วายุหันไปมองประตูนั่นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปถ่ายจนเสร็จพร้อมกับสาธิตที่เก็บของเดินตามเขากลับห้องพัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาก็พบหลินยืนหน้าห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์ เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับกองเอกสารที่มากจนทำให้เปิดประตูไม่ได้และมันกำลังจะตก
“ว๊าย!!…ขอบคุณ…ค่ะ…อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
หลินรับของแล้วรีบเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรกับวายุอีก ประตูปิดลงเขาจึงได้เดินหงุดหงิดกลับไปที่ห้องทันที
สี่เดือนก่อนคอนเสิร์ต
“เอาแบบตรงนั้นมาที”
“พี่หลินคะ ตรงนี้แก้แล้วค่ะ ส่งเลยไหมคะ”
“เอาให้จีนตรวจก่อน จีน”
“โอเคๆ ได้เลย ทางนี้ยกหุ่นมาที เอาวางไว้ตรงนั้น”
แผนกเสื้อผ้าในตอนนี้กำลังหัวหมุนเพราะจะเริ่มวัดตัวเพื่อตัดชุดสำหรับงานคอนเสิร์ตกันแล้ว พวกเขาทยอยกันมาวัดตัววันละสองสามคนตามคิวที่ว่างจากการออัดเสียงและซ้อมเต้นที่เริ่มหนักขึ้น
“หลิน วันนี้คิวใครมาวัดตัว”
“ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ถามบีสิ”
“วันนี้เป็นพี่โอวี่ อลิซ แล้วก็พี่วายุค่ะ”
“พรุ่งนี้ล่ะ”
“ก็เหลือแค่พี่แยมกับ พี่โอปอค่ะ สุดท้ายแล้ว”
“โอเค เตรียมแบบร่างของแต่ละคนเอาไว้ เขามาแล้วจะได้รีบวัดตัวเลย”
หลินหันกลับไปพร้อมกับวุ่นวายกับแบบร่างที่พึ่งประกอบร่างเสร็จและวิ่งไปมาระหว่างโต๊ะทำแบบและหุ่นที่จำลองเพื่อลองชุดที่เริ่มเข้ามาวางในห้อง ไม่นานโอวี่และอลิซก็เดินมาถึง
“โอ้โห นี่กำลังจะทำสงครามเสื้อผ้ากันเหรอครับเนี่ย”
“นั่นสิคะ เยอะมากเลย”
“อ้อ มาพอดีเลยค่ะ ทางนี้ค่ะทั้งคู่มาลองดูแบบชุดที่ร่างเอาไว้ก่อนนะคะ วันนี้จะวัดตัวเพื่อจะได้ตัดชุดค่ะ”
“ว๊าว ชุดสวยกว่าที่ร่างเอาไว้อีกนะคะเนี่ย”
“ขอบคุณค่ะ ดีใจที่คุณอลิซชอบนะคะ”
“ชอบมากเลยค่ะคุณหลิน งานหนักเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว มาค่ะ วัดตัวก่อน”
อลิซเดินมาวัดตัวและให้ความร่วมมืออย่างดี หลังจากที่พลั้งมือตบหลินแล้วเธอก็พยายามไม่มีเรื่องอีกเพราะถูกผู้ใหญ่และผู้จัดการเตือนเอาไว้แล้ว หากมีเรื่องอีกครั้งเธออาจจะถูกถอดออกจากงานนี้
“วัดเผื่อเอาไว้สักหน่อยนะคะจะได้ไม่อึดอัด”
“แล้วถ้ามันหลวมมันจะไม่ดูอ้วนเหรอคะ”
“เราตัดแบบโครเซต ด้านหลังเป็นแบบผูกได้ ไม่ต้องห่วงนะคะ เข้ารูปสวยแน่นอนค่ะ เพียงแค่อยากวัดความยาวเท่านั้นว่าควรจะเผื่อเอาไว้เท่าไหร่น่ะค่ะ จะได้เข้ากับส้นสูงที่สวมด้วย”
“แทบจะรอไม่ไหวแล้วค่ะ”
“คนสวยใส่อะไรก็สวยครับ”
โอวี่หันไปมองหน้าอลิซพร้อมกับหันมามองหน้าจีนที่ถือสายวัดอยู่จนเธอตวัดสายกลับทำให้สายนั้นดีดเข้าไปที่หน้าของเขาอย่างแรง
“โอ๊ย นี่คุณจงใจ”
“ขอโทษค่ะ ไม่ทันระวัง หันหลังค่ะ จะวัดไหล่”
“จีน คุณยัง…”
“เงียบไปเถอะค่ะ หายใจเข้าลึกๆ จะวัดแล้ว”
โอวี่ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก แม้ว่าหลินจะเห็นถึงความผิดปกติของทั้งคู่แต่ก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว หากว่าจีนไม่อยากเล่า เธอก็จะไม่ถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณอลิซ”
“ขอบคุณค่ะ”
อลิซเมื่อวัดตัวเสร็จแล้วจึงเดินไปนั่งอ่านนิตยสารรอที่โซฟามุมห้องวัดตัว ตอนนี้โอวี่เริ่มหาเรื่องทะเลาะกับจีนซึ่งจีนก็ดูเหมือนจะไม่พอใจและเดินหนีออกจากห้องไปทันที
“ฝากต่อด้วยนะหลิน”
“อ้าว..จีน เดี๋ยวสิ”
“เอ่อ ..พี่โอวี่คะ…”
“ผมขอตัวสักครู่นะครับ”
โอวี่วิ่งตามจีนออกไปจากห้องวัดตัวพร้อมกับโอปอที่เดินเข้ามาพร้อมกับส่งยิ้มให้หลิน
“พี่โอปอ วันนี้มีนัดวัดตัวด้วยเหรอคะ”
“ที่จริงนัดไว้พรุ่งนี้ครับ แต่ว่ามีงานกะทันหันเลยมาวันนี้ก่อนรบกวนด้วยนะครับหลิน”
“ยินดีค่ะ มายืนตรงนี้สิคะ”
หลินเริ่มวัดตัวโอปอ พวกเขาเริ่มคุยกัน โอปอเป็นคนอารมณ์ดีที่อยู่ใกล้ใครก็ทำให้คนนั้นหัวเราะ วายุที่พึ่งอัดเสียงเสร็จเดินเข้ามาเห็นภาพนี้ทันที เขาวางกระเป๋าลงพื้นอย่างแรงให้คนทั้งคู่ที่หัวเราะกันอยู่รู้ตัวว่าเขามาแล้ว แต่อลิซเป็นคนทักทายเขาก่อน
“พี่วายุ อัดเสียงเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม เสร็จแล้ว”
“หันหลังหน่อยนะคะพี่โอปอ อีกนิดเดียวค่ะ”
“คร๊าบบคนสวย”
หลินยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าให้เขาพร้อมกับดึงสายวัดไปวัดช่วงไหล่ของเขา จังหวะนั้นเธอเผลอหันไปมองเห็นสายตาไม่พอใจที่ส่งมาถึงเธอ หลินเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพอเขาเห็นหน้าเธอ ไม่หาเรื่องก็จะทำสีหน้าหงุดหงิดใส่อยู่เสมอ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบใจนะหลิน พี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาพรุ่งนี้อีกวัน”
“ยินดีเลยค่ะ”
“อ้าววายุมาแล้วเหรอ มาสิมาวัดตัว”
“อืม”
“ขอบใจนะหลินพี่ไปก่อนละไว้เจอกันที่ร้านกาแฟข้างล่าง พี่เลี้ยงเองรีบมานะ”
“เอ่อ…ก็ได้ค่ะ”
“อลิซไปด้วยกันก่อนไหม”
“ไม่ล่ะค่ะ อลิซจะรอพี่วายุ”
หลินชะงักไปนิดหน่อยกับคำที่เธอพูดว่ารอกลับพร้อมกับวายุ เธอเงยหน้ามามองผู้ชายเสื้อดำที่เดินเข้ามาหาเธอแวบหนึ่งก่อนจะหันไปหยิบกระดาษมาจดสัดส่วนของเขา เธอ เขียนชื่อของเขาลงบนแบบร่างชุดแล้วเหลือเพียงใส่สัดส่วนที่จะวัดลงไปเพื่อรอตัดเท่านั้น
“เริ่มเลยนะคะ เดี๋ยวคุณอลิซจะรอนาน”
“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณก็คงรีบไปกินกาแฟกับโอปอเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
หลินไม่ตอบเขาพร้อมกับเริ่มวัดตัวเขาทันที เมื่อวัดรอบอกของเขามือหนาก็คว้าหมับที่ข้อมือเล็กนั้นทันที
“ปล่อยนะคะ หลินจะทำงาน”
“ไม่ ทีกับโอปอคุณยังยิ้มให้เขาได้ ยิ้มให้ผมสักนิดคงไม่ตายหรอกมั้ง”
หลินพยายามดึงมืออกจากข้อมือนั้น สีหน้าของวายุตอนนี้ท้าทายและอยากเอาชนะเธอมากจนเธอไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธ หรือว่า….เรื่องที่โอปอชวนเธอกินกาแฟ แต่นั่น…
“คุณวายุ ปล่อยค่ะ ไม่อย่างนั้นเราจะวัดต่อไม่ได้นะ”
“คุณจงใจหลบหน้าผมงั้นเหรอ”
“คุณคิดมากไปแล้ว”
“จูบนั่นไม่มีความหมายเหรอ”
“ไม่มี!!”
“หลิน”
“ปล่อยค่ะ คุณอลิซจะสงสัยเอานะคะ พวกคุณไม่รีบไปงั้นเหรอคะ”
หลินหันกลับไปสบตาเขาอย่างท้าทายเช่นกัน เขามองสายตาดื้อดึงนั้นด้วยความหมั่นไส้ หากอลิซไม่อยู่ในห้องนี้ด้วยละก็…..
“พี่วายุคะ วันนี้ไม่มีซ้อมแล้วใช่ไหม”
หลินหันกลับไปจดสัดส่วนที่วัดได้อย่างตั้งใจเพื่อไม่ให้ผิดพลาด เธอพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้มือสั่นและอยากให้การวัดตัวนี้เสร็จเร็วๆเสียที
“เราต้องคุยกัน”
“หันหลังค่ะ”
หลินจับเขาหันหลังจนวายุเองก็นึกตกใจมากเช่นกัน ไม่เคยมีใครผลักและจับเขาหมุนแบบนี้มาก่อน เธอเป็นคนแรกที่กล้าทำแบบนี้กับเขาถึงสองครั้งแล้ว จะไม่ให้เขาสนใจเธอก็คงแปลกแล้ว
“เสร็จ…”
“ยัง..”
“ผมว่าคุณใส่เลขผิดนะ ไม่เชื่อก็ดูในกระดาษสิ”
“เป็นไปไม่ได้”
หลินหันไปมองเลขที่เธอเขียนลงไปก็เห็นว่าเธอไม่ได้เขียนผิดจนหันมาบอกเขาว่าเธอเขียนถูกแล้ว แต่กลายเป็นว่าเมื่อหันกลับมาก็ชนเข้ากับปากของเขาพอดี
“ไม่ผิดนี่…อุ๊บ!!”
“อยู่เฉยๆ ไม่กลัวคนอื่นสงสัยรึไง”
“ปล่อยนะ”
“ไม่!!”
“พี่วา…”อลิซเห็นภาพตรงหน้า เธอเข้าใจว่าเขาวัดตัวอยู่แต่ไม่ใช่ ตอนนี้วายุกำลังก้มลงจูบดีไซเนอร์สาวตรงหน้าเธอ คนที่เธอคิดว่าไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร แต่วันนี้กลับมาจูบผู้ชายของเธอต่อหน้า“นังหลิน ตบเดียวไม่น่าพอแล้วล่ะมั้ง”หลินผลักคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว จนรวบงานทั้งหมดและจะเดินออกไปแต่เขาคว้ามือเธอเอาไว้ได้และยังก้มไปถาม“ยังจะกล้าไปร้านกาแฟอีกงั้นเหรอ”“ไปค่ะ”“หลิน!! นี่คุณยังต้อง…”“พี่วายุคะ เสร็จหรือยังคะ”“คุณอลิซคะ หลินวัดตัวคุณวายุเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“ค่ะ กลับดีๆนะคะ…คุณหลิน”หลินรีบรวบงานทั้งหมดและเดินออกจากห้องไป วายุยืนหันหลังพร้อมกำหมัดแน่นโดยไม่ได้หันมามองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาสักนิด “พี่วายุคะ ไปกันหรือยังคะ”“พี่ไม่ว่าง อลิซกลับไปก่อนเถอะ พี่ยังมีอัดเสียงอีก ขอตัว”“แต่ว่า…เมื่อกี้…”“นึกได้ว่าต้องแก้น่ะ ขอตัวนะ กลับดีๆล่ะ”“อลิซ…ไปด้วย”“ไม่ต้อง พี่ต้องการสมาธิ”วายุคว้ากระเป๋าและเดินออกจากห้องไปทันที อลิซมองตามวายุที่เดินไปคนละทางกับห้องอัดอย่างน่าสงสัยแต่เธอจะทำอะไรได้ ตั้งแต่เจอเขา วายุไม่เคยมีท่าทีที่อยากจะกลับมาสานสัมพันธ์อะไรกับเธอต่อทั้งสิ้น แม้ว่าจะพยายามแ
วายุและสาธิตเดินออกจากที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที ตอนนี้เขารู้ว่าหลินปลอดภัยแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่จบ คือคนที่ทำร้ายนิลินทร์ต่างหาก“นั่นพี่วายุกับผู้จัดการเขาจะรีบไปไหนกันคะ”“ไปเก็บกวาดที่เหลือน่ะสิ ถามได้”“รีบไปสืบมาก่อนที่มันจะรู้ตัว หรือไม่ก็ลองสืบดูว่าใครเป็นคนประกันตัวพวกมันออกมา ผมว่าไม่มีทางที่มันจะเล่นงานผิดตัว”“ได้ แล้วนายจะอยู่ที่นี่เหรอ”“ผม…”“วายุ เรื่องนี้มีคนเห็นมาก เร็วๆนี้คงเป็นข่าว นายอยู่ที่นี่น่าจะไม่ดีแน่ กลับก่อนเถอะ”“แต่พวกเราอยู่นี่กันตั้งเยอะ”“แต่คนที่เห็นนายอุ้มเธอมาก็มีเยอะเหมือนกัน ระวังตัวก่อนดีกว่า”“ก็ได้ กลับไปที่พักรอหลินกลับไปก่อนก็แล้วกัน”GST สตูดิโอ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น บาดเจ็บอะไรกันขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะซ้อมยังไง”“ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ทัพ ที่น่าห่วงน่ะ น้องหลินต่างหาก”“หลินเจ็บแต่ก็ได้ไม่ได้ขึ้นเวทีเหมือนพวกคุณ โอย เอาตารางฝึกมา ต้องปรับตารางฝึกของโอปอก่อน วายุ คุณไหวนะ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”“ไม่ครับ ผมไม่มีปัญหา”“นี่โชคดีนะคะที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมาก ทำไมพี่โอปอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงช่วยคนอื่นด้วยคะ แทนที่จะให้เขาจัดการเอง เลยบาดเจ็บโดยไม
“คุณ…คิดบ้าอะไรเนี่ย ในตอนนั้นมัน…ในตอนนั้นฉันทำไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ใบหน้าของศิลปินสำคัญที่สุด ถ้าพี่โอปอหน้าเป็นแผลก็ขึ้นแสดงไม่ได้ โปรเจคนี้ก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยากอีกกว่าพวกคุณจะมารวมตัวกันได้”“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตกลงคุณชอบโอปอหรือเปล่า”“เรื่องนี้หลินบอกไปแล้วไง คุณวายุ คุณไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับหลินนะ ถอยไป”วายุโมโหจนถึงที่สุดเพราะเขาอัดอั้นความรู้สึกนี้มาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ถ่ายรูป วัดตัวและที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้“ไม่!! ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบเขา แล้วทำไมต้องสนิทสนมกับเขา เวลาพูดแล้วต้องยิ้มให้เขาตลอดแล้วยังไปนั่งกินกาแฟด้วยกันด้วยแล้วความรู้สึกของผมล่ะ คุณไม่เห็นใส่ใจบ้างเลย!!”“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”“หมายความอย่างที่พูด คุณบอกมาสิว่าไม่ได้ชอบผม ไม่ได้คิดอะไร จูบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ”วายุในตอนนี้เหมือนพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พังเพราะความโกรธ หลินเดินถอยไปจนสุดทางในห้องรับแขกจนชนกับกระจกที่มีวิวของเมืองหลวงอยู่ด้านหลัง เธอจะเดินหนีแต่ก็ถูกเขาเอามือมากั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง“หลิน..ตอบผมมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานี่
พยาบาลสาวสามคนที่อยู่ด้านหลังคุณหมอหุบยิ้มลงทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองกันด้วยความผิดหวัง หลินทำหน้าไม่ถูกเพียงแค่หน้าแดงเท่านั้น คุณหมอเองก็แอบนึกขำคนไข้อยู่ไม่น้อย “มีแค่เรื่องระวังอาการกระทบกระเทือนที่แผล อย่าเดินเร็วและแผลที่หน้าผากเดี๋ยวก่อนกลับหมอจะเปลี่ยนเป็นพลาสเตอร์กันน้ำให้นะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ”หลินมองตามคณะหมอและพยาบาลออกไป วายุเห็นว่าพวกเขาออกไปหมดแล้วเลยหันมามองหน้าคนป่วยอย่างเอาเรื่อง“หมอออกไปนานแล้ว จะมองเขาอีกนานไหมครับ”หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มของเธออย่างนึกแปลกใจ ที่เธอมองน่ะ มองพยาบาลพวกนั้นต่างหากที่มองเขาไม่หยุด แต่เขากลับคิดว่าเธอมองคุณหมอสุดหล่อนั่น“นี่คุณ..คงจะไม่..”“หึงสิ หึงอยู่แล้ว คุณมองได้แต่ผมชอบแต่ผมคนเดียวห้ามมองคนอื่น”“แต่เขาเป็นหมอนะคะ แล้วที่หลินมอง ก็ไม่ได้มองหมอเสียหน่อย”“แล้วคุณมองอะไร”“เชอะ ไม่น่าถาม พยาบาลสาวแห่เข้ามาขนาดนี้เพราะอะไรคุณน่าจะรู้อยู่นะคะพ่อซุปตาร์ตัวพ่อ”“ผมเหรอ”หลินหันไปมองหน้าเอาเรื่องเขากลับพร้อมส่งสายตาขวางให้เขาคืนทันที“ใช่สิคะ พวกเธอแทบจะไม่ได้ฟังเลยว่าคุณหมอสั่
“ขอบใจนะโอปอ”“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปช่วยพี่ต้อมดูหน่อย วายุ…”โอปอพยักหน้าบอกให้วายุตามเขามาก่อน แม้วายุจะไม่อยากให้หลินอยู่คนเดียวแต่เขาก็ตามโอปอไป“รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมมา”หลินไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าช้าๆ วายุเดินตามโอปอไปนอกห้อง“เรื่องนี้ไม่เล็กแน่ เมื่อกี้โทรเช็คที่ฝ่ายกล้องแล้ว เป็นตามที่นายคาด กล้องเสียในจังหวะนั้นพอดี ไม่มีภาพเหลืออยู่เลย”“พวกมันต้องการเล่นงานหลิน”“นึกไม่ถึงว่าจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้”“วายุ ใจเย็นๆนะ เรื่องนี้เดี๋ยวจะลองให้ฝ่ายกล้องแก้ไฟล์ให้อีกที หากว่าโดนลบเราต้องกู้ไฟล์คืนได้แน่ แต่ถ้า….”“แต่ถ้ามันจงใจปิดกล้องในเวลานั้นก็ไม่มีประโยชน์”“คนลงมือทำงานเงียบมาก เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เราต้องพยายามทำตัวให้เฉยไว้ อยู่กับหลิน ปลอบเธอให้ดี เดี๋ยวไปหาพี่ต้อมหน่อย ตำรวจมาแล้ว”“ฝากด้วยนะ”“ไม่ต้องห่วง หลินช่วยชีวิตผมไว้ ผมเองก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”วายุเดินเข้ามาในห้อง หลินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน น้ำเสียงนั้นเป็นปกติอย่างน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่เรื่องนี้เกินที่เขาจะเดาได้“หลิน คุณ…คุยกับใครเหรอ”“อ๋อ คนที่ห้องเฝ้ากล้องวงจรปิดค่ะ อีกไม่นานน่
วันซ้อม"เอาล่ะ พร้อมนะ สาม สอง หนึ่ง…..หลินนั่งมองวายุที่ทั้งร้องทั้งเต้นในชุดที่เธอออกแบบเพื่อเขา วายุที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ แม้จะสวมชุดที่เธอออกแบบเอง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในทีมงาน แต่ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะห่างกันออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเหตุผลที่ต้องเลิกกันนั้นมันช่างไร้สาระ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นจากฝันแล้ว“เอาล่ะ จินนี่สแตนบายนะครับ”“ได้ค่ะ”จินนี่คือนักร้องหญิงคนสุดท้ายที่เข้ามาในทีม เธอพึ่งกลับมาจากเมืองนอก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นหน้าเธอมานาน แต่เธอก็รับปากจะมาร่วมในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ตอนนี้พวกเขาร้องเพลงคู่กันบนเวที “ดูสิ น่ารักเนอะ อย่าบอกว่าพวกเขา…”“จุ๊ๆ พี่หลินยังอยู่นะ”“พี่หลินคือใคร”“กิ๊กเก่าพี่วายุ คบกันได้…สามวันมั้งแล้วก็โดนทิ้ง”“ว๊ายยย แรงอ่ะ”“จุ๊ๆ เงียบ ดูไปๆ”“มีปากให้มันได้งานเหมือนตอนเผือกเรื่องชาวบ้านหน่อยนะ งานที่สั่งน่ะแก้หรือยัง ดูองศาไฟนั่นสิ เห็นหรือเปล่าว่ามันผิด”“ค่ะๆ แก้เดี๋ยวนี้เลยค่ะเจ้แนน”“ให้ไวเลย ใช้ปากทำงานเดี๋ยวแม่ก็ตบเรียงตัวซะนี่”แนนยืนกอดอกดุเด็กปากมากที่หน้าเวที พวกเธอเลยพากันกระจายตัวไปทำงาน “ทำไม เจ็บใจเหรอ”“หึ
GST สตูดิโอ "คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวที่ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ แผนกเสื้อผ้าของเราก็ต้องทำงานหนักอีกเช่นเคย เอาล่ะ แผนผังคร่าวๆก็ได้รับกันไปหมดแล้วนะ เริ่มประชุมได้""นี่หลิน ครั้งนี้งานยักษ์เลยนะแก ดูรายชื่อศิลปินแต่ละคน ตัวพ่อทั้งนั้น"นิรมลหรือจีนแผนกดูแลเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายกระซิบบ่นกับเพื่อนสาวคนสนิทของเธออย่างรู้สึกขนลุกเมื่อพลิกไปดูรายชื่อศิลปินที่จะขึ้นแสดงในงานนี้"มืออาชีพเสียอย่าง แค่ทำตามหน้าที่ก็พอ อ๊ะ พี่วายุ!!"เสียงของนิลินทร์ ดีไซเนอร์สาวมือหนึ่งของบริษัทอุทานขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สร้างความตกใจให้คนทั้งทีมที่กำลังประชุมกันอยู่ ทัพเทพ หัวหน้าและผู้ดูแลโปรเจคครั้งนี้ก็ตกใจจนต้องหันมาถามเธอเช่นกัน"หลิน...มีอะไรจะเพิ่มงั้นเหรอ พี่ยังไม่ได้คุยถึงเรื่องเสื้อผ้าเลย ยังอยู่ที่ฉากบนเวทีและการเล่นไปแอลอีดีอยู่เลย""เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อได้เลยค่ะขอโทษที""แก..เป็นอะไรตะโกนซะดังเลย ดูทีม B จ้องเราตาเขม็งแล้ว"จีนหมายถึงพรพิมล หรือแนน หัวหน้าฝ่ายออกแบบให้ทีม B ซึ่งดูแลเรื่องฉากและการแต่งหน้า พวกเขาจะเรียกทีมของนิลินทร์ซึ่งดูแลเรื่องเสื้อผ้า เครื่องปร
หลังจากงานวันนั้นเริ่มดำเนินการ ทีมของหลินและจีนก็เริ่มนัดคุยคอนเซ็ปชุดของแต่ละคนพร้อมกับรับฟังความคิดเห็นของศิลปินแต่ละคนว่าแต่ละคนอยากสวมชุดแบบไหนบ้าง ดูเหมือนว่าทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยังเหลือเพียงสองคนที่ยังเหลืออยู่ที่พี่ทัพเคยเตือนว่า พวกเขาคือ "โจทย์ยากที่สุด" สำหรับงานนี้"บีเอาแบบร่างชุดออกมาแล้วลองส่งไปที่ทีม B เพื่อให้พวกเขาลองดูแบบชุดให้เข้ากับการแต่งหน้า ฝ่ายอาร์ตจะได้ลองปรับดู แล้วก็อย่าลืมโลโก็ของคอนเสิร์ต""ค่ะพี่หลิน""หยก เรื่องเสื้อยืดล่ะมาหรือยัง ที่สั่งปักและสกรีนไป""มาวันพรุ่งนี้บ่ายๆค่ะพี่หลิน พึ่งแจ้งมาค่ะ มีสองสี ขาวกับดำเอาไว้ใส่ซ้อมค่ะ""จีนไปไหน ยังไม่เข้ามาอีกเหรอ""เห็นว่ามีนัดคุยกับศิลปินนะคะ""อ้อ โอวี่สินะ เป็นยังไงบ้างนะ เอาล่ะ รีบส่งแบบตัวอย่างเสื้อยืดไปพร้อมกับแบบของชุดที่ร่างเอาไว้ให้ทีม B ทีเดียวเลย""ได้ค่ะพี่หลิน อ้อพี่หลินคะ พี่ทัพฝากกุญแจห้องมาให้พี่แล้วนะคะ""ขอบใจมาก พวกเราพักชั้นเดียวกันหรือเปล่า""ไม่นะคะ พี่พักอยู่ชั้นบนร่วมกับพวกศิลปินอีกสามคนค่ะ พวกเราพักชั้นเดียวกับ...เฮ้อ....อลิซกับจินนี่ค่ะ""เอาน่า พักชั้นเดียวกันแต่คนละ
วันซ้อม"เอาล่ะ พร้อมนะ สาม สอง หนึ่ง…..หลินนั่งมองวายุที่ทั้งร้องทั้งเต้นในชุดที่เธอออกแบบเพื่อเขา วายุที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ แม้จะสวมชุดที่เธอออกแบบเอง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในทีมงาน แต่ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะห่างกันออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเหตุผลที่ต้องเลิกกันนั้นมันช่างไร้สาระ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นจากฝันแล้ว“เอาล่ะ จินนี่สแตนบายนะครับ”“ได้ค่ะ”จินนี่คือนักร้องหญิงคนสุดท้ายที่เข้ามาในทีม เธอพึ่งกลับมาจากเมืองนอก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นหน้าเธอมานาน แต่เธอก็รับปากจะมาร่วมในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ตอนนี้พวกเขาร้องเพลงคู่กันบนเวที “ดูสิ น่ารักเนอะ อย่าบอกว่าพวกเขา…”“จุ๊ๆ พี่หลินยังอยู่นะ”“พี่หลินคือใคร”“กิ๊กเก่าพี่วายุ คบกันได้…สามวันมั้งแล้วก็โดนทิ้ง”“ว๊ายยย แรงอ่ะ”“จุ๊ๆ เงียบ ดูไปๆ”“มีปากให้มันได้งานเหมือนตอนเผือกเรื่องชาวบ้านหน่อยนะ งานที่สั่งน่ะแก้หรือยัง ดูองศาไฟนั่นสิ เห็นหรือเปล่าว่ามันผิด”“ค่ะๆ แก้เดี๋ยวนี้เลยค่ะเจ้แนน”“ให้ไวเลย ใช้ปากทำงานเดี๋ยวแม่ก็ตบเรียงตัวซะนี่”แนนยืนกอดอกดุเด็กปากมากที่หน้าเวที พวกเธอเลยพากันกระจายตัวไปทำงาน “ทำไม เจ็บใจเหรอ”“หึ
“ขอบใจนะโอปอ”“อืม ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปช่วยพี่ต้อมดูหน่อย วายุ…”โอปอพยักหน้าบอกให้วายุตามเขามาก่อน แม้วายุจะไม่อยากให้หลินอยู่คนเดียวแต่เขาก็ตามโอปอไป“รออยู่นี่นะเดี๋ยวผมมา”หลินไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าช้าๆ วายุเดินตามโอปอไปนอกห้อง“เรื่องนี้ไม่เล็กแน่ เมื่อกี้โทรเช็คที่ฝ่ายกล้องแล้ว เป็นตามที่นายคาด กล้องเสียในจังหวะนั้นพอดี ไม่มีภาพเหลืออยู่เลย”“พวกมันต้องการเล่นงานหลิน”“นึกไม่ถึงว่าจะกัดไม่ปล่อยแบบนี้”“วายุ ใจเย็นๆนะ เรื่องนี้เดี๋ยวจะลองให้ฝ่ายกล้องแก้ไฟล์ให้อีกที หากว่าโดนลบเราต้องกู้ไฟล์คืนได้แน่ แต่ถ้า….”“แต่ถ้ามันจงใจปิดกล้องในเวลานั้นก็ไม่มีประโยชน์”“คนลงมือทำงานเงียบมาก เรื่องนี้ไม่ธรรมดา เราต้องพยายามทำตัวให้เฉยไว้ อยู่กับหลิน ปลอบเธอให้ดี เดี๋ยวไปหาพี่ต้อมหน่อย ตำรวจมาแล้ว”“ฝากด้วยนะ”“ไม่ต้องห่วง หลินช่วยชีวิตผมไว้ ผมเองก็ไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”วายุเดินเข้ามาในห้อง หลินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน น้ำเสียงนั้นเป็นปกติอย่างน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่เรื่องนี้เกินที่เขาจะเดาได้“หลิน คุณ…คุยกับใครเหรอ”“อ๋อ คนที่ห้องเฝ้ากล้องวงจรปิดค่ะ อีกไม่นานน่
พยาบาลสาวสามคนที่อยู่ด้านหลังคุณหมอหุบยิ้มลงทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองกันด้วยความผิดหวัง หลินทำหน้าไม่ถูกเพียงแค่หน้าแดงเท่านั้น คุณหมอเองก็แอบนึกขำคนไข้อยู่ไม่น้อย “มีแค่เรื่องระวังอาการกระทบกระเทือนที่แผล อย่าเดินเร็วและแผลที่หน้าผากเดี๋ยวก่อนกลับหมอจะเปลี่ยนเป็นพลาสเตอร์กันน้ำให้นะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ”หลินมองตามคณะหมอและพยาบาลออกไป วายุเห็นว่าพวกเขาออกไปหมดแล้วเลยหันมามองหน้าคนป่วยอย่างเอาเรื่อง“หมอออกไปนานแล้ว จะมองเขาอีกนานไหมครับ”หลินหันมามองหน้าแฟนหนุ่มของเธออย่างนึกแปลกใจ ที่เธอมองน่ะ มองพยาบาลพวกนั้นต่างหากที่มองเขาไม่หยุด แต่เขากลับคิดว่าเธอมองคุณหมอสุดหล่อนั่น“นี่คุณ..คงจะไม่..”“หึงสิ หึงอยู่แล้ว คุณมองได้แต่ผมชอบแต่ผมคนเดียวห้ามมองคนอื่น”“แต่เขาเป็นหมอนะคะ แล้วที่หลินมอง ก็ไม่ได้มองหมอเสียหน่อย”“แล้วคุณมองอะไร”“เชอะ ไม่น่าถาม พยาบาลสาวแห่เข้ามาขนาดนี้เพราะอะไรคุณน่าจะรู้อยู่นะคะพ่อซุปตาร์ตัวพ่อ”“ผมเหรอ”หลินหันไปมองหน้าเอาเรื่องเขากลับพร้อมส่งสายตาขวางให้เขาคืนทันที“ใช่สิคะ พวกเธอแทบจะไม่ได้ฟังเลยว่าคุณหมอสั่
“คุณ…คิดบ้าอะไรเนี่ย ในตอนนั้นมัน…ในตอนนั้นฉันทำไปโดยสัญชาตญาณ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ใบหน้าของศิลปินสำคัญที่สุด ถ้าพี่โอปอหน้าเป็นแผลก็ขึ้นแสดงไม่ได้ โปรเจคนี้ก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยากอีกกว่าพวกคุณจะมารวมตัวกันได้”“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตกลงคุณชอบโอปอหรือเปล่า”“เรื่องนี้หลินบอกไปแล้วไง คุณวายุ คุณไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับหลินนะ ถอยไป”วายุโมโหจนถึงที่สุดเพราะเขาอัดอั้นความรู้สึกนี้มาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ถ่ายรูป วัดตัวและที่ร้านกาแฟเมื่อวานนี้“ไม่!! ถ้าบอกว่าไม่ได้ชอบเขา แล้วทำไมต้องสนิทสนมกับเขา เวลาพูดแล้วต้องยิ้มให้เขาตลอดแล้วยังไปนั่งกินกาแฟด้วยกันด้วยแล้วความรู้สึกของผมล่ะ คุณไม่เห็นใส่ใจบ้างเลย!!”“คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”“หมายความอย่างที่พูด คุณบอกมาสิว่าไม่ได้ชอบผม ไม่ได้คิดอะไร จูบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ”วายุในตอนนี้เหมือนพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พังเพราะความโกรธ หลินเดินถอยไปจนสุดทางในห้องรับแขกจนชนกับกระจกที่มีวิวของเมืองหลวงอยู่ด้านหลัง เธอจะเดินหนีแต่ก็ถูกเขาเอามือมากั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง“หลิน..ตอบผมมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานี่
วายุและสาธิตเดินออกจากที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที ตอนนี้เขารู้ว่าหลินปลอดภัยแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่จบ คือคนที่ทำร้ายนิลินทร์ต่างหาก“นั่นพี่วายุกับผู้จัดการเขาจะรีบไปไหนกันคะ”“ไปเก็บกวาดที่เหลือน่ะสิ ถามได้”“รีบไปสืบมาก่อนที่มันจะรู้ตัว หรือไม่ก็ลองสืบดูว่าใครเป็นคนประกันตัวพวกมันออกมา ผมว่าไม่มีทางที่มันจะเล่นงานผิดตัว”“ได้ แล้วนายจะอยู่ที่นี่เหรอ”“ผม…”“วายุ เรื่องนี้มีคนเห็นมาก เร็วๆนี้คงเป็นข่าว นายอยู่ที่นี่น่าจะไม่ดีแน่ กลับก่อนเถอะ”“แต่พวกเราอยู่นี่กันตั้งเยอะ”“แต่คนที่เห็นนายอุ้มเธอมาก็มีเยอะเหมือนกัน ระวังตัวก่อนดีกว่า”“ก็ได้ กลับไปที่พักรอหลินกลับไปก่อนก็แล้วกัน”GST สตูดิโอ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น บาดเจ็บอะไรกันขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะซ้อมยังไง”“ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ทัพ ที่น่าห่วงน่ะ น้องหลินต่างหาก”“หลินเจ็บแต่ก็ได้ไม่ได้ขึ้นเวทีเหมือนพวกคุณ โอย เอาตารางฝึกมา ต้องปรับตารางฝึกของโอปอก่อน วายุ คุณไหวนะ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”“ไม่ครับ ผมไม่มีปัญหา”“นี่โชคดีนะคะที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมาก ทำไมพี่โอปอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงช่วยคนอื่นด้วยคะ แทนที่จะให้เขาจัดการเอง เลยบาดเจ็บโดยไม
“พี่วา…”อลิซเห็นภาพตรงหน้า เธอเข้าใจว่าเขาวัดตัวอยู่แต่ไม่ใช่ ตอนนี้วายุกำลังก้มลงจูบดีไซเนอร์สาวตรงหน้าเธอ คนที่เธอคิดว่าไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร แต่วันนี้กลับมาจูบผู้ชายของเธอต่อหน้า“นังหลิน ตบเดียวไม่น่าพอแล้วล่ะมั้ง”หลินผลักคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว จนรวบงานทั้งหมดและจะเดินออกไปแต่เขาคว้ามือเธอเอาไว้ได้และยังก้มไปถาม“ยังจะกล้าไปร้านกาแฟอีกงั้นเหรอ”“ไปค่ะ”“หลิน!! นี่คุณยังต้อง…”“พี่วายุคะ เสร็จหรือยังคะ”“คุณอลิซคะ หลินวัดตัวคุณวายุเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“ค่ะ กลับดีๆนะคะ…คุณหลิน”หลินรีบรวบงานทั้งหมดและเดินออกจากห้องไป วายุยืนหันหลังพร้อมกำหมัดแน่นโดยไม่ได้หันมามองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาสักนิด “พี่วายุคะ ไปกันหรือยังคะ”“พี่ไม่ว่าง อลิซกลับไปก่อนเถอะ พี่ยังมีอัดเสียงอีก ขอตัว”“แต่ว่า…เมื่อกี้…”“นึกได้ว่าต้องแก้น่ะ ขอตัวนะ กลับดีๆล่ะ”“อลิซ…ไปด้วย”“ไม่ต้อง พี่ต้องการสมาธิ”วายุคว้ากระเป๋าและเดินออกจากห้องไปทันที อลิซมองตามวายุที่เดินไปคนละทางกับห้องอัดอย่างน่าสงสัยแต่เธอจะทำอะไรได้ ตั้งแต่เจอเขา วายุไม่เคยมีท่าทีที่อยากจะกลับมาสานสัมพันธ์อะไรกับเธอต่อทั้งสิ้น แม้ว่าจะพยายามแ
วายุหันไปมองประตูนั่นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปถ่ายจนเสร็จพร้อมกับสาธิตที่เก็บของเดินตามเขากลับห้องพัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาก็พบหลินยืนหน้าห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์ เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับกองเอกสารที่มากจนทำให้เปิดประตูไม่ได้และมันกำลังจะตก“ว๊าย!!…ขอบคุณ…ค่ะ…อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”หลินรับของแล้วรีบเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรกับวายุอีก ประตูปิดลงเขาจึงได้เดินหงุดหงิดกลับไปที่ห้องทันทีสี่เดือนก่อนคอนเสิร์ต“เอาแบบตรงนั้นมาที”“พี่หลินคะ ตรงนี้แก้แล้วค่ะ ส่งเลยไหมคะ”“เอาให้จีนตรวจก่อน จีน”“โอเคๆ ได้เลย ทางนี้ยกหุ่นมาที เอาวางไว้ตรงนั้น”แผนกเสื้อผ้าในตอนนี้กำลังหัวหมุนเพราะจะเริ่มวัดตัวเพื่อตัดชุดสำหรับงานคอนเสิร์ตกันแล้ว พวกเขาทยอยกันมาวัดตัววันละสองสามคนตามคิวที่ว่างจากการออัดเสียงและซ้อมเต้นที่เริ่มหนักขึ้น“หลิน วันนี้คิวใครมาวัดตัว”“ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ถามบีสิ”“วันนี้เป็นพี่โอวี่ อลิซ แล้วก็พี่วายุค่ะ”“พรุ่งนี้ล่ะ”“ก็เหลือแค่พี่แยมกับ พี่โอปอค่ะ สุดท้ายแล้ว”“โอเค เตรียมแบบร่างของแต่ละคนเอาไว้ เขามาแล้วจะได้รีบวัดตัวเลย”หลินหันกลับไปพร้อมกับวุ่นวายกับแบบร่า
หลินหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ เกี่ยวอะไรกับโอปอ เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองปกติ แต่เวลานี้เธอไม่ได้อยากเถียงกับเขาเพราะเธอได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งหนึ่งที่มีเรื่องกับศิลปินเจ้าอารมณ์พวกนี้“นั่นคุณจะไปไหน”“ก็คุณจะเปลี่ยนชุด…จะให้หลินอยู่ทำไมคะ”“คุณไม่ได้บอกว่าดูแลเรื่องชุดเหรอ เห็นบอกว่าเป็นหน้าที่คุณนี่”“ใช่ค่ะ แต่..”“ถือชุดนั่นไว้ ผมจะถอดตัวนี้”“แต่ว่า!!”“คุณก็เห็นว่าผู้จัดการผมไม่อยู่ ช่วยหน่อยละกัน”หลินยืนถือชุดใหม่ให้เขาระหว่างที่เขาเริ่มถอดเสื้อตัวเดิม ตัวเขาขาวกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก และไม่น่าเชื่อว่าภายใต้รูปร่างที่ดูดีของซุปตาร์คนนี้จะมีกล้ามท้องที่แน่นและแผงอกที่พอดีตัวจนน่าหลงใหลอย่างนี้ซ่อนอยู่คนที่แอบมองถึงกับใจสั่นเมื่อเห็น ราวกับว่าคนที่แอบมองก็รู้ว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้เธออย่างจงใจ“ส่งเสื้อมาสิ”เสียงกระซิบนั้นทำเอาหลินทำตัวไม่ถูก วายุเองก็สังเกตว่าเธอรักษาอาการไม่ค่อยอยู่ อย่างน้อยตอนนี้หูเธอก็แดงจัดจนน่าเอ็นดู อยากจะเอื้อมไปกัดเล่นเสียจริงแต่เขาและเธอพึ่งรู้จักกัน ไม่คิดว่าเธอจะทำให้เขาอยากเข้าใกล้ได้แบบนี้ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิง“หลินว่าอ
อลิซหันไปมองหน้าวายุพร้อมกับเงียบไปและหันมามองหน้าหลินอีกครั้ง“ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งนี้คุณแค่พลั้งมือ ไม่มีใครบาดเจ็บก็ดีแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”“เอ่อ…”อลิซยังไม่ทันได้พูดอะไรหลินก็เดินออกไปจากห้องแล้ว วายุมองไปที่หลินที่เดินไปแต่เขาก็ไม่พูดอะไรอีกวันถ่ายรูป“เตรียมชุดหรือยัง”“ทางนี้ค่ะพี่หลิน”“หยกแล้วรองเท้าละ ทั้งสองคู่เลย”"เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ"“พี่หลินคะ พี่วายุมาแล้วค่ะ"“ให้เขาเปลี่ยนชุดได้”“ค่ะๆ”“พี่หลินคะ พี่วายุให้มาเรียกค่ะ บอกว่ามีปัญหาเรื่องชุด”“ปัญหางั้นเหรอ ได้ เดี๋ยวพี่เข้าไป ทีทิพย์รอสักครู่นะคะ”“ไปเถอะๆ ทางนี้ไม่ต้องห่วง”หลินบอกฝ่ายกล้องและจัดเตรียมสตูถ่ายรูปอย่างเกรงใจเพราะวันนี้ต้องให้พวกเขามาถ่ายภาพสองศิลปินสุดท้ายที่จะมาร่วมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ หลินเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของวายุเธอเคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปเลย เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าเขากับอลิซอยู่ด้วยกัน เธอกำลังทำบางอย่างและเขาก็ผลักเธอออก“อุ้ย…คุณหลิน”หลินถอนหายใจพร้อมกับพยายามทำใจอยู่หลายวันที่ไม่ได้เจอเขา เธอพยายามจะไม่คิดมาก แต่พอมาเห็นแบบนี้กลับทำให้ยิ่งคิดมาก“เห็นหยกบอกว่าชุดของคุณมีปัญหาให้