Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-04-10 11:10:51

จวนจนกระทั่งถึงเวลาแห่งแสงสี ที่ผับแห่งหนึ่ง เริ่มมีนักท่องราตรีทยอยเข้าร้านแล้ว เนื่องจากว่าผับเปิดไม่ดึกนัก ใครมีเวลามาดื่มกินตอนไหนก็สามารถมาได้ แน่นอนว่าเป็นเวลาของเหล่าวัยรุ่นหรือกลุ่มนักศึกษามาดื่มกินกันก่อน พอดึกหน่อยจะเป็นวัยทำงาน เพราะคนพวกนี้กว่าจะออกจากบ้านได้เสียเวลากว่าวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ ในร้านเริ่มเปิดเพลงฮิบฮอบให้ได้ขยับโยกบ้างแล้ว 

นักศึกษาที่มาปาร์ตี้กินดื่มก็ต่างมารวมตัวกันแล้วแต่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน กลุ่มใครกลุ่มมัน สาวๆ แต่ละคนก็แต่งตัวจัดเต็มชนิดที่เรียกได้ว่าแซ่บกันทุกคน เพื่อหวังลึกๆ ว่าคืนนี้จะได้ควงหนุ่มหล่อสักคนไปต่อให้จบ ส่วนหนุ่มๆ ก็คิดไม่ต่างกัน

“วันนี้คนเยอะผิดปกตินะ” นิโคไล ลูกค้าหนุ่มหล่อล่ำคนหนึ่งเอ่ยกับเพื่อนที่มาด้วยกันอีกสองคน ระหว่างนี้เขากำลังเดินเข้ามาในร้าน ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ กระทั่งพบกับที่นั่งที่ต้องการ นั่นคือหน้าเคาน์เตอร์ 

“น่าจะรู้ว่าที่นี่นักศึกษาชอบมาเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย” เพื่อนอีกคนตอบ

“อ่อใช่ฉันลืมไป แต่วันนี้เยอะมากสงสัยจะมาปาร์ตี้” นิโคไล ตอบและยังคงมองไปรอบๆ ตัวเช่นเคย

“คงใช่ สาวๆ เพียบเรามาได้ถูกจังหวะเวลาเสียจริง” 

“เฮ้นิค ฉันว่าสาวๆ โต๊ะนั้นมองนายว่ะ” เพื่อนสนิทชี้จุดให้ดู พลางบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยสาวสวย

“เดี๋ยวน่า ฉันสั่งเครื่องดื่มก่อน” นิโคไลตอบทั้งที่ใจอยากจะส่งยิ้มไปให้สาวๆ โต๊ะที่ว่านี้อยู่หรอก แต่ของแบบนี้ต้องดูชั้นเชิง จะรีบร้อนวู่วามก็ไม่ใช่นิโคไลน่ะสิ แต่สาวๆ ก็ดันยกแก้วเหล้าชูขึ้นเหมือนจะเป็นการทักทาย

“เหมือนเดิมไหมนิค” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยถามกับนิโคไล และเรียกชื่ออย่างสนิทสนม นั่นเป็นเพราะว่าชายหนุ่มมาที่นี่เป็นประจำเช่นกัน

“ไม่เหมือนเดิม คืนนี้ขอเป็นวิสกี้แทน” นิโคไลสั่งทว่าสายตายังจ้องมองไปที่โต๊ะนักศึกษาสาวอยู่

“ปกตินายไม่ดื่มวิสกี้วันนี้มาแปลก” เพื่อนเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ฉันอยากเมาเพื่อให้เขากับบรรยากาศปาร์ตี้ สาวๆ เยอะแบบนี้ต้องเมามันถึงจะสนุก” 

“ได้เลยครับ รอสักครู่นะ” ว่าแล้วบาร์เทนเดอร์ก็รีบจัดเครื่องดื่มให้กับลูกค้าหนุ่มหล่อขาประจำทันที 

“ปกติฉันเห็นนายเมาตลอดนี่หว่า เมาจนบอร์ดี้การ์ดต้องแบกกลับบ้านกันเลย” เพื่อนนะเพื่อนขายหน้ากันจนได้ 

“ฉันก็เมาเพื่อจะได้ดื่มด่ำกับความสุขที่ต้องใช้อารมณ์คลุกเคล้าให้เข้ากัน เวลาไม่เมาแล้วมันทำอะไรได้ไม่เต็มที่” ให้ตายเถอะคำพูดนี้ต้องเป็นนิโคไลเท่านั้น นิสัยเพลย์บอยมันอยู่ในกระแสเลือด

“แล้วจะบอกว่าวันนี้อยากเมาทำไมวะ ในเมื่อเมาทุกวัน” เพื่อนถามแบบกวนๆ

“เอาเป็นว่าวันนี้ฉันรู้สึก... เลือดลมในกายมันวิ่งพุ่งพล่านเมื่อเจอวัยรุ่นสาวๆ ที่เยอะขึ้น” พอพูดจบคำเขาก็คว้าแก้วเหล้าแล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวเกือบครึ่งแก้ว จากนั้นจึงนั่งมองแขกที่กำลังทยอยเข้าร้าน

ไม่นานนัก กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้เริ่มทยอยกันเข้ามาในร้านเช่นกัน มีทั้งหญิงและชาย หนึ่งในนั้นคือเทรซีย์นั่นเอง จากนั้นทุกคนก็เลือกที่นั่งติดกับเคาน์เตอร์ เพื่อจะได้สั่งเครื่องดื่มได้ง่าย อีกอย่างเคาน์เตอร์ก็ติดกับฟลอ จะออกไปโยกย้ายส่ายเอวก็ใกล้แค่นิดเดียว 

ระหว่างนี้เพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งก็มองมาที่กลุ่มของเทรซีย์เข้าพอดี พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นและแสยะยิ้มมุมปาก ทว่าเทรซีย์ไม่ได้สนใจมองแต่อย่างใด จนกระทั่งเหลือบเห็นเจ้าของร่างสูงเพรียว ภายใต้แสงไฟสลัวเธอมาในชุดดำสวมเสื้อหนังสีแดง เยื้องย่างเข้ามาช้าๆ ดวงตาคู่หวานมองหาคนรู้จัก แต่สายตาดันปะทะเข้ากับกลุ่มคู่อริเสียอย่างนั้น 

“เฮ้นั่น! ไอลดา” เพื่อนในกลุ่มคู่อริเป็นคนเอ่ยขึ้น ทว่าเจ้าของชื่อยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย แต่อีกฝ่ายกลับมองว่ากำลังถูกยิ้มเยาะเสียมากกว่า จากนั้นไอลดาจึงเดินไปยังกลุ่มเพื่อนของตนเอง 

“โทษทีที่ทำให้รอจ้ะ” ไอลดาเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ ทำให้เพื่อนต่างหันกลับมามองที่ต้นเสียง

“ถึงว่าทำไมมาช้า ก็แต่งตัวสวยเสียขนาดนี้” เพื่อนชายคนเดิมพูด

“ก็เทรซีย์บอกให้แต่งตัวสวยๆ ก็เลย...” ไอลดาตอบแบบซื่อๆ พลางยักไหล่เล็กน้อย

“ก็เลยสวยกว่าเพื่อน นั่งลงๆ สั่งเครื่องดื่มเลย” เทรซีย์บอกพร้อมกับใช้มือตบที่เก้าอี้เบาๆ 

ไอลดาจึงหย่อนตัวนั่งลงข้างเทรซีย์ พร้อมกับถอดเสื้อหนังวางพาดไว้ที่พนักพิง

“สั่งอะไรดีไอซ์” เพื่อนชายในกลุ่มขันอาสาที่จะไปสั่งเครื่องดื่มให้

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รอยเสน่หาเทพบุตรเถื่อน   บทที่ 72 (จบ)

    “อยู่กันแค่นี้ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้คุยกันแบบผู้ใหญ่ เพราะผมเองก็อยากจะรู้จักคุณ” ถึงเวลาที่ลูกผู้ชายจะต้องคุยกันเสียทีสินะ ซึ่งไม่มีอะไรมากเพียงแต่ภูชิตอยากรู้จักคนที่จะมาเป็นพ่อของน้องเมย์ และเป็นสามีของบุตรสาวเท่านั้นเองเพื่อจะได้รู้ที่มาที่ไป หัวนอนปลายเท้า เพราะรู้คร่าวๆ ว่า มาด้วยเรื่องธุรกิจกับกันตพงษ์แต่เมื่อนิโคไลเล่าให้ฟังจึงได้รู้ ว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับการประกอบเครื่องบินในอเมริกา ส่วนเรื่องที่รู้จักกับไอลดาอย่างไรนั้นขอเก็บไว้เป็นความลับ เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็เป็นได้ชิมลูกปืนของพ่อตาแน่ ๆการทำความรู้จักและคุยกันก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นการสู่ขอไปในตัว อีกทั้งนิโคไลสัญญาว่าจะดูแลไอลดากับน้องเมย์ให้ดีที่สุด แต่ก็น่าอายเหลือเกินที่นิโคไลต้องรับรู้ว่าไอลดาหมั้นกับกันตพงษ์ทำไม เมื่อถอนหมั้นกันแล้วก็ต้องใช้หนี้คืนกลับไป ซึ่งนิโคไลยินที่จะจัดการส่วนนี้ให้ในฐานะลูกเขย ส่วนเรื่องการเจรจาขอให้ไอลดากับน้องเมย์ไปอยู่อเมริกานั้นรอไว้ก่อน เพราะมันเร็วเกินไปกลัว ตากับยายจะรับไม่ทันต้องให้เวลากับท่านด้ว

  • รอยเสน่หาเทพบุตรเถื่อน   บทที่ 71

    “งั้นเข้าไปในนั่งในห้องรับแขกก่อนนะคะ รอไปทานมื้อค่ำด้วยกัน แต่อีกสักพักโน่นแหละค่ะ” ลัลลดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเชิญทุกคนเข้าไปในห้องรับแขก ทว่าไม่ได้สังเกตสีหน้าบุตรสาวเลย ว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแค่ไหน มีความรู้สึกว่ามันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียเหลือเกิน และดูเหมือนว่า นิโคไลจะไม่เกรงกลัวกับความจริงเลย“เชิญนั่งนะคะ ยัยไอซ์” ลัลลดาเป็นคนบอกอีกครั้ง พร้อมกับเรียกบุตรสาวเพื่อเรียกสติของเธอ เนื่องจากสังเกตดูว่ามีอาการเหม่อลอย พอได้สติไอลดาก็ปรับอารมณ์ให้เรียบเฉย“คุณพ่อกับคุณแม่ลงมาก็ดีค่ะ ไอซ์มีเรื่องจะคุยด้วย”“เกี่ยวกับเราทุกคนเลยเหรอลูก คุณนิโคไลด้วยหรือเปล่า” บิดาถามพลางมองสองหนุ่มสลับกัน“เอ่อ” ไอลดากลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ส่วนมารดาก็ช่างสังเกต กระทั่งสายตาเหลือบเห็นสองมือที่ประสานกันไว้แน่น เหมือนมีความประหม่าและหวาดหวั่น แต่ที่สะดุดตาเลยนั่นคือ นิ้วนางข้างซ้ายไม่มีแหวนอีกแล้ว“เอ่อ ไอซ์กับคุณกัน” มารดาแค่เกริ่นเ

  • รอยเสน่หาเทพบุตรเถื่อน   บทที่ 70

    “พี่ก็พยายามแล้ว แต่ก็เปลี่ยนให้มารักไอซ์เหมือนน้องสาวไม่ได้เหมือนกัน พี่รักไอซ์นะ” ให้ตายสิ เธออยากจะแยกร่างได้เป็นสองร่างเสียเหลือเกินจะได้ไม่ต้องแย่งกัน“ไอซ์... ไอซ์รู้ค่ะ เราหยุดซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่านะคะ ไอซ์ไม่อยากทำให้พี่กันเสียใจไปมากกว่านี้ เป็นพี่ชายของไอซ์เถอะนะคะ” อย่างไรเสียเธอก็ยังยืนยันคำเดิมสินะ“ถามจริงๆ พ่อของน้องเมย์เป็นใคร แล้วตอนนี้เขามาขอคืนดีกับไอซ์เหรอ”“คือ ค่ะ ไอซ์ไม่อยากให้พ่อลูกต้อง... ไม่อยากขัดขวาง”“พี่เข้าใจ” เข้าใจ ทว่าหัวใจนี่สิที่กำลังเจ็บอยู่ ความจริงเขาอกหักตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ทำให้เธอเป็นคู่หมั้นแล้วแสร้งว่ามีความสุข ทั้งที่เป็นทุกข์มาโดยตลาดเพราะบังคับ รักเองเจ็บเองมานานแล้ว“ไอซ์ขอโทษค่ะพี่กัน” เธอเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่เขาเอื้อมมือลงไปจับที่มือเรียวพลางมองไปที่แหวนหมั้น“ละครของเราสองคนคงจบแล้วสินะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงหม่นเล็กน้อย“ฝืนไปมันก็ไม่ได้ดีขึ้นนะคะ ไอซ์อยากให้พี่กันได้เจอใครสักคนที่รักพ

  • รอยเสน่หาเทพบุตรเถื่อน   บทที่ 69

    ช่วงเวลาต่อมา ประมาณหกโมงเย็น ไอลดาพาน้องเมย์ออกมาวิ่งเล่นที่หน้าบ้าน พร้อมกับเจ้าโกโก้อย่างสนุกสนาน ความน่ารักสดใสของน้องเมย์ ทำให้เธอยิ้มแย้มมีความสุขลืมปัญหา และความทุกข์ไปได้ตลอดระยะสองปีที่น้องเมย์ถือกำเนิด อีกทั้งน้องเมย์คือกำลังใจสำคัญของชีวิต และเป็นคนที่ทำให้เธอยอมใจอ่อนกับนิโคไล เพียงเพราะอยากให้ลูกมีพ่อ อีกอย่างพ่อต้องการลูก ก็ได้แต่หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีแม้จิตใจของใครบางคนอาจจะชอกช้ำ แต่เชื่อว่ามันจะเข้มแข็งขึ้นได้ในเร็ววัน เพราะที่ผ่านมาเธอเองก็ทุกข์เพราะความคิดถึง และเพิ่งจะสุขก็ตอนที่ละทิ้งทิฐินี่เอง“น้องเมย์ ชอบโกโก้ไหมลูก” ไอลดาเอ่ยถามน้องเมย์ขณะที่กำลังหยอกล้อกับเจ้าโกโก้“ชอบค่ะ” น้องเมย์ตอบสั้นๆ และยิ้มสดใส“แล้วชอบลุงฝรั่งไหม” ไอลดาแสร้งถามไปอย่างนั้นเอง เพราะเด็กยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นยังไง“ลุงพะหลั่งใจดี” เสียงสดใสดังเจื้อยแจ้ว ทำให้คนที่กำลังเดินมาจากหน้าบ้านได้ยินเข้าพอดี”“กำลังคุยอะไรกันอยู่จ๊ะสองแม่ลูก” กันตพงษ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงส

  • รอยเสน่หาเทพบุตรเถื่อน   บทที่ 68

    “พูดอย่างนี้หมายความว่า เขามาตามหาไอซ์เหรอ ไหน มันอยู่ไหน มันทำลูกพ่อท้องแล้วไม่รับผิดชอบเนี่ย”“คุณพ่อคะ เขาไม่รู้ว่าไอซ์ท้องนะคะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รับผิดชอบ”“เขามาตามง้อไอซ์เหรอลูก” มารดาถามด้วยความอยากรู้“พ่อกับแม่จะโกรธเขาไหมคะ แต่ว่าเขาไม่ได้ผิดอะไรเลย” ไอลดายังไม่กล้าบอกว่าเขาอยู่ที่ไหน แค่หยั่งเชิงหากนิโคไลอยู่ที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น“เขาอยู่ที่ไหน มาเมืองไทยแล้วหรือยัง” มารดาถามราวกับจะหาเรื่องเขาเสียอย่างนั้น แบบนี้ใครจะกล้าบอกล่ะ“คงต้องคุยกันหน่อยนะลูก ตามประสาลูกผู้ชาย จะโกรธเหรอก็คงไม่ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นพ่อของน้องเมย์ ลูกเสียอีกที่ผิดเพราะไม่ยอมบอกเขา ทำให้น้องเมย์เป็นกำพร้าพ่อมาจนลูก 2 ขวบ” บิดาให้ความเห็น“ก็ตอนนั้นไอซ์คิดว่าเขาจะไม่สนใจไอซ์นี่คะ”“ไอซ์ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลยว่าเขาอยู่ที่นี่หรือยัง หรืออยู่อเมริกา” บิดาถามย้ำคำของมารดาอีกครั้

  • รอยเสน่หาเทพบุตรเถื่อน   บทที่ 67

    “ก็ ฝึกความอดทนหน่อยสิคะ” พูดจบเธอก็เขย่งปลายเท้าแล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบตรงแก้มที่สากไปด้วยเคราหนักๆ หนึ่งที ก่อนจะดันตัวออกแล้วเดินหนีไปเสียดื้อๆ จูบนี้มันทดแทนคำว่ารักได้ แต่สำหรับเขายังไม่เพียงพอว่าแล้วจึงรีบวิ่งตามไปทันที กระทั่งวิ่งทันจึงโอบกอดเธอเอาไว้และพรมจูบตรงเรือนผม จากนั้นจึงเดินทอดน่องไปตามริมหาดเรื่อยๆ งดคุยเรื่องเครียดเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กันอย่างมีความสุข ก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ ไปเผชิญกับปัญหา ไม่ใช่แค่กับกันตพงษ์เท่านั้น แต่กับครอบครัวของไอลดาด้วยสามวันสองคืนกับการใช้ชีวิตบนเกาะ โดยที่ฝ่ายกรุงเทพฯ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งสอง ทุกคนเข้าใจว่าไอลดาไปกับแขกก็เท่านั้น แต่มาบัดนี้ วันนี้ทั้งสองเดินทางกลับ ทุกคนจะได้รู้ว่านิโคไลไม่ใช่แขกอีกต่อไปต่อมาเมื่อถึงกรุงเทพฯ ไอลดาขอให้นิโคไลอยู่ที่โรงแรมเสียก่อน เพราะเธอต้องไปบอกความจริงกับบิดาและมารดา เพื่อเปิดทางเสียก่อน หากไปตอนนี้มีหวังปัญหาอาจตามมาได้ แต่นิโคไลหรือจะเชื่อฟัง“แม่จ๋า...” เสียงเด็

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status