วายุหันไปมองประตูนั่นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปถ่ายจนเสร็จพร้อมกับสาธิตที่เก็บของเดินตามเขากลับห้องพัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาก็พบหลินยืนหน้าห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์ เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับกองเอกสารที่มากจนทำให้เปิดประตูไม่ได้และมันกำลังจะตก
“ว๊าย!!…ขอบคุณ…ค่ะ…อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
หลินรับของแล้วรีบเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรกับวายุอีก ประตูปิดลงเขาจึงได้เดินหงุดหงิดกลับไปที่ห้องทันที
สี่เดือนก่อนคอนเสิร์ต
“เอาแบบตรงนั้นมาที”
“พี่หลินคะ ตรงนี้แก้แล้วค่ะ ส่งเลยไหมคะ”
“เอาให้จีนตรวจก่อน จีน”
“โอเคๆ ได้เลย ทางนี้ยกหุ่นมาที เอาวางไว้ตรงนั้น”
แผนกเสื้อผ้าในตอนนี้กำลังหัวหมุนเพราะจะเริ่มวัดตัวเพื่อตัดชุดสำหรับงานคอนเสิร์ตกันแล้ว พวกเขาทยอยกันมาวัดตัววันละสองสามคนตามคิวที่ว่างจากการออัดเสียงและซ้อมเต้นที่เริ่มหนักขึ้น
“หลิน วันนี้คิวใครมาวัดตัว”
“ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ถามบีสิ”
“วันนี้เป็นพี่โอวี่ อลิซ แล้วก็พี่วายุค่ะ”
“พรุ่งนี้ล่ะ”
“ก็เหลือแค่พี่แยมกับ พี่โอปอค่ะ สุดท้ายแล้ว”
“โอเค เตรียมแบบร่างของแต่ละคนเอาไว้ เขามาแล้วจะได้รีบวัดตัวเลย”
หลินหันกลับไปพร้อมกับวุ่นวายกับแบบร่างที่พึ่งประกอบร่างเสร็จและวิ่งไปมาระหว่างโต๊ะทำแบบและหุ่นที่จำลองเพื่อลองชุดที่เริ่มเข้ามาวางในห้อง ไม่นานโอวี่และอลิซก็เดินมาถึง
“โอ้โห นี่กำลังจะทำสงครามเสื้อผ้ากันเหรอครับเนี่ย”
“นั่นสิคะ เยอะมากเลย”
“อ้อ มาพอดีเลยค่ะ ทางนี้ค่ะทั้งคู่มาลองดูแบบชุดที่ร่างเอาไว้ก่อนนะคะ วันนี้จะวัดตัวเพื่อจะได้ตัดชุดค่ะ”
“ว๊าว ชุดสวยกว่าที่ร่างเอาไว้อีกนะคะเนี่ย”
“ขอบคุณค่ะ ดีใจที่คุณอลิซชอบนะคะ”
“ชอบมากเลยค่ะคุณหลิน งานหนักเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว มาค่ะ วัดตัวก่อน”
อลิซเดินมาวัดตัวและให้ความร่วมมืออย่างดี หลังจากที่พลั้งมือตบหลินแล้วเธอก็พยายามไม่มีเรื่องอีกเพราะถูกผู้ใหญ่และผู้จัดการเตือนเอาไว้แล้ว หากมีเรื่องอีกครั้งเธออาจจะถูกถอดออกจากงานนี้
“วัดเผื่อเอาไว้สักหน่อยนะคะจะได้ไม่อึดอัด”
“แล้วถ้ามันหลวมมันจะไม่ดูอ้วนเหรอคะ”
“เราตัดแบบโครเซต ด้านหลังเป็นแบบผูกได้ ไม่ต้องห่วงนะคะ เข้ารูปสวยแน่นอนค่ะ เพียงแค่อยากวัดความยาวเท่านั้นว่าควรจะเผื่อเอาไว้เท่าไหร่น่ะค่ะ จะได้เข้ากับส้นสูงที่สวมด้วย”
“แทบจะรอไม่ไหวแล้วค่ะ”
“คนสวยใส่อะไรก็สวยครับ”
โอวี่หันไปมองหน้าอลิซพร้อมกับหันมามองหน้าจีนที่ถือสายวัดอยู่จนเธอตวัดสายกลับทำให้สายนั้นดีดเข้าไปที่หน้าของเขาอย่างแรง
“โอ๊ย นี่คุณจงใจ”
“ขอโทษค่ะ ไม่ทันระวัง หันหลังค่ะ จะวัดไหล่”
“จีน คุณยัง…”
“เงียบไปเถอะค่ะ หายใจเข้าลึกๆ จะวัดแล้ว”
โอวี่ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก แม้ว่าหลินจะเห็นถึงความผิดปกติของทั้งคู่แต่ก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว หากว่าจีนไม่อยากเล่า เธอก็จะไม่ถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณอลิซ”
“ขอบคุณค่ะ”
อลิซเมื่อวัดตัวเสร็จแล้วจึงเดินไปนั่งอ่านนิตยสารรอที่โซฟามุมห้องวัดตัว ตอนนี้โอวี่เริ่มหาเรื่องทะเลาะกับจีนซึ่งจีนก็ดูเหมือนจะไม่พอใจและเดินหนีออกจากห้องไปทันที
“ฝากต่อด้วยนะหลิน”
“อ้าว..จีน เดี๋ยวสิ”
“เอ่อ ..พี่โอวี่คะ…”
“ผมขอตัวสักครู่นะครับ”
โอวี่วิ่งตามจีนออกไปจากห้องวัดตัวพร้อมกับโอปอที่เดินเข้ามาพร้อมกับส่งยิ้มให้หลิน
“พี่โอปอ วันนี้มีนัดวัดตัวด้วยเหรอคะ”
“ที่จริงนัดไว้พรุ่งนี้ครับ แต่ว่ามีงานกะทันหันเลยมาวันนี้ก่อนรบกวนด้วยนะครับหลิน”
“ยินดีค่ะ มายืนตรงนี้สิคะ”
หลินเริ่มวัดตัวโอปอ พวกเขาเริ่มคุยกัน โอปอเป็นคนอารมณ์ดีที่อยู่ใกล้ใครก็ทำให้คนนั้นหัวเราะ วายุที่พึ่งอัดเสียงเสร็จเดินเข้ามาเห็นภาพนี้ทันที เขาวางกระเป๋าลงพื้นอย่างแรงให้คนทั้งคู่ที่หัวเราะกันอยู่รู้ตัวว่าเขามาแล้ว แต่อลิซเป็นคนทักทายเขาก่อน
“พี่วายุ อัดเสียงเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม เสร็จแล้ว”
“หันหลังหน่อยนะคะพี่โอปอ อีกนิดเดียวค่ะ”
“คร๊าบบคนสวย”
หลินยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าให้เขาพร้อมกับดึงสายวัดไปวัดช่วงไหล่ของเขา จังหวะนั้นเธอเผลอหันไปมองเห็นสายตาไม่พอใจที่ส่งมาถึงเธอ หลินเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพอเขาเห็นหน้าเธอ ไม่หาเรื่องก็จะทำสีหน้าหงุดหงิดใส่อยู่เสมอ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบใจนะหลิน พี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาพรุ่งนี้อีกวัน”
“ยินดีเลยค่ะ”
“อ้าววายุมาแล้วเหรอ มาสิมาวัดตัว”
“อืม”
“ขอบใจนะหลินพี่ไปก่อนละไว้เจอกันที่ร้านกาแฟข้างล่าง พี่เลี้ยงเองรีบมานะ”
“เอ่อ…ก็ได้ค่ะ”
“อลิซไปด้วยกันก่อนไหม”
“ไม่ล่ะค่ะ อลิซจะรอพี่วายุ”
หลินชะงักไปนิดหน่อยกับคำที่เธอพูดว่ารอกลับพร้อมกับวายุ เธอเงยหน้ามามองผู้ชายเสื้อดำที่เดินเข้ามาหาเธอแวบหนึ่งก่อนจะหันไปหยิบกระดาษมาจดสัดส่วนของเขา เธอ เขียนชื่อของเขาลงบนแบบร่างชุดแล้วเหลือเพียงใส่สัดส่วนที่จะวัดลงไปเพื่อรอตัดเท่านั้น
“เริ่มเลยนะคะ เดี๋ยวคุณอลิซจะรอนาน”
“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณก็คงรีบไปกินกาแฟกับโอปอเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
หลินไม่ตอบเขาพร้อมกับเริ่มวัดตัวเขาทันที เมื่อวัดรอบอกของเขามือหนาก็คว้าหมับที่ข้อมือเล็กนั้นทันที
“ปล่อยนะคะ หลินจะทำงาน”
“ไม่ ทีกับโอปอคุณยังยิ้มให้เขาได้ ยิ้มให้ผมสักนิดคงไม่ตายหรอกมั้ง”
หลินพยายามดึงมืออกจากข้อมือนั้น สีหน้าของวายุตอนนี้ท้าทายและอยากเอาชนะเธอมากจนเธอไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธ หรือว่า….เรื่องที่โอปอชวนเธอกินกาแฟ แต่นั่น…
“คุณวายุ ปล่อยค่ะ ไม่อย่างนั้นเราจะวัดต่อไม่ได้นะ”
“คุณจงใจหลบหน้าผมงั้นเหรอ”
“คุณคิดมากไปแล้ว”
“จูบนั่นไม่มีความหมายเหรอ”
“ไม่มี!!”
“หลิน”
“ปล่อยค่ะ คุณอลิซจะสงสัยเอานะคะ พวกคุณไม่รีบไปงั้นเหรอคะ”
หลินหันกลับไปสบตาเขาอย่างท้าทายเช่นกัน เขามองสายตาดื้อดึงนั้นด้วยความหมั่นไส้ หากอลิซไม่อยู่ในห้องนี้ด้วยละก็…..
“พี่วายุคะ วันนี้ไม่มีซ้อมแล้วใช่ไหม”
หลินหันกลับไปจดสัดส่วนที่วัดได้อย่างตั้งใจเพื่อไม่ให้ผิดพลาด เธอพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้มือสั่นและอยากให้การวัดตัวนี้เสร็จเร็วๆเสียที
“เราต้องคุยกัน”
“หันหลังค่ะ”
หลินจับเขาหันหลังจนวายุเองก็นึกตกใจมากเช่นกัน ไม่เคยมีใครผลักและจับเขาหมุนแบบนี้มาก่อน เธอเป็นคนแรกที่กล้าทำแบบนี้กับเขาถึงสองครั้งแล้ว จะไม่ให้เขาสนใจเธอก็คงแปลกแล้ว
“เสร็จ…”
“ยัง..”
“ผมว่าคุณใส่เลขผิดนะ ไม่เชื่อก็ดูในกระดาษสิ”
“เป็นไปไม่ได้”
หลินหันไปมองเลขที่เธอเขียนลงไปก็เห็นว่าเธอไม่ได้เขียนผิดจนหันมาบอกเขาว่าเธอเขียนถูกแล้ว แต่กลายเป็นว่าเมื่อหันกลับมาก็ชนเข้ากับปากของเขาพอดี
“ไม่ผิดนี่…อุ๊บ!!”
“อยู่เฉยๆ ไม่กลัวคนอื่นสงสัยรึไง”
“ปล่อยนะ”
“ไม่!!”
หลินหันไปมองคุณพ่อที่ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ตอนนี้คุณแม่ของวายุเองก็เดินมานั่งข้างๆเธอ“ขอโทษหนูด้วย พ่อของวายุชอบเล่นแบบนี้เสมอ ชอบอำแขกตีหน้าขรึมอยากเป็นพระเอกละคร หนูคงตกใจแย่เลยสิลูก บอกแล้วเห็นไหมว่าอย่าแกล้งหนัก ดูสิถ้าเกิดลูกสะใภ้เตลิดไปอีกก็ไม่ต้องหวังจะได้อุ้มหลานแล้วค่ะคุณพี่”“ไม่ๆๆ ไม่ได้สิ หลินจะมาหนีไม่ได้นะ ก็หลินคุกเข่าขอลูกพ่อแต่งงานกลางคอนเสิร์ตเองนะ ไม่ได้ๆ คุกเข่าแล้วก็ถือว่าเข้าบ้านพ่อมาแล้ว หนีไม่ได้ๆ นี่คุณ จัดการเลยอีกสามเดือนแล้ว พรุ่งนี้ไปขอฤกษ์พระมา เรื่องเตรียมงานก็ให้ไว โรงแรมเอาที่คุณเลือกไว้”“เตรียมไว้หมดแล้ว เหลือแค่พาวายุกับหลินไปดู”“อะไรนะครับแม่ อย่าบอกนะว่าแม่กับพ่อ....”“เออสิวะ รอแกเมื่อไหร่จะได้อุ้มหลาน นี่หนูหลินถือว่าเห็นแก่พ่อ ปลายปีหน้ามันช้าเกินไป เอาเป็นปลายปีนี้ก็แล้วกันนะลูกนะ พ่ออยากมีหลาน เพื่อนพ่อมันชอบเอารูปหลานๆมันลงโซเชียล พ่อไม่มีอวดเหมือนพวกมัน พ่ออยากมีโมเม้นท์อวดรูปหลานกับเขาบ้าง นะๆ”“พ่อครับ แต่ว่าผมยังไม่ได้ไปพบแม่ของหลินที่เชียงใหม่เลย”“มันจะไปยากอะไร ก็ยกขบวนไปกันหมดนี่แหละฉันกับแม่แกจะไปด้วย สู่ขอเป็นเรื่องเป็นราวทีเดี
“หลินไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะหลินไม่ได้เป็นคนจ่าย”“โธ่ ไม่คิดจะสงสารกันบ้างเลย เรียบร้อยแล้วครับ หล่อหรือยัง”หลินหันมามองวายุที่สวมรองเท้าเสร็จแล้ว เธอหันไปจัดปกเสื้อให้เขาพร้อมกับตบที่ปกเสื้อเบาๆ“หล่อแล้วค่ะ เอ๊ะ รอยนี่??…”หลินหันไปเห็นรอยที่คอของเขา น่าจะเป็นเธอที่ทำเอาไว้เมื่อคืนนี้ วายุจับตัวเธอหันออกจากห้องและพาเดินออกไป“ไม่ต้องดูแล้ว ช่างมันเถอะไม่มีใครสังเกตหรอกน่า”“ได้ยังไงกันคะอายคนอื่นแย่เลย”“แล้วทำไมเมื่อคืนตอนทำไม่อายละครับที่รัก”“พี่วายุ!! ทำไมพูดออกมาแบบนี้ ไม่เอาแล้ว ไม่ไปด้วยแล้ว”“ไม่ได้ๆ รีบๆเลยเดี๋ยวไม่ทัน อย่ามาทำงอนตอนนี้พี่ไม่หลงกลหรอก ไปได้แล้ว ขึ้นรถเลย”หลินเดินขึ้นรถไปพร้อมกับเขา รถหรูขับออกมาจากคอนโดของวายุมุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่จัดงานหมั้นของอลิซและภัทรงานหมั้น อลิซ & ภัทรงานในวันนี้เต็มไปด้วยญาติทั้งสองฝ่ายของทั้งคู่และยังมีเพื่อนดารา ศิลปินนักร้องหลายๆคนที่มาร่วมงาน ฝั่งเจ้าบ่าวก็มีเพื่อนร่วมงานทั้งพวกนักบินและเพื่อนๆของภัทรมาด้วย“คุณป้าปรานีสวัสดีค่ะ”“หลิน ลูกสาวป้ามาแล้ว เป็นยังไงบ้างลูกไม่เจอกันเลย สบายดีนะ”“สบายดีค่ะ”“เสียดายที่แม่หนูไม่ได้มา
คอนเสิร์ตใหญ่ GSTเหล่าบรรดาแฟนเพลงมารอชมคอนเสิร์ตกันตั้งแต่เวลาก่อนสิบโมงเช้า ซึ่งด้านนอกก็มีทั้งซุ้มร่วมทำกิจกรรมพิเศษและบูธขายสินค้าที่ระลึกซึ่งวันแสดงวันแรกนี้คนมากมายกว่าที่คิด แต่เพราะบัตรที่ขายหมดทุกที่นั่งทุกรอบเป็นที่การันตีว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่อีกหนึ่งงานของเมืองไทยที่รวมศิลปินมาได้มากมายเช่นนี้“พร้อมนะคะ”“อืม พร้อม แต่…”หลินไม่รอให้เขาขอ เธอปิดห้องแต่งตัวเขาเพื่อการนี้ เธอจูบเขาเนิ่นนาน เมื่อคืนนี้พวกเขาเองก็ผลัดกันบอกรักเกือบทั้งคืนมาแล้วเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาขึ้นแสดงในวันนี้“สู้ๆนะคะที่รักของหลิน”“สู้สุดหัวใจ”วายุจับมือหลินออกไปรอจะขึ้นแสดง พวกเขาจะเริ่มจากเพลงที่ร้องพร้อมกันทั้งหมดในอัลบั้มพิเศษและเพลงพิเศษที่พึ่งแต่งขึ้นเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศิลปินทั้งหมดจับมือกันพร้อมกับเดินเข้าไปที่เวทีเพื่อจะเริ่มแสดงเสียงกรี๊ดที่กระหึ่มไปทั้งฮอล์จนแทบระเบิดทำเอาทีมงานทุกคนแทบจะร้องไห้เพราะความปราบปลื้มใจที่แฟนเพลงให้การตอบรับถึงขนาดนี้คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นและเพลงที่บรรจงคัดสรรมาอย่างดีก็ถูกนำมาร้องและทุกคนต่างร้องตามได้ หลินที่ยืนดูอยู่ด้านหลังเวทีไปด้านหน้า เมื่
หลินมองที่ทั้งคู่ที่พากันเข้าห้องมา“ถ้างั้นไหนๆพี่ต้อมก็พาพี่วายุมาแล้ว หลินก็ฝากด้วยก็แล้วกันนะคะ หลินจะไปนอนห้องของหลิน เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”“อ้าว หลิน…”สาธิตมองไปที่โต๊ะอาหารที่เธอกำลังเก็บแต่คงเก็บยังไม่เสร็จ เขาถึงกับรู้สึกกลัวแทนวายุเสียแล้วในตอนนี้“งานเข้าแน่ๆ พรุ่งนี้ วายุเอ๊ย เฮ้ย..ตื่นก่อน!! เมียหนีแล้ว”วายุที่แทบจะไม่มีสติอะไรเลยถูกหามเข้าไปนอนในห้อง สาธิตเองก็ถูกจินนี่โทรตามแล้วเหมือนกัน เขาเลยรีบออกจากห้องของวายุไปทันทีวันรุ่งขึ้นวายุรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่เขาจำได้ว่าเขาดื่มไปแค่สามแก้วเท่านั้น แล้วจากนั้นภาพก็ตัดไปเลยโดยที่ไม่รู้เรื่อง วันนี้มีซ้อมช่วงบ่าย ถือเป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนที่คอนเสิร์ตจริงจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขามองไปรอบๆแต่ไม่เห็นหลิน ซึ่งเวลานี้เธอน่าจะยังไม่ออกไปทำงาน หรือว่าเธอไม่ได้กลับมากันแน่นะ“หึ ทิ้งกันจนวันสุดท้าย ดีเหลือเกิน”เขาลุกออกมากินน้ำ แต่ก็ต้องสะดุดกับแก้วและดอกไม้บนโต๊ะที่เหมือนจะถูกเก็บไปไม่หมด เขาเริ่มมองรอบๆ เห็นว่ามีถุงขยะใบใหญ่ที่ผูกปากเอาไว้แต่ยังไม่ได้เอาออกไปทิ้งจึงรีบเดินไปเปิดตู้เย็นก็เห็นสเต็กเนื้อสองจานที่ถูกพลาสติ
“แล้วมันต้องมีอะไรด้วยงั้นเหรอ” ไม่สิ หลินนึกในใจ ฉากที่พระเอกขอนางเอกแต่งงานมันต้องมีดอกไม้เตรียมตัว ไปในสถานที่ที่โรแมนติกจุดพลุดูไฟหรืออะไรแบบนั้น ไม่ใช่มาขอเอาตอนป่วยแล้วนั่งกินข้าวต้มแบบนี้ นี่มันอารมณ์ไหนเนี่ย“หลิน….หลิน”“คะ”“พี่อิ่มแล้ว งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ”“เอ่อ .พี่วายุยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเลยค่ะ รอก่อนสัก…สิบห้านาที”“อืม ได้”หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก หลินเองก็พยายามจะหาจังหวะพูด แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็เลี่ยงที่จะไม่คุย เขากินยาและเดินเข้าไปนอนเลย หลินที่เก็บกวาดครัวอยู่ด้านนอกเสร็จและไปอาบน้ำ พอออกมาเขาก็หลับสนิทไปแล้วห้าวันก่อนคอนเสิร์ตใหญ่“พี่อลิซ ไหวแน่นะคะ”“ไหวสิๆ หมอให้ยามาแล้ว กันแท้งก็ฉีดมาสองเข็มแล้ว นี่หลิน ว่าแต่พี่วายุทำไมเอาแต่ซ้อมหนักขนาดนั้น นี่ไม่พักเลยนะ”“สงสัยจะตื่นเต้นน่ะค่ะ”“ไม่มีอะไรแน่เหรอ หลิน บอกวายุพอก่อน พี่จะไม่ไหวแล้ว”“พี่จินนี่ ทำไมหอบมาเลยละคะ”“วายุของเธอน่ะสิ เอาแต่ซ้อม บอกว่าพี่ยังเต้นไม่เข้าจังหวะ พี่จะตายอยู่แล้วเนี่ย พี่ต้อม ขอน้ำหน่อยค่ะ”“ครับๆ นี่ครับ เดี๋ยวพี่มานะ ไปดูวายุหน่อย”“นี่พี่ต้อมเขายังจำได้อยู่ใช่ไหมคะ
หลินรีบปิดหน้าจอลงหลังจากส่งเมล์ฉบับสุดท้ายเสร็จและหันมามองหน้าวายุ“เกิดอะไรขึ้นคะ”“คุณภัทรบอกว่าอลิซตกเลือด ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”“แย่แล้ว งั้นรีบไปเถอะค่ะ แต่ว่า….พี่วายุจะไปไหวเหรอคะ”“หลินขับรถก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะ”ทั้งคู่รีบเตรียมของและออกจากที่พักเพื่อไปที่โรงพยาบาลทันที โรงพยาบาล“พี่ภัทร เป็นยังไงบ้างคะ”“ยังไม่ออกมาเลย พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“มันเกิดอะไรขึ้นครับ”“เห็นบอกว่าล้มระหว่างตอนซ้อมเต้นครับ ผมพึ่งออกมาจากห้องสอนนักบินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการของอลิซ เลยรีบมาที่นี่”ไม่นานแนนและโอปอก็วิ่งมาที่หน้าห้องที่พวกเขาอยู่“หลิน พี่วายุมาด้วยเหรอ เป็น…เป็นยังไงบ้างคะคุณภัทร”“ยังไม่ออกมาเลยครับ”“พี่ภัทรใจเย็นๆนะคะ พี่อลิซไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอกค่ะ”วายุพาภัทรไปนั่งรอที่หน้าห้อง ทุกคนเองก็ตามมาเช่นกัน ภัทรดูร้อนรนมากเพราะนี่เ่ป็นลูกคนแรกของเขา แม่เขาตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าจะมีหลานคนแรก และดีใจมากที่สุดที่รู้ว่าแม่เด็กคืออลิซ ดาราที่แม่เขาชื่นชอบ ไม่นานคุณหมอก็เดินออกมา“คุณหมอคะ อาการพี่อลิซเป็นยังไงบ้างคะ”“อ้อ ใครคือพ่อของเด็กครับ”“ผมเองครับหมอ ภรรยาและลูกผม..เป็นยังไงบ้