คืนวันเสาร์ที่เป็นวันสุดท้ายในการทำงานของสัปดาห์ และเป็นวันที่ฉันหายจากประจำเดือนพอดี คุณโย่งก็เตรียมพร้อมจะตะปบฉันด้วยลีลาของเสือที่กระหายเหยื่อตั้งแต่ตอนหัวค่ำแล้วแต่ฉันห้ามเอาไว้ก่อน
“อย่าพึ่งใจร้อนสิคะ” ฉันห้ามเขาเอาไว้กับบอสหนุ่มที่แสนเอาแต่ใจและขี้เอาคนนี้
“กินยาคุมไม่กี่วันอึ๋มขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
“มันอึ๋มแต่แรกแล้วล่ะคะ ไม่เกี่ยวกับยาคุม” ฉันพูดพลางส่ายหน้าอกยั่วยวน
“ห้ามผมไม่ให้ทำแต่ส่ายนมยั่วแบบนี้ใจร้ายนะ” เขาตัดพ้อเสียงเล็กเสียงน้อย เป็นแมวน้อยสำหรับฉันทำให้ยิ้มได้ทุกวันกับความน่ารักที่เขามีให้กับฉันคนเดียว
เขาคร่อมทับร่างฉันเอาไว้แล้วรวบมือทั้งสองกดลงที่เตียง แสดงบทบาทซาตานล่าสวาทออกมาทางสีหน้าและแววตาที่หื่นกระหายนั้น
“บอสหื่นจังเลยค่ะ แต่หยีชอบนะ”
เขายิ้มรับแล้วกดจูบลงมาแล้วตวัดลิ้นเกี่ยวจูบอย่างดูดดื่ม จนรู้สึกได้ถึงห้วงลมหายใจที่ติดขัดราวกับจะจมดิ่งในน้ำลึก
เมื่อจุมพิตกลีบปากหวานฉ่ำจนพอใจเขาจึงถอดถอนริมฝีปากออกแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วมุดหน้าไซ้ซอกคอตั้งใจจะฝังรอยจุมพิตเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของจนฉันต้องโวยวายออกมา
“ถ้าคอหยีเป็นรอย หยีจะขนของหนีเลย” ฉันร้องขู่เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ
“ก็ได้ ไม่ทำที่คอก็ได้” เขาพูดเสียงอ่อนแล้วปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ เขาถอดชุดนอนกระโปรงของออกไปอย่างรวดเร็วแล้วถอดเสื้อผ้าของตนเองตามไปพร้อมกับสบตาที่หื่นกระหายมายังฉัน
เขาก้มลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนลงไปที่เนินอกฝากฝังรอยจูบไปทั่วเนินอกขาวเนียน จนฉันเสียวสะท้านเพราะความสยิวซ่านนั้น
ริมฝีปากดูดเม้มยอดอกอย่างเมามันสลับกับดูดรอบๆ เนินอกให้เกิดรอย ฉันได้แต่เอาคืนด้วยการกอดจิกแผ่นหลังของเขาเพื่อสร้างรอยข่วนเอาไว้ให้
มือสากหนาลูบไล้ลงไปที่เนินอูบ ใช้นิ้วเกลี่ยเส้นไหมอ่อนนุ่มออกแล้วสัมผัสไปตามรอยแยกของกลีบเนื้อ ก่อนจะใช้นิ้วแยกออกแล้วบดคลึงปลายนิ้วลงมาที่เม็ดกระสัน
“อื้อ บอสขา เอาเข้ามาได้แล้ว หยีอยากได้บอสแล้วค่ะ” ฉันร้องขอเขาเสียงกระเส่าอย่างยั่วยวน อารมณ์กำหนัดกระเจิดกระเจิงเพียงแค่ปลายนิ้วที่เขาละเลงเข้ามา
เขาแยกเรียวขาออกจนกว้างแล้วซบหน้าเชยชิมความหวานจากกลีบเกสรอย่างหิวโหย กระดกปลายชิวหาตวัดละเลงเลียไล้ระรัวไม่ยอมหยุดเพื่อกระตุ้นให้หลั่งน้ำหวาน
“บอสขา อย่าแกล้งหยี” ฉันร้องลั่นเมื่อเขาไม่ยอมทำตามที่ร้องขอ
ปลายลิ้นหนายังคงดูดที่ปุ่มเต่งตึงอย่างไม่ยอมหยุดเพื่อกลั่นแกล้งให้ฉันทรมาน
“อย่าหยุดนะคะ จะแตกแล้ว อื้อ ดูดแรงอีก” เขาใช้ปากจนฉันจะถึงจุดหมาย มือขยุ้มกลุ่มผมของเขากดแนบลงมาให้ดูดเม้มแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดฉันก็ถึงจุดหมาย สะโพกบีบรัดเบาๆ แล้วตัวอ่อนยวบลงมา เงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่หมั่นไส้
บอสหนุ่มยิ้มแล้วปาดคราบน้ำรักที่ริมฝีปากด้วยความพอใจ จากนั้นก็กดแก่นกายร้อนผ่าวลงมาแล้วเร่งกระแทกอย่างรัวเร็ว
“คนใจร้าย” ฉันต่อว่าเขาเสียงขาดช่วงกระท่อนกระแท่นเมื่อถูกเขาตอกกระแทกต่อเนื่องไม่ทิ้งช่วงให้หยุดพัก มองสายตาวาววับที่เขามองกลับมาแล้วมองค้อนเขา
“รู้หรอกว่าชอบ ร้องครางซะขนาดนั้น” เขากัดฟันพูดเสียงพร่าขณะที่กระแทกไปด้วย
ฉันใช้จังหวะนั้นดันเขานอนหงายลงไปแล้วเป็นฝ่ายขึ้นไปขย่มโยกเพื่อคุมจังหวะรักเองด้วยลีลาที่ร้อนแรง
“เบาๆ หยี ซี๊ด ผมจะแตกแล้ว”
ฉันยิ้มร้ายให้เขาแล้วเร่งขย่มลงไปหนักๆ บดเบียดปุ่มกระสันลงไปที่โคนลำแล้วบดควงสะโพกขยี้ลงไปหนักๆ จนเขานิ่วหน้าแล้วทุบที่นอนเพื่อระบายความเสียว
ฉันเร่งขย่มจนตัวเองใกล้จะถึงจุดหมาย คุณโย่งเองก็ทนต่อความเสียวไม่ไหว จับสะโพกช่วยส่งแรงให้กลีบรักเสียดสีขึ้นลงกับท่อนแกร่งนั้น พร้อมๆ กับโยกสะโพกเด้งรับแรงขย่มของฉันจนเราทั้งคู่ทนไม่ไหว
“อื้อ เสร็จแล้ว” ฉันร้องลั่นแล้วตัวอ่อนลงไป
บอสกัดฟันแล้วคำรามในลำคอ เด้งสะโพกขึ้นซอยเข้ามารัวๆ ด้วยตนเองจากนั้นก็ถึงเส้นชัยตามฉันมา ดึงร่างฉันลงไปกอดรัดแล้วจูบแลกลิ้นกับเขาไปด้วยในขณะที่พ่นน้ำรักเข้ามาอย่างเต็มสูบ
เรานอนหายใจหอบอยู่สักพักฉันก็ต้องรีบไปล้างตัวแล้วค่อยกลับมานอนช้างๆ เขาที่ตอนนี้เสียงหายใจหอบเริ่มผ่อนลงมาแล้ว
“คุณแกล้งผม”
“บอสแกล้งหยีก่อนนะคะ” ฉันบอกเขาแล้วยิ้มยั่วอีกฝ่าย ที่พอปลดปล่อยน้ำรักออกไปรอบแรกก็ต้องพักยกก่อนอย่างน้อยสิบนาทีถึงจะเริ่มบรรเลงสวาทรอบสองได้
“อุตส่าห์ว่าจะทำสถิติมาราธอนสักสองชั่วโมง นี่พึ่งจะสี่สิบห้านาทีเอง”
“ไม่ต้องเลยค่ะ เท่านี้หยีก็จะเดินไม่ไหวแล้ว” ฉันบีบเสียงบอกเขาเมื่ออีกฝ่ายคิดจะทำเรื่องอย่างนั้นติดต่อกันนานจนร่างกายฉันไม่น่าจะรับไหว
“ล้อเล่น ว่าจะทำชั่วโมงเดียวแค่นั้นแหละ” เขาหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจแล้วหันมากอดเอาไว้พร้อมกับมองด้วยสายตาที่รักใคร่
“ย้ายมาอยู่ด้วยกันถาวรเลยนะ เปิดตัวได้แล้ว” เขาขอร้องฉันแล้วมองด้วยสายตาที่อ้อนวอนเล็กน้อย
“ค่ะ หยีจะย้ายมาอยู่กับคุณ ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติหยี” ฉันตอบตกลงไป หมดเวลาเล่นตัวใส่เขาแล้วต้องรีบตกลงปลงใจกับเขา
“แล้วผู้จัดการเชนล่ะ เขายังมาวอแวกับหยีไหม” คุณโย่งถามพร้อมทำหน้าดุราวกับจะงาบหัวฉันหากคำตอบไม่ถูกใจ
“ไม่แล้วค่ะ หยีปฏิเสธน้ำใจเขาทุกทางตั้งนานแล้ว ตอนนี้เหมือนจะเบนเข็มไปที่พี่บีแล้วล่ะคะ รายนั้นก็เหมือนจะชอบพี่เชนอยู่เหมือนกัน” ฉันบอกบอสถึงว่าที่คู่รักคู่ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“ก็ดีเขาจะได้ไม่มาวุ่นวายกับหยี ผมจะได้สบายใจ” เขาพูดแล้วขยับเข้ามาลูบไล้สะโพกฉันเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนาเตรียมบรรเลงบทรักรอบที่สอง
“พักบ้างเถอะค่ะ หยีขาสั่นไปหมดแล้ว” คำพูดปฏิเสธแต่ร่างกายกลับตอบสนองต่อการเล้าโลมของเขาจนคุณโย่งหัวเราะด้วยความชอบใจ
เขาขยับมาคร่อมทับร่างฉันเอาไว้ บรรจงจูบด้วยริมฝีปากอุ่นที่ขยับกลีบปากบดจูบอย่างเร่าร้อนแล้วถอนจูบขึ้นสบตาฉัน
“ผม..”
“ฉันรักคุณโย่งค่ะ” ฉันชิงบอกรักเขาก่อนทำให้บอสหนุ่มยิ้มแก้มปริ
“แต่ผมรักหยีก่อนที่หยีจะรักผมเสียอีก” เขายกยิ้มกว้างแล้วโน้มหน้าลงมาหาอีกครั้งพร้อมกับเบียดกายเข้าหาแลกไออุ่นด้วยลีลารักที่นุ่มนวล
ในห้องอบอวลไปด้วยเสียงกระเส่าและเสียงหยอกล้อกันด้วยความเพลิดเพลิน แบบนี้แหละความสุขที่ฉันวาดฝันมาตลอดกับบอสหนุ่มหล่อที่บังเอิญว่าเขาเองก็รักฉันเช่นกัน
**จบ**
เมื่อหัวใจตรงกันเรื่องราวหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากเลยสักนิดปกรณ์กลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของศรีภิญญาที่ฝากท้องที่บ้านเธอในทุกวัน แล้วยังเป็นฝ่ายหอบหิ้วอาหารไปจนพ่อแม่ของเธอขอให้พวกเขาเป็นฝ่ายต้อนรับบ้าง“แม่บอกว่าไม่ต้องซื้อเข้ามา แม่จะโชว์ฝีมือทำอาหารให้กินเอง”“ไม่ได้หรอกครับ กว่าจะกลับมาถึงบ้าน กว่าจะทำอาหาร ผมไม่อยากให้คุณแม่เหนื่อย” เขาเรียกมารดาของศรีภิญญาว่าแม่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ“ก็สะดวกดีนะคุณ อร่อยด้วย”เธอหันไปมองค้อนสามี “คุณพูดแบบนี้แปลว่าฉันทำอาหารไม่อร่อยเหรอ”“เปล่า ผมแค่จะบอกว่าอาหารที่ซื้อมาทั้งอร่อยทั้งสะดวก ฝีมือคุณน่ะอร่อยกว่าเป็นสิบเท่า พวกนี้เทียบไม่ติดหรอก” สามีวัยกลางคนพูดอย่างเอาใจปกรณ์และศรีภิญญาหัวเราะให้กับทั้งคู่ที่งอนง้อกันราวกับคู่รักหนุ่มสาว“แล้วที่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดคืออะไรเหรอลูก” ว่าที่แม่ยายหันมาถามแล้วมองด้วยสายตาที่อยากรู้เรื่องราวมือใหญ่หยิบแก้วน้ำดื่มที่มีหยดน้ำเกาะขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหายและลดความตื่นเต้น ยื่นมือไปกุมมือของคนรักที่คบหากันมานานสามเดือนเอาไว้เพื่อพูดเรื่องสำคัญ“ผมไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน เลยอยากจะมาทาบทามสู่ขอศรีให้ม
นอกจากห้องทำงานของเขาแล้ว ในเวลากลางวันร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของศรีภิญญาก็เป็นอีกสถานที่ที่เขาใช้เวลาอยู่กับการเอาใจเธอ“ที่นี่เป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ ไม่ใช่คาเฟ่ที่จะมานั่งตากแอร์เล่น” เธอบอกเขาที่นั่งจิบกาแฟแก้วที่สองแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมกลับ“ผมขอเครื่องซักผ้าห้าเครื่อง พัดลมสิบ ทีวีสามสิบเก้านิ้วห้าเครื่อง” เขาบอกเธอแล้วพยักหน้าให้ลภัสเตรียมตัวนำบัตรเครดิตออกมาให้“จะซื้อไปทำไมคะตั้งเยอะแยะ”“เอาไปเป็นของขวัญปีใหม่ให้พนักงานจับสลากครับ” เขาตอบแล้วมองดูใบหน้าที่จริงจังของเธอ“นี่เพิ่งจะเดือนสิงหา เตรียมพร้อมมากเลยนะคะ” เธอหรี่ตามองเขาที่พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อทำคะแนน และมันทำให้พ่อแม่เธอพอใจเป็นอย่างยิ่ง“เอาไว้ค่อยกลับมาซื้อเถอะค่ะ ซื้อไปเก็บไว้มันจะหมดประกันทิ้งเปล่าๆ” เธอบอกเขาไม่อยากให้เสียเงินในการมาเอาใจเธอ จากนั้นก็เดินไปต้อนรับลูกค้าที่กำลังหลั่งไหลเข้าร้าน“ศรีเขาชอบคนทำการทำงานน่ะ มานั่งเฝ้าเขาแบบนี้เขาไม่ปลื้มหรอกนะ” แม่ของเธอแอบมากระซิบบอกเขาเพื่อเอาใจช่วยแล้วรีบกลับไปนั่งประจำที่โต๊ะของตนปกรณ์นั่งรอจนกระทั่งเธอว่างแล้วเดินเข้าไปพูดคุยด้วย “ผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะ
“วันนี้มีการประมูลสำคัญ บอสไม่เตรียมตัวออกไปเหรอครับ” เลขานุการหนุ่มถามกึ่งเตือนความจำให้แก่อีกฝ่ายโดยปกติแล้วปกรณ์จะนับวันนับคืนรอให้วันนี้มาถึงแต่ครั้งนี้กลับดูนิ่งๆ และไม่ได้สนใจรับรู้อะไร“ฉันไม่ไป นายก็รู้นี่ว่ามันไม่ค่อยทำงาน” เขาตอบเสียงเรียบเมื่อพูดถึงเรื่องน้องชายที่หลับยาวลภัสนึกถึงเรื่องนี้ได้ก็ไม่แปลกใจที่เจ้านายไม่อยากไปงานนี้ปกรณ์วางมือจากงานแล้วนั่งหมุนปากกาในมืออย่างครุ่นคิด หลายวันมานี้มีแต่ใบหน้าของศรีภิญญาลอยมารบกวนจิตใจเขาอยู่ตลอดเวลา“ก็ไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น เถียงก็เก่ง ก็แค่ยิ้มหวาน เสียงนุ่ม ดูรวมๆ แล้วน่ารักเป็นธรรมชาติ ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอด้วยนะ” เขาพึมพำแล้วพ่นลมหายใจออกมา“บอสว่าอะไรนะครับผมได้ยินไม่ถนัด อะไรหวานๆ นุ่มๆ” ลภัสเงยหน้าจากโต๊ะทำงานของตนที่อยู่ในห้องเดียวกันกับเจ้านายขึ้นมาถามเมื่อได้ยินเขาพูด“ฉันไม่ได้พูดกับนาย”“ให้ผมหยุดเรื่องตามหาผู้หญิงด้วยเลยไหมครับ”“หยุดได้เลย ฉันไม่สนใจแล้ว” เขาพูดด้วยท่าทางเหม่อลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ยังไม่สบายใจกับสิ่งที่คุณศรีภิญญาพูดอีกเหรอครับ บอสอย่าเอามาใส่ใจเลยครับ บางทีมันอาจเป็นเพราะช่วงนี้บอสทำงานหนั
ที่บริษัทขายอุปกรณ์ไฟฟ้าเล็กๆ ของครอบครัว ศรีภิญญากำลังเดินตรวจดูสินค้าในสต๊อกหลังร้านพร้อมกับพนักงานอีกคนหญิงสาวช่วยงานที่ร้านมาตั้งแต่เด็ก รู้วิธีการทำงานและขั้นตอนต่างๆ เป็นอย่างดี พอเรียนจบเธอก็กลับมาทำงานที่บ้านแต่ก็อยากลองออกไปหาประสบการณ์ที่อื่นดูบ้างข้อเสนอของลภัสที่ติดต่อมาตอนนั้นทำให้เธอดีใจที่จะหลุดออกจากกรอบของธุรกิจครอบครัวแต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้านายของเขาจะดับความฝันเธอแล้วยังดูถูกกันอีก“สินค้าครบนะคะ แต่ของแถมลูกค้าหายไปห้าชิ้น” เธอพูดเสียงนุ่มหวาน“เมื่อวานนี้ลูกค้าซื้อพัดลมไปสองตัวค่ะ แล้วก็เครื่องซักผ้าสองเครื่อง ต่อรองเก่ง แต่เจ๊แกไม่ลดให้เฮียก็เลยแถมปลั๊กพ่วงไปสองอันแล้วก็ร่มสามคันค่ะ”“คนเดียวใช้ร่มตั้งสามคันเลยเหรอ พ่อนะพ่อ” เธออดส่ายหน้าให้กับการแก้ปัญหาแบบคนใจอ่อนของบิดาไม่ได้“น้องศรีคะ เจ๊เรียกไปขายของค่ะ” พนักงานขายหน้าร้านเดินเข้ามาเรียกเธอ“แล้วทำไมพี่มะลิไม่ขายเองล่ะคะ”“ก็ลูกค้าบอกเจ๊ว่าจะซื้อกับน้องศรีค่ะ เจ๊เลยให้พี่มาตาม ลูกค้าท่าทางน่ากลัวแต่หล่อมากค่ะ อย่างกับพระเอกหนังจีนฟีลแบบเจ้าพ่อ” มะลิพูดแล้วทำหน้าตาชวนฝันใบหน้าหวานลดยิ้มลง คิดว่าคงเป็น
คำดูถูกและต่อว่าจากหญิงสาวแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอกันมาเขาควรจะรู้สึกโกรธจนอยากบีบคอเธอที่หญิงสาวพูดจี้ถูกจุดอ่อนในใจของเขา ความรักเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้รู้สึกมานานแล้วตั้งแต่ที่โดนทรยศไปในตอนนั้น แต่กลับรู้สึกดีกับคำต่อว่านั้น“ฉันจะออกไปข้างนอกนะจะกลับมาตอนค่ำๆ มีอะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้” เขาบอกเลขานุการหนุ่มเสียงเรียบและใบหน้าดูไร้อารมณ์ราวกับกำลังเบื่อหน่าย“ครับ” ลภัสรับทราบแล้วยืนมองเจ้านายลุกขึ้นแล้วคว้าเสื้อสูทที่แขวนอยู่ด้านหลังมาสวมด้วยท่าทางองอาจ กระชับเสื้อให้เข้าที่แล้วเดินออกจากห้องไปโดย ใช้ลิฟต์ส่วนตัวที่ตรงไปยังร้านจอดรถยนต์ของเขาเศรษฐีหนุ่มขับรถไปยังไนต์คลับแห่งหนึ่งแล้วเลือกสาวสวยให้มานั่งเคียงข้าง จนเพื่อนของเขาที่เป็นเจ้าของไนต์คลับเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปทักทาย“มาแต่หัววันเชียวนะ ลูกค้าคนแรกเลยมั้งเนี่ย”“ใครใช้ให้แกเปิดก่อนที่อื่นเขาล่ะ” ปกรณ์พูดยิ้มๆ ที่นี่เปิดเร็วเหมาะสำหรับคนใหญ่คนโตมานั่งคุยงานแบบมีสาวสวยนั่งคลอเคลีย“ปกติแกไม่ค่อยสนใจผู้หญิงของฉันเลยนี่หว่าครั้งนี้ลดสเปกลงเหรอหรือว่ายังไง” เขาถามเพราะปกติแล้วคู่นอนที่ปกรณ์เลือกส่วนมากจะเป็นลูกค้าในร้านท
หลังจากที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ศรีภิญญาก็เริ่มรู้สึกว่าเธอทำตัวไม่ถูกเพราะสายตาเข้มคู่นั้นจ้องมาที่เธอราวกับทะลุเข้าไปในเสื้อผ้า“คุณจะให้ฉันทำงานอะไรเหรอคะ” เธอตัดสินใจทำลายความเงียบแล้วถามว่าเขาขึ้นมาตรงๆ อย่างเช่นที่เขาเองก็พูดตรงๆ กับเธอในตอนแรก“อันดับแรกผมขอสัมภาษณ์คุณก่อน” เขาไม่ตอบคำถามเธอแล้วเปลี่ยนประเด็นเป็นการคุยเรื่องอื่นแทน“ค่ะ อย่างนั้นก็ได้”“คุณเคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า” คำถามแรกก็ทำเอาหญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอไม่มั่นใจเลยว่าคำถามนี้มันเกี่ยวกับการทำงานของเธออย่างไร พลางคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาใช้คำถามจิตวิทยากับเธออยู่ก็เป็นได้“ยังไม่เคยมีค่ะ” เธอตอบเขาไปตามความจริง“แล้วคุณเคยทำกิจกรรมโลดโผนอะไรไหม อย่างเช่นปั่นจักรยาน วิ่ง หรือยิมนาสติก”“ก็เคยค่ะ แต่ไม่ได้โลดโผนมาก” คำถามของเขาเริ่มฟังดูแปลกๆ“คุณคิดอย่างไรกับเรื่องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่ไม่ใช่คนรัก” คำถามนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก ไม่ว่าจะเป็นคำถามทางจิตวิทยาหรือไม่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรถามกับคนที่ไม่ได้สนิทกันมากพอ“ขอโทษนะคะคำถามพวกนี้มันเกี่ยวกับหน้าที่ของฉันตรงไหนเหรอคะ” หญิงสาวถามแล้วจ้องตาเขาอ