เข้าสู่ระบบหลังจากออกจากคฤหาสน์เทวาลัย ความคิดของสิงขรยังคงวนเวียนอยู่กับสุริยาวดี ศิลาจารึกโบราณ และความรู้สึกผูกพันอย่างประหลาดที่เขามีต่อเกตุศิรินทร์ และคำเตือนของเธอที่ดังก้องอยู่ในหู ราวกับเป็นลางสังหรณ์ถึงอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น ทั้งเรื่องคดีฆาตกรรมที่ยังคงเป็นปริศนา และเรื่องราวประหลาดที่สุริยาวดีเล่าเกี่ยวกับอดีตชาติ... ทุกอย่างมันซับซ้อนจนเขาแทบไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน
เมื่อออกมาจากคฤหาสน์เทวาลัย สิงขรสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ พยายามสลัดความรู้สึกสับสนวุ่นวายในหัวออกไป เขาต้องกลับไปตั้งหลักและคิดทบทวนทุกอย่างอีกครั้ง
12.00 น.
ช่วงพักเที่ยง สิงขรตัดสินใจตรงไปหาคมกฤชที่บ้าน เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาแลกเปลี่ยนและวิเคราะห์ร่วมกัน
“ไอ้สิงห์! ทางนี้!” เสียงคมกฤชดังมาจากข้างในบ้าน หลังเพื่อนสนิทจอดรถได้ไม่นาน
“เป็นยังไงบ้างวะ เมื่อคืนได้คุยกับแม่นางสวยพิศวงนั่นมา?” คมกฤชถามด้วยความอยากรู้
สิงขรส่ายหน้า “มันซับซ้อนกว่าที่คิดว่ะ”
“ซับซ้อนยังไง?”
“เธอ... พูดถึงเรื่องภพชาติ”
คมกฤชเลิกคิ้วสูง “ชาติภพ? หมายความว่าไง?”
สิงขรถอนหายใจ “เรื่องมันยาวเอาไว้กูเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้เอาเรื่องคดีก่อน”
คมกฤชหยิบตำราปกหนังเก่าแก่เล่มหนึ่งลงมาจากชั้นหนังสือ พลิกหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว
“ในตำนานหลายแห่งก็มีการกล่าวถึงพิธีกรรมที่ต้องใช้เลือดและหัวใจเพื่อความเป็นอมตะ หรือเพื่อพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ” คำพูดของคมกฤชยิ่งตอกย้ำความสงสัยในใจสิงขร รูปแบบการฆ่าที่เหี้ยมโหด การควักหัวใจเหยื่อ... มันอาจไม่ใช่แค่ฆาตกรโรคจิตธรรมดาอย่างที่เขาเคยคิด
“แล้วศิลาจารึกแผ่นนั้นล่ะ มึงพอจะมีความรู้เรื่องอักษรโบราณพวกนั้นบ้างไหม?” สิงขรถาม พลางนึกถึงภาพถ่ายที่แอบส่งให้เพื่อนเมื่อคืน
“กูไม่แน่ใจว่ะ มันดูเก่าแก่มาก อาจจะเป็นอักษรที่เลิกใช้ไปนานแล้ว แต่กูพอจะรู้จักนักภาษาโบราณเก่งๆ อยู่คนนึง เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะลองติดต่อเขาดู” คมกฤชตอบอย่างไม่มั่นใจนัก
สิงขรพยักหน้าช้าๆ “ดี ถ้าอย่างนั้นฝากมึงด้วยนะ” เขายังคงเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของเพื่อนรักคนนี้เสมอ
เช้าวันต่อมา สิงขรเดินทางไปยังห้องทำงานของคมกฤชแต่เช้าตรู่ เขาต้องการทราบผลการค้นคว้าของเพื่อนเกี่ยวกับสัญลักษณ์และตำนานโบราณ
“มีอะไรคืบหน้าบ้างรึเปล่า?” สิงขรถามทันทีที่เดินเข้าไปในห้องทำงานของเพื่อน
คมกฤชนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ดวงตาจ้องมองหน้าจออย่างตั้งใจ เมื่อเห็นสิงขร เขาก็รีบหันมา
“กูเจอข้อมูลที่น่าสนใจว่ะ ไอ้สัญลักษณ์วงกลมซ้อนกันที่มีเปลวไฟตรงกลาง มันเป็นสัญลักษณ์โบราณที่เกี่ยวข้องกับลัทธิบูชาไฟ และยังมีความเชื่อมโยงกับเรื่องของความเป็นอมตะด้วย” คมกฤชอธิบาย
“ความเป็นอมตะ?” สิงขรทวนคำนั้นด้วยความสนใจ
“เออ ในตำนานบางเล่มกล่าวว่าสัญลักษณ์นี้เป็นกุญแจสู่ชีวิตนิรันดร์ หรือพลังวิเศษบางอย่าง” คมกฤชชี้ไปยังภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
“แล้วดูนี่ รูปที่มึงถ่ายมา สร้อยคอของคุณสุริยาวดีในภาพเหมือนก็มีสัญลักษณ์นี้เหมือนกันเป๊ะ”
สิงขรเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ภาพบนหน้าจอเป็นภาพที่เขาแอบถ่ายสุริยาวดีมาจากคฤหาสน์เทวาลัย สัญลักษณ์นั้นปรากฏอยู่บนสร้อยคอของหญิงสาวในภาพเหมือนอย่างชัดเจน
“แล้วตำนานเจ้านางมนทิราณีเทวีล่ะ มึงเจออะไรเพิ่มเติมบ้างหรือเปล่า?” สิงขรถามต่อ
“กูเจอเรื่องราวที่น่าสนใจหลายอย่างเกี่ยวกับนาง ว่ากันว่านางมีความงามเป็นเลิศ และมีพลังเวทมนตร์คาถา แต่ก็มีบางตำนานที่เล่าว่านางกระหายในอำนาจและความเป็นอมตะ และต้องใช้พิธีกรรมบางอย่างที่น่ากลัวเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น” คมกฤชเล่า
“พิธีกรรมที่น่ากลัว?” สิงขรขมวดคิ้ว
“ใช่ ในบางตำนานกล่าวถึงการบูชายัญด้วยชีวิต และการใช้เลือดหรือหัวใจเพื่อเสริมพลัง” คำพูดของคมกฤชทำให้สิงขรรู้สึกเย็นเยียบไปถึงสันหลัง ความเชื่อมโยงระหว่างตำนาน การฆาตกรรม และสุริยาวดีเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วเรื่องนักภาษาโบราณล่ะ เขาว่ายังไงเกี่ยวกับศิลาจารึก?” สิงขรถาม
“เขากำลังตรวจสอบให้อยู่ น่าจะรู้ผลในวันนี้แหละ” คมกฤชตอบ
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของคมกฤชก็ดังขึ้น ปลายสายคือเสียงของนักภาษาโบราณที่คมกฤชติดต่อไว้
“สวัสดีครับอาจารย์ ว่ายังไงครับ?” คมกฤชถามด้วยความคาดหวัง หลังจากที่คุยโทรศัพท์เสร็จ คมกฤชก็รีบอธิบายให้เพื่อนฟัง
“อาจารย์บอกว่าอักษรบนศิลาจารึกเป็นอักษรโบราณที่ใช้ในอาณาจักรเก่าแก่แห่งหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อน และใจความสำคัญที่อ่านได้คือ... มีการกล่าวถึงราชินีผู้ทรงอำนาจและเป็นอมตะ...”
สิงขรและคมกฤชสบตากัน ความเงียบปกคลุมห้องชั่วครู่ ทั้งสองรู้ดีว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้ความจริงบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารและรูปถ่ายคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง สิงขรนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ นวดขมับเบาๆ ความคิดในหัวยังคงสับสนวุ่นวายกับเรื่องราวที่คฤหาสน์เทวาลัย โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นขัดจังหวะความคิด สิงขรคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมา
“ไอ้สิงห์! กูติดต่ออาจารย์ฌองได้แล้ว!” เสียงคมกฤชดังมาจากปลายสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แล้วอาจาย์ว่าไงบ้าง?” สิงขรรีบถามกลับไปอย่างมีความหวัง
“อาจารย์บอกว่าอักษรบนศิลาจารึกนั่นเป็นอักษรโบราณจริงๆ เก่าแก่มาก น่าจะอยู่ในช่วงเดียวกับอาณาจักรขอมโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อน!” คมกฤชเน้นย้ำด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วอาจารย์พอจะแปลออกไหม?” สิงขรถามอย่างมีความหวัง
“อาจารย์บอกว่าต้องใช้เวลาศึกษาหน่อย แต่มีสัญลักษณ์บางตัวที่อาจารย์พอจะคุ้นเคยบ้างแล้ว อาจารย์นัดกูเข้าไปคุยรายละเอียดพรุ่งนี้”
“ดีมากไอ้คม มึงรีบไปตามนัดอาจารย์เลยนะ ถ้ามีความคืบหน้าอะไรก็รีบบอกกูด้วย” สิงขรสั่ง
หลังจากวางสายจากคมกฤช สิงขรก็เรียกจ่าเดชเข้ามาในห้อง
“เมื่อคืนมีรายงานอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมไหม?”
“ไม่มีครับสารวัตร ทุกอย่างเงียบสนิท” จ่าเดชรายงาน
ความเงียบในคืนวันเพ็ญที่ผ่านมาทำให้สิงขรรู้สึกแปลกใจ ปกติแล้วฆาตกรจะลงมือในคืนพระจันทร์เต็มดวงเสมอ หรือว่าสุริยาวดีกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่?
“จ่า ช่วยตรวจสอบประวัติของสุริยาวดี อธิสรให้ละเอียดอีกครั้ง เน้นไปที่ข้อมูลในอดีต หรือความเชื่อมโยงกับบุคคลที่มีความรู้เรื่องโบราณคดี” สิงขรสั่ง
“ครับสารวัตร”
ตอนที่ 25 เพลิงแค้นการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวี และกองทัพผีดิบที่นางสร้างขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด ในที่สุดพระเจ้าธรณินทร์ก็ทรงมีราชโองการให้หมื่นสุนทรเทวานำทัพไปยังนครสิงหปุระบรรพต เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แม้ในใจของหมื่นสุนทรเทวาจะอาวรณ์พระนางยโสธราเทวีเพียงใด แต่ด้วยหน้าที่และความจงรักภักดี เขาก็มิอาจปฏิเสธพระราชโองการได้เสียงก้องกังวานในท้องพระโรงยังคงดังก้องในหูของหมื่นสุนทรเทวา ถ้อยคำประกาศก้องถึงการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวีแห่งสิงหปุระบรรพต ราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจ พระพักตร์ของพระเจ้าธรณินทร์มืดครึ้มดุจเมฆฝน มิเพียงแต่ทรงขัดขืนพระราชโองการ หากแต่ยังใช้อำนาจแห่งเวทมนตร์ดำ ปลุกเหล่าทหารที่ล้มตายให้ลุกขึ้นเป็นกองทัพแห่งความมืด ปกป้องนครของตนมิให้ผู้ใดกล้ำกรายพระเจ้าธรณินทร์ทรงกริ้วโกรธดั่งพายุคลั่ง ตรัสบัญชาเสียงก้องกังวาน ให้หมื่นสุนทรเทวา นำทัพกล้าไปยังสิงหปุระบรรพตโดยพลัน เพื่อปราบปรามความอหังการของพระธิดา และนำความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินหมื่นสุนทรเทวาน้อมรับพระราชโองการด้วยความหนักอึ้งในใจ ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ทับถมบนบ่ากว้าง ในขณะที่หัวใจอีกดวงหนึ่งยังคงผูกพันอย
ตอนที่ 24 หัวใจและหน้าที่ NCสติสัมปชัญญะของพระนางยโสธราในยามนั้น ราวกับล่องลอยในห้วงแห่งความฝัน สิ่งที่คงอยู่มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้า ที่โหยหาให้สัมผัสจากหมื่นสุนทรเทวาลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย และเมื่อทรงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่บดเบียดอยู่เบื้องล่าง พระองค์ก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มโหยหาจนสุดจะทานทนสองกรเรียวงามโอบกอดรัดร่างของหมื่นสุนทรเทวาไว้แนบแน่น ราวกับต้องการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว อารมณ์ปรารถนาที่ร้อนระอุในอุระของพระนาง แผ่ซ่านไปทั่วพระวรกาย จนกลีบกุหลาบงามกลางหว่างพระเพลา เริ่มชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหวานแห่งความใคร่ ราวกับบุปผาแรกแย้มที่ต้องน้ำค้างยามเช้า“ท่านหมื่น... ได้โปรด...” พระนางกระซิบเสียงแผ่วพร่าองค์รักหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนกายทาบทับร่างบางอย่างนุ่มนวล แท่งกายที่แข็งขันค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในความคับแน่นและอุ่นร้อนภายใน ราวกับดอกไม้ที่แย้มรับหยาดน้ำค้าง ความรู้สึกเสียดสีและบีบรัดนั้น ก่อให้เกิดความเสียวซ่านที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กายของทั้งคู่“อืมม์...” พระนางยโสธราทรงครางแผ่วเบา พระพักตร์เหยเกด้วยความซาบซ่านหมื่นสุนทรเทวาเริ่มขยับกายช้าๆ ทว่าหนักแน่น สอดประสานจังหวะรักอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 23 ร้อยรัด...เสน่หา NCภายหลังจากการลาดตระเวนที่ชายป่า หมื่นสุนทรเทวากลับมาพร้อมรอยแผลจากการปะทะกับสัตว์ร้าย องค์หญิงยโสธราเทวีทรงทราบเรื่องก็ทรงเป็นห่วงยิ่งนัก ทรงมีพระบัญชาให้หมื่นสุนทรเทวามาพักรักษาตัวในตำหนัก และทรงอาสาจะดูแลบาดแผลให้เขาด้วยพระองค์เองในห้องบรรทมเล็ก องค์หญิงยโสธราทรงนั่งอยู่ข้างเตียงที่หมื่นสุนทรเทวานอนพัก พระหัตถ์เรียวค่อยๆ เช็ดคราบโลหิตบริเวณบาดแผลที่แขนของเขาด้วยความเบามือ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความตั้งใจและกังวล“เจ็บมากหรือไม่ ท่านหมื่น?” พระนางตรัสด้วยสุรเสียงอ่อนโยนหมื่นสุนทรเทวาทอดสายตาไปยังพระพักตร์งดงามที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม“เพียงเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง ความเจ็บปวดทางกายหาได้สำคัญเท่าความห่วงใยที่พระองค์ทรงมีให้ไม่... ความเมตตาของพระองค์ต่างหากเล่า ที่ประหนึ่งทิพยโอสถ ชโลมใจให้กระหม่อมคลายจากทุกข์ตรมได้สิ้น” สิ้นคำนั้น พระพักตร์ขององค์หญิงยโสธราก็ปรากฏรอยแย้มสรวลน้อยๆ ราวกับบุปผาแรกแย้ม พระเนตรของนางทอดลงต่ำเล็กน้อย แต่ริมฝีปากบางนั้นกลับยกขึ้นอย่างปิดไม่มิด ความรู้สึกปลาบปลื้มเอ่อล้นในพระทัย จนมิอาจซ่อนเร้นได้มิด“ท่านนี่... ช่างมีวาทศิล
ตอนที่ 22 ร้อยคำรัก... สลักทรวงครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน...นครสิงหปุระบรรพตกลับคืนสู่ความสงบสุขดังเดิม องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข หมื่นสุนทรเทวาหาได้คลายจากการถวายอารักขาพระองค์ แม้เพียงเสี้ยวนาที ความผูกพันของทั้งสอง งอกงามดั่งบุปผาในอุทยานแห่งรัก ท่ามกลางภาระหน้าที่อันหนักอึ้งทว่า... คลื่นลมแห่งความสงบสุขนั้นมิได้ยืนยงนานนัก ข่าวการรุกรานจากแคว้นอุดรทิศ ดุจพายุโหมกระหน่ำ แผ่สะพัดไปทั่วแผ่นดิน พระเจ้าธรณินทร์ ทรงมีราชโองการเรียกคืน เหล่าขุนศึกกล้าหาญ และนักรบผู้มีฝีมือ กลับสู่พระนคร เพื่อร่วมกันป้องกันราชอาณาจักร หมื่นสุนทรเทวา ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องหวนคืนสู่เมืองหลวงในท้องพระโรงเล็กของปราสาทสิงหปุระบรรพต แสงทองยามเช้าสาดส่อง องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงยืนประทับอยู่เบื้องหน้า หมื่นสุนทรเทวา ซึ่งกำลังคุกเข่าคำนับ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความกังวลและอาลัยอาวรณ์“ท่านหมื่น... จำเป็นฤๅ ที่ท่านต้องคืนสู่พระนคร เพื่อช่วยราชกิจแห่งเสด็จพ่อ?” องค์หญิงมนทิราณีเทวีตรัสด้วยสุรเสียงแผ่วเบา เจือด้วยความอาวรณ์หมื่นสุนทรเทวาเงยหน้าขึ้น สบพระเน
ตอนที่ 21 พันธรัก...ใต้แสงจันทร์นครสิงหปุระบรรพต เมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจแห่งพระเจ้าธรณินทร์ กษัตริย์ผู้ทรงแผ่อำนาจเหนือดินแดนกว้างใหญ่ ต่อมาพระเจ้าธรณินทร์ได้ส่งพระธิดาองค์โต พระนามว่า มนทิราณีเทวี ผู้ทรงมีพระสิริอันโฉมงดงามและพระทัยเมตตา ไปปกครองเมืองนี้ โดยมีนักรบหนุ่มผู้หาญกล้า นามว่า หมื่นสุนทรเทวา เชื้อสายขุนศึกผู้เกรียงไกร ติดตามเสด็จไปถวายการอารักขาอย่างใกล้ชิด ด้วยความจงรักภักดีและภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าธรณินทร์“มนทิราลูกรัก” พระเจ้าธรณินทร์ตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม พระหัตถ์ลูบศีรษะบุตรีอย่างอ่อนโยน“พ่อมอบหมายให้เจ้าไปปกครองนครสิงหปุระบรรพตแห่งนี้ จงนำความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุขไปสู่แผ่นดินแห่งนั้น” มนทิราณีเทวีเงยพระพักตร์ขึ้น สบพระเนตรพระบิดาด้วยความเคารพ“เพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันจะจงรักภักดีและทำทุกวิถีทางเพื่อให้นครสิงหปุระบรรพตเจริญรุ่งเรืองสมดังพระประสงค์”ข้างๆ องค์หญิง มีร่างสูงสง่าของนักรบหนุ่มในชุดเกราะหนังสีดำสนิทยืนอยู่ เขาคือ หมื่นสุนทรเทวา บุตรแห่งขุนศึกผู้เกรียงไกร ใบหน้าคมสันของเขามีแววเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ“หมื่นสุนทรเทวา!!!” พระเจ้าธรณินทร์ตร
ตอนที่ 20 ปริศนาแห่งกาลเวลาสิงขรจ้องใบหน้าสวยของสุริยาวดี ราวกับต้องการค้นหาความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้น ความสับสนในจิตใจค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกผูกพันอันแน่นหนา ราวกับสายใยที่ถักทอมานานนับร้อยปี หัวใจของเขารับรู้ถึงความคุ้นเคยนั้น แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนานเพียงใดก็ตามที“ผม...” สิงขรเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับกระซิบจากส่วนลึกของหัวใจ ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ผมจะอยู่กับคุณ... สุริยาวดี”ทันทีที่สิ้นคำ สุริยาวดีก็คลี่ยิ้มสดใส ราวกับบุปผาแรกแย้มต้องแสงอรุณ นางโผเข้ากอดสิงขรแน่น ซบใบหน้าลงบนอกแกร่งของเขา ความตื้นตันเอ่อล้นจนน้ำเสียงสั่นเครือ“ขอบคุณค่ะ... ท่านหมื่น... ขอบคุณที่ท่านกลับมาหาข้า...”สิงขรกอดตอบนางอย่างอบอุ่น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เคยคุกรุ่นในใจค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดนาง ความปรารถนาที่จะโอบอุ้ม ปกป้อง และดูแลหญิงสาวในอ้อมแขนนี้ กลับทวีความรุนแรงขึ้นจนยากจะต้านทานในห้วงเวลาแห่งความเสน่หานั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของสิงขรก็ดังแทรกขึ้น ราวกับเสียงกระดิ่งที่ปลุกให้ตื่นจากความฝันอันแสนหวาน เขาจำต้องผละออกจากอ้อมกอดอุ่นของสุริยาวดีด้วยค







