รวมเรื่องสั้นโรมานซ์-อีโรติก ที่จะมาพร้อมกับเรื่องราวที่นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แสนวาบหวาม *** นิยายผู้ใหญ่และผู้ที่มีความชอบเฉพาะกลุ่ม ไม่เหมาะสำหรับเด็กและเยาวชน***
ดูเพิ่มเติม“อะไรนะคะ จะให้หยีเป็นเลขาบอสเหรอคะ” ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นระคนแปลกใจ ที่จู่ๆ ตำแหน่งเลขานุการก็ตกมาเป็นของพนักงานทั่วไปแบบฉัน
“ไม่ต้องดีใจไป แค่ชั่วคราวน่ะ จนกว่าจะหาเลขาใหม่มารับตำแหน่งได้” หัวหน้าของฉันพูดดับฝันแล้วถอนหายใจด้วยความกังวล
“มีอะไรคะพี่บี”
“ใครเป็นเลขาบอสก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าหนิงมีปัญหาอะไรถึงจะรีบลาออกไป เสียดายนะคนทำงานดีแบบนั้น หยีเองก็อาจมีสิทธิ์ได้เป็นเลขาถาวรนะตั้งใจทำงานเข้าล่ะ”
“หมายความว่าถ้าทำงานดีหยีมีโอกาสได้เป็นเลขาจริงๆ ใช่ไหมคะ” ฉันถามด้วยความตื่นเต้นที่มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม ตามนั้นแหละ เก็บของย้ายโต๊ะได้แล้วเดี๋ยวอีกหน่อยบอสก็มาแล้ว” พี่บีบอกแล้วเดินขึ้นไปรอที่ชั้นสาม
ฉันรีบเก็บของใช้ส่วนตัวแล้วย้ายไปทำงานที่ชั้นสาม บริษัทขายอุปกรณ์ไอทีขนาดเล็กแห่งนี้มีพนักงานไม่ถึงสามสิบคนก็จริง แต่ว่าตำแหน่งเลขานุการเป็นตำแหน่งพนักงานที่ถือว่าอยู่ในระดับสูงกว่าพนักงานทั้งหมดซึ่งใครๆ ก็อยากมาทำตำแหน่งนี้
ชั้นแรกของบริษัทจะเป็นโซนขายอุปกรณ์ไอทีที่มีพนักงานขายประจำอยู่
ชั้นสองจะเป็นห้องสต๊อกสินค้าและแผนกบัญชีการเงิน ส่วนชั้นสามที่ฉันจะขึ้นไปเป็นห้องประชุม ห้องทำงานของพี่เก่งหัวหน้าแผนกขาย พี่บีหัวหน้าแผนกบัญชีการเงิน กับพี่เชนผู้จัดการทั่วไปที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแผนกสต๊อก
รวมถึงเป็นห้องทำงานของ “คุณโย่ง” บอสหนุ่มเจ้าของบริษัทไอทีแห่งนี้ และเป็นส่วนที่พักอาศัยของเขาซึ่งต้องสแกนลายนิ้วมือถึงจะเข้าไปส่วนนั้นได้
ที่ชั้นสามนี้ฉันจะเป็นพนักงานคนเดียวที่ได้ขึ้นมาทำงานอยู่ที่นี่ และใส่ชุดกระโปรงสวยๆ มันเป็นความภูมิใจแม้อาจจะได้ขึ้นมาทำงานชั่วคราวก็ตาม
“หยีเป็นเลขาใหม่เหรอ ยินดีด้วยนะ” พี่เก่งและพี่เชนยิ้มต้อนรับฉันที่จะได้มาทำงานที่ชั้นเดียวกัน ซึ่งโต๊ะทำงานของพวกเราเรียงเป็นสองฝั่ง อยู่หน้าห้องทำงานของบอส
โต๊ะฉันอยู่ด้านในสุดตรงข้ามกับพี่เชนโดยมีทางเดินเข้าห้องบอสกั้นกลางอยู่ ดูไปแล้วการทำงานที่หน้าห้องบอสแบบนี้ก็ดูกดดันไม่น้อย เวลาแอบกินขนมหรือเครื่องดื่มก็ต้องระวังเอามากๆ
“แล้วพี่หนิงละคะพี่บี” ฉันหันไปถามพี่บีที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฉันถึงเลขานุการคนเก่าที่ควรจะอยู่สอนงานฉัน
“กลับไปแล้วแต่ฝากรายละเอียดงานวางไว้ให้หยีศึกษาดูแทน รีบอ่านดูนะ” พี่บีพูดแล้วหันกลับไปทำงานต่อ
ฉันรีบอ่านรายละเอียดนั้นพบว่าบอสจะเริ่มเข้างานตอนสิบโมงเช้า ต้องชงกาแฟไว้รอตามสูตรที่เขียนเอาไว้ให้ ฉันจึงรีบไปชงกาแฟเพราะถึงเวลาพอดี
“บอสมาแล้ว” พี่บีบอกฉันในขณะที่กำลังเดินถือถาดวางกาแฟและขนมไปให้บอสที่ห้องทำให้ฉันต้องรีบสำรวมมากขึ้น
“ขออนุญาตค่ะบอส” ฉันเคาะห้องแล้วส่งเสียงบอกเขาอย่างที่เขียนระบุไว้ในใบสอนงาน แล้วเปิดประตูถือกาแฟและขนมวางที่โต๊ะโดยมีสายตาที่คมกริบมองตามอยู่ไม่ห่าง
“คุณเป็นเลขาใหม่สินะ” เขาพูดขึ้นมาตรงๆ แล้วหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ ปกติเขาดูเป็นกันเองกว่านี้แต่ตอนนี้กลับดูเคร่งขรึม
“ค่ะบอส หยีมาทำแทนพี่หนิงค่ะ บอสมีอะไรก็เรียกใช้หยีเต็มที่เลยนะคะ” ฉันพูดแล้วยิ้มให้เขา แต่พอเจอสายตาที่ดุดันนั้นจึงต้องลดยิ้มลงแล้วหลบสายตาเล็กน้อยไม่รู้ว่าเขาไปกินรังแตนที่ไหนมา
“ขอโทษค่ะ” ฉันก้มหน้า มีแววว่าตำแหน่งเลขานี้จะได้เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น
หรือเป็นเพราะท่าทางดุดันของเขาที่ทำงานด้วยแล้วรู้สึกอึดอัดพี่หนิงถึงได้รีบออกไปโดยไม่รอสอนงานฉัน
“หวังว่าคุณจะทำหน้าที่ให้ดีกว่าคนเก่านะ” เขาพูดแล้วจิบกาแฟไปด้วย
“เอ่อ หยีเป็นเลขาชั่วคราวจนกว่าจะหาคนใหม่ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องล่ะ ผมเลือกคุณนี่แหละ ชงกาแฟผ่าน”
“อะไรนะคะ” ฉันงงมากแค่ชงกาแฟถูกใจก็ได้เป็นเลขาของบอสแล้ว
“ตามนั้น” เขาวางถ้วยกาแฟลงแล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับเลิกคิ้วสูง
“คะ?”
“ไม่มีเอกสารอะไรมาให้ผมตรวจเหรอ”
“อ๋อ ค่ะ เดี๋ยวหยีจะไปดูให้ตอนนี้ค่ะ”
ฉันออกมาดูจากใบสอนงาน แฟ้มที่จะนำเสนอใหม่จะต้องวางให้เขาที่ด้านขวาพร้อมกับติดสติ๊กเกอร์โน้ตให้เขาไว้รู้ว่าต้องเปิดหน้าไหนบ้าง
“ยุ่งยากพอสมควรเลยนะ แถมเป็นงานละเอียดด้วย สู้ๆ นะหยี” พี่เชนบอกฉันแล้วยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่ห่วงใย
“ขอบคุณค่ะพี่เชน” ฉันบอกผู้จัดการหนุ่มที่ให้กำลังใจแล้วตั้งใจรวบรวมแฟ้มตรงหน้าเพื่อเอาเข้าไปให้บอสในห้อง
“นี่ค่ะบอส” ฉันวางแฟ้มเอกสารให้เขา แล้วจะเดินกลับออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“ค่ะ บอส” ฉันหันไปกลับไปหาแล้วยิ้มมองสายตาที่ดูค้นหานั้น
“เป็นเลขาผมไม่ต้องนุ่งกระโปรงสั้นๆ เสื้อรัดรูปมาทำงาน ใส่ฟอร์มเดิมเสื้อคอปกกับกางเกงแบบนี้ก็พอ” เขาพูดแล้วก้มหน้าลงมองเอกสารไม่ได้มองฉัน
“รับทราบค่ะ” ฉันรับปากเขาแล้วเดินออกไป ความภูมิใจก็เริ่มจะเลือนหายมีแต่ความอึดอัดปนหงุดหงิดเข้ามาแทน
หล่อ รวย ก็พอเข้าใจได้หรอกที่อยากเอาชนะใจเขา ขนาดเขาแสดงท่าทางหยิ่งผยองใส่ฉันยังอดใจเต้นด้วยไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นกันเองกับพนักงานทุกคนแท้ๆ
‘แต่เบรกการแต่งตัวกันหัวทิ่มขนาดนี้ คงกลัวว่าเราจะยั่วเขาสินะ’ ฉันวิเคราะห์ในใจ อุตส่าห์คิดว่าเป็นเลขาแล้วจะได้แต่งตัวสวยๆ เหมือนพี่หนิง แต่สุดท้ายก็ได้ใส่ชุดฟอร์มบริษัทเหมือนเดิม
บอสจะรู้ไหมนะว่าสาวๆ ในบริษัทชอบเขาและหวังตำแหน่งเลขานุการเพราะอยากใกล้ชิดเขา และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
---------------------
เมื่อหัวใจตรงกันเรื่องราวหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากเลยสักนิดปกรณ์กลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของศรีภิญญาที่ฝากท้องที่บ้านเธอในทุกวัน แล้วยังเป็นฝ่ายหอบหิ้วอาหารไปจนพ่อแม่ของเธอขอให้พวกเขาเป็นฝ่ายต้อนรับบ้าง“แม่บอกว่าไม่ต้องซื้อเข้ามา แม่จะโชว์ฝีมือทำอาหารให้กินเอง”“ไม่ได้หรอกครับ กว่าจะกลับมาถึงบ้าน กว่าจะทำอาหาร ผมไม่อยากให้คุณแม่เหนื่อย” เขาเรียกมารดาของศรีภิญญาว่าแม่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ“ก็สะดวกดีนะคุณ อร่อยด้วย”เธอหันไปมองค้อนสามี “คุณพูดแบบนี้แปลว่าฉันทำอาหารไม่อร่อยเหรอ”“เปล่า ผมแค่จะบอกว่าอาหารที่ซื้อมาทั้งอร่อยทั้งสะดวก ฝีมือคุณน่ะอร่อยกว่าเป็นสิบเท่า พวกนี้เทียบไม่ติดหรอก” สามีวัยกลางคนพูดอย่างเอาใจปกรณ์และศรีภิญญาหัวเราะให้กับทั้งคู่ที่งอนง้อกันราวกับคู่รักหนุ่มสาว“แล้วที่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดคืออะไรเหรอลูก” ว่าที่แม่ยายหันมาถามแล้วมองด้วยสายตาที่อยากรู้เรื่องราวมือใหญ่หยิบแก้วน้ำดื่มที่มีหยดน้ำเกาะขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหายและลดความตื่นเต้น ยื่นมือไปกุมมือของคนรักที่คบหากันมานานสามเดือนเอาไว้เพื่อพูดเรื่องสำคัญ“ผมไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน เลยอยากจะมาทาบทามสู่ขอศรีให้ม
นอกจากห้องทำงานของเขาแล้ว ในเวลากลางวันร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของศรีภิญญาก็เป็นอีกสถานที่ที่เขาใช้เวลาอยู่กับการเอาใจเธอ“ที่นี่เป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ ไม่ใช่คาเฟ่ที่จะมานั่งตากแอร์เล่น” เธอบอกเขาที่นั่งจิบกาแฟแก้วที่สองแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมกลับ“ผมขอเครื่องซักผ้าห้าเครื่อง พัดลมสิบ ทีวีสามสิบเก้านิ้วห้าเครื่อง” เขาบอกเธอแล้วพยักหน้าให้ลภัสเตรียมตัวนำบัตรเครดิตออกมาให้“จะซื้อไปทำไมคะตั้งเยอะแยะ”“เอาไปเป็นของขวัญปีใหม่ให้พนักงานจับสลากครับ” เขาตอบแล้วมองดูใบหน้าที่จริงจังของเธอ“นี่เพิ่งจะเดือนสิงหา เตรียมพร้อมมากเลยนะคะ” เธอหรี่ตามองเขาที่พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อทำคะแนน และมันทำให้พ่อแม่เธอพอใจเป็นอย่างยิ่ง“เอาไว้ค่อยกลับมาซื้อเถอะค่ะ ซื้อไปเก็บไว้มันจะหมดประกันทิ้งเปล่าๆ” เธอบอกเขาไม่อยากให้เสียเงินในการมาเอาใจเธอ จากนั้นก็เดินไปต้อนรับลูกค้าที่กำลังหลั่งไหลเข้าร้าน“ศรีเขาชอบคนทำการทำงานน่ะ มานั่งเฝ้าเขาแบบนี้เขาไม่ปลื้มหรอกนะ” แม่ของเธอแอบมากระซิบบอกเขาเพื่อเอาใจช่วยแล้วรีบกลับไปนั่งประจำที่โต๊ะของตนปกรณ์นั่งรอจนกระทั่งเธอว่างแล้วเดินเข้าไปพูดคุยด้วย “ผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะ
“วันนี้มีการประมูลสำคัญ บอสไม่เตรียมตัวออกไปเหรอครับ” เลขานุการหนุ่มถามกึ่งเตือนความจำให้แก่อีกฝ่ายโดยปกติแล้วปกรณ์จะนับวันนับคืนรอให้วันนี้มาถึงแต่ครั้งนี้กลับดูนิ่งๆ และไม่ได้สนใจรับรู้อะไร“ฉันไม่ไป นายก็รู้นี่ว่ามันไม่ค่อยทำงาน” เขาตอบเสียงเรียบเมื่อพูดถึงเรื่องน้องชายที่หลับยาวลภัสนึกถึงเรื่องนี้ได้ก็ไม่แปลกใจที่เจ้านายไม่อยากไปงานนี้ปกรณ์วางมือจากงานแล้วนั่งหมุนปากกาในมืออย่างครุ่นคิด หลายวันมานี้มีแต่ใบหน้าของศรีภิญญาลอยมารบกวนจิตใจเขาอยู่ตลอดเวลา“ก็ไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น เถียงก็เก่ง ก็แค่ยิ้มหวาน เสียงนุ่ม ดูรวมๆ แล้วน่ารักเป็นธรรมชาติ ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอด้วยนะ” เขาพึมพำแล้วพ่นลมหายใจออกมา“บอสว่าอะไรนะครับผมได้ยินไม่ถนัด อะไรหวานๆ นุ่มๆ” ลภัสเงยหน้าจากโต๊ะทำงานของตนที่อยู่ในห้องเดียวกันกับเจ้านายขึ้นมาถามเมื่อได้ยินเขาพูด“ฉันไม่ได้พูดกับนาย”“ให้ผมหยุดเรื่องตามหาผู้หญิงด้วยเลยไหมครับ”“หยุดได้เลย ฉันไม่สนใจแล้ว” เขาพูดด้วยท่าทางเหม่อลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ยังไม่สบายใจกับสิ่งที่คุณศรีภิญญาพูดอีกเหรอครับ บอสอย่าเอามาใส่ใจเลยครับ บางทีมันอาจเป็นเพราะช่วงนี้บอสทำงานหนั
ที่บริษัทขายอุปกรณ์ไฟฟ้าเล็กๆ ของครอบครัว ศรีภิญญากำลังเดินตรวจดูสินค้าในสต๊อกหลังร้านพร้อมกับพนักงานอีกคนหญิงสาวช่วยงานที่ร้านมาตั้งแต่เด็ก รู้วิธีการทำงานและขั้นตอนต่างๆ เป็นอย่างดี พอเรียนจบเธอก็กลับมาทำงานที่บ้านแต่ก็อยากลองออกไปหาประสบการณ์ที่อื่นดูบ้างข้อเสนอของลภัสที่ติดต่อมาตอนนั้นทำให้เธอดีใจที่จะหลุดออกจากกรอบของธุรกิจครอบครัวแต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้านายของเขาจะดับความฝันเธอแล้วยังดูถูกกันอีก“สินค้าครบนะคะ แต่ของแถมลูกค้าหายไปห้าชิ้น” เธอพูดเสียงนุ่มหวาน“เมื่อวานนี้ลูกค้าซื้อพัดลมไปสองตัวค่ะ แล้วก็เครื่องซักผ้าสองเครื่อง ต่อรองเก่ง แต่เจ๊แกไม่ลดให้เฮียก็เลยแถมปลั๊กพ่วงไปสองอันแล้วก็ร่มสามคันค่ะ”“คนเดียวใช้ร่มตั้งสามคันเลยเหรอ พ่อนะพ่อ” เธออดส่ายหน้าให้กับการแก้ปัญหาแบบคนใจอ่อนของบิดาไม่ได้“น้องศรีคะ เจ๊เรียกไปขายของค่ะ” พนักงานขายหน้าร้านเดินเข้ามาเรียกเธอ“แล้วทำไมพี่มะลิไม่ขายเองล่ะคะ”“ก็ลูกค้าบอกเจ๊ว่าจะซื้อกับน้องศรีค่ะ เจ๊เลยให้พี่มาตาม ลูกค้าท่าทางน่ากลัวแต่หล่อมากค่ะ อย่างกับพระเอกหนังจีนฟีลแบบเจ้าพ่อ” มะลิพูดแล้วทำหน้าตาชวนฝันใบหน้าหวานลดยิ้มลง คิดว่าคงเป็น
คำดูถูกและต่อว่าจากหญิงสาวแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอกันมาเขาควรจะรู้สึกโกรธจนอยากบีบคอเธอที่หญิงสาวพูดจี้ถูกจุดอ่อนในใจของเขา ความรักเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้รู้สึกมานานแล้วตั้งแต่ที่โดนทรยศไปในตอนนั้น แต่กลับรู้สึกดีกับคำต่อว่านั้น“ฉันจะออกไปข้างนอกนะจะกลับมาตอนค่ำๆ มีอะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้” เขาบอกเลขานุการหนุ่มเสียงเรียบและใบหน้าดูไร้อารมณ์ราวกับกำลังเบื่อหน่าย“ครับ” ลภัสรับทราบแล้วยืนมองเจ้านายลุกขึ้นแล้วคว้าเสื้อสูทที่แขวนอยู่ด้านหลังมาสวมด้วยท่าทางองอาจ กระชับเสื้อให้เข้าที่แล้วเดินออกจากห้องไปโดย ใช้ลิฟต์ส่วนตัวที่ตรงไปยังร้านจอดรถยนต์ของเขาเศรษฐีหนุ่มขับรถไปยังไนต์คลับแห่งหนึ่งแล้วเลือกสาวสวยให้มานั่งเคียงข้าง จนเพื่อนของเขาที่เป็นเจ้าของไนต์คลับเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปทักทาย“มาแต่หัววันเชียวนะ ลูกค้าคนแรกเลยมั้งเนี่ย”“ใครใช้ให้แกเปิดก่อนที่อื่นเขาล่ะ” ปกรณ์พูดยิ้มๆ ที่นี่เปิดเร็วเหมาะสำหรับคนใหญ่คนโตมานั่งคุยงานแบบมีสาวสวยนั่งคลอเคลีย“ปกติแกไม่ค่อยสนใจผู้หญิงของฉันเลยนี่หว่าครั้งนี้ลดสเปกลงเหรอหรือว่ายังไง” เขาถามเพราะปกติแล้วคู่นอนที่ปกรณ์เลือกส่วนมากจะเป็นลูกค้าในร้านท
หลังจากที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ศรีภิญญาก็เริ่มรู้สึกว่าเธอทำตัวไม่ถูกเพราะสายตาเข้มคู่นั้นจ้องมาที่เธอราวกับทะลุเข้าไปในเสื้อผ้า“คุณจะให้ฉันทำงานอะไรเหรอคะ” เธอตัดสินใจทำลายความเงียบแล้วถามว่าเขาขึ้นมาตรงๆ อย่างเช่นที่เขาเองก็พูดตรงๆ กับเธอในตอนแรก“อันดับแรกผมขอสัมภาษณ์คุณก่อน” เขาไม่ตอบคำถามเธอแล้วเปลี่ยนประเด็นเป็นการคุยเรื่องอื่นแทน“ค่ะ อย่างนั้นก็ได้”“คุณเคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า” คำถามแรกก็ทำเอาหญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอไม่มั่นใจเลยว่าคำถามนี้มันเกี่ยวกับการทำงานของเธออย่างไร พลางคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาใช้คำถามจิตวิทยากับเธออยู่ก็เป็นได้“ยังไม่เคยมีค่ะ” เธอตอบเขาไปตามความจริง“แล้วคุณเคยทำกิจกรรมโลดโผนอะไรไหม อย่างเช่นปั่นจักรยาน วิ่ง หรือยิมนาสติก”“ก็เคยค่ะ แต่ไม่ได้โลดโผนมาก” คำถามของเขาเริ่มฟังดูแปลกๆ“คุณคิดอย่างไรกับเรื่องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่ไม่ใช่คนรัก” คำถามนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก ไม่ว่าจะเป็นคำถามทางจิตวิทยาหรือไม่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรถามกับคนที่ไม่ได้สนิทกันมากพอ“ขอโทษนะคะคำถามพวกนี้มันเกี่ยวกับหน้าที่ของฉันตรงไหนเหรอคะ” หญิงสาวถามแล้วจ้องตาเขาอ
ความคิดเห็น