้านไปจากตระกูลจู ขโมยสมบัติของตระกูลจูไปเพียบ! มิน่าล่ะถึงได้มีข้าวของมากมายเช่นนี้!""จริงหรือ! บ้านหลินที่ว่าเป็นคนดีมีศีลธรรม ข้าก็นึกว่าพวกเขาขยันทำมาหากินเสียอีก""จะขยันอะไรกัน พวกมันก็แค่โจรดี ๆ นี่เอง! ข้าล่ะสงสารตระกูลจูเสียจริง ต้องมาเสียของไปเพราะพวกมัน"คำพูดเหล่านี้มาจากกลุ่มชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากท้องนา ทุกคนฟังแล้วต่างเริ่มสงสัย หลายคนพากันหยุดทำงานกลางคันเพื่อซักถามรายละเอียดจากผู้พูดจูฉางไห่เดินเข้ามาในลานหมู่บ้านพร้อมกับสีหน้ามืดครึ้ม แต่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง เขาจงใจเดินเข้าไปหากลุ่มชาวบ้านและเริ่มบ่นให้ได้ยิน
เมื่อครอบครัวหลินนำหลักฐานเป็นสัญญาซื้อขายปลามาให้ผู้ใหญ่บ้านตรวจสอบ ชาวบ้านที่มุงดูต่างพากันซุบซิบด้วยความอยากรู้และความอิจฉาที่เริ่มก่อตัวขึ้น"สัญญาซื้อขายปลา! แค่ได้ยินก็รู้ว่าตระกูลหลินต้องได้ราคาดีไม่น้อยแน่ ๆ!""จริง ข้าเองยังไม่เคยเห็นใครในหมู่บ้านเรามีเอกสารแบบนี้เลย"ผู้ใหญ่บ้านหลี่จื่อเฉิงตรวจสอบเอกสารด้วยความละเอียดถี่ถ้วน ใบหน้าที่เคร่งขรึมอยู่เสมอเริ่มมีรอยยิ้มแห่งความพอใจ"หลินฉางหยู หลินฉิงอัน พวกเจ้าทำได้ดีมาก นี่เป็นสัญญาที่แสดงถึงการทำมาค้าขายอย่างขยันขันแข็ง ข้าในฐานะผู้ใหญ่บ้านขอรับรองว่าพวกเจ้าคือชาวบ้านที่ตั้งใจทำมาหากินจริง ๆ"ชาวบ้านที่ยืนฟังอยู่เริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง"ดูเหมือนพวกเขาจะมีอนาคตที่ดีแล้วนะ""ใช่ แต่เจ้าไม่คิดหรือว่าตระกูลจูอาจไม่ปล่อยเรื่องนี้ง่าย ๆ?"ด้านแม่เฒ่าจูและจูฉางไห่ที่ยืนฟังอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของทั้งคู่แสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน แม่เฒ่าจูขยับเข้าไปหาจูฉางไห่พร้อมพูดด้วยเสียงเบา
หลังจากเดินทางเกือบครึ่งชั่วยาม สองพ่อลูกก็มาถึงลำธารกลางหุบเขาที่มีน้ำใสแจ๋วไหลเอื่อยๆ เสียงน้ำกระทบโขดหินดังก้องไปทั่วบริเวณ หลินฉางหยูวางตะกร้าลงบนพื้นแล้วหันไปมองรอบ ๆ"วันนี้ปลาคงมากเหมือนเดิม หากเราได้ครบสองร้อยตัวเร็ว พ่อก็อยากกลับไปช่วยแม่เจ้าเตรียมมื้อกลางวัน""ข้าจะช่วยเต็มที่เจ้าค่ะ ท่านพ่อ วันนี้ต้องจับได้เร็วกว่าครั้งก่อนแน่นอน"สองพ่อลูกเริ่มลงมือทำงาน หลินฉิงอันเตรียมตาข่ายและไม้ไผ่สำหรับจับปลา ส่วนหลินฉางหยูเดินสำรวจหาที่วางตะกร้าใบใหญ่เพื่อรอใส่ปลาที่จับได้สองพ่อลูกเดินไปยังหลุมดักปลาที่เคยขุดเอาไว้ พวกเขาช่วยกันจับปลาใส่ตะกร้าคนละไม้คนละมืออย่างรวดเร็วหลินฉิงอันที่จับปลาอยู่อีกหลุมหนึ่งใกล้ ๆ ยกปลาตัวใหญ่ให้หลินฉางหยูดูพร้อมรอยยิ้มกว้าง"ตัวนี้ตัวใหญ่จริง ๆ ท่านพ่อ""ใช่แล้ว ข้าว่าปลาวันนี้คงอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว"หลังจากจับ
หลินฉิงอันไม่เสียเวลา นางรีบสะพายตะกร้าสานที่มีสายรัดแข็งแรง พร้อมเตรียมมีดเล่มเล็กไว้ใช้สำหรับตัดสมุนไพรหรือผลไม้ป่า นางสวมรองเท้าผ้าเรียบง่ายที่เหมาะสำหรับเดินทางไกล และผูกผ้าคลุมไหล่กันแดดกันลมเมื่อทุกอย่างพร้อม นางมุ่งหน้าสู่เนินเขาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านหลินฉางหยูมองตามลูกสาวจนลับสายตา จากนั้นจึงเริ่มตรวจสอบรถเข็นของตนเองอย่างละเอียด เขาหมอบลงใกล้ล้อรถเข็นที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง ใช้มือสัมผัสตรวจดูความมั่นคงของแกนล้อ"ต้องแน่ใจว่ารถเข็นนี้ใช้งานได้ดีทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นปลาที่เราหามาอย่างลำบากจะเสียหายได้ง่าย ๆ" เขาพึมพำกับตนเองทางขึ้นเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นและพุ่มไม้สูง หลินฉิงอันเดินไปตามทางเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านใช้เดินผ่านในยามต้องการเก็บของป่า ตลอดทางเสียงนกร้องและสายลมเย็นพัดผ่านทำให้นางรู้สึกสดชื่น"วันนี้ลมเย็นดีจริง หากโชคดีอาจจะพบผลหมากรากไม้ดี ๆ หรือสมุนไพรที่ขายได้ราคาก็เป็นได้" นางพูดกับตัวเองอย่างรื่
ยามฟ้าสาง หลินฉิงอันกับหลินฉางหยูเข็นรถปลาที่มัดไว้เรียบร้อยด้วยตาข่ายก้าวออกจากบ้าน แม้จะยังคงมีสายลมเย็นแห่งรุ่งเช้าพัดผ่าน แต่บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความคึกคักของการทำงานอย่างตั้งใจทำให้สองพ่อลูกมีพลังเต็มเปี่ยม การเดินทางครั้งนี้ไม่มีการหลบเลี่ยงหรืออ้อมไปทางใดอีก ชาวบ้านในตำบลต่างรับรู้แล้วว่าครอบครัวหลินมีสัญญาส่งปลากับโรงเตี๊ยมไห่ถังเสียงล้อรถเข็นกระทบกับทางดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หลินฉิงอันเดินอยู่ข้างหน้า สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจและความกระตือรือร้น ขณะที่หลินฉางหยูเดินตามหลังพร้อมมือที่จับคันรถแน่น“ลูกพ่อ หากเราขยันอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อีกไม่นานความเป็นอยู่ของเราจะดีขึ้นแน่ ๆ” หลินฉางหยูเอ่ยพลางยิ้มให้ลูกสาวหลินฉิงอันพยักหน้ารับพลางหันมายิ้ม “ข้าเองก็เชื่อเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านพ่อ เราต้องตอบแทนเถ้าแก่หลิวให้ดีที่สุด เพราะเขาให้โอกาสเราขายปลา”เมื่อถึงหน้าโรงเตี๊ยมไห่ถังในยามฟ้ายังมืด เสี่ยวเอ้อที่เฝ้าประตูยิ้มต้อนรับสองพ่
หลังผ่านงานหมั้นของหลินฉิงอันไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เข้าไปในเมืองก็กระจายข่าวดีนี้ให้ญาติมิตรที่เข้ามาซื้อสิ่งของกันในช่วงหน้าหนาวฟังกัน กระทั่งข่าวแพร่ไปถึงเจ้าเมืองเติ้ง เขายังไม่ได้นำของขวัญไปอวยพรปีใหม่เหิงอันโหวเลย พอได้ยินข่าวว่าหลินฉิงอันขุนนางขั้นสี่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพเหิงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวของเหิงอันโหวก็ยิ่งอยากไปเยี่ยมเยียนพวกเขาที่บ้านฮูหยินของเจ้าเมืองเติ้งเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับครอบครัวหลินเช่นกัน นางคิดว่าหากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันแล้ว สามีของนางคงได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย“ท่านพี่ หรือเราจะเตรียมของขวัญไปมอบให้ท่านโหวกับครอบครัวหลินดีเจ้าคะ”“ความคิดเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็สั่งพ่อบ้านหาสิ่งของมีค่าไปมอบให้พวกเขาวันพรุ่งนี้กันดีหรือไม่ เจ้าเองก็ช่วยสานสัมพันธ์กับฮูหยินหลินแทนข้าด้วยก็แล้วกันนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากรู้จักนางเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดลูก ๆ ของนางจึงต่างมีความสามารถกันมากตั้งแต่
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต
งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ยิ่งกับการกินหมูกระทะในครั้งนี้นั้นทำให้ทุกคนต่างติดอกติดใจ หลินฉิงอันจึงมอบเตาและกระทะให้กับบ่าวและครอบครัวท่านลุงของนางเป็นของขวัญด้วยก่อนงานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง หลินฉิงอันก็นำหยกพกมอบให้กับบ่าวทั้งหมดรวมทั้งคนในครอบครัวของนางเอง ส่วนของบ้านท่านลุงนั้นนางไม่ได้ทำให้ เพราะนางอยากให้พวกเขาออกแบบลวดลายบนหยกด้วยตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเงินให้ครอบครัวท่านลุง 500 ตำลึงเพื่อนำไปทำหยกพกเช่นกัน คราแรกท่านลุงของนางไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ แต่ด้วยเหตุผลและการคะยั้นคะยอของคนในครอบครัวทำให้เขาต้องยิ้มรับมาอย่างจนใจ เขายังสัญญากับครอบครัวน้องสาวด้วยว่าจะนำเงินนี้ไปใช้จ่ายตามที่หลานสาวของเขาต้องการเหิงอันโหวกับคนในจวนโหวที่มาต่างยอมรับนับถือในความใจกว้างของครอบครัวหลินฉิงอัน น้อยนักที่พวกเขาจะเห็นครอบครัวชาวบ้านยอมจ่ายเงินจำนวนมากออกไปอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ยิ่งพ่อบ้านคนสนิทของเหิงอันโหวที่มาเพราะอยากเห็นหน้าว่าที่หลานสะใภ้ของท่านโหวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งยอมรับในความมีน้ำใจของครอบครัวว่าที่นายหญิ
ก่อนเที่ยงวัน หวังไห่ หลี่หมิง เหมยลี่และอิงฮวาก็เดินทางมาถึงเรือนหลัก พวกเขารีบเข้าไปคารวะเหล่านายท่านที่กำลังรออยู่“คาราวะนายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ”“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ก่อนมาที่นี่ พวกเจ้าปิดร้านกันดีแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนูใหญ่ นี่เป็นสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม ข้าน้อยนำมาให้ท่านตรวจสอบด้วยขอรับ”หลินฉิงอันยื่นมือไปรับสมุดบัญชีทั้งสองเล่มมาวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ก่อนจะบอกให้พวกเขานำสัมภาระไปเก็บที่เรือนพักในที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง เพราะที่นั่นยังมีเรือนพักว่างอีกมากนักหวังไห่กับคนอื่น ๆ ขอตัวลาเหล่านายท่านก่อนจะออกไปขับรถม้าไปยังที่ดินอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของที่นำมาด้วย โดยมีโจวซานทำหน้าที่พ่อบ้านเดินตามรถม้าของพวกเขาไปยังเรือนพักตั้งแต่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว บ้านหลินก็หยุดการรับซื้อผลไม้ทั้งหมดและให้บ่าวช่วยกันแช่อิ่มผลไม้ที่เหลื
หลังจากองครักษ์ทั้งแปดนำสิ่งของต่าง ๆ ที่หลินฉิงอันสั่งคนจัดเตรียมเอาไว้ขึ้นเกวียนครบแล้ว พวกเขาก็ใช้ม้าหกตัวในการลากเกวียน ส่วนม้าอีกสองตัวนั้นวิ่งขนาบข้างคอยคุ้มกันสิ่งของบนเกวียนใหญ่ก่อนที่ขบวนขององครักษ์จิงหยานจะออกเดินทาง เหิงอันโหวได้ฝากจดหมายให้พวกเขานำไปส่งหลานชายด้วย หลินฉิงอันเองก็ฝากจดหมายไปเช่นกัน นางยังแนบแบบเกือกม้าและอานทั้งหมดให้ไปด้วย เพราะนางเห็นว่าสิ่งของพวกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพของเหิงจิ้งกั๋ว“พวกเจ้าออกเดินทางได้แล้ว ประเดี๋ยวหิมะจะตกลงมาเสียก่อน”“ขอรับนายท่านผู้เฒ่า” องครักษ์ทั้งแปดรีบรับคำเหิงอันโหว“ขอให้พวกพี่ชายเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าถ้าหิมะตกให้เปลี่ยนล้อเป็นแบบลากเลื่อนด้วยนะเจ้าคะ จะได้เดินทางสะดวก”“ขอรับคุณหนูหลิน ขอบคุณสำหรับเสบียงระหว่างเดินทางด้วยขอรับ”เหิงอันโหวกลัวว่าพวกเขาจะออกเดินทางสายไปมากกว่
อีกสองสัปดาห์จะเข้าหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลินฉิงอันนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นในปีที่แล้วขึ้นมา นางจึงคิดที่จะสร้างเกือกม้าและอานม้า รวมทั้งชุดม้า ลา สำหรับให้พวกมันใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นด้วยหลินฉิงอันใช้เวลาว่างถึงสามวันวาดแบบออกมาเท่าที่นางจำได้ จากนั้นจึงนำแบบไปปรึกษากับเฉียนซื่อและเฉินกังก่อนให้พวกเขานำเงินไปสั่งทำที่ร้านตีเหล็กในเมือง นางไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือไม่จึงให้เงินพวกเขาไป 100 ตำลึงเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนหนังสัตว์ที่นางต้องการนำมาให้ท่านแม่กับพี่สาวหลิงฟางเย็บให้นั้นก็สั่งให้พวกเขาซื้อมาด้วยจำนวนมาก นางให้เงินพวกเขาไปอีก 100 ตำลึงเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลากลับมานำเงินไปซื้อของหลายครั้งหลินอ้ายไม่ได้ทักท้วงอะไรที่เห็นหลินฉิงอันใช้เงินจำนวนมากในครั้งนี้ นางรู้ดีว่าบุตรสาวทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของคนในบ้านทั้งนั้น เรื่องชุดในบ้านที่นางเองจะมอบให้บ่าวรับใช้ก็เสร็จครบทั้งหมดแล้ว หลินอ้ายนึกถึงเสื้อคลุมกันหนาวขึ้นมาได้ นางจึงคิดจะส่งโจวซานไปสอบถามราคาที่ร้านค้าดูก่อน หากราคาแพงเกินไป นางค
สองวันต่อมา หลินฉิงอันเข้าเมืองกับชุนจินเพื่อไปรับหยกพกที่นางสั่งทำไว้ก่อนหน้านี้ หลินฉิงอันจ่ายเงินที่เหลือก่อนจะรับหยกพกมาตรวจสอบดู รูปแบบหยกที่สลักออกมาทำได้อย่างสวยงามตามที่นางวาดภาพเอาไว้ให้ช่างแกะสลัก ซึ่งหลินฉิงอันให้ช่างแกะสลักเป็นรูปผลไม้ต่าง ๆ รอบตัวหยก ตรงกลางมีคำว่า “林” สลักเอาไว้อย่างสวยงาม หยกพกของบ่าวทั้งหมดเหมือนกัน ส่วนหยกพกอีกห้าอันสำหรับคนในครอบครัวนั้น หลินฉิงอันใช้รูปเมฆมงคลและศาลากลางน้ำหลังเล็กโดยตรงกลางสลักคำว่า “หลิน” เช่นกัน เพิ่มเติมเพียงด้านหลังจะมีชื่อเจ้าของหยกแต่ละอันสลักเอาไว้ สีของหยกยังเป็นหยกมันแพะสีขาวนวล แตกต่างจากสีหยกของบ่าวในเรือนที่เป็นหยกสีเขียวธรรมดาหลังจากรับของมาทั้งหมดแล้ว หลินฉิงอันนำถุงหยกทั้งสองถุงเก็บเอาไว้ในรถม้าอย่างดี ก่อนที่นางจะไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องปรุงรสเพิ่มเติม รวมทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองเพิ่มด้วย ถึงแม้เมื่อวานทางร้านจะนำไปส่งที่บ้านนางจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันก็ยังคงเผื่อเหลือเอาไว้อีกนิดหน่อย นางรู้ดีว่าการเ
คืนนั้นหลินฉิงอันใช้เวลาครึ่งค่อนคืนเพื่อเขียนรายการสิ่งของจำเป็น เสบียงอาหารที่จะต้องซื้อในปีนี้ให้พอเพียงกับคนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว นางคิดด้วยว่าปีที่แล้วนางชวนครอบครัวกินหม้อไฟไปแล้ว ปีนี้นางอยากให้พวกเขาได้ลองกินหมูกระทะดูบ้าง หลินฉิงอันจึงร่างแบบหม้อสำหรับทำหมูกระทะตามความทรงจำในภพก่อนออกมา ด้วยคนจำนวนมากในบ้าน หลินฉิงอันคิดจะสั่งทำหม้อสัก 50 ใบเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนเตานั้นนางก็จะต้องซื้อเพิ่มมาด้วยเพื่อให้พอเพียงสำหรับวางหม้อหมูกระทะที่นางต้องการหลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันอ่านรายการสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ พร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมากให้หลินอ้ายและหลินฉางหยูฟังเป็นเวลานาน หลินอ้ายและหลินฉางหยูยังบอกรายการสิ่งของเพิ่มเติมสำหรับการนำมาเป็นเสบียงอาหารในปีนี้ด้วย พวกเขาคิดว่าคนจำนวนมากจะต้องได้กินอิ่มนอนหลับในขณะที่อยู่ร่วมกันกับพวกเขาที่หมู่บ้านหลินฉิงอันไม่ได้ปฏิเสธรายการต่าง ๆ ที่พ่อและแม่นางเสนอ หลินฉิงอันทำเพียงแค่เพิ่มรายการต่าง ๆ เข้าไปในกระดาษเท่านั้น“ลูกค