หลังหรี่ตาเพ่งมองแวบหนึ่งพลันรู้สึกหงุดหงิด เพราะสิ่งที่เห็นคืออีกคนที่เป็นบุรุษ
ชายหญิงกำลังนั่งคุยกระหนุงกระหนิงหยิกแก้มกันไปมา...
อย่าบอกนะว่าอาโยวมีคนรักใหม่แล้ว!
เจาจวิ้นคิดด้วยใจไม่ยินยอมสักเสี้ยว กำลังจะพังฉากกั้นเข้าไปแย่งชิงคนรักอย่างอุกอาจ
จังหวะเดียวกันนั้น อู๋หมิงพลันดึงเจาจวิ้นเข้าไปกอดแนบอกพอดิบพอดี ทำท่าคลอเคลียรักใคร่หนักหนา
เจาจวิ้นเกือบต่อยแล้ว แต่นึกได้ว่าที่นี่ที่ไหนและใครกอด อีกทั้งตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่
เขาจึงเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขน ถามว่า “ใต้เท้าเว่ยมาแล้วหรือ?”
อู๋หมิงตอบโดยไม่มองหน้า “อืม ทำงานก่อน”
ทั้งสองจึงทำตัวเป็นสามีภรรยาที่กำลังหยอกเอินให้ตรงกับจังหวะที่เสียงประตูเลื่อนเปิดออก
ที่หน้าประตู เสี่ยวเอ้อค้อมกายผายมือเชื้อเชิญ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเนิบนาบเข้ามา พร้อมกลิ่นอายที่ขุนนางเฒ่าผู้โอหังและเจนจัดในราชสำนักเท่านั้นถึงจะมี
เขาคือเว่ยซุน
เยี่ยนอ๋องมีคำสั่งให้อู๋หมิงเข้าหาขุนนางใหญ่ผู้นี้ เพียงแต่บุตรสาวของเว่ยซุนพึงใจในตัวอู๋หมิงอย่างเปิดเผย ทุกคราที่นัดหมายพบหน้า ทั้งฮูหยินเว่ยและคุณหนูเว่ยจึงมักติดตามมาด้วยเสมอ
เจาจวิ้นจึงต้องรับหน้าที่เป็น ‘ภรรยาอันเป็นที่รักของอู๋หมิง’ เพื่อตีสนิทกับฮูหยินเว่ยและกันท่าคุณหนูเว่ยในคราวเดียวกัน
เมื่อมีคนเข้ามาอู๋หมิงที่ทำทีแนบชิดกับเจาจวิ้นก็เผยสีหน้ากระอักกระอ่วนและท่าทีเก้อกระดากเล็กน้อยค่อยๆ ปล่อยภรรยาออกจากอ้อมแขนอย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนลุกขึ้นทักทายอย่างนอบน้อม
“เอ่อ คารวะใต้เท้าเว่ย ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว”
ทุกกิริยาแสดงออกอย่างสงวนท่าทีแต่ไม่ปิดบัง มองดูแล้วเป็นคนเปิดเผยอย่างยิ่ง
รอจนอู๋หมิงทักทายก่อน เจาจวิ้นก็รีบลุกขึ้นย่อกายทักทายด้วยมารยาทสตรีงาม ท่าทีเขินอายเป็นที่สุด
“อุ๊ย! คารวะใต้เท้าเว่ยเจ้าค่ะ”
เว่ยซุนพยักหน้าเรียบๆ “ตามสบาย ไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้านัดหมายคุณชายอู๋มาพบกะทันหัน คงรบกวนความสำราญระหว่างสามีภรรยาแล้ว”
“หามิได้ขอรับ” อู๋หมิงพินอบพิเทาอย่างเก้อเขิน ท่าทีเกรงอกเกรงใจมาก
เว่ยซุนหัวเราะเบาๆ “ทำคุณชายอู๋ลำบากใจแล้ว ควรเป็นข้าที่เกรงใจผู้มีพระคุณเช่นท่านถึงจะถูกมากกว่า หากไม่ได้ท่านจัดการอันธพาลในวันนั้น ช่วยเหลือบุตรสาวอันเป็นแก้วตาดวงใจของข้า นางคงเสื่อมเสียชื่อเสียง ยากมีชีวิตอยู่ต่อได้”
ขณะเอ่ย เว่ยซุนมองอู๋หมิงอย่างชมชอบในใจ ถ้าบุตรีได้แต่งงานกับกุนซือท่านอ๋อง เขาก็จะได้เกี่ยวดอง ทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊
ทว่าน่าเสียดาย อู๋หมิงมีภรรยาเสียแล้ว
ได้ข่าวว่าทิ้งไว้ที่บ้านเดิมเรือนชนบท แต่ความจริงนางกลับตามติดสามีเหมือนวิญญาณร้ายอยู่ที่นี่ต่างหาก
ความคิดมากมายแล่นอยู่ในโสตของเว่ยซุน
จังหวะนั้น สตรีอีกสองคนเดินตามเข้ามา คนหนึ่งเป็นสตรีวัยกลางคน นางคือฮูหยินเว่ย อีกคนเป็นสาวน้อยวัยสะพรั่ง งดงามดุจบุปผา นางคือเว่ยซินหยู
ฮูหยินเว่ยปรายตามองอู๋หมิงกับภรรยาของเขาอย่างริษยาและดูแคลนเป็นที่สุด เพราะนางไม่เคยได้รับการแสดงออกเช่นนี้จากสามีเลยสักครา
อู๋หมิงกับเจาจวิ้นดูออกแต่ไม่ใส่ใจเพียงทักทาย
“คารวะเว่ยฮูหยิน”
นางเพียงตอบรับด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา
“ทั้งสองเชิญตามสบาย”“ท่านพี่อาหมิง” เว่ยซินหยูแย้มยิ้มทักทายเสียงใส ปรายตามองศัตรูหัวใจแวบหนึ่งอย่างชิงชัง วันก่อนส่งคนไปลอบสังหารภรรยาของอู๋หมิงผู้นี้แต่พลาดท่าไม่สำเร็จ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ฮึ! แต่ไม่เป็นไร ครั้งนี้นางจะส่งนักฆ่าไปมากหน่อย ดูเถิดว่ายังจะโชคดีรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้อีกหรือไม่?แม้มีสตรีกำลังคิดไม่ซื่อหมายแย่งชิงสามีผู้อื่น แต่บรรยากาศมื้ออาหารสานสัมพันธ์กระชับมิตรไมตรีระหว่างอู๋หมิงกับขุนนางเว่ยซุนกลับดำเนินไปได้ด้วยดี หลายเดือนมานี้นับว่าอู๋หมิงทำสำเร็จมากกว่าครึ่งแล้ว ด้วยสีหน้าท่าทีสัตย์ซื่อไร้พิษภัยของเขา ทั้งยังพูดน้อยถนอมคำเก็บงำความลับได้ ทำเว่ยซุนค่อนข้างไว้วางใจเกินหกถึงเจ็ดส่วนวันนี้หลังการเลี้ยงอาหารโอชาในโรงเตี๊ยมเลื่องชื่อ เว่ยซุนจึงชักชวนอู๋หมิงไปร่ำสุรากันต่อยังสถานที่ส่วนตัว แม้แต่ฮูหยินเว่ยยังถูกไล่กลับจวนไปก่อน ในเมื่อฮูหยินเว่ยยังมิอาจตามแน่นอนว่าเจาจวิ้นย่อมมิอาจติดตามเช่นกันอู๋หมิงเอ่ยอย่างห่วงใย “น้องหญิงกลับไปก่อนเถิด”เจาจวิ้นส่งสายตาอาลัยอาวรณ์อย่างมีจริตมารยา “ท่านพี่รีบกลับนะเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์เป็นห่วง”อู๋หมิงเอ่ยยิ้มๆ “ข้าไปกับใต้
หลังหรี่ตาเพ่งมองแวบหนึ่งพลันรู้สึกหงุดหงิด เพราะสิ่งที่เห็นคืออีกคนที่เป็นบุรุษ ชายหญิงกำลังนั่งคุยกระหนุงกระหนิงหยิกแก้มกันไปมา...อย่าบอกนะว่าอาโยวมีคนรักใหม่แล้ว!เจาจวิ้นคิดด้วยใจไม่ยินยอมสักเสี้ยว กำลังจะพังฉากกั้นเข้าไปแย่งชิงคนรักอย่างอุกอาจจังหวะเดียวกันนั้น อู๋หมิงพลันดึงเจาจวิ้นเข้าไปกอดแนบอกพอดิบพอดี ทำท่าคลอเคลียรักใคร่หนักหนาเจาจวิ้นเกือบต่อยแล้ว แต่นึกได้ว่าที่นี่ที่ไหนและใครกอด อีกทั้งตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่เขาจึงเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขน ถามว่า “ใต้เท้าเว่ยมาแล้วหรือ?”อู๋หมิงตอบโดยไม่มองหน้า “อืม ทำงานก่อน”ทั้งสองจึงทำตัวเป็นสามีภรรยาที่กำลังหยอกเอินให้ตรงกับจังหวะที่เสียงประตูเลื่อนเปิดออกที่หน้าประตู เสี่ยวเอ้อค้อมกายผายมือเชื้อเชิญ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเนิบนาบเข้ามา พร้อมกลิ่นอายที่ขุนนางเฒ่าผู้โอหังและเจนจัดในราชสำนักเท่านั้นถึงจะมีเขาคือเว่ยซุนเยี่ยนอ๋องมีคำสั่งให้อู๋หมิงเข้าหาขุนนางใหญ่ผู้นี้ เพียงแต่บุตรสาวของเว่ยซุนพึงใจในตัวอู๋หมิงอย่างเปิดเผย ทุกคราที่นัดหมายพบหน้า ทั้งฮูหยินเว่ยและคุณหนูเว่ยจึงมักติดตามมาด้วยเสมอ เจาจวิ้นจึงต้องรับหน้าที่เป็น ‘ภรร
โรงเตี๊ยมฝูไหลชั้นสอง ห้องอาหารติดกันเสียงของสองสตรีที่ดังเล็ดลอดเข้ามา หากมิได้แอบฟังคงไม่ได้ยินจับใจความไม่ได้ มิหนำซ้ำคงไม่สนใจบทสนทนาที่เลื่อนเปื้อนนั่น ทว่าเจาจวิ้นที่บังเอิญได้ยินล้วนจับใจความได้จนปรุโปร่งกระทั่งต้องแอบฟังอย่างตั้งใจที่สุดในใต้หล้าอยู่ตอนนี้ และหัวใจก็เต้นแรงเสียจนแทบทะลุออกมานอกอกรอมร่อเสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องว่า “ชิงชิง เจ้ารู้เช่นนี้แล้ว ระแวงข้าหรือไม่? ไม่อยากเข้าใกล้หรือเปล่า? แบบเห็นข้าเป็นหญิงบ้าหรือเป็นผีร้ายอะไรเทือกนั้น”“อาโยว ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า”“แน่นะ”“อื้ม”โจวเจิน! อาโยว! ต่างมิติ วิญญาณสิงร่าง เจาจวิ้นเบิกตากว้าง เม้มปากจนกรามสั่นในที่สุดก็หาเจอเสียที!เจาจวิ้นเหลือกตายามแนบหูแอบฟังจนใบหน้าที่แต่งแต้มเติมชาดบิดเบี้ยวเสียรูปทรงและทำท่าเจาะกระดาษบนฉากกั้นห้องข้างๆ อย่างวู่วาม อู๋หมิงที่นั่งอยู่ด้วยกันเห็นเช่นนั้นก็เลิกคิ้วถาม“อาหนิง เจ้าจะทำบ้าอะไร? อย่าเสียมารยาท”ดวงตาเจาจวิ้นยังคงเบิกกว้าง ชี้นิ้วฉากกั้นห้องพลางกระซิบอย่างตื่นเต้นที่สุด “สตรีห้องข้างๆ ห้องนี้ๆ”อู๋หมิงเสียงขรึม “คืออะไร? พูดดีๆ”เจาจวิ้นสูดลมหายใจ “
ไป๋เล่อชิงชะงักท้ายที่สุดก็พยักหน้า “อืม ข้าไม่มีทางลืมแน่นอน” นางเพียรย้ำ เตือนตัวเองซ้ำๆอีกว่า “หากข้าเจอเขาก็จะหนีให้ไกลด้วย ดีหรือไม่?” “ดีมาก”ระหว่างกินอาหารและชื่นชมทิวทัศน์ร้านรวงต่างๆจากหน้าต่างห้องชั้นสอง ไป๋เล่อชิงก็เหลือบไปเห็นโจวเจินกำลังคำนวณอันใดสักอย่างจนหัวคิ้วขมวดมุ่นไปหมด “อาโยว เจ้าทำสิ่งใดหรือ?”โจวเจินบอกโดยไม่เงยหน้า สายตายังคงครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ข้ากำลังคำนวณค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่างๆ ของพวกเราสองคนและหาลู่ทางเพิ่มเงินในหีบ เงินของเจ้าเหมือนเยอะ แต่หากไม่หาเพิ่มคงไม่ดี”ไป๋เล่อชิงยิ้ม “อันที่จริงข้าคิดเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว ยังคิดว่าอยากทำการค้า เป็นเถ้าแก่เปิดกิจการสักอย่าง แต่แรกเริ่มคงต้องหางานทำเป็นลูกจ้างไปก่อน ข้าทำบัญชีและมีความรู้เรื่องกิจการร้านค้า วันนี้ระหว่างเดินเที่ยว ข้ามองหาร้านที่ติดประกาศรับคนงานทำบัญชีเอาไว้ โอกาสได้งานคงสูงอยู่ ทำงานเก็บเงินได้ค่อยหาเช่าร้าน พอทำการค้าได้กำไรก็ค่อยซื้อร้านต่อยอดขยายกิจการ ยามนี้ต้องทนลำบากสักหน่อย ภายหน้าย่อมดีแน่นอน”โจวเจินให้รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับเมืองโบราณอ
เดินทางครึ่งเดือนในที่สุดไป๋เล่อชิงกับโจวเจินก็ถึงที่หมายคือเมืองหลวงต้าอันที่นี่เจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองชนบทผิงเจียยิ่งนัก ผู้คนที่เดินขวักไขว่พลุกพล่านล้วนแต่งกายงดงามดูดี แม้แต่ขอทานคนเร่ร่อนยังมีการปะชุนเสื้อผ้า เห็นได้ชัดว่าชาวเมืองหลวงให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์เป็นอย่างมาก เรียกว่าที่นี่คือดินแดนแห่งความมั่งคั่งอย่างแท้จริงโจวเจินก้มมองชุดขาดวิ่นของตนนิ่งๆ ชุดมีสภาพนี้เพราะร่างเก่าต่อสู้แย่งชิงคัมภีร์มารสุดยอดเคล็ดวิชากับจอมยุทธ์คนหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งต่างฝ่ายตายไปทั้งคู่ คัมภีร์นั้นก็หายไปทางใดก็สุดรู้ นางที่จู่ๆ ก็เข้าสิงร่างจึงต้องทนกับเสื้อผ้าที่รุ่งริ่งยับเยินนี้มาเนิ่นนาน เป็นเพราะเมืองต่างๆที่ผ่านทางไม่มีร้านผ้าที่ถูกใจ ตัวเลือกน้อยไม่ดึงดูด แต่ที่เมืองหลวงแห่งนี้กลับแตกต่าง ทุกย่างก้าวล้วนมีแต่สินค้าหลากหลายให้เลือกหา คิดแล้วก็หันไปทางไป๋เล่อชิงที่เดินชมเมืองอยู่ข้างๆ “ข้าคิดว่าควรเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เสียหน่อย ยืมเงินเจ้าก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะหางานทำชดใช้ให้”ไป๋เล่อชิงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “อาโยวเป็นผู้มีคุณ ไม่ต้องทำงานชดใช้ ต้องการเงินเท่าไรขอเพียงบอกมา อั
เห็นเจาจวิ้นพูดด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียดเช่นนั้น อู๋หมิงให้รู้สึกปวดหัว “เจ้าทำตัวเช่นนี้ ลืมแล้วกระมังว่าตัวเองเป็นบุรุษ”“ปลอมเป็นสตรีทุกวัน ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วปะไร” เจาจวิ้นยืดตัวนั่งตรง หรี่ตาจ้องอู๋หมิง “ว่าแต่ท่านเถอะ นอนไม่หลับเพราะเรื่องภรรยาอีกแล้วหรือ?”อู๋หมิงถอนหายใจ ตอบรับเสียงทุ้มต่ำในลำคอ เงียบงันครู่หนึ่งค่อยเอ่ย “เป็นสามีย่อมต้องใส่ใจภรรยา”“ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะมีความรู้สึกต่อนางขนาดนี้ มิใช่ว่าท่านถูกนางใช้แผนการจนได้แต่งงานหรอกหรือ?”อู๋หมิงเลิกคิ้ว “เจ้ารู้?”เจาจวิ้นยกหัวแม่มือชี้ตัวเอง ทำท่าคุยโวโอ้อวดว่า “ข้าเป็นใคร สายลับระดับแคว้นเชียวนะ แค่เรื่องของคู่หู สืบง่ายนิดเดียว”มิรู้ว่าเอาท่าทางแปลกประหลาดเช่นนี้มาจากไหน อู๋หมิงได้แต่ส่ายหน้าระอา ได้ยินเจาจวิ้นเอ่ยเย้าอีกว่า “ท่านมีความคะนึงหานางขนาดนี้ ข้าเริ่มสงสัยเสียแล้ว ไม่แน่ว่าท่านน่ะจงใจทำตัวซื่อบื้อหลอกล่อให้นางตายใจ แล้วคืนเกิดเหตุก็เป็นท่านที่สมยอมถูกมอมเหล้า ถูกไหม”ประหนึ่งมีหูตาสวรรค์ คำพูดเหล่านี้ทำอู๋หมิงถึงกับชะงักงัน “อาหนิง เจ้ารู้เท่าทันเกินไปกระมัง?”“ฮ่าๆ ข้าเดาถูก เก่งกาจใช่หรือไม่?”อู๋หมิงส