หลินหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ เกี่ยวอะไรกับโอปอ เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองปกติ แต่เวลานี้เธอไม่ได้อยากเถียงกับเขาเพราะเธอได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่งที่มีเรื่องกับศิลปินเจ้าอารมณ์พวกนี้
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ก็คุณจะเปลี่ยนชุด…จะให้หลินอยู่ทำไมคะ”
“คุณไม่ได้บอกว่าดูแลเรื่องชุดเหรอ เห็นบอกว่าเป็นหน้าที่คุณนี่”
“ใช่ค่ะ แต่..”
“ถือชุดนั่นไว้ ผมจะถอดตัวนี้”
“แต่ว่า!!”
“คุณก็เห็นว่าผู้จัดการผมไม่อยู่ ช่วยหน่อยละกัน”
หลินยืนถือชุดใหม่ให้เขาระหว่างที่เขาเริ่มถอดเสื้อตัวเดิม ตัวเขาขาวกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก และไม่น่าเชื่อว่าภายใต้รูปร่างที่ดูดีของซุปตาร์คนนี้จะมีกล้ามท้องที่แน่นและแผงอกที่พอดีตัวจนน่าหลงใหลอย่างนี้ซ่อนอยู่
คนที่แอบมองถึงกับใจสั่นเมื่อเห็น ราวกับว่าคนที่แอบมองก็รู้ว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้เธออย่างจงใจ
“ส่งเสื้อมาสิ”
เสียงกระซิบนั้นทำเอาหลินทำตัวไม่ถูก วายุเองก็สังเกตว่าเธอรักษาอาการไม่ค่อยอยู่ อย่างน้อยตอนนี้หูเธอก็แดงจัดจนน่าเอ็นดู อยากจะเอื้อมไปกัดเล่นเสียจริงแต่เขาและเธอพึ่งรู้จักกัน ไม่คิดว่าเธอจะทำให้เขาอยากเข้าใกล้ได้แบบนี้ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิง
“หลินว่าอีกเดี๋ยวค่อยเข้ามาจัดเสื้อผ้าให้ เชิญคุณตามสบายนะคะ ขอตัวก่อน”
หลินรีบวิ่งไปที่ประตูเพื่อออกไปสูดอากาศให้เร็วที่สุด เธอแทบจะหายใจไม่ออก ตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่น่ายั่วยวนนั่น
“เกือบไปแล้วหลินเอ๊ย….”
หัวใจเธอยังเต้นแรงอยู่เมื่อเดินออกมาเพื่อปรับอารมณ์ ตอนนี้อลิซออกมาถ่ายรูปแล้ว โอปอกำลังถ่ายคู่กับเธออยู่เช่นกัน พี่ต้อม ผู้จัดการของวายุก็มาถึงแล้วและเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดของวายุ หลินคิดว่าคงไม่ต้องเข้าไปอีกเลยจะเดินไปดูชุดให้โอปอ แต่ไม่ทันไปถึงเมื่อสาธิตวิ่งมาเพื่อเรียกเธออีกครั้ง
“คุณหลินครับ ช่วยไปดูชุดให้วายุทีนะครับผมจะรีบไปซื้อกาแฟ”
“หา เอ่อ…พี่ต้อมคะ”
“ฝากด้วยนะครับ”
หลินจำใจเดินเข้าไปในห้องนั้นอีกรอบเพื่อดูชุดที่เขาสวม ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็นชุดสีขาวทั้งชุดและแจ็คเก็ตสีฟ้าอ่อนด้านนอกนั้นยิ่งทำให้เขาดูดีกว่าชุดเดิมที่เป็นสูทดำเสียอีก
“คุณมาช่วยพับแขนเสื้อนี่ให้ผมทีสิ มัน…”
“รอเดี๋ยวนะคะ อย่าพึ่งจับค่ะ มันจะยับ”
หลินเมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะดึงขึ้นมา ด้วยความเป็นดีไซเนอร์ เธอรีบวิ่งเข้าไปจัดการทันที วายุลอบยิ้มที่หญิงสาวติดกับเขาง่ายๆ หากเป็นเรื่องงานหลินก็พร้อมจะรีบวิ่งเข้ามาจัดการ เธอค่อยๆพับแขนเสื้อด้านอกขึ้นและเริ่มติดกระดุมให้เขา
“ทำไมจู่ๆติดยากนักละ ก็แก้แล้วนี่”
วายุก้มหน้าลงมองหญิงสาวผมดำที่คงไม่เคยแตะต้องเคมีใดๆเลยกำลังจัดการกับกระดุมเสื้อของเขาอยู่พร้อมกันกับที่เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อบอกเขา
"เสร็จแล้ว…อึก..”
ปากของทั้งคู่ชนกันพอดีจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้นมาและเขาก็ก้มลง หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะเธอไม่ได้ตั้งใจ เกรงว่าซุปตาร์หนุ่มจะโมโหหากคิดว่าเธอฉวยโอกาส เธอจึงรีบดันตัวเองออก แต่เขากลับดึงเธอขึ้นและขยับปากอีกรอบเพื่อกระชับตัวเธอเข้ามา
“อ๊ะ”
มือหนารวบร่างเธอเข้ามาอย่างง่ายดายพร้อมกดจูบลงไปเต็มที่ที่ริมฝีปากที่เขาพึ่งติดพลาสเตอร์ให้เมื่อวันก่อน มันหวานกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก หวานจนไม่อยากปล่อยเธอไป แต่หลินก็เริ่มดันตัวออกไป
“ขอโทษค่ะ หลิน..ไม่ทันระวัง …ได้เวลา..ตะ..แต่งหน้าเพิ่มแล้ว …ขอตัว”
“หลิน!! เดี๋ยว…”
หลินวิ่งออกมาจากห้องนั้นอีกรอบ เธอรู้สึกว่ายิ่งอยู่ใกล้เขามากเท่าไหร่ ยิ่งอันตรายต่อหัวใจตัวเองเท่านั้น จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอถูกซุปตาร์อดีตสามีทิพย์คนแรกในสมัยมัธยมต้น ขโมยหัวใจไปอีกครั้งแล้ว….
“หันข้างอีกนิดครับ ใช่แล้วแบบนั้นแหละครับ ดีครับ”
“หลิน เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดๆล่ะ”
“เปล่าค่ะพี่ทิพย์ อีกหลายฉากไหมคะ”
“เหลือถ่ายคู่อลิซกับวายุแล้วก็รวมสามคนน่ะ”
“อ่อ ค่ะ”
“อลิซ เข้าเลยครับ”
“หยกไปจัดแขนเสื้ออลิซกับพี่วายุหน่อยสิ”
หลินไล่หยกให้ไปจัดการชุดของพวกเขาแทน วายุหันมามองหน้าเธอที่ไม่มาจัดให้เองแต่หลินจงใจหลบตาเขาพร้อมกับหันไปคุยเรื่องคิวกับทิพย์แทน
“เล่นแบบนี้งั้นเหรอ ได้เลย”
วายุดึงตัวอลิซมาและเริ่มถ่าย บรรยากาศของพวกเขาทำเอาทั้งกองถ่ายคิดว่าเป็นการถ่ายพรีเวดดิ้งเสียอีก ทั้งสีหน้าและแววตาแบบมืออาชีพ จนโอปอที่มายืนรอข้างๆหลินถึงกับเอ่ยชม
“วายุนี่มืออาชีพแท้ๆ ถ่ายกับคู่จิ้นเก่ายังไงให้ดูคูล ฮ่าๆ”
หลินมองตามโอปอพร้อมกับหันไปยิ้มให้เขา
“แล้วตอนนี้ไม่จิ้นกันแล้วเหรอคะ”
“โอย เรื่องนี้ต้องถามเขาสองคนครับ จะว่าไปวายุเองก็ทำให้พวกเราตกใจที่จู่ๆเขารับงานนี้เหมือนกัน เขาไม่สนใจงานเพลงไปเกือบยี่สิบปี กลับมาครั้งนี้คงมีคุยอะไรกันมาแล้วล่ะ”
“แต่พี่โอปอก็ยังดูไม่ต่างจากเมื่อสิบปีที่แล้วเลยนะคะ ยังหล่อเข้มเหมือนเดิม”
“นั่นเพราะพี่ มีของดี ฮ่าๆ ”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดอีกครั้งเมื่อวายุเห็นว่าหลินนอกจากจะไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่ ยังหันไปพูดคุยกับโอปออีกจนเขาต้องขอพักเข้าห้องส่วนตัวไป
“พักสิบนาทีครับเหลือเซตสุดท้ายโอปอเตรียมตัวนะ”
“คร๊าบบบผม”
หนุ่มหล่อมาดเข้มอารมณ์ดีตอบรับพร้อมกับขอตัวเข้าห้องส่วนตัวไป หลินมาดูรูปที่ทิพย์เก็บงานก่อนจะพึมพำขึ้น
“หล่อ….หล่อแบบตะโกน”
“พี่ทิพย์!!”
“ลืมตัว ก็ดูสิ นี่เรียกว่าแวมไพร์ไหม ยี่สิบปีก่อนหล่อยังไง ตอนนี้ก็ยังหล่ออยู่ หน้าไม่มีเปลี่ยนเลยทั้งๆที่ไม่ได้ศัลยกรรม มีสักกี่คนที่เป็นแบบนี้”
“งั้นพี่ทิพย์ก็ดูคนถ่ายคู่กับเขาด้วยสิคะ เหมาะสมกันจะตาย”
“นี่ อย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าวายุนะ เรื่องนี้มันมีประเด็นอยู่”
“ประเด็น??”
“อืม ก็สมัยนั้น พวกเขาแอบคบกันและถูกบริษัทจับได้ ก็เลยเนียนว่าเป็นการจิ้นเพื่อโปรโมท แต่ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นอลิซจะหักหลังวายุไปคว้าเอาไฮโซแฟนคนก่อนของดาราดังมาควง วายุเลยตัดสินใจเลิก และไม่นานก็ออกจากวงการอย่างที่พวกเรารู้แหละ”
“ข่าวนี้…ตอนนั้นหลินก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง ตอนนั้นหลินยังอยู่ ม.ปลายอยู่เลยค่ะตอนที่พี่เขาออกจากวงการคิดว่าจะไปเรียนต่อตามที่พูด”
“ไม่ผิด พ่อของวายุส่งไปเรียนต่อเมืองนอกจริงๆ ไม่นึกว่ากลับมาครั้งนี้พอรับปากเล่นคอนเสิร์ตตอนแรกอลิซปฏิเสธไปแล้ว แต่พอรู้ว่าวายุมา เธอก็กลับลำให้คนติดต่อพี่ทัพว่าจะมาร่วมด้วยคิดว่าคงอยากกลับมาสานสัมพันธ์ครั้งเก่าละมั้ง”
“พี่หลินคะ พี่ทัพเรียกประชุมด่วนค่ะ”
“เอ่อ พี่ทิพย์คะ”
“ไปเถอะ เหลือเซตสุดท้ายแล้วไม่มีปัญหาหรอก”
“ฝากด้วยนะคะ หยกอยู่ช่วยพี่ทิพย์ก่อนนะ หลินไปก่อนนะคะพี่ทิพย์ ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับวันนี้”
“ไม่มีปัญหารีบไปเถอะเดี๋ยวพี่ทัพจะรอ”
หลินรีบเดินออกไปจากสตูถ่ายภาพ พร้อมกับที่วายุเดินออกมาพอดีเพราะเห็นว่าธอไม่ไ่ด้เดินเข้าไปอีก เขาเห็นหลังเธอเดินออกจากสตูเลยถามทีมงาน
“นั่นคุณหลินจะรีบไปไหนครับ”
“อ๋อ ถูกหัวหน้าเรียกประชุมด่วนน่ะค่ะ มาค่ะ โอปอกับ อลิซ มาพร้อมกันแล้วถ่ายเซตสุดท้ายกันเลยค่ะ จะได้กลับไปพักผ่อนกัน”
“อ่อ ครับๆ”
วายุหันไปมองประตูนั่นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปถ่ายจนเสร็จพร้อมกับสาธิตที่เก็บของเดินตามเขากลับห้องพัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาก็พบหลินยืนหน้าห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์ เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับกองเอกสารที่มากจนทำให้เปิดประตูไม่ได้และมันกำลังจะตก“ว๊าย!!…ขอบคุณ…ค่ะ…อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”หลินรับของแล้วรีบเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรกับวายุอีก ประตูปิดลงเขาจึงได้เดินหงุดหงิดกลับไปที่ห้องทันทีสี่เดือนก่อนคอนเสิร์ต“เอาแบบตรงนั้นมาที”“พี่หลินคะ ตรงนี้แก้แล้วค่ะ ส่งเลยไหมคะ”“เอาให้จีนตรวจก่อน จีน”“โอเคๆ ได้เลย ทางนี้ยกหุ่นมาที เอาวางไว้ตรงนั้น”แผนกเสื้อผ้าในตอนนี้กำลังหัวหมุนเพราะจะเริ่มวัดตัวเพื่อตัดชุดสำหรับงานคอนเสิร์ตกันแล้ว พวกเขาทยอยกันมาวัดตัววันละสองสามคนตามคิวที่ว่างจากการออัดเสียงและซ้อมเต้นที่เริ่มหนักขึ้น“หลิน วันนี้คิวใครมาวัดตัว”“ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ถามบีสิ”“วันนี้เป็นพี่โอวี่ อลิซ แล้วก็พี่วายุค่ะ”“พรุ่งนี้ล่ะ”“ก็เหลือแค่พี่แยมกับ พี่โอปอค่ะ สุดท้ายแล้ว”“โอเค เตรียมแบบร่างของแต่ละคนเอาไว้ เขามาแล้วจะได้รีบวัดตัวเลย”หลินหันกลับไปพร้อมกับวุ่นวายกับแบบร่า
“พี่วา…”อลิซเห็นภาพตรงหน้า เธอเข้าใจว่าเขาวัดตัวอยู่แต่ไม่ใช่ ตอนนี้วายุกำลังก้มลงจูบดีไซเนอร์สาวตรงหน้าเธอ คนที่เธอคิดว่าไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร แต่วันนี้กลับมาจูบผู้ชายของเธอต่อหน้า“นังหลิน ตบเดียวไม่น่าพอแล้วล่ะมั้ง”หลินผลักคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว จนรวบงานทั้งหมดและจะเดินออกไปแต่เขาคว้ามือเธอเอาไว้ได้และยังก้มไปถาม“ยังจะกล้าไปร้านกาแฟอีกงั้นเหรอ”“ไปค่ะ”“หลิน!! นี่คุณยังต้อง…”“พี่วายุคะ เสร็จหรือยังคะ”“คุณอลิซคะ หลินวัดตัวคุณวายุเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“ค่ะ กลับดีๆนะคะ…คุณหลิน”หลินรีบรวบงานทั้งหมดและเดินออกจากห้องไป วายุยืนหันหลังพร้อมกำหมัดแน่นโดยไม่ได้หันมามองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาสักนิด “พี่วายุคะ ไปกันหรือยังคะ”“พี่ไม่ว่าง อลิซกลับไปก่อนเถอะ พี่ยังมีอัดเสียงอีก ขอตัว”“แต่ว่า…เมื่อกี้…”“นึกได้ว่าต้องแก้น่ะ ขอตัวนะ กลับดีๆล่ะ”“อลิซ…ไปด้วย”“ไม่ต้อง พี่ต้องการสมาธิ”วายุคว้ากระเป๋าและเดินออกจากห้องไปทันที อลิซมองตามวายุที่เดินไปคนละทางกับห้องอัดอย่างน่าสงสัยแต่เธอจะทำอะไรได้ ตั้งแต่เจอเขา วายุไม่เคยมีท่าทีที่อยากจะกลับมาสานสัมพันธ์อะไรกับเธอต่อทั้งสิ้น แม้ว่าจะพยายามแ
วายุและสาธิตเดินออกจากที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที ตอนนี้เขารู้ว่าหลินปลอดภัยแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่จบ คือคนที่ทำร้ายนิลินทร์ต่างหาก“นั่นพี่วายุกับผู้จัดการเขาจะรีบไปไหนกันคะ”“ไปเก็บกวาดที่เหลือน่ะสิ ถามได้”“รีบไปสืบมาก่อนที่มันจะรู้ตัว หรือไม่ก็ลองสืบดูว่าใครเป็นคนประกันตัวพวกมันออกมา ผมว่าไม่มีทางที่มันจะเล่นงานผิดตัว”“ได้ แล้วนายจะอยู่ที่นี่เหรอ”“ผม…”“วายุ เรื่องนี้มีคนเห็นมาก เร็วๆนี้คงเป็นข่าว นายอยู่ที่นี่น่าจะไม่ดีแน่ กลับก่อนเถอะ”“แต่พวกเราอยู่นี่กันตั้งเยอะ”“แต่คนที่เห็นนายอุ้มเธอมาก็มีเยอะเหมือนกัน ระวังตัวก่อนดีกว่า”“ก็ได้ กลับไปที่พักรอหลินกลับไปก่อนก็แล้วกัน”GST สตูดิโอ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น บาดเจ็บอะไรกันขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะซ้อมยังไง”“ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ทัพ ที่น่าห่วงน่ะ น้องหลินต่างหาก”“หลินเจ็บแต่ก็ได้ไม่ได้ขึ้นเวทีเหมือนพวกคุณ โอย เอาตารางฝึกมา ต้องปรับตารางฝึกของโอปอก่อน วายุ คุณไหวนะ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”“ไม่ครับ ผมไม่มีปัญหา”“นี่โชคดีนะคะที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมาก ทำไมพี่โอปอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงช่วยคนอื่นด้วยคะ แทนที่จะให้เขาจัดการเอง เลยบาดเจ็บโดยไม
“คุณ…คิดบ้าอะไรเนี่ย ในตอนนั้นมัน…ในตอนนั้นฉันทำไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ใบหน้าของศิลปินสำคัญที่สุด ถ้าพี่โอปอหน้าเป็นแผลก็ขึ้นแสดงไม่ได้ โปรเจคนี้ก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยากอีกกว่าพวกคุณจะมารวมตัวกันได้”“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตกลงคุณชอบโอปอหรือเปล่า”“เรื่องนี้หลินบอกไปแล้วไง คุณวายุ คุณไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับหลินนะ ถอยไป”วายุโมโหจนถึงที่สุดเพราะเขาอัดอั้นความรู้สึกนี้มาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ถ่ายรูป วัดตัวและที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้“ไม่!! ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบเขา แล้วทำไมต้องสนิทสนมกับเขา เวลาพูดแล้วต้องยิ้มให้เขาตลอดแล้วยังไปนั่งกินกาแฟด้วยกันด้วยแล้วความรู้สึกของผมล่ะ คุณไม่เห็นใส่ใจบ้างเลย!!”“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”“หมายความอย่างที่พูด คุณบอกมาสิว่าไม่ได้ชอบผม ไม่ได้คิดอะไร จูบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ”วายุในตอนนี้เหมือนพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พังเพราะความโกรธ หลินเดินถอยไปจนสุดทางในห้องรับแขกจนชนกับกระจกที่มีวิวของเมืองหลวงอยู่ด้านหลัง เธอจะเดินหนีแต่ก็ถูกเขาเอามือมากั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง“หลิน..ตอบผมมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานี่
พยาบาลสาวสามคนที่อยู่ด้านหลังคุณหมอหุบยิ้มลงทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองกันด้วยความผิดหวัง หลินทำหน้าไม่ถูกเพียงแค่หน้าแดงเท่านั้น คุณหมอเองก็แอบนึกขำคนไข้อยู่ไม่น้อย “มีแค่เรื่องระวังอาการกระทบกระเทือนที่แผล อย่าเดินเร็วและแผลที่หน้าผากเดี๋ยวก่อนกลับหมอจะเปลี่ยนเป็นพลาสเตอร์กันน้ำให้นะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ”หลินมองตามคณะหมอและพยาบาลออกไป วายุเห็นว่าพวกเขาออกไปหมดแล้วเลยหันมามองหน้าคนป่วยอย่างเอาเรื่อง“หมอออกไปนานแล้ว จะมองเขาอีกนานไหมครับ”หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มของเธออย่างนึกแปลกใจ ที่เธอมองน่ะ มองพยาบาลพวกนั้นต่างหากที่มองเขาไม่หยุด แต่เขากลับคิดว่าเธอมองคุณหมอสุดหล่อนั่น“นี่คุณ..คงจะไม่..”“หึงสิ หึงอยู่แล้ว คุณมองได้แต่ผมชอบแต่ผมคนเดียวห้ามมองคนอื่น”“แต่เขาเป็นหมอนะคะ แล้วที่หลินมอง ก็ไม่ได้มองหมอเสียหน่อย”“แล้วคุณมองอะไร”“เชอะ ไม่น่าถาม พยาบาลสาวแห่เข้ามาขนาดนี้เพราะอะไรคุณน่าจะรู้อยู่นะคะพ่อซุปตาร์ตัวพ่อ”“ผมเหรอ”หลินหันไปมองหน้าเอาเรื่องเขากลับพร้อมส่งสายตาขวางให้เขาคืนทันที“ใช่สิคะ พวกเธอแทบจะไม่ได้ฟังเลยว่าคุณหมอสั่
“ขอบใจนะโอปอ”“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปช่วยพี่ต้อมดูหน่อย วายุ…”โอปอพยักหน้าบอกให้วายุตามเขามาก่อน แม้วายุจะไม่อยากให้หลินอยู่คนเดียวแต่เขาก็ตามโอปอไป“รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมมา”หลินไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าช้าๆ วายุเดินตามโอปอไปนอกห้อง“เรื่องนี้ไม่เล็กแน่ เมื่อกี้โทรเช็คที่ฝ่ายกล้องแล้ว เป็นตามที่นายคาด กล้องเสียในจังหวะนั้นพอดี ไม่มีภาพเหลืออยู่เลย”“พวกมันต้องการเล่นงานหลิน”“นึกไม่ถึงว่าจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้”“วายุ ใจเย็นๆนะ เรื่องนี้เดี๋ยวจะลองให้ฝ่ายกล้องแก้ไฟล์ให้อีกที หากว่าโดนลบเราต้องกู้ไฟล์คืนได้แน่ แต่ถ้า….”“แต่ถ้ามันจงใจปิดกล้องในเวลานั้นก็ไม่มีประโยชน์”“คนลงมือทำงานเงียบมาก เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เราต้องพยายามทำตัวให้เฉยไว้ อยู่กับหลิน ปลอบเธอให้ดี เดี๋ยวไปหาพี่ต้อมหน่อย ตำรวจมาแล้ว”“ฝากด้วยนะ”“ไม่ต้องห่วง หลินช่วยชีวิตผมไว้ ผมเองก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”วายุเดินเข้ามาในห้อง หลินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน น้ำเสียงนั้นเป็นปกติอย่างน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่เรื่องนี้เกินที่เขาจะเดาได้“หลิน คุณ…คุยกับใครเหรอ”“อ๋อ คนที่ห้องเฝ้ากล้องวงจรปิดค่ะ อีกไม่นานน่
วันซ้อม"เอาล่ะ พร้อมนะ สาม สอง หนึ่ง…..หลินนั่งมองวายุที่ทั้งร้องทั้งเต้นในชุดที่เธอออกแบบเพื่อเขา วายุที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ แม้จะสวมชุดที่เธอออกแบบเอง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในทีมงาน แต่ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะห่างกันออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเหตุผลที่ต้องเลิกกันนั้นมันช่างไร้สาระ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นจากฝันแล้ว“เอาล่ะ จินนี่สแตนบายนะครับ”“ได้ค่ะ”จินนี่คือนักร้องหญิงคนสุดท้ายที่เข้ามาในทีม เธอพึ่งกลับมาจากเมืองนอก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นหน้าเธอมานาน แต่เธอก็รับปากจะมาร่วมในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ตอนนี้พวกเขาร้องเพลงคู่กันบนเวที “ดูสิ น่ารักเนอะ อย่าบอกว่าพวกเขา…”“จุ๊ๆ พี่หลินยังอยู่นะ”“พี่หลินคือใคร”“กิ๊กเก่าพี่วายุ คบกันได้…สามวันมั้งแล้วก็โดนทิ้ง”“ว๊ายยย แรงอ่ะ”“จุ๊ๆ เงียบ ดูไปๆ”“มีปากให้มันได้งานเหมือนตอนเผือกเรื่องชาวบ้านหน่อยนะ งานที่สั่งน่ะแก้หรือยัง ดูองศาไฟนั่นสิ เห็นหรือเปล่าว่ามันผิด”“ค่ะๆ แก้เดี๋ยวนี้เลยค่ะเจ้แนน”“ให้ไวเลย ใช้ปากทำงานเดี๋ยวแม่ก็ตบเรียงตัวซะนี่”แนนยืนกอดอกดุเด็กปากมากที่หน้าเวที พวกเธอเลยพากันกระจายตัวไปทำงาน “ทำไม เจ็บใจเหรอ”“หึ
GST สตูดิโอ "คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวที่ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ แผนกเสื้อผ้าของเราก็ต้องทำงานหนักอีกเช่นเคย เอาล่ะ แผนผังคร่าวๆก็ได้รับกันไปหมดแล้วนะ เริ่มประชุมได้""นี่หลิน ครั้งนี้งานยักษ์เลยนะแก ดูรายชื่อศิลปินแต่ละคน ตัวพ่อทั้งนั้น"นิรมลหรือจีนแผนกดูแลเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายกระซิบบ่นกับเพื่อนสาวคนสนิทของเธออย่างรู้สึกขนลุกเมื่อพลิกไปดูรายชื่อศิลปินที่จะขึ้นแสดงในงานนี้"มืออาชีพเสียอย่าง แค่ทำตามหน้าที่ก็พอ อ๊ะ พี่วายุ!!"เสียงของนิลินทร์ ดีไซเนอร์สาวมือหนึ่งของบริษัทอุทานขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สร้างความตกใจให้คนทั้งทีมที่กำลังประชุมกันอยู่ ทัพเทพ หัวหน้าและผู้ดูแลโปรเจคครั้งนี้ก็ตกใจจนต้องหันมาถามเธอเช่นกัน"หลิน...มีอะไรจะเพิ่มงั้นเหรอ พี่ยังไม่ได้คุยถึงเรื่องเสื้อผ้าเลย ยังอยู่ที่ฉากบนเวทีและการเล่นไปแอลอีดีอยู่เลย""เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อได้เลยค่ะขอโทษที""แก..เป็นอะไรตะโกนซะดังเลย ดูทีม B จ้องเราตาเขม็งแล้ว"จีนหมายถึงพรพิมล หรือแนน หัวหน้าฝ่ายออกแบบให้ทีม B ซึ่งดูแลเรื่องฉากและการแต่งหน้า พวกเขาจะเรียกทีมของนิลินทร์ซึ่งดูแลเรื่องเสื้อผ้า เครื่องปร
วันซ้อม"เอาล่ะ พร้อมนะ สาม สอง หนึ่ง…..หลินนั่งมองวายุที่ทั้งร้องทั้งเต้นในชุดที่เธอออกแบบเพื่อเขา วายุที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ แม้จะสวมชุดที่เธอออกแบบเอง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในทีมงาน แต่ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะห่างกันออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเหตุผลที่ต้องเลิกกันนั้นมันช่างไร้สาระ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นจากฝันแล้ว“เอาล่ะ จินนี่สแตนบายนะครับ”“ได้ค่ะ”จินนี่คือนักร้องหญิงคนสุดท้ายที่เข้ามาในทีม เธอพึ่งกลับมาจากเมืองนอก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นหน้าเธอมานาน แต่เธอก็รับปากจะมาร่วมในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ตอนนี้พวกเขาร้องเพลงคู่กันบนเวที “ดูสิ น่ารักเนอะ อย่าบอกว่าพวกเขา…”“จุ๊ๆ พี่หลินยังอยู่นะ”“พี่หลินคือใคร”“กิ๊กเก่าพี่วายุ คบกันได้…สามวันมั้งแล้วก็โดนทิ้ง”“ว๊ายยย แรงอ่ะ”“จุ๊ๆ เงียบ ดูไปๆ”“มีปากให้มันได้งานเหมือนตอนเผือกเรื่องชาวบ้านหน่อยนะ งานที่สั่งน่ะแก้หรือยัง ดูองศาไฟนั่นสิ เห็นหรือเปล่าว่ามันผิด”“ค่ะๆ แก้เดี๋ยวนี้เลยค่ะเจ้แนน”“ให้ไวเลย ใช้ปากทำงานเดี๋ยวแม่ก็ตบเรียงตัวซะนี่”แนนยืนกอดอกดุเด็กปากมากที่หน้าเวที พวกเธอเลยพากันกระจายตัวไปทำงาน “ทำไม เจ็บใจเหรอ”“หึ
“ขอบใจนะโอปอ”“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปช่วยพี่ต้อมดูหน่อย วายุ…”โอปอพยักหน้าบอกให้วายุตามเขามาก่อน แม้วายุจะไม่อยากให้หลินอยู่คนเดียวแต่เขาก็ตามโอปอไป“รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมมา”หลินไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าช้าๆ วายุเดินตามโอปอไปนอกห้อง“เรื่องนี้ไม่เล็กแน่ เมื่อกี้โทรเช็คที่ฝ่ายกล้องแล้ว เป็นตามที่นายคาด กล้องเสียในจังหวะนั้นพอดี ไม่มีภาพเหลืออยู่เลย”“พวกมันต้องการเล่นงานหลิน”“นึกไม่ถึงว่าจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้”“วายุ ใจเย็นๆนะ เรื่องนี้เดี๋ยวจะลองให้ฝ่ายกล้องแก้ไฟล์ให้อีกที หากว่าโดนลบเราต้องกู้ไฟล์คืนได้แน่ แต่ถ้า….”“แต่ถ้ามันจงใจปิดกล้องในเวลานั้นก็ไม่มีประโยชน์”“คนลงมือทำงานเงียบมาก เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เราต้องพยายามทำตัวให้เฉยไว้ อยู่กับหลิน ปลอบเธอให้ดี เดี๋ยวไปหาพี่ต้อมหน่อย ตำรวจมาแล้ว”“ฝากด้วยนะ”“ไม่ต้องห่วง หลินช่วยชีวิตผมไว้ ผมเองก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”วายุเดินเข้ามาในห้อง หลินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน น้ำเสียงนั้นเป็นปกติอย่างน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่เรื่องนี้เกินที่เขาจะเดาได้“หลิน คุณ…คุยกับใครเหรอ”“อ๋อ คนที่ห้องเฝ้ากล้องวงจรปิดค่ะ อีกไม่นานน่
พยาบาลสาวสามคนที่อยู่ด้านหลังคุณหมอหุบยิ้มลงทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองกันด้วยความผิดหวัง หลินทำหน้าไม่ถูกเพียงแค่หน้าแดงเท่านั้น คุณหมอเองก็แอบนึกขำคนไข้อยู่ไม่น้อย “มีแค่เรื่องระวังอาการกระทบกระเทือนที่แผล อย่าเดินเร็วและแผลที่หน้าผากเดี๋ยวก่อนกลับหมอจะเปลี่ยนเป็นพลาสเตอร์กันน้ำให้นะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ”หลินมองตามคณะหมอและพยาบาลออกไป วายุเห็นว่าพวกเขาออกไปหมดแล้วเลยหันมามองหน้าคนป่วยอย่างเอาเรื่อง“หมอออกไปนานแล้ว จะมองเขาอีกนานไหมครับ”หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มของเธออย่างนึกแปลกใจ ที่เธอมองน่ะ มองพยาบาลพวกนั้นต่างหากที่มองเขาไม่หยุด แต่เขากลับคิดว่าเธอมองคุณหมอสุดหล่อนั่น“นี่คุณ..คงจะไม่..”“หึงสิ หึงอยู่แล้ว คุณมองได้แต่ผมชอบแต่ผมคนเดียวห้ามมองคนอื่น”“แต่เขาเป็นหมอนะคะ แล้วที่หลินมอง ก็ไม่ได้มองหมอเสียหน่อย”“แล้วคุณมองอะไร”“เชอะ ไม่น่าถาม พยาบาลสาวแห่เข้ามาขนาดนี้เพราะอะไรคุณน่าจะรู้อยู่นะคะพ่อซุปตาร์ตัวพ่อ”“ผมเหรอ”หลินหันไปมองหน้าเอาเรื่องเขากลับพร้อมส่งสายตาขวางให้เขาคืนทันที“ใช่สิคะ พวกเธอแทบจะไม่ได้ฟังเลยว่าคุณหมอสั่
“คุณ…คิดบ้าอะไรเนี่ย ในตอนนั้นมัน…ในตอนนั้นฉันทำไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ใบหน้าของศิลปินสำคัญที่สุด ถ้าพี่โอปอหน้าเป็นแผลก็ขึ้นแสดงไม่ได้ โปรเจคนี้ก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยากอีกกว่าพวกคุณจะมารวมตัวกันได้”“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตกลงคุณชอบโอปอหรือเปล่า”“เรื่องนี้หลินบอกไปแล้วไง คุณวายุ คุณไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับหลินนะ ถอยไป”วายุโมโหจนถึงที่สุดเพราะเขาอัดอั้นความรู้สึกนี้มาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ถ่ายรูป วัดตัวและที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้“ไม่!! ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบเขา แล้วทำไมต้องสนิทสนมกับเขา เวลาพูดแล้วต้องยิ้มให้เขาตลอดแล้วยังไปนั่งกินกาแฟด้วยกันด้วยแล้วความรู้สึกของผมล่ะ คุณไม่เห็นใส่ใจบ้างเลย!!”“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”“หมายความอย่างที่พูด คุณบอกมาสิว่าไม่ได้ชอบผม ไม่ได้คิดอะไร จูบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ”วายุในตอนนี้เหมือนพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พังเพราะความโกรธ หลินเดินถอยไปจนสุดทางในห้องรับแขกจนชนกับกระจกที่มีวิวของเมืองหลวงอยู่ด้านหลัง เธอจะเดินหนีแต่ก็ถูกเขาเอามือมากั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง“หลิน..ตอบผมมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานี่
วายุและสาธิตเดินออกจากที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที ตอนนี้เขารู้ว่าหลินปลอดภัยแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่จบ คือคนที่ทำร้ายนิลินทร์ต่างหาก“นั่นพี่วายุกับผู้จัดการเขาจะรีบไปไหนกันคะ”“ไปเก็บกวาดที่เหลือน่ะสิ ถามได้”“รีบไปสืบมาก่อนที่มันจะรู้ตัว หรือไม่ก็ลองสืบดูว่าใครเป็นคนประกันตัวพวกมันออกมา ผมว่าไม่มีทางที่มันจะเล่นงานผิดตัว”“ได้ แล้วนายจะอยู่ที่นี่เหรอ”“ผม…”“วายุ เรื่องนี้มีคนเห็นมาก เร็วๆนี้คงเป็นข่าว นายอยู่ที่นี่น่าจะไม่ดีแน่ กลับก่อนเถอะ”“แต่พวกเราอยู่นี่กันตั้งเยอะ”“แต่คนที่เห็นนายอุ้มเธอมาก็มีเยอะเหมือนกัน ระวังตัวก่อนดีกว่า”“ก็ได้ กลับไปที่พักรอหลินกลับไปก่อนก็แล้วกัน”GST สตูดิโอ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น บาดเจ็บอะไรกันขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะซ้อมยังไง”“ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ทัพ ที่น่าห่วงน่ะ น้องหลินต่างหาก”“หลินเจ็บแต่ก็ได้ไม่ได้ขึ้นเวทีเหมือนพวกคุณ โอย เอาตารางฝึกมา ต้องปรับตารางฝึกของโอปอก่อน วายุ คุณไหวนะ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”“ไม่ครับ ผมไม่มีปัญหา”“นี่โชคดีนะคะที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมาก ทำไมพี่โอปอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงช่วยคนอื่นด้วยคะ แทนที่จะให้เขาจัดการเอง เลยบาดเจ็บโดยไม
“พี่วา…”อลิซเห็นภาพตรงหน้า เธอเข้าใจว่าเขาวัดตัวอยู่แต่ไม่ใช่ ตอนนี้วายุกำลังก้มลงจูบดีไซเนอร์สาวตรงหน้าเธอ คนที่เธอคิดว่าไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร แต่วันนี้กลับมาจูบผู้ชายของเธอต่อหน้า“นังหลิน ตบเดียวไม่น่าพอแล้วล่ะมั้ง”หลินผลักคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว จนรวบงานทั้งหมดและจะเดินออกไปแต่เขาคว้ามือเธอเอาไว้ได้และยังก้มไปถาม“ยังจะกล้าไปร้านกาแฟอีกงั้นเหรอ”“ไปค่ะ”“หลิน!! นี่คุณยังต้อง…”“พี่วายุคะ เสร็จหรือยังคะ”“คุณอลิซคะ หลินวัดตัวคุณวายุเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“ค่ะ กลับดีๆนะคะ…คุณหลิน”หลินรีบรวบงานทั้งหมดและเดินออกจากห้องไป วายุยืนหันหลังพร้อมกำหมัดแน่นโดยไม่ได้หันมามองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาสักนิด “พี่วายุคะ ไปกันหรือยังคะ”“พี่ไม่ว่าง อลิซกลับไปก่อนเถอะ พี่ยังมีอัดเสียงอีก ขอตัว”“แต่ว่า…เมื่อกี้…”“นึกได้ว่าต้องแก้น่ะ ขอตัวนะ กลับดีๆล่ะ”“อลิซ…ไปด้วย”“ไม่ต้อง พี่ต้องการสมาธิ”วายุคว้ากระเป๋าและเดินออกจากห้องไปทันที อลิซมองตามวายุที่เดินไปคนละทางกับห้องอัดอย่างน่าสงสัยแต่เธอจะทำอะไรได้ ตั้งแต่เจอเขา วายุไม่เคยมีท่าทีที่อยากจะกลับมาสานสัมพันธ์อะไรกับเธอต่อทั้งสิ้น แม้ว่าจะพยายามแ
วายุหันไปมองประตูนั่นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปถ่ายจนเสร็จพร้อมกับสาธิตที่เก็บของเดินตามเขากลับห้องพัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาก็พบหลินยืนหน้าห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์ เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับกองเอกสารที่มากจนทำให้เปิดประตูไม่ได้และมันกำลังจะตก“ว๊าย!!…ขอบคุณ…ค่ะ…อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”หลินรับของแล้วรีบเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรกับวายุอีก ประตูปิดลงเขาจึงได้เดินหงุดหงิดกลับไปที่ห้องทันทีสี่เดือนก่อนคอนเสิร์ต“เอาแบบตรงนั้นมาที”“พี่หลินคะ ตรงนี้แก้แล้วค่ะ ส่งเลยไหมคะ”“เอาให้จีนตรวจก่อน จีน”“โอเคๆ ได้เลย ทางนี้ยกหุ่นมาที เอาวางไว้ตรงนั้น”แผนกเสื้อผ้าในตอนนี้กำลังหัวหมุนเพราะจะเริ่มวัดตัวเพื่อตัดชุดสำหรับงานคอนเสิร์ตกันแล้ว พวกเขาทยอยกันมาวัดตัววันละสองสามคนตามคิวที่ว่างจากการออัดเสียงและซ้อมเต้นที่เริ่มหนักขึ้น“หลิน วันนี้คิวใครมาวัดตัว”“ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ถามบีสิ”“วันนี้เป็นพี่โอวี่ อลิซ แล้วก็พี่วายุค่ะ”“พรุ่งนี้ล่ะ”“ก็เหลือแค่พี่แยมกับ พี่โอปอค่ะ สุดท้ายแล้ว”“โอเค เตรียมแบบร่างของแต่ละคนเอาไว้ เขามาแล้วจะได้รีบวัดตัวเลย”หลินหันกลับไปพร้อมกับวุ่นวายกับแบบร่า
หลินหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ เกี่ยวอะไรกับโอปอ เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองปกติ แต่เวลานี้เธอไม่ได้อยากเถียงกับเขาเพราะเธอได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่งที่มีเรื่องกับศิลปินเจ้าอารมณ์พวกนี้“นั่นคุณจะไปไหน”“ก็คุณจะเปลี่ยนชุด…จะให้หลินอยู่ทำไมคะ”“คุณไม่ได้บอกว่าดูแลเรื่องชุดเหรอ เห็นบอกว่าเป็นหน้าที่คุณนี่”“ใช่ค่ะ แต่..”“ถือชุดนั่นไว้ ผมจะถอดตัวนี้”“แต่ว่า!!”“คุณก็เห็นว่าผู้จัดการผมไม่อยู่ ช่วยหน่อยละกัน”หลินยืนถือชุดใหม่ให้เขาระหว่างที่เขาเริ่มถอดเสื้อตัวเดิม ตัวเขาขาวกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก และไม่น่าเชื่อว่าภายใต้รูปร่างที่ดูดีของซุปตาร์คนนี้จะมีกล้ามท้องที่แน่นและแผงอกที่พอดีตัวจนน่าหลงใหลอย่างนี้ซ่อนอยู่คนที่แอบมองถึงกับใจสั่นเมื่อเห็น ราวกับว่าคนที่แอบมองก็รู้ว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้เธออย่างจงใจ“ส่งเสื้อมาสิ”เสียงกระซิบนั้นทำเอาหลินทำตัวไม่ถูก วายุเองก็สังเกตว่าเธอรักษาอาการไม่ค่อยอยู่ อย่างน้อยตอนนี้หูเธอก็แดงจัดจนน่าเอ็นดู อยากจะเอื้อมไปกัดเล่นเสียจริงแต่เขาและเธอพึ่งรู้จักกัน ไม่คิดว่าเธอจะทำให้เขาอยากเข้าใกล้ได้แบบนี้ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิง“หลินว่าอ
อลิซหันไปมองหน้าวายุพร้อมกับเงียบไปและหันมามองหน้าหลินอีกครั้ง“ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งนี้คุณแค่พลั้งมือ ไม่มีใครบาดเจ็บก็ดีแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“เอ่อ…”อลิซยังไม่ทันได้พูดอะไรหลินก็เดินออกไปจากห้องแล้ว วายุมองไปที่หลินที่เดินไปแต่เขาก็ไม่พูดอะไรอีกวันถ่ายรูป“เตรียมชุดหรือยัง”“ทางนี้ค่ะพี่หลิน”“หยกแล้วรองเท้าละ ทั้งสองคู่เลย”"เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ"“พี่หลินคะ พี่วายุมาแล้วค่ะ"“ให้เขาเปลี่ยนชุดได้”“ค่ะๆ”“พี่หลินคะ พี่วายุให้มาเรียกค่ะ บอกว่ามีปัญหาเรื่องชุด”“ปัญหางั้นเหรอ ได้ เดี๋ยวพี่เข้าไป ทีทิพย์รอสักครู่นะคะ”“ไปเถอะๆ ทางนี้ไม่ต้องห่วง”หลินบอกฝ่ายกล้องและจัดเตรียมสตูถ่ายรูปอย่างเกรงใจเพราะวันนี้ต้องให้พวกเขามาถ่ายภาพสองศิลปินสุดท้ายที่จะมาร่วมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ หลินเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของวายุเธอเคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปเลย เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าเขากับอลิซอยู่ด้วยกัน เธอกำลังทำบางอย่างและเขาก็ผลักเธอออก“อุ้ย…คุณหลิน”หลินถอนหายใจพร้อมกับพยายามทำใจอยู่หลายวันที่ไม่ได้เจอเขา เธอพยายามจะไม่คิดมาก แต่พอมาเห็นแบบนี้กลับทำให้ยิ่งคิดมาก“เห็นหยกบอกว่าชุดของคุณมีปัญหาให้