หลินหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ เกี่ยวอะไรกับโอปอ เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองปกติ แต่เวลานี้เธอไม่ได้อยากเถียงกับเขาเพราะเธอได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่งที่มีเรื่องกับศิลปินเจ้าอารมณ์พวกนี้
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ก็คุณจะเปลี่ยนชุด…จะให้หลินอยู่ทำไมคะ”
“คุณไม่ได้บอกว่าดูแลเรื่องชุดเหรอ เห็นบอกว่าเป็นหน้าที่คุณนี่”
“ใช่ค่ะ แต่..”
“ถือชุดนั่นไว้ ผมจะถอดตัวนี้”
“แต่ว่า!!”
“คุณก็เห็นว่าผู้จัดการผมไม่อยู่ ช่วยหน่อยละกัน”
หลินยืนถือชุดใหม่ให้เขาระหว่างที่เขาเริ่มถอดเสื้อตัวเดิม ตัวเขาขาวกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก และไม่น่าเชื่อว่าภายใต้รูปร่างที่ดูดีของซุปตาร์คนนี้จะมีกล้ามท้องที่แน่นและแผงอกที่พอดีตัวจนน่าหลงใหลอย่างนี้ซ่อนอยู่
คนที่แอบมองถึงกับใจสั่นเมื่อเห็น ราวกับว่าคนที่แอบมองก็รู้ว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้เธออย่างจงใจ
“ส่งเสื้อมาสิ”
เสียงกระซิบนั้นทำเอาหลินทำตัวไม่ถูก วายุเองก็สังเกตว่าเธอรักษาอาการไม่ค่อยอยู่ อย่างน้อยตอนนี้หูเธอก็แดงจัดจนน่าเอ็นดู อยากจะเอื้อมไปกัดเล่นเสียจริงแต่เขาและเธอพึ่งรู้จักกัน ไม่คิดว่าเธอจะทำให้เขาอยากเข้าใกล้ได้แบบนี้ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิง
“หลินว่าอีกเดี๋ยวค่อยเข้ามาจัดเสื้อผ้าให้ เชิญคุณตามสบายนะคะ ขอตัวก่อน”
หลินรีบวิ่งไปที่ประตูเพื่อออกไปสูดอากาศให้เร็วที่สุด เธอแทบจะหายใจไม่ออก ตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่น่ายั่วยวนนั่น
“เกือบไปแล้วหลินเอ๊ย….”
หัวใจเธอยังเต้นแรงอยู่เมื่อเดินออกมาเพื่อปรับอารมณ์ ตอนนี้อลิซออกมาถ่ายรูปแล้ว โอปอกำลังถ่ายคู่กับเธออยู่เช่นกัน พี่ต้อม ผู้จัดการของวายุก็มาถึงแล้วและเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดของวายุ หลินคิดว่าคงไม่ต้องเข้าไปอีกเลยจะเดินไปดูชุดให้โอปอ แต่ไม่ทันไปถึงเมื่อสาธิตวิ่งมาเพื่อเรียกเธออีกครั้ง
“คุณหลินครับ ช่วยไปดูชุดให้วายุทีนะครับผมจะรีบไปซื้อกาแฟ”
“หา เอ่อ…พี่ต้อมคะ”
“ฝากด้วยนะครับ”
หลินจำใจเดินเข้าไปในห้องนั้นอีกรอบเพื่อดูชุดที่เขาสวม ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็นชุดสีขาวทั้งชุดและแจ็คเก็ตสีฟ้าอ่อนด้านนอกนั้นยิ่งทำให้เขาดูดีกว่าชุดเดิมที่เป็นสูทดำเสียอีก
“คุณมาช่วยพับแขนเสื้อนี่ให้ผมทีสิ มัน…”
“รอเดี๋ยวนะคะ อย่าพึ่งจับค่ะ มันจะยับ”
หลินเมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะดึงขึ้นมา ด้วยความเป็นดีไซเนอร์ เธอรีบวิ่งเข้าไปจัดการทันที วายุลอบยิ้มที่หญิงสาวติดกับเขาง่ายๆ หากเป็นเรื่องงานหลินก็พร้อมจะรีบวิ่งเข้ามาจัดการ เธอค่อยๆพับแขนเสื้อด้านอกขึ้นและเริ่มติดกระดุมให้เขา
“ทำไมจู่ๆติดยากนักละ ก็แก้แล้วนี่”
วายุก้มหน้าลงมองหญิงสาวผมดำที่คงไม่เคยแตะต้องเคมีใดๆเลยกำลังจัดการกับกระดุมเสื้อของเขาอยู่พร้อมกันกับที่เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อบอกเขา
"เสร็จแล้ว…อึก..”
ปากของทั้งคู่ชนกันพอดีจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้นมาและเขาก็ก้มลง หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะเธอไม่ได้ตั้งใจ เกรงว่าซุปตาร์หนุ่มจะโมโหหากคิดว่าเธอฉวยโอกาส เธอจึงรีบดันตัวเองออก แต่เขากลับดึงเธอขึ้นและขยับปากอีกรอบเพื่อกระชับตัวเธอเข้ามา
“อ๊ะ”
มือหนารวบร่างเธอเข้ามาอย่างง่ายดายพร้อมกดจูบลงไปเต็มที่ที่ริมฝีปากที่เขาพึ่งติดพลาสเตอร์ให้เมื่อวันก่อน มันหวานกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก หวานจนไม่อยากปล่อยเธอไป แต่หลินก็เริ่มดันตัวออกไป
“ขอโทษค่ะ หลิน..ไม่ทันระวัง …ได้เวลา..ตะ..แต่งหน้าเพิ่มแล้ว …ขอตัว”
“หลิน!! เดี๋ยว…”
หลินวิ่งออกมาจากห้องนั้นอีกรอบ เธอรู้สึกว่ายิ่งอยู่ใกล้เขามากเท่าไหร่ ยิ่งอันตรายต่อหัวใจตัวเองเท่านั้น จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอถูกซุปตาร์อดีตสามีทิพย์คนแรกในสมัยมัธยมต้น ขโมยหัวใจไปอีกครั้งแล้ว….
“หันข้างอีกนิดครับ ใช่แล้วแบบนั้นแหละครับ ดีครับ”
“หลิน เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดๆล่ะ”
“เปล่าค่ะพี่ทิพย์ อีกหลายฉากไหมคะ”
“เหลือถ่ายคู่อลิซกับวายุแล้วก็รวมสามคนน่ะ”
“อ่อ ค่ะ”
“อลิซ เข้าเลยครับ”
“หยกไปจัดแขนเสื้ออลิซกับพี่วายุหน่อยสิ”
หลินไล่หยกให้ไปจัดการชุดของพวกเขาแทน วายุหันมามองหน้าเธอที่ไม่มาจัดให้เองแต่หลินจงใจหลบตาเขาพร้อมกับหันไปคุยเรื่องคิวกับทิพย์แทน
“เล่นแบบนี้งั้นเหรอ ได้เลย”
วายุดึงตัวอลิซมาและเริ่มถ่าย บรรยากาศของพวกเขาทำเอาทั้งกองถ่ายคิดว่าเป็นการถ่ายพรีเวดดิ้งเสียอีก ทั้งสีหน้าและแววตาแบบมืออาชีพ จนโอปอที่มายืนรอข้างๆหลินถึงกับเอ่ยชม
“วายุนี่มืออาชีพแท้ๆ ถ่ายกับคู่จิ้นเก่ายังไงให้ดูคูล ฮ่าๆ”
หลินมองตามโอปอพร้อมกับหันไปยิ้มให้เขา
“แล้วตอนนี้ไม่จิ้นกันแล้วเหรอคะ”
“โอย เรื่องนี้ต้องถามเขาสองคนครับ จะว่าไปวายุเองก็ทำให้พวกเราตกใจที่จู่ๆเขารับงานนี้เหมือนกัน เขาไม่สนใจงานเพลงไปเกือบยี่สิบปี กลับมาครั้งนี้คงมีคุยอะไรกันมาแล้วล่ะ”
“แต่พี่โอปอก็ยังดูไม่ต่างจากเมื่อสิบปีที่แล้วเลยนะคะ ยังหล่อเข้มเหมือนเดิม”
“นั่นเพราะพี่ มีของดี ฮ่าๆ ”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดอีกครั้งเมื่อวายุเห็นว่าหลินนอกจากจะไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่ ยังหันไปพูดคุยกับโอปออีกจนเขาต้องขอพักเข้าห้องส่วนตัวไป
“พักสิบนาทีครับเหลือเซตสุดท้ายโอปอเตรียมตัวนะ”
“คร๊าบบบผม”
หนุ่มหล่อมาดเข้มอารมณ์ดีตอบรับพร้อมกับขอตัวเข้าห้องส่วนตัวไป หลินมาดูรูปที่ทิพย์เก็บงานก่อนจะพึมพำขึ้น
“หล่อ….หล่อแบบตะโกน”
“พี่ทิพย์!!”
“ลืมตัว ก็ดูสิ นี่เรียกว่าแวมไพร์ไหม ยี่สิบปีก่อนหล่อยังไง ตอนนี้ก็ยังหล่ออยู่ หน้าไม่มีเปลี่ยนเลยทั้งๆที่ไม่ได้ศัลยกรรม มีสักกี่คนที่เป็นแบบนี้”
“งั้นพี่ทิพย์ก็ดูคนถ่ายคู่กับเขาด้วยสิคะ เหมาะสมกันจะตาย”
“นี่ อย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าวายุนะ เรื่องนี้มันมีประเด็นอยู่”
“ประเด็น??”
“อืม ก็สมัยนั้น พวกเขาแอบคบกันและถูกบริษัทจับได้ ก็เลยเนียนว่าเป็นการจิ้นเพื่อโปรโมท แต่ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นอลิซจะหักหลังวายุไปคว้าเอาไฮโซแฟนคนก่อนของดาราดังมาควง วายุเลยตัดสินใจเลิก และไม่นานก็ออกจากวงการอย่างที่พวกเรารู้แหละ”
“ข่าวนี้…ตอนนั้นหลินก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง ตอนนั้นหลินยังอยู่ ม.ปลายอยู่เลยค่ะตอนที่พี่เขาออกจากวงการคิดว่าจะไปเรียนต่อตามที่พูด”
“ไม่ผิด พ่อของวายุส่งไปเรียนต่อเมืองนอกจริงๆ ไม่นึกว่ากลับมาครั้งนี้พอรับปากเล่นคอนเสิร์ตตอนแรกอลิซปฏิเสธไปแล้ว แต่พอรู้ว่าวายุมา เธอก็กลับลำให้คนติดต่อพี่ทัพว่าจะมาร่วมด้วยคิดว่าคงอยากกลับมาสานสัมพันธ์ครั้งเก่าละมั้ง”
“พี่หลินคะ พี่ทัพเรียกประชุมด่วนค่ะ”
“เอ่อ พี่ทิพย์คะ”
“ไปเถอะ เหลือเซตสุดท้ายแล้วไม่มีปัญหาหรอก”
“ฝากด้วยนะคะ หยกอยู่ช่วยพี่ทิพย์ก่อนนะ หลินไปก่อนนะคะพี่ทิพย์ ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับวันนี้”
“ไม่มีปัญหารีบไปเถอะเดี๋ยวพี่ทัพจะรอ”
หลินรีบเดินออกไปจากสตูถ่ายภาพ พร้อมกับที่วายุเดินออกมาพอดีเพราะเห็นว่าธอไม่ไ่ด้เดินเข้าไปอีก เขาเห็นหลังเธอเดินออกจากสตูเลยถามทีมงาน
“นั่นคุณหลินจะรีบไปไหนครับ”
“อ๋อ ถูกหัวหน้าเรียกประชุมด่วนน่ะค่ะ มาค่ะ โอปอกับ อลิซ มาพร้อมกันแล้วถ่ายเซตสุดท้ายกันเลยค่ะ จะได้กลับไปพักผ่อนกัน”
“อ่อ ครับๆ”
หลินหันไปมองคุณพ่อที่ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ตอนนี้คุณแม่ของวายุเองก็เดินมานั่งข้างๆเธอ“ขอโทษหนูด้วย พ่อของวายุชอบเล่นแบบนี้เสมอ ชอบอำแขกตีหน้าขรึมอยากเป็นพระเอกละคร หนูคงตกใจแย่เลยสิลูก บอกแล้วเห็นไหมว่าอย่าแกล้งหนัก ดูสิถ้าเกิดลูกสะใภ้เตลิดไปอีกก็ไม่ต้องหวังจะได้อุ้มหลานแล้วค่ะคุณพี่”“ไม่ๆๆ ไม่ได้สิ หลินจะมาหนีไม่ได้นะ ก็หลินคุกเข่าขอลูกพ่อแต่งงานกลางคอนเสิร์ตเองนะ ไม่ได้ๆ คุกเข่าแล้วก็ถือว่าเข้าบ้านพ่อมาแล้ว หนีไม่ได้ๆ นี่คุณ จัดการเลยอีกสามเดือนแล้ว พรุ่งนี้ไปขอฤกษ์พระมา เรื่องเตรียมงานก็ให้ไว โรงแรมเอาที่คุณเลือกไว้”“เตรียมไว้หมดแล้ว เหลือแค่พาวายุกับหลินไปดู”“อะไรนะครับแม่ อย่าบอกนะว่าแม่กับพ่อ....”“เออสิวะ รอแกเมื่อไหร่จะได้อุ้มหลาน นี่หนูหลินถือว่าเห็นแก่พ่อ ปลายปีหน้ามันช้าเกินไป เอาเป็นปลายปีนี้ก็แล้วกันนะลูกนะ พ่ออยากมีหลาน เพื่อนพ่อมันชอบเอารูปหลานๆมันลงโซเชียล พ่อไม่มีอวดเหมือนพวกมัน พ่ออยากมีโมเม้นท์อวดรูปหลานกับเขาบ้าง นะๆ”“พ่อครับ แต่ว่าผมยังไม่ได้ไปพบแม่ของหลินที่เชียงใหม่เลย”“มันจะไปยากอะไร ก็ยกขบวนไปกันหมดนี่แหละฉันกับแม่แกจะไปด้วย สู่ขอเป็นเรื่องเป็นราวทีเดี
“หลินไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะหลินไม่ได้เป็นคนจ่าย”“โธ่ ไม่คิดจะสงสารกันบ้างเลย เรียบร้อยแล้วครับ หล่อหรือยัง”หลินหันมามองวายุที่สวมรองเท้าเสร็จแล้ว เธอหันไปจัดปกเสื้อให้เขาพร้อมกับตบที่ปกเสื้อเบาๆ“หล่อแล้วค่ะ เอ๊ะ รอยนี่??…”หลินหันไปเห็นรอยที่คอของเขา น่าจะเป็นเธอที่ทำเอาไว้เมื่อคืนนี้ วายุจับตัวเธอหันออกจากห้องและพาเดินออกไป“ไม่ต้องดูแล้ว ช่างมันเถอะไม่มีใครสังเกตหรอกน่า”“ได้ยังไงกันคะอายคนอื่นแย่เลย”“แล้วทำไมเมื่อคืนตอนทำไม่อายละครับที่รัก”“พี่วายุ!! ทำไมพูดออกมาแบบนี้ ไม่เอาแล้ว ไม่ไปด้วยแล้ว”“ไม่ได้ๆ รีบๆเลยเดี๋ยวไม่ทัน อย่ามาทำงอนตอนนี้พี่ไม่หลงกลหรอก ไปได้แล้ว ขึ้นรถเลย”หลินเดินขึ้นรถไปพร้อมกับเขา รถหรูขับออกมาจากคอนโดของวายุมุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่จัดงานหมั้นของอลิซและภัทรงานหมั้น อลิซ & ภัทรงานในวันนี้เต็มไปด้วยญาติทั้งสองฝ่ายของทั้งคู่และยังมีเพื่อนดารา ศิลปินนักร้องหลายๆคนที่มาร่วมงาน ฝั่งเจ้าบ่าวก็มีเพื่อนร่วมงานทั้งพวกนักบินและเพื่อนๆของภัทรมาด้วย“คุณป้าปรานีสวัสดีค่ะ”“หลิน ลูกสาวป้ามาแล้ว เป็นยังไงบ้างลูกไม่เจอกันเลย สบายดีนะ”“สบายดีค่ะ”“เสียดายที่แม่หนูไม่ได้มา
คอนเสิร์ตใหญ่ GSTเหล่าบรรดาแฟนเพลงมารอชมคอนเสิร์ตกันตั้งแต่เวลาก่อนสิบโมงเช้า ซึ่งด้านนอกก็มีทั้งซุ้มร่วมทำกิจกรรมพิเศษและบูธขายสินค้าที่ระลึกซึ่งวันแสดงวันแรกนี้คนมากมายกว่าที่คิด แต่เพราะบัตรที่ขายหมดทุกที่นั่งทุกรอบเป็นที่การันตีว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่อีกหนึ่งงานของเมืองไทยที่รวมศิลปินมาได้มากมายเช่นนี้“พร้อมนะคะ”“อืม พร้อม แต่…”หลินไม่รอให้เขาขอ เธอปิดห้องแต่งตัวเขาเพื่อการนี้ เธอจูบเขาเนิ่นนาน เมื่อคืนนี้พวกเขาเองก็ผลัดกันบอกรักเกือบทั้งคืนมาแล้วเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาขึ้นแสดงในวันนี้“สู้ๆนะคะที่รักของหลิน”“สู้สุดหัวใจ”วายุจับมือหลินออกไปรอจะขึ้นแสดง พวกเขาจะเริ่มจากเพลงที่ร้องพร้อมกันทั้งหมดในอัลบั้มพิเศษและเพลงพิเศษที่พึ่งแต่งขึ้นเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศิลปินทั้งหมดจับมือกันพร้อมกับเดินเข้าไปที่เวทีเพื่อจะเริ่มแสดงเสียงกรี๊ดที่กระหึ่มไปทั้งฮอล์จนแทบระเบิดทำเอาทีมงานทุกคนแทบจะร้องไห้เพราะความปราบปลื้มใจที่แฟนเพลงให้การตอบรับถึงขนาดนี้คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นและเพลงที่บรรจงคัดสรรมาอย่างดีก็ถูกนำมาร้องและทุกคนต่างร้องตามได้ หลินที่ยืนดูอยู่ด้านหลังเวทีไปด้านหน้า เมื่
หลินมองที่ทั้งคู่ที่พากันเข้าห้องมา“ถ้างั้นไหนๆพี่ต้อมก็พาพี่วายุมาแล้ว หลินก็ฝากด้วยก็แล้วกันนะคะ หลินจะไปนอนห้องของหลิน เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”“อ้าว หลิน…”สาธิตมองไปที่โต๊ะอาหารที่เธอกำลังเก็บแต่คงเก็บยังไม่เสร็จ เขาถึงกับรู้สึกกลัวแทนวายุเสียแล้วในตอนนี้“งานเข้าแน่ๆ พรุ่งนี้ วายุเอ๊ย เฮ้ย..ตื่นก่อน!! เมียหนีแล้ว”วายุที่แทบจะไม่มีสติอะไรเลยถูกหามเข้าไปนอนในห้อง สาธิตเองก็ถูกจินนี่โทรตามแล้วเหมือนกัน เขาเลยรีบออกจากห้องของวายุไปทันทีวันรุ่งขึ้นวายุรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่เขาจำได้ว่าเขาดื่มไปแค่สามแก้วเท่านั้น แล้วจากนั้นภาพก็ตัดไปเลยโดยที่ไม่รู้เรื่อง วันนี้มีซ้อมช่วงบ่าย ถือเป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนที่คอนเสิร์ตจริงจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขามองไปรอบๆแต่ไม่เห็นหลิน ซึ่งเวลานี้เธอน่าจะยังไม่ออกไปทำงาน หรือว่าเธอไม่ได้กลับมากันแน่นะ“หึ ทิ้งกันจนวันสุดท้าย ดีเหลือเกิน”เขาลุกออกมากินน้ำ แต่ก็ต้องสะดุดกับแก้วและดอกไม้บนโต๊ะที่เหมือนจะถูกเก็บไปไม่หมด เขาเริ่มมองรอบๆ เห็นว่ามีถุงขยะใบใหญ่ที่ผูกปากเอาไว้แต่ยังไม่ได้เอาออกไปทิ้งจึงรีบเดินไปเปิดตู้เย็นก็เห็นสเต็กเนื้อสองจานที่ถูกพลาสติ
“แล้วมันต้องมีอะไรด้วยงั้นเหรอ” ไม่สิ หลินนึกในใจ ฉากที่พระเอกขอนางเอกแต่งงานมันต้องมีดอกไม้เตรียมตัว ไปในสถานที่ที่โรแมนติกจุดพลุดูไฟหรืออะไรแบบนั้น ไม่ใช่มาขอเอาตอนป่วยแล้วนั่งกินข้าวต้มแบบนี้ นี่มันอารมณ์ไหนเนี่ย“หลิน….หลิน”“คะ”“พี่อิ่มแล้ว งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ”“เอ่อ .พี่วายุยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเลยค่ะ รอก่อนสัก…สิบห้านาที”“อืม ได้”หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก หลินเองก็พยายามจะหาจังหวะพูด แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็เลี่ยงที่จะไม่คุย เขากินยาและเดินเข้าไปนอนเลย หลินที่เก็บกวาดครัวอยู่ด้านนอกเสร็จและไปอาบน้ำ พอออกมาเขาก็หลับสนิทไปแล้วห้าวันก่อนคอนเสิร์ตใหญ่“พี่อลิซ ไหวแน่นะคะ”“ไหวสิๆ หมอให้ยามาแล้ว กันแท้งก็ฉีดมาสองเข็มแล้ว นี่หลิน ว่าแต่พี่วายุทำไมเอาแต่ซ้อมหนักขนาดนั้น นี่ไม่พักเลยนะ”“สงสัยจะตื่นเต้นน่ะค่ะ”“ไม่มีอะไรแน่เหรอ หลิน บอกวายุพอก่อน พี่จะไม่ไหวแล้ว”“พี่จินนี่ ทำไมหอบมาเลยละคะ”“วายุของเธอน่ะสิ เอาแต่ซ้อม บอกว่าพี่ยังเต้นไม่เข้าจังหวะ พี่จะตายอยู่แล้วเนี่ย พี่ต้อม ขอน้ำหน่อยค่ะ”“ครับๆ นี่ครับ เดี๋ยวพี่มานะ ไปดูวายุหน่อย”“นี่พี่ต้อมเขายังจำได้อยู่ใช่ไหมคะ
หลินรีบปิดหน้าจอลงหลังจากส่งเมล์ฉบับสุดท้ายเสร็จและหันมามองหน้าวายุ“เกิดอะไรขึ้นคะ”“คุณภัทรบอกว่าอลิซตกเลือด ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”“แย่แล้ว งั้นรีบไปเถอะค่ะ แต่ว่า….พี่วายุจะไปไหวเหรอคะ”“หลินขับรถก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะ”ทั้งคู่รีบเตรียมของและออกจากที่พักเพื่อไปที่โรงพยาบาลทันที โรงพยาบาล“พี่ภัทร เป็นยังไงบ้างคะ”“ยังไม่ออกมาเลย พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“มันเกิดอะไรขึ้นครับ”“เห็นบอกว่าล้มระหว่างตอนซ้อมเต้นครับ ผมพึ่งออกมาจากห้องสอนนักบินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการของอลิซ เลยรีบมาที่นี่”ไม่นานแนนและโอปอก็วิ่งมาที่หน้าห้องที่พวกเขาอยู่“หลิน พี่วายุมาด้วยเหรอ เป็น…เป็นยังไงบ้างคะคุณภัทร”“ยังไม่ออกมาเลยครับ”“พี่ภัทรใจเย็นๆนะคะ พี่อลิซไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอกค่ะ”วายุพาภัทรไปนั่งรอที่หน้าห้อง ทุกคนเองก็ตามมาเช่นกัน ภัทรดูร้อนรนมากเพราะนี่เ่ป็นลูกคนแรกของเขา แม่เขาตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าจะมีหลานคนแรก และดีใจมากที่สุดที่รู้ว่าแม่เด็กคืออลิซ ดาราที่แม่เขาชื่นชอบ ไม่นานคุณหมอก็เดินออกมา“คุณหมอคะ อาการพี่อลิซเป็นยังไงบ้างคะ”“อ้อ ใครคือพ่อของเด็กครับ”“ผมเองครับหมอ ภรรยาและลูกผม..เป็นยังไงบ้