เปลือกตาของ ณลิน หนักอึ้ง เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ความเจ็บปวดจากการถูกรถชน ภาพใบหน้าที่เฉยชาของคิมหันต์ และเสียงสะอื้นของปอร์เช่ ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิด สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือแสงสีขาวจ้าที่กลืนกินทุกสิ่ง
แต่...ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกสบายตัวอย่างประหลาด? ดวงตาคู่สวยค่อยๆ กระพริบ เปิดรับแสงสว่างยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามาในห้องนอนที่แสนคุ้นเคย ณลินกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา นี่คือห้องนอนของเธอในบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง "ฉันตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" เสียงของเธอแหบพร่า พึมพำกับตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา เธอขยับกายลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่มดุจปุยเมฆ ก้าวเดินอย่างเชื่องช้าแต่เร่งรีบไปยังกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ภาพสะท้อนในกระจกคือหญิงสาววัย 25 ปี ที่สมบูรณ์แบบ ไร้บาดแผล ไร้รอยขีดข่วนใดๆ เธอสัมผัสใบหน้าเรียวสวยของตัวเอง นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามเส้นผมยาวสลวยที่ปรกบ่า แขนขาของเธอยังคงแข็งแรง ไม่ได้บอบช้ำราวกับคนที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุร้ายแรง สิ่งนี้ทำให้เธอสับสนงุนงงอย่างหนัก "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน... ฉันฝันไปงั้นเหรอ?" เธอเขย่าศีรษะเบาๆ พยายามสลัดความรู้สึกไม่จริงออกจากความคิด แต่ภาพของปอร์เช่ที่ร้องไห้แทบขาดใจกลับแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ ก๊อกๆ! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับเสียงทุ้มใจดีของ คุณป้าศรี แม่บ้านเก่าแก่ของบ้าน ที่ดังลอดเข้ามา "คุณหนูรินคะ ตื่นหรือยังคะ? คุณปอร์เช่มารอด้านล่างแล้วค่ะ" คำพูดของคุณป้าศรีดังก้องอยู่ในหัวของณลิน ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนประหลาดใจ ปอร์เช่... อดีตคู่หมั้นของเธอ? ทำไมเขาถึงมาที่นี่? และที่สำคัญ...คำพูดของคุณป้าศรีทำให้เธอตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญยิ่งกว่า "วันนี้... วันนี้ฉันจะไปถอนหมั้นกับปอร์เช่..." เสียงพึมพำกับตัวเองนั้นสั่นเครือไปด้วยความตื่นเต้น ณลินวิ่งตรงไปยังปฏิทินที่แขวนอยู่บนผนังห้อง ดวงตาจับจ้องไปที่วันที่ในปฏิทิน นั่นเป็นวันที่เธอจำได้แม่นยำ วันที่เธอตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต วันที่เธอทิ้งปอร์เช่ไปเลือกคิมหันต์ "ฉันย้อนเวลากลับมา! ย้อนกลับมาจริงๆ ด้วย!" ความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจมาตลอดในชาติที่แล้วผสมกับความปิติยินดีอย่างสุดซึ้งถาโถมเข้ามา ณลินทรุดตัวลงกับพื้นห้อง เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ราวกับจะขอบคุณบางสิ่งบางอย่างที่มอบโอกาสอันล้ำค่านี้ให้แก่เธอ "ขอบคุณพระเจ้าที่ยังให้โอกาสฉัน... ขอบคุณจริงๆ!" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาแห่งความซาบซึ้งและโล่งใจไหลอาบแก้ม เธอจะไม่มีวันทำผิดพลาดซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด! ณลินรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากพื้น ลากตัวเองเข้าห้องน้ำทันที เธออาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แม้หัวใจจะเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและความปรารถนาที่จะได้เห็นหน้าปอร์เช่ แต่เธอก็พยายามสงบสติอารมณ์เพื่อไม่ให้ดูผิดปกติจนเกินไป ไม่นานนัก หญิงสาวก็เดินลงบันไดบ้านมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส รอยยิ้มที่สดใสประดับอยู่บนริมฝีปากที่เคยซีดเซียวจากความเศร้าหมองในชาติที่แล้ว "คุณป้าศรีคะ! คุณปอร์เช่อยู่ที่ไหนคะ?" เธอเอ่ยถามแม่บ้านด้วยน้ำเสียงร่าเริงผิดปกติจนคุณป้าศรีหันมามองด้วยความแปลกใจเล็กน้อย "คุณปอร์เช่รอด้านล่างอยู่ครับคุณหนู อยู่ที่สวนหลังบ้านค่ะ" คุณป้าศรีตอบด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินดังนั้น ณลินก็รีบวิ่งตรงไปยังสวนหลังบ้านทันที หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับกลองศึก ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น เมื่อเธอวิ่งไปถึงสวนกุหลาบอันร่มรื่น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่คุ้นเคย ปอร์เช่ กำลังยืนมองพุ่มกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์อย่างเหม่อลอย แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงบนร่างของเขา ทำให้เขายิ่งดูโดดเด่นและอบอุ่น ณลินไม่ลังเล เธอไม่สนใจว่าปฏิกิริยาของเขาจะเป็นอย่างไร เธอวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างสูงจากด้านหลังอย่างแน่นหนา ความอบอุ่นที่ได้รับจากอ้อมกอดของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำตาแห่งความสุขและความโล่งใจไหลอาบแก้มอีกครั้ง ปอร์เช่ที่ถูกสวมกอดอย่างกะทันหันถึงกับผงะไปเล็กน้อย ร่างกายของเขาแข็งทื่อด้วยความประหลาดใจ เขาหันกลับมามองใบหน้าของณลินที่ซบอยู่ที่แผ่นหลังของเขา ดวงตาคมกริบของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยระคนงุนงง "ริน... เธอเป็นอะไรไป?" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยถามอะไรไปมากกว่านี้ ณลินก็เงยหน้าขึ้นจากแผ่นหลังของเขา และพูดออกมาอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าถ้าพูดช้าไปแล้วจะไม่มีโอกาสอีก "ปอร์เช่... ฉัน... ฉันจะหมั้นกับนาย... แล้วก็จะแต่งงานกับนายด้วย!" ณลินพูดออกมาอย่างฉะฉาน ดวงตาเป็นประกายด้วยความจริงจังและมุ่งมั่น คำพูดของณลินทำให้ดวงตาของปอร์เช่เบิกกว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิม เขาจับไหล่ของเธอเบาๆ สีหน้ายังคงไม่หายงุนงง แต่แววตาเริ่มมีความหวังริบหรี่ฉายชัด "ริน... เธอ... เธอพูดจริงเหรอ?" เสียงของเขาเหมือนคนละเมอ ไม่แน่ใจว่ากำลังฝันไปหรือไม่ ณลินพยักหน้าอย่างหนักแน่น "จริงสิ! จริงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด! ฉันจะไม่ถอนหมั้นกับนายแล้ว และฉันอยากแต่งงานกับนาย... อยากอยู่กับนายตลอดไป" วินาทีนั้นเอง สีหน้างุนงงของปอร์เช่ก็แปรเปลี่ยนเป็นความดีใจสุดขีด รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาที่ณลินคิดถึง อ้อมแขนแข็งแรงของเขาโอบรัดร่างของเธอไว้แน่นกว่าเดิม ณลินรู้สึกได้ถึงหัวใจของเขาที่เต้นรัวอยู่ใกล้ๆ เธอกอดตอบเขาอย่างเต็มรัก สูดดมกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่เธอโหยหามานานแสนนาน "ริน... ขอบคุณนะ... ขอบคุณจริงๆ..." เขาพึมพำข้างหูเธอ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสุขจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ปอร์เช่ก็คลายอ้อมกอดออกช้าๆ เขายังคงจับมือของเธอไว้แน่น ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักมองสบกับดวงตาของเธอ "งั้น... วันนี้เราจะไปกินข้าวร้านไหนกันดี? ฉันจะฉลองให้กับการกลับมาของเรา... และการเริ่มต้นใหม่ของเรา" เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ณลินยิ้มตอบ พลางนึกถึงร้านอาหารที่เธอโปรดปราน "ไปร้านอาหารฝรั่งเศสร้านประจำของฉันดีไหม? ร้านนั้นอาหารอร่อยมากเลยนะ" "แน่นอน! เธออยากไปไหน ฉันก็จะพาไป" ปอร์เช่ตอบอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน ณลินกับปอร์เช่ก็เดินทางมาถึงร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดัง บรรยากาศภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของอาหารชั้นเลิศ และเสียงเพลงคลอเบาๆ ณลินเดินควงแขนปอร์เช่เข้ามาในร้านด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เธอรู้สึกเหมือนฝันไป ความสุขแบบนี้เธอไม่เคยสัมผัสมานานเท่าไรแล้วนะ แต่แล้ว... รอยยิ้มบนใบหน้าของณลินก็พลันแข็งค้างลง เมื่อสายตาของเธอกวาดไปเห็นโต๊ะมุมหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูทางเข้า คิมหันต์ กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น... และที่สำคัญกว่านั้น พิม น้องสาวบุญธรรมของเธอก็กำลังนั่งอยู่กับเขา ใบหน้าของพิมฉายแววร่าเริงสดใส ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้เป็นสาเหตุให้ชีวิตของณลินต้องจบลง ณลินนิ่งงันไปชั่วขณะ หัวใจของเธอเต้นระรัวอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความสุข มันคือความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความตกใจ ความแค้น และความรู้สึกผิดหวังในอดีตที่ยังคงฝังลึกเผชิญหน้ากับอดีตและประกาศกร้าววินาทีที่ ณลิน เห็นภาพของ คิมหันต์ และ พิม นั่งร่วมโต๊ะกันในร้านอาหารฝรั่งเศสที่เธอตั้งใจจะมาทานกับ ปอร์เช่ หัวใจของเธอก็รู้สึกเหมือนถูกบีบรัด ภาพความทรงจำในชาติที่แล้วที่คิมหันต์ปฏิเสธเธอด้วยข้ออ้างว่ามีธุระสำคัญ ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ความโกรธแค้นและเจ็บปวดแล่นแปลบไปทั่วร่าง แต่ ณลินในตอนนี้ไม่ใช่ ณลินคนเดิมอีกแล้ว เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกเธอหันไปมองปอร์เช่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาเองก็มองเห็นคิมหันต์แล้วเช่นกัน ดวงตาคมกริบของปอร์เช่ฉายแววเข้าใจสถานการณ์ทันที ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการบอกว่าเขาพร้อมจะตามใจเธอทุกอย่าง"ปอร์เช่คะ... เราเปลี่ยนร้านกันดีกว่าไหมคะ?" ณลินเอ่ยเสียงเบา แต่แววตาแน่วแน่ปอร์เช่ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก "ได้สิครับ คุณอยากไปที่ไหน ผมก็ตามใจ"ทั้งสองกำลังจะหันหลังกลับเพื่อเดินออกจากร้าน ทว่า..."อ้าว! พี่ริน! มาทานข้าวที่ร้านนี้ด้วยเหมือนกันเหรอคะ?"เสียงใสหวานแหลมที่เธอเกลียดแสนเกลียดดังขึ้นจากด้านหลัง ณลินรู้สึกราวกับเลือดในกายเย็นเยียบลงทันที นั่นคือเสียงของ พิม น้องสาวบุญธรรมที่เธอเคยรักและไว้ใจณลินค่อยๆ หันกลับไปช้าๆ ใบหน้าของ
เปลือกตาของ ณลิน หนักอึ้ง เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ความเจ็บปวดจากการถูกรถชน ภาพใบหน้าที่เฉยชาของคิมหันต์ และเสียงสะอื้นของปอร์เช่ ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิด สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือแสงสีขาวจ้าที่กลืนกินทุกสิ่งแต่...ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกสบายตัวอย่างประหลาด?ดวงตาคู่สวยค่อยๆ กระพริบ เปิดรับแสงสว่างยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามาในห้องนอนที่แสนคุ้นเคย ณลินกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา นี่คือห้องนอนของเธอในบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง"ฉันตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" เสียงของเธอแหบพร่า พึมพำกับตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา เธอขยับกายลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่มดุจปุยเมฆ ก้าวเดินอย่างเชื่องช้าแต่เร่งรีบไปยังกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องภาพสะท้อนในกระจกคือหญิงสาววัย 25 ปี ที่สมบูรณ์แบบ ไร้บาดแผล ไร้รอยขีดข่วนใดๆ เธอสัมผัสใบหน้าเรียวสวยของตัวเอง นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามเส้นผมยาวสลวยที่ปรกบ่า แขนขาของเธอยังคงแข็งแรง ไม่ได้บอบช้ำราวกับคนที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุร้ายแรง สิ่งนี้ทำให้เธอสับสนงุนงงอย่างหนัก"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน... ฉันฝันไปงั้นเหรอ?" เธอเขย่าศีรษะเบาๆ พยายามสลัด
เสียงไซเรนของรถพยาบาลดังก้องไปทั่วบริเวณลานจอดรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล ร่างที่ไร้สติของ ณลิน ถูกเข็นลงจากรถอย่างรวดเร็วและเร่งรีบที่สุด ทีมแพทย์และพยาบาลนับสิบคนกรูกันเข้ามาล้อมรอบเปลสนามทันที"คนไข้หมดสติ ชีพจรแผ่วมากครับ!" เสียงพยาบาลรายงานเสียงดัง"เตรียมห้อง ICU ด่วน! เตรียมเครื่องกระตุ้นหัวใจ!" แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินสั่งการเสียงกร้าว สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตึงเครียดและเร่งรีบเปลสนามถูกเข็นเข้าไปในห้อง ICU อย่างรวดเร็ว ประตูห้องบานใหญ่ถูกปิดลง ปล่อยให้ความวุ่นวายและความหวังสุดท้ายถูกขังไว้ภายใน ณลินรู้สึกราวกับร่างกายของเธอถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความเย็นยะเยือกเริ่มเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวด สัมผัสทุกอย่างเลือนหายไปเพียงพริบตาเดียว วิญญาณของณลินก็หลุดออกจากร่าง เธอพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง ICU บานใหญ่ ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนภายในห้อง เธอเห็นร่างของตัวเองนอนนิ่งอยู่บนเตียง surrounded ไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์มากมาย หมอและพยาบาลจำนวนมากกำลังช่วยกันปั๊มหัวใจเธออย่างไม่ลดละ เสียงเครื่องวัดชีพจรอื้ออึงอยู่ในความเงียบงันของห้อ
แสงไฟนีออนสว่างจ้าสะท้อนผิวยางมะตอยที่เปียกชื้นจากฝนพรำเมื่อครู่ รถยนต์สปอร์ตคันหรูของ ณลิน หรือ ริน ขับเคลื่อนไปบนถนนยามค่ำคืนด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ หัวใจของเธอพองโตด้วยความหวังและความเหนื่อยล้าจากการถกเถียงกับคุณพ่อเรื่องแผนการผลักดันบริษัทส่งออกเสื้อผ้าของ คิมหันต์ สามีของเธอ ให้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ณลินทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อชายที่เธอรัก เธอเชื่อมั่นในตัวเขามาตลอด และคิดว่าการที่เขามีฐานะที่มั่นคงขึ้นจะทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขาสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมลมหายใจถอนออกมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปนอกกระจก ความคิดถึงปอร์เช่ อดีตคู่หมั้นที่ไม่ได้เจอกันมานานผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง หากแต่เธอสะบัดมันทิ้งไป เธอตัดสินใจเลือกคิมหันต์แล้ว และเธอก็พร้อมจะเดินหน้าไปกับเขาอย่างเต็มที่ทันใดนั้นเอง แสงไฟขนาดใหญ่ก็สาดเข้าม่านตาของเธอจากด้านข้าง เสียงแตรรถบรรทุกที่ดังลั่นราวกับฟ้าผ่ากรีดแทรกความเงียบงันยามค่ำคืน ร่างกายของณลินแข็งทื่อไปชั่วขณะ เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะเหยียบเบรก หรือหักหลบ แรงกระแทกมหาศาลถาโถมเข้าใส่รถของเธออย่างจัง เสียงเหล็กฉีกขาดดังสนั่น ตัวรถบิดเบี้ยวผิดรูป แรงเหวี่ยงส่งให้ร่า