หลังจากที่เผลอใจไปกับบอสที่ห้องประชุม เราก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองโดยที่คุณโย่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีตั้งแต่ที่ได้ครอบครองร่างกายของฉัน
“บอสดูอารมณ์ดีนะ”
“ค่ะพี่บี คุยงานลงตัวค่ะ” ฉันบอกพี่บีแล้วหันกลับไปทำสรุปรายงานการประชุมเตรียมส่งให้เขา
“เย็นนี้ไปกินข้าวกับพี่นะ ตั้งแต่หยีมาทำงานที่ชั้นนี้พี่ยังไม่ได้ฉลองให้หยีเลย” ผู้จัดการหนุ่มชักชวนเธอ แต่ฟังดูแล้วมันเหมือนจะเป็นการมัดมือชกมากกว่า
“เย็นนี้หยีไม่ว่างค่ะ” ฉันตอบเขาแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานตรงหน้าต่อ
“งั้นพรุ่งนี้พี่จองตัวนะ” เขายังไม่ละความพยายาม แสดงออกชัดเจนว่าชอบฉันจนรู้สึกอึดอัดมากกว่าจะภูมิใจที่มีผู้ชายมาชอบพร้อมกันทั้งผู้จัดการทั้งบอส
อย่างไรฉันก็เอนเอียงไปทางบอสอยู่แล้ว แต่ว่าไม่รู้ว่าเขาจะเก็บฉันเป็นเมียลับๆ หรือว่าจะเปิดเผย ฉันเลยไม่อยากตัดพี่เชนออกจากตัวเลือกแม้จะตกเป็นของบอสไปแล้วก็ตาม
“ขอดูก่อนนะคะ” ฉันยังไม่กล้ารับปากเขาเพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้บอสจะเรียกหาไหม
และเหมือนประตูมีหู อยู่ๆ บอสก็โทรอินเตอร์คอมออกมาจากในห้องทำงานแล้วเรียกฉันให้เข้าไปพบ
“ค่ะบอส” ฉันนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขาแล้วมองใบหน้าที่ตอนนี้ดูเคร่งเครียดใส่ฉันอีกแล้ว
“ผมได้ยินนะ ที่คุณเชนเขาชวนคุณไปกินข้าวน่ะ” เขาชี้ไปที่หน้าจอมอนิเตอร์จากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้หน้าห้อง แล้วหันมามองด้วยสายตาที่ดุดัน
“ค่ะ” ฉันนึกอยู่แล้วว่าเขาต้องเรียกฉันเพราะเรื่องนี้
“ทำไมคุณไม่ปฏิเสธ”
“แล้วทำไมหยีต้องปฏิเสธล่ะคะ”
“คุณเป็นของผม”
“แบบลับๆ นะเหรอคะ ตราบใดที่หยีไม่ใช่ตัวจริงของบอส หยีก็มีสิทธิ์เลือกไม่ใช่เหรอคะ” ฉันพูดออกไปตรงๆ
“อยากเปิดตัวว่าเป็นเมียผมเหรอ” เขาแค่นยิ้มออกมา หัวใจฉันเต้นแรงวัดใจตอนนี้แหละว่าจะเป็นคนลับๆ กับผู้ชายรูปหล่อร่ำรวยในฝัน หรือว่าจะเป็นตัวจริงกับผู้ชายที่รักเราแต่เราไม่ได้รักเขา
“เอาสิ พรุ่งนี้ผมจะประกาศให้ทุกคนรู้เลย ดีเหมือนกันคุณเชนจะได้ไม่มายุ่งกันคุณอีก” คำตอบของเขาทำให้ฉันดีใจจนเนื้อเต้นแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังไม่พร้อมให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเรา” ฉันรีบบอกออกไป เพราะยังไม่พร้อมให้เพื่อนร่วมงานวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม
“จะให้ผมเป็นตัวเลือกแข่งกับไอ้ผู้จัดการนั่นเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เปล่าค่ะ แต่ว่าหยีไม่อยากถูกมองว่ามีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น” ฉันพูดเสียงอ่อนลงเพราะดูท่าทางเขาจริงจังกันฉันมาก
ความจริงจังของเขา ทำให้ฉันดีใจมากแต่ว่าเล่นของสูงใช่ว่าจะดีนัก
“คืนนี้อยู่กับผมนะ”
“ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับด้วยความเต็มใจเพื่อเอาใจให้เขายิ้มออก
“รวมถึงพรุ่งนี้และคืนต่อๆ ไปด้วย”
“ให้หยีย้ายมาอยู่ด้วยเลยไหมคะ” ฉันพูดประชดเขาเล็กน้อย
“เป็นความคิดที่ดี งั้นเย็นนี้ผมพาคุณไปเก็บของมาอยู่กับผมถาวรเลยก็แล้วกัน”
ฉันอ้าปากค้างกับท่าทีจริงจังและคลั่งรักเกินเบอร์ของเขา
---------------------
ฉันอาบน้ำในห้องน้ำของคุณโย่งหลังจากที่เขาพาไปเก็บของใช้บางส่วนออกมาจากห้องเช่าเพื่อมาอยู่กับเขา
บอสหนุ่มตามเข้ามาอาบน้ำพร้อมกับฉันแล้วแนบร่างเปลือยเปล่าเข้ามากอดจากด้านหลังด้วยความปรารถนาที่อัดแน่นหลังจากที่เขาปลดปล่อยไปแล้วรอบหนึ่ง
“ใจเย็นๆ สิคะ นี่ห้องน้ำนะคะเดี๋ยวก็ลื่นล้มกันพอดี”
“รู้ไหมว่าผมชอบคุณตั้งแต่แรกเลยนะ เวลาเดินแล้วสะโพกใหญ่ๆ ของคุณมันน่ากระแทกมากเลย”
“ชอบแค่บั้นท้ายเหรอคะ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่เจือด้วยการยั่วยวนเบาๆ
“ตอนบ่ายผมเห็นไม่ชัด ต้องขอสำรวจก่อนนะว่าชอบส่วนไหนอีก”
ฉันหันไปยืนเผชิญหน้ากับบอสหนุ่ม มือน้อยลูบแผงอกกว้างอย่างยั่วยวน แล้วช้อนดวงตาขึ้นเรียกร้องจูบจากเขา
บอสหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาประกบจูบบดกลีบปากอย่างเร่าร้อน ปลายลิ้นแทรกเข้ามาดูดเกี่ยวลิ้นด้วยความกระหาย กอดรัดร่างฉันประคองในอ้อมแขนทำแล้วใช้มืออีกข้างลูบไล้ที่สะโพกด้วยความกระสัน
จากนั้นมือนิ้วแกร่งก็ลูบวนลงไปที่เบื้องล่าง สอดแทรกเข้าสู่กลีบเนื้อที่ฉ่ำแฉะแล้วหมุนวนนิ้วขยับเข้าออกในซอกรักรัวๆ
“อื้อ บอสขา” ฉันครางเรียกเขาในขณะที่เลื่อนริมฝีปากหนาลงไปจูบไซ้ที่คอ
“แยกขาออกกว้างๆ สิคนดี” เขากระซิบเสียงแหบพร่า ขยับนิ้วเร่งรัวในซอกลับอย่างชอบใจรุกเร้าให้ยิ่งกระสันเสียว
“อื้อ หยีอยากทำแล้ว” ฉันเรียกร้องหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าปลายนิ้วของเขา ลมหายใจหอบถี่เมื่อนิ้วหนาถอนออกไป
เขาดันร่างฉันเข้ากับผนังห้องน้ำ ยกขาขึ้นหนึ่งข้างแล้วย่อกายกดส่วนแข็งแกร่งเข้ามาอย่างเต็มแรง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาจูบที่ซอกคอ แล้วไล้เลียตรงจุดนั้นจนฉันขนลุกด้วยความสยิวซ่านจนขนลุกซู่
สะโพกแกร่งเริ่มขยับเข้าหา โดยที่มือเขาข้างหนึ่งยกขาฉันพาดแขนเอาไว้ การเคลื่อนไหวเริ่มจากการกระแทกอย่างเนิบนาบรัญจวนใจ ก่อนจะทวีความเร็วเข้าใส่อย่างไม่ปรานีจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันอย่างต่อเนื่อง
“อื้อ เสียว บอสขาหยีเสียว” ฉันครางเสียงหวาน แอ่นสะโพกรับทุกจังหวะที่กระแทกลงมาด้วยความชอบใจ
จากนั้นฉันก็ถึงจุดหมายแล้วสะโพกกระตุกเบาๆ ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตนเองถึงจุดหมายไปก่อนแล้ว
“ไปต่อที่เตียงนะหยี”
“ค่ะ” ฉันรับปากเสียงหอบถี่ เดินตามเขาไปที่เตียงแล้วถูกจับให้นอนหงายลง
มือใหญ่แยกเข่าทั้งสองออกกว้าง คุกเข่าประชิดแล้วชำแรกท่อนเนื้อเข้ามามิดลำ ขยับควงสะโพกกดลงมาที่จุดกระสันแล้วขยี้สวาทจนฉันเกิดความปรารถนาไม่รู้จบ
“รอบนี้พร้อมกันนะคนดี” เขาพูดเสียงหวานข้างใบหูเมื่อปลุกเร้าให้ฉันเกิดอารมณ์ร่วมได้สำเร็จอีกรอบ
จากนั้นสะโพกสอบก็เร่งเร้ากระแทกลงมาอย่างดุดัน พร้อมๆ กับใช้ปลายนิ้วช่วยละเลงที่เม็ดเกสรเร้นลับเพื่อเร่งขั้นตอน
“อื้อ หยีไม่ไหวแล้ว” ฉันบิดสะโพกไปมาด้วยความเสียวซ่านที่ทรมานเจียนจะขาดใจ
คุณโย่งกระแทกลงมารัวๆ กดนิ้วขยี้ลงมาเน้นๆ จนในที่สุดก็พาเราทั้งคู่ไปสู่ประตูสวรรค์พร้อมกัน
“หยีเป็นของผมแล้ว ห้ามมีตัวเลือกไม่ว่าใครทั้งนั้น”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันตอบรับเขา แล้วยิ้มให้กันขณะที่ต่างคนต่างหายใจหอบเหนื่อยจากบทรักที่แสนหฤหรรษ์ที่พึ่งผ่านพ้นไป
---------------------
เมื่อหัวใจตรงกันเรื่องราวหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากเลยสักนิดปกรณ์กลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของศรีภิญญาที่ฝากท้องที่บ้านเธอในทุกวัน แล้วยังเป็นฝ่ายหอบหิ้วอาหารไปจนพ่อแม่ของเธอขอให้พวกเขาเป็นฝ่ายต้อนรับบ้าง“แม่บอกว่าไม่ต้องซื้อเข้ามา แม่จะโชว์ฝีมือทำอาหารให้กินเอง”“ไม่ได้หรอกครับ กว่าจะกลับมาถึงบ้าน กว่าจะทำอาหาร ผมไม่อยากให้คุณแม่เหนื่อย” เขาเรียกมารดาของศรีภิญญาว่าแม่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ“ก็สะดวกดีนะคุณ อร่อยด้วย”เธอหันไปมองค้อนสามี “คุณพูดแบบนี้แปลว่าฉันทำอาหารไม่อร่อยเหรอ”“เปล่า ผมแค่จะบอกว่าอาหารที่ซื้อมาทั้งอร่อยทั้งสะดวก ฝีมือคุณน่ะอร่อยกว่าเป็นสิบเท่า พวกนี้เทียบไม่ติดหรอก” สามีวัยกลางคนพูดอย่างเอาใจปกรณ์และศรีภิญญาหัวเราะให้กับทั้งคู่ที่งอนง้อกันราวกับคู่รักหนุ่มสาว“แล้วที่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดคืออะไรเหรอลูก” ว่าที่แม่ยายหันมาถามแล้วมองด้วยสายตาที่อยากรู้เรื่องราวมือใหญ่หยิบแก้วน้ำดื่มที่มีหยดน้ำเกาะขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหายและลดความตื่นเต้น ยื่นมือไปกุมมือของคนรักที่คบหากันมานานสามเดือนเอาไว้เพื่อพูดเรื่องสำคัญ“ผมไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน เลยอยากจะมาทาบทามสู่ขอศรีให้ม
นอกจากห้องทำงานของเขาแล้ว ในเวลากลางวันร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของศรีภิญญาก็เป็นอีกสถานที่ที่เขาใช้เวลาอยู่กับการเอาใจเธอ“ที่นี่เป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ ไม่ใช่คาเฟ่ที่จะมานั่งตากแอร์เล่น” เธอบอกเขาที่นั่งจิบกาแฟแก้วที่สองแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมกลับ“ผมขอเครื่องซักผ้าห้าเครื่อง พัดลมสิบ ทีวีสามสิบเก้านิ้วห้าเครื่อง” เขาบอกเธอแล้วพยักหน้าให้ลภัสเตรียมตัวนำบัตรเครดิตออกมาให้“จะซื้อไปทำไมคะตั้งเยอะแยะ”“เอาไปเป็นของขวัญปีใหม่ให้พนักงานจับสลากครับ” เขาตอบแล้วมองดูใบหน้าที่จริงจังของเธอ“นี่เพิ่งจะเดือนสิงหา เตรียมพร้อมมากเลยนะคะ” เธอหรี่ตามองเขาที่พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อทำคะแนน และมันทำให้พ่อแม่เธอพอใจเป็นอย่างยิ่ง“เอาไว้ค่อยกลับมาซื้อเถอะค่ะ ซื้อไปเก็บไว้มันจะหมดประกันทิ้งเปล่าๆ” เธอบอกเขาไม่อยากให้เสียเงินในการมาเอาใจเธอ จากนั้นก็เดินไปต้อนรับลูกค้าที่กำลังหลั่งไหลเข้าร้าน“ศรีเขาชอบคนทำการทำงานน่ะ มานั่งเฝ้าเขาแบบนี้เขาไม่ปลื้มหรอกนะ” แม่ของเธอแอบมากระซิบบอกเขาเพื่อเอาใจช่วยแล้วรีบกลับไปนั่งประจำที่โต๊ะของตนปกรณ์นั่งรอจนกระทั่งเธอว่างแล้วเดินเข้าไปพูดคุยด้วย “ผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะ
“วันนี้มีการประมูลสำคัญ บอสไม่เตรียมตัวออกไปเหรอครับ” เลขานุการหนุ่มถามกึ่งเตือนความจำให้แก่อีกฝ่ายโดยปกติแล้วปกรณ์จะนับวันนับคืนรอให้วันนี้มาถึงแต่ครั้งนี้กลับดูนิ่งๆ และไม่ได้สนใจรับรู้อะไร“ฉันไม่ไป นายก็รู้นี่ว่ามันไม่ค่อยทำงาน” เขาตอบเสียงเรียบเมื่อพูดถึงเรื่องน้องชายที่หลับยาวลภัสนึกถึงเรื่องนี้ได้ก็ไม่แปลกใจที่เจ้านายไม่อยากไปงานนี้ปกรณ์วางมือจากงานแล้วนั่งหมุนปากกาในมืออย่างครุ่นคิด หลายวันมานี้มีแต่ใบหน้าของศรีภิญญาลอยมารบกวนจิตใจเขาอยู่ตลอดเวลา“ก็ไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น เถียงก็เก่ง ก็แค่ยิ้มหวาน เสียงนุ่ม ดูรวมๆ แล้วน่ารักเป็นธรรมชาติ ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอด้วยนะ” เขาพึมพำแล้วพ่นลมหายใจออกมา“บอสว่าอะไรนะครับผมได้ยินไม่ถนัด อะไรหวานๆ นุ่มๆ” ลภัสเงยหน้าจากโต๊ะทำงานของตนที่อยู่ในห้องเดียวกันกับเจ้านายขึ้นมาถามเมื่อได้ยินเขาพูด“ฉันไม่ได้พูดกับนาย”“ให้ผมหยุดเรื่องตามหาผู้หญิงด้วยเลยไหมครับ”“หยุดได้เลย ฉันไม่สนใจแล้ว” เขาพูดด้วยท่าทางเหม่อลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ยังไม่สบายใจกับสิ่งที่คุณศรีภิญญาพูดอีกเหรอครับ บอสอย่าเอามาใส่ใจเลยครับ บางทีมันอาจเป็นเพราะช่วงนี้บอสทำงานหนั
ที่บริษัทขายอุปกรณ์ไฟฟ้าเล็กๆ ของครอบครัว ศรีภิญญากำลังเดินตรวจดูสินค้าในสต๊อกหลังร้านพร้อมกับพนักงานอีกคนหญิงสาวช่วยงานที่ร้านมาตั้งแต่เด็ก รู้วิธีการทำงานและขั้นตอนต่างๆ เป็นอย่างดี พอเรียนจบเธอก็กลับมาทำงานที่บ้านแต่ก็อยากลองออกไปหาประสบการณ์ที่อื่นดูบ้างข้อเสนอของลภัสที่ติดต่อมาตอนนั้นทำให้เธอดีใจที่จะหลุดออกจากกรอบของธุรกิจครอบครัวแต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้านายของเขาจะดับความฝันเธอแล้วยังดูถูกกันอีก“สินค้าครบนะคะ แต่ของแถมลูกค้าหายไปห้าชิ้น” เธอพูดเสียงนุ่มหวาน“เมื่อวานนี้ลูกค้าซื้อพัดลมไปสองตัวค่ะ แล้วก็เครื่องซักผ้าสองเครื่อง ต่อรองเก่ง แต่เจ๊แกไม่ลดให้เฮียก็เลยแถมปลั๊กพ่วงไปสองอันแล้วก็ร่มสามคันค่ะ”“คนเดียวใช้ร่มตั้งสามคันเลยเหรอ พ่อนะพ่อ” เธออดส่ายหน้าให้กับการแก้ปัญหาแบบคนใจอ่อนของบิดาไม่ได้“น้องศรีคะ เจ๊เรียกไปขายของค่ะ” พนักงานขายหน้าร้านเดินเข้ามาเรียกเธอ“แล้วทำไมพี่มะลิไม่ขายเองล่ะคะ”“ก็ลูกค้าบอกเจ๊ว่าจะซื้อกับน้องศรีค่ะ เจ๊เลยให้พี่มาตาม ลูกค้าท่าทางน่ากลัวแต่หล่อมากค่ะ อย่างกับพระเอกหนังจีนฟีลแบบเจ้าพ่อ” มะลิพูดแล้วทำหน้าตาชวนฝันใบหน้าหวานลดยิ้มลง คิดว่าคงเป็น
คำดูถูกและต่อว่าจากหญิงสาวแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอกันมาเขาควรจะรู้สึกโกรธจนอยากบีบคอเธอที่หญิงสาวพูดจี้ถูกจุดอ่อนในใจของเขา ความรักเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้รู้สึกมานานแล้วตั้งแต่ที่โดนทรยศไปในตอนนั้น แต่กลับรู้สึกดีกับคำต่อว่านั้น“ฉันจะออกไปข้างนอกนะจะกลับมาตอนค่ำๆ มีอะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้” เขาบอกเลขานุการหนุ่มเสียงเรียบและใบหน้าดูไร้อารมณ์ราวกับกำลังเบื่อหน่าย“ครับ” ลภัสรับทราบแล้วยืนมองเจ้านายลุกขึ้นแล้วคว้าเสื้อสูทที่แขวนอยู่ด้านหลังมาสวมด้วยท่าทางองอาจ กระชับเสื้อให้เข้าที่แล้วเดินออกจากห้องไปโดย ใช้ลิฟต์ส่วนตัวที่ตรงไปยังร้านจอดรถยนต์ของเขาเศรษฐีหนุ่มขับรถไปยังไนต์คลับแห่งหนึ่งแล้วเลือกสาวสวยให้มานั่งเคียงข้าง จนเพื่อนของเขาที่เป็นเจ้าของไนต์คลับเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปทักทาย“มาแต่หัววันเชียวนะ ลูกค้าคนแรกเลยมั้งเนี่ย”“ใครใช้ให้แกเปิดก่อนที่อื่นเขาล่ะ” ปกรณ์พูดยิ้มๆ ที่นี่เปิดเร็วเหมาะสำหรับคนใหญ่คนโตมานั่งคุยงานแบบมีสาวสวยนั่งคลอเคลีย“ปกติแกไม่ค่อยสนใจผู้หญิงของฉันเลยนี่หว่าครั้งนี้ลดสเปกลงเหรอหรือว่ายังไง” เขาถามเพราะปกติแล้วคู่นอนที่ปกรณ์เลือกส่วนมากจะเป็นลูกค้าในร้านท
หลังจากที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ศรีภิญญาก็เริ่มรู้สึกว่าเธอทำตัวไม่ถูกเพราะสายตาเข้มคู่นั้นจ้องมาที่เธอราวกับทะลุเข้าไปในเสื้อผ้า“คุณจะให้ฉันทำงานอะไรเหรอคะ” เธอตัดสินใจทำลายความเงียบแล้วถามว่าเขาขึ้นมาตรงๆ อย่างเช่นที่เขาเองก็พูดตรงๆ กับเธอในตอนแรก“อันดับแรกผมขอสัมภาษณ์คุณก่อน” เขาไม่ตอบคำถามเธอแล้วเปลี่ยนประเด็นเป็นการคุยเรื่องอื่นแทน“ค่ะ อย่างนั้นก็ได้”“คุณเคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า” คำถามแรกก็ทำเอาหญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอไม่มั่นใจเลยว่าคำถามนี้มันเกี่ยวกับการทำงานของเธออย่างไร พลางคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาใช้คำถามจิตวิทยากับเธออยู่ก็เป็นได้“ยังไม่เคยมีค่ะ” เธอตอบเขาไปตามความจริง“แล้วคุณเคยทำกิจกรรมโลดโผนอะไรไหม อย่างเช่นปั่นจักรยาน วิ่ง หรือยิมนาสติก”“ก็เคยค่ะ แต่ไม่ได้โลดโผนมาก” คำถามของเขาเริ่มฟังดูแปลกๆ“คุณคิดอย่างไรกับเรื่องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่ไม่ใช่คนรัก” คำถามนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก ไม่ว่าจะเป็นคำถามทางจิตวิทยาหรือไม่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรถามกับคนที่ไม่ได้สนิทกันมากพอ“ขอโทษนะคะคำถามพวกนี้มันเกี่ยวกับหน้าที่ของฉันตรงไหนเหรอคะ” หญิงสาวถามแล้วจ้องตาเขาอ