LOGIN“แม่ไม่โทรตามแน่น่ะ”พีชเอ่ยแซวขณะที่นั่งกินอาหารอยู่ในร้าน เป็นร้านบุฟเฟ่หม่าล่าไม่จับเวลา จึงนั่งกันนานหน่อย
“แน่นอน”แยมพูดอย่างมั่นใจ ก่อนหน้านี้เธอตกลงกับแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้จะได้เที่ยวกับเพื่อนยาวๆหน่อย “กูอยากไปผับเกย์” ทำเอาสองสาวหันมองเขาเป็นตาเดียว ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเลโอมีรสนิยมแบบนี้ คิดว่าชายแท้ซะอีก “มึงเป็นโอเมก้าเหรอ”พีชถาม “ระดับกูต้องอีนิกม่าเว้ย”เลโอตอบราวกับมั่นใจนักหนา ในมือถือตะเกียบคู่หนึ่งคีบเนื้อเข้าปากไป “เปลี่ยนที่เถอะ แกค่อยไปคนเดียว ฉันกับพีชจะเข้าไปยังไง” แค่ไปสถานที่แบบนั้นก็โดนมองว่าแปลกแล้ว “ก็ไปบาร์เลสเบี้ยนดิ หัดเปิดโลกซะบ้าง”เลโอแนะนำอีก บอกว่าวันนั้นพวกเราต้องแยกกันไป “เออว่ะ ความคิดดี” ราวกับเป็นเรื่องท้าทายใหม่สำหรับพวกเขา พีชตอบรับคำทันที แต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะไปวันไหน พีชเองก็ยังไม่เคยไปเช่นกัน แยมเคยไปผับมาอยู่ครั้งเดียว ก็เมื่อสองวันก่อนที่เขาพาไป ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ คำพํดพวกนั้นมันคอยหวนกลับมาหัวเราะเยาะใส่เธอ หากได้ไปผับอีกครั้ง ก็จะไม่ไปเหยียบที่นั้นอีก แยมและกลุ่มเพื่อนไปเที่ยวสนามแข่งรถกันต่อ เลโอบอกว่ายังไม่ดึกจึงชวนไปดูแข่งรถ เมื่อพวกเธอมาถึงหลายๆคนก็นั่งอยู่บนอัฒจันทร์แล้ว รถแข่งหลายคันจอดโชว์อยู่ใกล้ๆสนาม ขณะที่พริสตี้สาวกำลังเดินโบกธงมากลางสนาม คนตัวเล็กเดินตามเพื่อนๆขึ้นไปนั้งบนอัฒจันทร์ เสียงโห่รถดังกึกก้องเมื่อรถคันเก่งขับเข้ามาจอดกลางสนาม คนในรถลดกระจกลงโบกมือมาทางเสียงเชียร์ ยิ่งทำให้เสียงกรี๊ดดังขึ้นไปอีก “ใครเหรอ”แยมถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่รู้จักใครเลย “เด็กคณะการช่างน่ะ เห็นว่าแต่งรถมาแข่ง ชนะมาห้ารอบล่ะ”เลโออธิบาย เพื่อนชายคนนี้รู้ทุกเรื่องเป็นอย่างดี “ฉันสนใจ”พีชพูดขึ้นเบาๆพลางยกมือขึ้นน้อย “มึงคงต้องต่อคิว ไม่เห็นหรอว่าคนกรี๊ดมันตั้วครึ่งสนาม”เลโอพูดราวกับหยอกล้อก่อนจะหันมามองเพื่อนข้างกาย รถอีกคันขับเข้ามาจอดเทียบกันกลางสนามจนทำเสียงลุกฮือ รถคันสีดำกับสีส้มที่ต้องประลองความเร็วกันในคืนนี้ พริตตี้ก้าวออกมายืนข้างหน้าระหว่างรถทั้งสอง ยดํงในมือขึ้นสูงเพื่อเตรียมปล่อยทั้งสองกันลงไปแข่งกันในสนาม สายตาของนักแข่งทั้งสองมองดูธงในมือ พร้อมที่จะรอสัญญาณออกตัว ไป! รถทั้งสองมุ่งออกไปราวกับจรวด เสียงเครื่องยนต์กรีดร้องไปตลอดทางยาว ความเร็วของทั้งคู่เสียดสีกันมาก สลับกันแซงอยู่หลายครั้ง เสียงเชียร์ดังกระหึ่มโบกมือให้รถข้างล่างเร่งความเร็วเข้าเส้นชัย เมื่อเข้าทางโค้งรถคันสีดำจึงสกัดไม่ให้คันสีส้มขึ้นมาแซงหน้า ทั้งสองคันวิ่งแข่งกันสูสี จวบจนกระทั่งใกล้ถึงเส้นชัย ทว่าคันสีดำดูคล่องแคล่วและชำนาญกับถนนมากกว่า เพราะทุกครั้งที่ขึ้นแซงได้ มักจะตีโค้งสะกัดคันสีส้มไม่ให้เบียดขึ้นแซง เสียงเชียร์ยิ่งดังขึ้นไปอีก เมื่อคันสีดำผ่านเข้าสู่เส้นชัย ทว่าเสียงเชียร์เหล่านี้คล้ายกับเสียงเยาะเย้ยสำหรับเจ้าของรถคันสีส้ม แยมหยิบมือถือขึ้นมามองเวลา เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้วจึงเอ่ยปากกับเพื่อนอีกสองคน “กลับกันเถอะ” “จะรีบไปไหน”เลโอแย้งขึ้น เขาอยากจะนั่งดูการแข่งขันอีกสักตาก่อนกลับ “ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้”พีชกล่าว แต่เหมือนว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องไปเที่ยวที่อื่นต่อ “เอางั้นก็ได้”เลโอลงจากอัฒจันทร์และตรงไปที่รถ ชายหนุ่มหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋า รถของเลโอเป็นบีเอ็มสีขาว “เชิญครับคุณผู้หญิงทั้งหลาย”เขาเปิดประตูรถให้อีกสองสาวขึ้นไป ทุกๆวันพีชจะติดรถมากับเขาเสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะกลับพร้อมกัน “พรุ่งนี้มารับฉันด้วยได้ไหม ประมาณหกโมงเช้า”หากว่าพวกเขาวนรถกลับมารับเธอได้คงดี แต่ระยะทางมันไกลพอสมควร ครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง “มึงตื่นมาตักบาตรเหรอถามจริง”พีชพูดหยอกล้อ จะให้ตื่นหกโมงเช้าสำหรับเธอทำไม่ได้ “หกโมงกูยังไม่ตื่นครับ” รถคันสีขาวจอดหน้าบ้านหลังโต ทำเอาเพื่อนทั้งสองเอ่ยแซวเธอกันเป็นประโยคเดียว “นอนบ้านแกด้วยได้ไหม” “มันไม่ใช่บ้านฉันสักหน่อย”ขนาดเธออาศัยอยู่ยังเกรงใจเจ้าของบ้านด้วยซ้ำ แยมลงจากรถโบกมือให้ทั้งสองคน จนพวกเขาขับออกไป แยมเข้ามาทางประตูรั่วเล็ก หน้าบ้านเปิดไฟไว้เพียงดวงเดียว เธอเปิดประตูอย่างเบามือราวกับกลัวใครสักคนได้ยิน โชคดีที่ในบ้านเงียบสนิท สาวน้อยถอดรองเท้าออก ก่อนจะหยิบสลิปเปอร์มาสวมเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูเสียงเบา เธอเดินขึ้นบรรไดไปยังห้องของตัวเอง โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แยมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยอาการงัวเงีย เธอกลับดึกและต้องตื่นเช้าเพื่อหลบหน้าใครบางคน ทำให้เหนื่อยล้าและขี้เกียจ แต่ยังต้องลุกไปจัดการตัวเอง เพราะหากยังไม่ออกไป ต้องประจันหน้ากับเขา และเขาจะเสนอหน้าไปส่งเธออีก จะให้เป็นอย่างงั้นไม่ได้พวกเราต้องอยู่กันคนละแผ่นดิน เรื่องราวไม่อาจเลยเถิดไปมากกว่านี้แล้ว คืนนั้นถือว่าแค่ถูกกลั้นแกล้ง จะไม่นึกถึงมันอีก สาวน้อยรีบแต่งตัวแล้ววิ่งลงจากบันไดไปใส่รองเท้าอย่างรวดเร็ว หลังเลิกเรียนเธอจึงไม่เลือกที่จะกลับบ้านก่อนอีกตามเคย ช่วงดึกเลโอกับพีชชวนเธอมาดื่มที่ผับ แยมเปลี่ยนจากชุดนักศึกษาเป็นเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงยีนส์ตัวจิ๋วของพีช เลโอเปิดโต๊ะและสั่งเครื่องดื่ม ในผับแห่งนี้มีนักศึกษามหาลัยเดียวกันมาเที่ยวเล่นไม่น้อย เธอเห็นคนหน้าตาคุ้นเคยอยู่บ้าง พีชหยิบขวดน้ำสีอำพันเปิดฝาออกอย่างชำนาญ เธอหยิบแก้วใบเล็กขึ้นวางบนปากขวด แล้วหมุนมันจนน้ำในขวดปล่อยฟองออกมาล้นขวด แยมเห็นความชำนาญของอีกถึงกับไม่เชื่อสายตา ว่าเธอสามารถทำแบบนี้ได้ด้วย พีชตักน้ำแข็งเทใส่แก้วตรงหน้าเธอ หยิบไฟขึ้นมาจุดจนเกิดเป็นเปลวไฟเล็กๆในแก้วก่อนจะดับหายไป “โธ่เอ่ย เลิกขี้โม้ได้ล่ะ”เลโอมองฝีมือเพื่อนสาวที่เอาแต่โชว์ลีลาของตัวเองไม่หยุดหย่อน จนเขาทนคอแห้งไม่ไหว “ชนแก้ว”พีชยกแก้วยื่นไปหาเพื่อนอีกสองคน แยมคิดไว้แล้วว่าเธอจะดื่มเพียงแก้วเดียวเท่านั้น เพราะต้องกลับบ้านตอนตีหนึ่ง แล้วเธอต้องตื่นตอนหกโมงเช้า เพื่อเผ่นออกจากบ้าน รสชาติฝาดไหลลงคอแถมยังขมจนเธอต่อแลบลิ้นออกมา หน้าตาจิ้มลิ้มแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย รสชาติขมยังคงติดลิ้นอยู่ที่ปลายลิ้นและลำคอ เลโอขำออกมาเมื่อเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของแยม เขาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน “ดื่มเยอะๆเดี๋ยวก็ชินเอง” สีหน้าของพีชยังคงปกติ เธอดื่มลงไปราวกับไม่มีรสชาติฝาดลิ้นเลย ดีเจบนเวทีเปิดเสียงเพลงดังสนั่น หญิงสาวมากมายลุกออกมาโยกกายกันหน้าเวที ในตอนนั้นเองที่เลโอลุกจากเก้าอี้ เขาคว้ามือของพีชออกไปเต้นด้วยกันหน้าเวที ทำให้แยมรู้สึกแปลกใจสำหรับสองคนนี้ ทว่ามันก็ไม่ผิด เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน “น้องชนแก้วด้วยหน่อย”ชายหนุ่มคนหนึ่งแหวกฝูงชนเข้ามาหาเธอ พร้อมกับเครื่องดื่มในมือของเขา แยมยังคงสับสนเพราะเขาเป็นคนแปลกหน้า สวนเพื่อนเธออีกสองคนหายไปหน้าเวทีแบบไม่รอกันเลย สาวน้อยหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้นมาชนแก้วกับคนตรงหน้า เธอดื่มลงไปหลายอึก ทว่าชายคนนี้ยังไม่ยอมจากไป แยมจึงปลีกตัวออกห่าง แต่เขากลับยิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้น “เอ่อ…คือ”เธอลังเลเล็กน้อย เพราะรู้สึกราวกับว่าดวงตาเริ่มจะพร่ามัว มองแก้วที่อยู่ในไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร ชายคนนั้นยื่นมือออกมาวางลงบนไหล่ของเธอ แยมขมวดคิ้ว มือเรียวยกขึ้นนวดขมับราวกับพยายามดึงสติกลับมา มือเล็กอ่อนแรง จนแก้วในมือร่วงหล่นลงพื้น ด้วยเสียงเพลงที่ดังจนถึงโสตประสาท ทำให้ไม่ได้ยินเสียงเศษแก้วเหล่านั้น ชายคนนั้นประคองเธอออกไปโดยไม่มีใครสังเกตุ แยมตัวแข็งทื่อ สมองของเธอสับสนและวุ่ยวาย ไม่สามารถปริปากได้ เหมือนโดนบางอย่างเข้า แยมได้แต่ภาวนาให้เพื่อนสองคนที่หายไป กลับมาช่วยเธอ ร่างบางถูกประคองมาชั้นบนของผับ ชายหนุ่มอุ้มเธอขั้นบันไดมา โลกทั้งใบหมุนวน ความเจ็บร้าวในหัวบีบรัดจนหูอื้อ สติเลือนราง ปวดหัวจนเสียงรอบข้างหายไปเหมือนถูกดูดเข้าสู่ความมืด ชายแปลกหน้าทำตัวราวกับนักล่าแต้ม เขาเปิดประตูห้องแล้วอุ้มเธอเข้าไป ทว่าวินาทีต่อมาร่างของเธอกลับร่วงหล่นลงพื้น ศีรษะกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง ยิ่งทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่า อีกครึ่งร่างก็ค่อยปวดระบมไปด้วย “ตุ้บ” ศรัณย์ผลักประตูที่กำลังจะปิดเข้าไป เขาปล่อยหมัดใส่ชายตรงหน้าเต็มแรงจนร่วงหล่นไปต่อหน้าต่อตา ชายปริศนางุนงง เพราะโดนทำร้ายขณะที่ไม่ทันตั้งตัว เขาตระหนกตกใจตั้งท่าจะลุกขึ้นมา แต่กลับโดนเตะเข้าไปที่ใบหน้า ทว่ายังกระชากคอเสื้อขึ้นมาต่อยอีกครั้งจนเลือดซิบ “พะ…พอแล้ว”เขาเจ็บจนต้องยกมือร้องขอชีวิต “พอแล้วๆ”เขายกมือเช็ดคราบเลือดที่ไหลออกมา ตรงสันกรามปวดร้าวอย่างกับฟะนด้านในหักไป เขาเห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักจึงคิดจะขโมยตัวมาถ่ายคลิปเอาไปขายเท่านั้น นี้เป็นครั้งแรกที่โดนต่อยจนเจ็บตัว ศรัณย์ปล่อยให้การ์ดเข้ามาลากตัวเขาออกไปข้างนอก ร่างสูงปิดประตูห้องลงอย่างหงุดหงิด ใบหน้าด้านข้างมืดมนราวกับอยากจะกระชากวิญญานคน เขาเดินผ่านคนตัวเล็กเข้าไปล้างมือในห้องน้ำอย่างกับมือของเขาเปื้อนเชื้อโรค ก่อนจะออกมาหยิบทิชชู่เช็ดมือแล้วโยนทิ้งด้วยความรังเกียจ ศรัณย์คลายเนคไทออกอย่างลวกๆ นาฬิกาหรูบนข้อมือก็ถูกถอดเก็บไว้ เขาถอดเสื้อสูทวางไว้บนโต๊ะ เหลือเพียงเสื้อกั๊กที่แนบเข้ากับลำตัว ชายหนุ่มลากร่างเล็กที่หลับสนิทอยู่บนพื้นเข้าไปในห้องน้ำ เขาพับแขนเสื้อขึ้นโดยไม่เร่งรีบ มือหนาหยิบฝักบัวออกมาสาดน้ำใส่หญิงสาวบนพื้น ให้เธอได้สติกลับมา แยมขดตัวหนี ยกฝามือบดบังบางอย่างที่สาดมายังตัวเธอ ความเย็นแทรกซึมเข้าไปจนเสื้อผ้าเปียก ยิ่งเธอขยับหนี กระแสน้ำยิ่งสาดเข้าใส่เธอไม่หยุด เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปรือขึ้นทีละน้อย เธอมองเห็นใครบางคนตรงหน้า“ผมถ่ายให้ครับ”แม่ของแยมชะงักไปนิด ก่อนจะยิ้มแล้วส่งโทรศัพท์ให้เขาอย่างไม่คิดมากแยมยืนนิ่ง ตัวเกร็งเล็กน้อยเหมือนทำตัวไม่ถูก เพราะชุดว่ายน้ำและเพราะสายตาของเขาที่มองมาอย่างอ่านไม่ออก ศรัณย์รับมือถือด้วยสีหน้าเรียบสนิท ไม่มีแม้รอยยิ้ม เขากดถ่ายรัว ๆ แทบไม่ให้เวลาเธอเปลี่ยนท่าเพียงไม่กี่วินาที เขาก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้แม่เธอเหมือนไม่คิดอะไรแยมรับมาดูด้วยความเกรงใจ พร้อมพึมพำเบา ๆ ว่า “ขอบคุณค่ะ…”แต่พอเห็นรูปในเครื่อง เธอก็แข็งค้างไปทันที ไม่ใช่ภาพสวย ๆ บนเรือ ไม่ใช่ภาพเธอกับวิวทะเล แต่เป็นภาพข้อเท้าเธอทั้งดุ้น ซ้ำยังถ่ายมุมเดิมติดพื้นเรือเต็ม ๆแยมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างอึ้ง ๆในขณะที่ศรัณย์เพียงยักคิ้วใส่เธอ เหมือนคนที่รู้ตัวดีว่าแกล้ง และตั้งใจแกล้ง นี่มัน ก่อกวนกันชัด ๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าเจตนาอะไร!“เป็นไงลูก พี่เขาถ่ายให้สวยไหม”แม่เอ่ยถาม เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งอยู่บนเรือ “สวยค่ะ สวยมากเลย”แยมตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แล้วเก็บโทรศัพท์กลับไป ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อชูชีพขึ้นมาสวมชายหนุ่มเองก็กำลังสวมชุดชูชีพอยู่ท้ายเรือ เขาใส่คล้องแคล้ว
ทว่าภาพที่เห็นกลับทำให้เธอใบหน้าร้อนผ่าวจนอาการหน้าชาเมื่อครู่หายวับไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเปลื้องผ้าจนร่างเปลือยเปล่า แวกว่ายอยู่ในสระน้ำตรงระเบียงห้อง แม้ว่าระเบียงห้องของเขาจะไม่เปิดไฟ แต่แสงสะท้อนออกมาจาห้องเธอทำให้เห็นภาพชัดเจน“ซ่า”ร่างสูงโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกับเสยผมที่เปียกชุ่มกลับขึ้นไป แผงอกกำยำมีหยาดน้ำไหลผ่านทั่วทั้งตัว กล้ามอกเป็นมัดชัดเจนราวกับถูกแกะสลักด้วยปลายมีด เส้นเลือดที่ท่อนแขนปูนขึ้นตามจังหวะ ไล่จากลำคอแกร่งลงไปถึงเอวสอบ ทุกจังหวะที่เขาขยับ หน้าท้องหกลูกนั้นก็ขยับตามเหมือนจะยั่วสายตาให้ละไปไหนไม่ถูกสายตาคมคายตวัดมองเสียงเปิดประตู สาวน้อยยื่นนิ่งราวกับรูปปั้น พร้อมดวงตากลมโตเบิกกว้าง ผิวแก้มของเธอร้อนผ่าวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าเขามองอยู่ก็รีบหันหลังไป“ถ้าอยากอาบด้วยกัน ก็แค่ถอดชุดแล้วกระโดดลงมา”“ไอ้บ้า”แยมสบถออกมาเล็กน้อย ก่อนจะรีบกลับเข้าห้องไปแล้วปิดประตูเสียงดังแยมลงมาชั้นล่างในช่วงเที่ยง แต่ในบ้านเงียบมาก เหมือนว่าแม่กับพ่อจะออกไปข้างนอก เธอเข้าไปในห้องครัวหาน้ำดื่ม ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถดังอยู่ข้างนอกคุณแ
เหมือนต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจว่า ทำไมความเงียบถึงหนักแน่นขนาดนั้น เขาเปิดประตู ลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่ง ก่อนเปิดประตูให้เธอโดยไม่พูดอะไรเธอทำท่าจะเถียง แต่พอเห็นเขาแค่ยืนพิงประตูรถ สูบบุหรี่อีกมวนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วก้าวลงมาเอง“ขอบใจ”แยมพูดด้วยน้ำเสียงขอไปที ก่อนจะรีบเดินเข้าวิลล่าไป วิลล่าสองชั้นตั้งเด่นอยู่ริมทะเลราวกับถูกวางไว้อย่างตั้งใจให้รับลมและแสงตะวันทุกทิศทาง ตัวอาคารเป็นโทนขาวครีมสะอาดตา ผสมกระจกบานใหญ่ หากเป็นช่วงกลางวันคงเห็นแสงสะท้อนจากน้ำทะเล“มาแล้วเหรอ”คุณแม่เดินเข้าในห้องโถง เห็นลูกสาวยืนมองการตกแต่งภายในวิลล่า เธอลากกระเป๋ามาด้วยหนึ่งใบไม่ใหญ่มาก“จะกินข้าวเลยไหม”คุณแม่พูดพลางมองซ้ายมองขวา เพราะเห็นว่ามาด้วยกันสองคน แต่เห็นแยมเข้ามาคนเดียว“แยมขอเอาของไปเก็บก่อน”ชั้นล่างเป็นโถงโล่ง เพดานสูงโปร่ง กลิ่นลมทะเลพัดเข้ามาผ่านประตูกระจกบานยาวที่เปิดออกสู่ลานพักผ่อนด้านหน้า พื้นปูด้วยไม้สีอบอุ่นตัดกับผนังสีอ่อน ให้ความรู้สึกสงบเหมือนรีสอร์ตส่วนตัว มีโซฟาหนังสีทขาววางติดหน้าต่าง มองเห็นวิวทะเลแบบไร้สิ่
วันศุกร์ช่วงเย็นแยมกลับมาที่ห้องคนเดียว เพื่อจัดกระเป๋าอีกครั้ง ดูให้แน่ใจว่าได้ลืมเอาอะไรใส่กระเป๋า ประมาณหกโมงนัดเจอแม่ที่บ้านใหญ่และไปพร้อมกัน หลายวันก่อนที่ศรัณย์อาสาเลี้ยงอาหารพวกเธอ หลังจากวันนั้นก็แทบจะไม่เห็นเขาแม้แต่เงา สาวน้อยยังรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่หายที่เขาจะไปด้วย แทบจะนึกบรรยากาศแสนอึดอัดบนโต๊ะอาหารออก และท่าทางไม่แยแสของเขาแยมเปลี่ยนจากชุดเดรสกระโปรงสีแดงลายดอกไม้สีขาว สวมทับด้วยคาร์ดิแกนสีดำ เธอปล่อยผมยาวมีติดกิ๊ฟเล็กน้อยไม่ให้ผมปลิวลงมาปรกหน้า แล้วลากกระเป๋าลากใบเล็กออกไปจากห้องเธอล็อคประตูห้องให้เรียบร้อย แต่กลับแอบมองห้องตรงข้ามที่ปิดประตูสนิด เขาไม่ไปหรอกเหรอ หรืออาจจะไปแล้ว แยมหันกลับมาแล้วทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเบะปากแล้วรีบลงลิฟต์ไป ถ้าหากว่าเขาไม่ไปจริงๆก็ดีนะสิรางบางเดินออกมาหน้าคอนโด ชุดเดรสของเธอกระโปรงไม่ยาวมาก ชายผ้าลอยอยู่เหนือเข่า เธอตั้งท่าจะเรียกรถผ่านแอป จึงหยิบมือถือจึ้นมาไถหน้าจอแยมตื่นตระหนก จู่ๆก็โดดดีดหน้าผากอย่างไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจ “รีบขึ้นรถ”สาวน้อยกำลังงุงงง ทว่าร่างสูงประม
“ดึกแล้วน่ะ ทำไมไม่สั่งมาล่ะ”“ออกไปดีกว่า ไปกินที่ร้านกัน”พีชลากแยมออกมาจากห้อง ทั้งสองเดินควงแขนกันในโถงทางเดิน จนมาถึงล็อบบีของคอนโด “พี่…สวัสดีค่ะ”พีชรีบยกมือไหว้เมื่อเห็นเป็นพี่ชายของเพื่อน ศรัณย์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทว่าสายตากลับเหลือบมองคนที่เดินมาที่หลัง เธอใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาว มัดผมไม่สูงมากและปล่อยมา ดูไม่ค่อยเรียบร้อยแต่กลับมีเสน่ห์ ผิดกับเพื่อนของเธอที่ใส่เสื้อครอปสั้นจนเห็นหน้าท้องแบนราว แต่เขากลับไม่สนใจสักนิด“จะไปไหนกันเหรอ”“ไปหาอะไรกัน จะไปด้วยกันไหมค่ะ”ระหว่างนั่งรถ แยมแอบหยิกพีชที่ต้นแขนเบาๆ ด้วยความโกรธ ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปกระซิบใกล้หู “แกชวนเขามาทำไม”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะชวนจริง แค่พูดไปตามมารยาท ใครจะคิดว่าเขาจะอาสาเลี้ยงข้าว”พีชกระซิบตอบอย่างไม่มีทางเลือก ใครจะคิดว่าเขาจะตามมาศรัณย์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาขับรถนุ่มนวลไม่เร่งรีบและความเร็วระดับปกติ รถคันหรูสีขาวจอดลงหน้าภัตตาคารระดับมิชลินสามดาว มีพนักออกมาต้อนรับดิบดี และพวกเธอก็ได้นั่งห้องวีไอพี โดยที่ไม่ต้องออกเงินเอง พนักงานนำ
บรรยากาศในรถเงียบสงัด ขณะที่พีชยังคงยิ้มแย้มอยู่โดยไม่คิดอะไรมาก รถคันหรูสีขาวแล่นไปด้วยความเร็ว แยมคิดว่าอีกเดี๋ยว เขาคงจะทิ้งพวกเธอไว้หน้ามหาลัย ไกลออกไปแปดร้อยเมตร ทว่าไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เขาเลี้ยวเข้าไปส่งถึงหน้าคณะเสียด้วยซ้ำ เหมือนว่าเขาจะลำเอียงชัดเจน ทีกับเธอให้เดินลงไปเอง แถมยังจอดไกลไปอีก “ขอบคุณค่ะ”พีชเอ่ยขอบคุณก่อนลงจากรถ ส่วนแยมก็เดินลงไปเงียบๆ ขณะที่ดวงตาคมเข้มแอบมองเธอผ่านกระจก “ทำหน้าเหมือนตูดลิงเชียว นั้นพีชายแกน่ะ”เมื่อรถคันสีขาวเลี้ยวออกไป พีชจึงบ่นเพื่อนข้างกาย “ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆสักหน่อย”แยมเองก็ตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย เหมือนว่าเธอจะบอกเพื่อนไปหลายครั้งแล้ว ทั้งสองมาทานข้าวเช้าที่โรงอาหาร ระหว่างรอเลโอ “พี่ชายแกอายุเท่าไร” “ไม่รู้” “หล่อขนาดนั้น มีแฟนต้องสวยแน่ๆ” “ไม่รู้สิ” “ไม่รู้ก็ไม่รู้” “นี่ เมื่อคืนก่อนแกคงไม่ไปค้างกับเพื่อนของเลโอใช่ไหม” “เปล่า เขาแค่ไปส่งฉันที่บ้าน เผลอบอกที่อยู่ผิดน่ะ”แยมอ้างไปเรื่อย เธอไม่กล้าเล่าความจริงออกมา กลัวเพื่อ







