น้ำแข็ง...
"อิ่มยัง?" ฉันถามผู้ชายตรงหน้าเมื่อเห็นว่าข้าวในจานเขาหมดแล้ว อีกอย่างฉันไม่อยากนั่งกับเขานานนักเพราะรู้สึกอึดอัดเวลาเห็นหน้าเขา
"อื้ม" คนตรงหน้าตอบสั้น ๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินตามฉันมา ด้านหลังโรงอาหารเป็นตึกผู้ป่วยที่กำลังสร้างใหม่ ตึกที่พี่เหมันต์มาตรวจงานวันนี้ ฉันไม่แน่ใจนักว่าเขารู้จักทางมาตึกนี้ไหมเพราะไม่ได้ถามแต่ตัดสินใจเดินมาส่งเขาเอง
"คุยกันก่อนมั้ยน้ำแข็ง" เสียงทุ้มของคนที่เดินตามหลังฉันมาพูดขึ้น ฉันไม่ได้หันไปมองหน้าเขาแต่เดินต่อไปเรื่อย ๆ
"ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย"
หมับ!
พูดจบมือใหญ่ของคนที่ก้าวเท้าฉับ ๆ เข้ามาใกล้ก็รั้งข้อมือของฉันเอาไว้จนเราต้องหันไปสบตากัน ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อหรือไม่ได้ขัดขืนแต่ยืนมองหน้าเขาอยู่อย่างนั้นเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะต้องทะเลาะ
"แต่ฉันอยากคุยกับเธอ" คนตรงหน้าพูดพลางจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ทำให้ฉันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่รู้แค่ว่าตอนนี้ท่าทางของเขาเองก็คงไม่ได้อยากทะเลาะกับฉัน
"ปล่อยฉันไปเถอะนะอัคคี เราอย่ายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยฉันขอร้อง" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายก่อนจะชักมือกลับแล้วปลดสร้อยหนังสีดำที่มีจี้รูปเฟืองส่งให้เขาไป สร้อยเส้นนี้อัคคีเป็นคนให้ฉันไว้เมื่อนานมาแล้ว หรือที่เขาเรียกกันว่า เกียร์
ฉันสวมมันไว้เกือบสี่ปีนับตั้งแต่มัธยมปลาย จนตอนนี้เข้ามหาลัยอยู่ปีสามแล้วก็ยังคงสวมมันอยู่ไม่เคยถอดออก ฉันคิดว่าหากวันไหนมีโอกาสได้เจอกับเจ้าของมัน ฉันจะคืนมันให้กับเขาก็เลยสวมมันติดตัวไว้ตลอดเวลา
"..." คนตรงหน้ารับของที่ฉันคืนให้ไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรแต่ก้มลงมองของในมือด้วยแววตาแปลก ๆ
"ไปเถอะ ใกล้ถึงตึกใหม่แล้ว"
หมับ! ปึก!
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะเดินไป อััคคีก็รั้งข้อมือฉันเอาไว้อีกครั้งคราวนี้เขาออกแรงกว่าคราวที่แล้ว ทำให้ใบหน้าของฉันชนเข้ากับแผงอกของเขาแรง ๆ ฉันได้แต่เงยหน้ามองเขาอย่างเงียบ ๆ เพราะเหนื่อยที่จะทะเลาะ คนตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรต่อแต่สวมสร้อยให้ฉันคืนทั้ง ๆ ที่เรายังยืนมองตากันอยู่อย่างนั้น
"เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ยน้ำแข็ง" น้ำเสียงแผ่วเบาของคนตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าแขนขาชาจนขยับไม่ได้ ฉันพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองทิศทางอื่นเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ทั้ง ๆ ที่เคยผลักไสไล่ส่งฉันแทบตายแต่วันนี้กลับมาบอกว่าให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม...
"...ไม่" ฉันตอบเสียงเบาก่อนจะเดินออกจากตรงนั้น ฉันรู้สึกว่าการกระทำของเขาเมื่อกี้มันไม่ดีต่อใจฉันนัก เขากำลังทำให้ฉันสับสนและกำลังปลุกปั่นเรื่องราวเก่า ๆ ที่ฉันลืมมันไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมา
"ถ้าเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้... เราเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ยน้ำแข็ง" ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเพื่อไล่น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่โดยไม่หันกลับไปมองคนด้านหลัง ความรู้สึกจุกในอกยิ่งทวีขึ้นเมื่อประโยคที่เขาตะโกนตามหลังมามันทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ของเรา
"ฉันจะจีบเธอ! น้ำแข็ง!"
"..."
"ฉันจะจีบเธอ!"
.
.
.
เวลาต่อมา...
"ว่าไงแก งั้นฉันรอแกที่ลานจอดรถนะ" ฉันวางสายจากยัยแฟนเสร็จก็มุ่งหน้าไปรอที่ลานจอดรถตามที่นางบอก กว่าเพื่อนจะออกเวรได้ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าทำให้ฉันที่เสร็จงานแล้วต้องนั่งรอนางเพราะขี้เกียจกลับเอง
"อ้าวน้ำแข็งเพิ่งเลิกงานเหรอ" เสียงพี่เหมันต์ทักฉันขึ้นก่อนจะเดินไปยังรถคันข้าง ๆ
"เลิกนานแล้วค่ะ แล้วพี่ล่ะคะทำไมวันนี้กลับช้าจัง" ฉันตอบพี่เขาก่อนจะถามกลับบ้างเพราะปกติฉันไม่ค่อยเห็นพี่เขาอยู่ดึกขนาดนี้
"พอดีมีเครื่องมือแพทย์มาลงใหม่น่ะ พี่เลยต้องอยู่รับด้วย แล้วนี่เรากลับยังไง ให้พี่ไปส่งมั้ย"
"ขอบคุณมากค่ะแต่น้ำแข็งนัดกับแฟนไว้แล้วค่ะสักพักคงตามมา" ฉันส่งยิ้มให้พี่เขาอย่างที่เคยทำแต่แล้วก็ต้องสะดุดเข้ากับสายตาดุ ๆ ของใครบางคนที่มายืนอยู่ข้างพี่เหมันต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาอีกแล้ว! อัคคี!
"โอเค งั้นพี่กลับแล้วนะ ไว้เจอกัน"
"ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ" ฉันพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้พี่เหมันต์อีกครั้ง แต่ก็ยังเผลอไปสบตากับใครบางคนอีกจนได้ นายนั่นก็ดีแต่ทำหน้าดุใส่คนอื่นเขา นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไง
ฉันยืนรอเพื่อนรักไม่นานนักนางก็วิ่งกระหืดกระหอบมาที่รถด้วยความรีบร้อน "รอนานปะแก โทษทีนะฉันแวะเข้าห้องน้ำอยู่" คนมาใหม่หันมาพูดกับฉันก่อนจะขึ้นรถไป
"ไม่อะ"
"แล้วแกเป็นไรอะทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"เหนื่อย ๆ อะแก ไม่มีไรหรอก" ฉันตอบนางก่อนจะส่งยิ้มตาหยีให้แล้วหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย ว่าแต่ทำไมฉันถึงเอาแต่คิดเรื่องเมื่อกลางวันนะ "ฉันจะจีบเธอ! น้ำแข็ง!" คำพูดของอัคคีดังก้องในหัวฉันซ้ำ ๆ ไหนจะตอนที่เขาใส่สร้อยคืนให้ฉันอีก คิดแล้วก็รู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก ถึงตอนนี้จะรู้สึกหวั่นไหวกับคำพูดของเขาไปแล้วบ้าง แต่ฉันก็ยังเตือนตัวเองตลอดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ฉันไม่อยากพาตัวเองกลับไปเจ็บอีกแล้ว
น้ำแข็ง...เช้าวันอาทิตย์ที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อลงมารอพี่เอิร์ธหน้าคอนโดยัยแฟน วันนี้พี่เอิร์ธมารับฉันแต่เช้าเพราะจะแนะนำฉันให้รู้จักเพื่อนพี่เอิร์ธที่เพิ่งกลับมาจากฮ่องกง แล้วก็อยากให้ฉันกลับไปอยู่เป็นเพื่อนคุณน้าในช่วงกลางวันด้วยเพราะยังไงแล้วคืนนี้ฉันต้องกลับไปค้างที่บ้านอยู่ดีปริ๊นๆ! เสียงแตรรถพี่เอิร์ธดังขึ้นเมื่อมาจอดตรงหน้าฉัน"ไงเรารอพี่นานมั้ย" พี่เอิร์ธลดกระจกรถลงมาก่อนจะโผล่หน้าออกมาถามฉัน"ไม่ค่ะ ว่าแต่พี่เอิร์ธมากับ..." หรือว่าคนนี้เป็นเพื่อนที่จะแนะนำให้ฉันรู้จัก?"ผะ... / เพื่อน" ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบผู้ชายหน้าตี๋หล่อเกาหลีผิวขาวที่นั่งข้าง ๆ พี่เอิร์ธก็ทำท่าชะโงกหน้ามาตอบฉัน แต่ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะพูดพี่เอิร์ธก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน สรุปว่าเป็นเพื่อนพี่เอิร์ธสินะหล่อดีแต่ดูท่าทางเขาจะไม่ค่อยชอบฉันเท่าไหร่ ดูจากสีหน้าหงุดหงิดกับสายตาเพชรฆาตรที่ส่งมาให้ฉันนั่นแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ"น้ำแข็ง นี่ไอ้เอลฟ์เพื่อนพี่" เมื่อฉันขึ้นไปนั่งประจำเบาะหลังเรียบร้อยแล้วพี่เอิร์ธที่ทำหน้าที่รถอยู่ก็เอ่ยขึ้น"สวัสดีค่ะ หนูชื่อน้ำแข็งนะคะ เป็นน้องสาวพี่เอิร์ธ" ฉันแนะนำตัวเองผ่าน
อัคคี..."ไอ้เห รุ่นน้องมึงเขาคบกับแฟนนานยังวะ" อยู่ ๆ ผมก็ถามในสิ่งที่ผมอยากรู้ขึ้นมา"คนไหนวะ น้ำแข็งเหรอ" มันหันมาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งให้ผมก่อนจะหันไปขับรถต่อ ไอ้เหมันต์กับเพื่อน ๆ คนอื่นไม่รู้ว่าผมกับน้ำแข็งเคยเป็นอะไรกันมาก่อน เรื่องนี้มีแค่ผมกับน้ำแข็งเท่านั้นที่รู้"เออคนนั้นแหละ""ก็คบกันนานแล้วนะ ตั้งแต่ประถมมั้งถ้าจำไม่ผิด" เหี้ย! นี่หมายความว่าตลอดเวลาที่ยัยนั่นคบกับผม ยัยนั่นก็มีแฟนอยู่แล้วเหรอวะ โห... นี่ผมโดนสวมเขามาตลอดเลยเหรอ ผมคิดว่าผมเป็นแรกของเธอเสียอีก"มึงเป็นเหี้ยไรทำหน้าแบบนั้น" คนข้าง ๆ หันมาเลิกคิ้วใส่ก่อนจะหนี่ตามองผมอย่างจับผิด"เปล๊า แล้วมึงรู้ได้ไงว่ายัยนั่น เอ้ยรุ่นน้องมึงคบกับแฟนมาตั้งแต่ประถมแล้วอะ ไหนมึงบอกว่าเพิ่งรู้จักน้องเขาตอนเข้ามหาลัยไงวะ" ผมปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้งก่อนจะถามมันต่อ"น้องเขาเล่าให้กูฟัง อีกอย่างเขาอยู่บ้านข้างกันตอนที่อยู่ต่างจังหวัดอะนะ หมายถึงก่อนที่น้ำแข็งจะย้านมาอยู่ที่กรุงเทพอะเคยอยู่บ้านข้างแฟนมาก่อน""เหรอ..." ผมพยักหน้าเบา ๆ ให้กับคำตอบของมันงั้นงานนี้ก็ยากนะสิถ้าสองคนนั้นคบกันตั้งแต่ประถมก็คงยากที่จะเลิกกัน ตอนที่ผม
น้ำแข็ง..."อิ่มยัง?" ฉันถามผู้ชายตรงหน้าเมื่อเห็นว่าข้าวในจานเขาหมดแล้ว อีกอย่างฉันไม่อยากนั่งกับเขานานนักเพราะรู้สึกอึดอัดเวลาเห็นหน้าเขา"อื้ม" คนตรงหน้าตอบสั้น ๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินตามฉันมา ด้านหลังโรงอาหารเป็นตึกผู้ป่วยที่กำลังสร้างใหม่ ตึกที่พี่เหมันต์มาตรวจงานวันนี้ ฉันไม่แน่ใจนักว่าเขารู้จักทางมาตึกนี้ไหมเพราะไม่ได้ถามแต่ตัดสินใจเดินมาส่งเขาเอง"คุยกันก่อนมั้ยน้ำแข็ง" เสียงทุ้มของคนที่เดินตามหลังฉันมาพูดขึ้น ฉันไม่ได้หันไปมองหน้าเขาแต่เดินต่อไปเรื่อย ๆ"ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย"หมับ!พูดจบมือใหญ่ของคนที่ก้าวเท้าฉับ ๆ เข้ามาใกล้ก็รั้งข้อมือของฉันเอาไว้จนเราต้องหันไปสบตากัน ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อหรือไม่ได้ขัดขืนแต่ยืนมองหน้าเขาอยู่อย่างนั้นเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะต้องทะเลาะ"แต่ฉันอยากคุยกับเธอ" คนตรงหน้าพูดพลางจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ทำให้ฉันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่รู้แค่ว่าตอนนี้ท่าทางของเขาเองก็คงไม่ได้อยากทะเลาะกับฉัน"ปล่อยฉันไปเถอะนะอัคคี เราอย่ายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยฉันขอร้อง" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายก่อนจะชักมือก
น้ำแข็ง...ฉันกับยัยแฟนแยกกันตรงหน้าตึกผู้ป่วยในเพราะยัยแฟนทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพยาบาล ส่วนฉันช่วยดูแลคนไข้ที่มาทำแผลอยู่อีกด้าน คอยหยิบจับนู่นนี่นั่นส่งให้คุณหมอแล้วก็ช่วยทำแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คนไข้"อ้าวน้ำแข็งมาทำงานเหรอ" พี่เหมันต์ที่เดินสวนฉันถามขึ้น ช่วงนี้พี่เหมันต์เข้ามาที่นี่บ่อยเพราะจะรับช่วงต่อจากคุณลุงหลังจากที่เรียนจบ ซึ่งก็หมายความว่าอีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น"ใช่ค่ะ พี่เหมันต์จะกลับแล้วเหรอคะ""ยังหรอกวันนี้พี่มาดูตึกผู้ป่วยที่กำลังสร้างใหม่แทนพ่อน่ะ ช่วงนี้ท่านไม่ค่อยว่างพี่เลยมาดูแทน" อ่อ ตึกผู้ป่วยที่สร้างใหม่ท้ายสวนหย่อมสินะ"ไอ้เหมันต์เมื่อไหร่มึงจะพากูไปกินข้าวเนี่ย ลากกูมาเป็นเพื่อนตั้งแต่เช้ายันเที่ยงให้กูกินแค่แซนวิชอันเดียวเองนะมึง" ขณะที่ฉันกำลังยืนคุยกับพี่เหมันต์อยู่ เสียงของใครบางคนที่เดินบ่นตามพี่เหมันต์มาก็ดังขึ้นพอหันไปมองถึงได้รู้ว่าเป็นเขา... นายอัคคี!"เออ ๆ บ่นเป็นคนแก่ไปได้ไอ้ห่า ปะน้ำแข็งไปกินข้าวเป็นเพื่อนพวกพี่หน่อยพี่ไม่ค่อยได้ไปโรงอาหารน่ะ พาไปที" ฉันพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้พี่เหมันต์ที่ชวนฉันไปกินข้าวด้วย ก่อนจะเดินนำหน้าผู้ชายสองคนไปยังโรงอาหา
น้ำแข็ง..."พี่เอิร์ธมาได้ยังไงคะ แล้วรู้ได้ไงว่าน้ำแข็งอยู่ที่นี่" ฉันหันไปถามคนข้าง ๆ ที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่"เพื่อนเราโทรมาบอกพี่น่ะ เห็นบอกว่าคืนนี้น่าจะยังไม่กลับง่าย ๆ เลยให้พี่ไปรับเราที่ร้านหมูกะทะ" คนถูกถามหันมาตอบก่อนจะหันไปสนใจถนนตรงหน้าแล้วถามต่อ"ว่าแต่เราจะกลับเลยหรือไปไหนต่อหรือเปล่า""งั้นกลับบ้านเลยก็ได้ค่ะ ทีแรกน้ำแข็งว่าจะไปค้างกับแฟนน่ะ""แล้วคนเมื่อกี้... ใช่เจ้าของเกียร์ที่ห้อยคอเราอยู่หรือเปล่า" พี่เอิร์ธถามต่อทั้ง ๆ ที่สายตาของพี่เขายังจับจ้องไปที่ถนน คงไม่ผิดถ้าพี่เขาจะถามเพราะฉันเรียนคณะแพทย์แต่มีเกียร์สวมที่คอมาตลอดหลายปี เกียร์นี้เป็นสัญลักษณ์ของคณะวิศวกรรมศาตร์ คนคนนึงให้ฉันเก็บรักษามันเอาไว้หลังจากที่เขาได้รับมัน และฉันก็ดูแลมันเป็นอย่างดีแม้ว่าตอนนี้เจ้าของมันจะทิ้งมันไปแล้วก็ตาม"ค่ะ" ฉันตอบแบบไม่หันไปสบตากับพี่เขา ก่อนจะหลุบตาลงมองมือทั้งสองข้างที่กุมกันอยู่บนตักด้วยความรู้วสึกหน่วงใจอย่างบอกไม่ถูก จากที่คิดว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้วแต่อยู่ ๆ ก็กลับมานึกถึงมันอีก"พี่เอิร์ธจะไม่ดุน้ำแข็งหน่อยเหรอคะ" ฉันหันไปถามคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้วางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะฉันแล้
อัคคี...วันนี้หลังจากเลิกเรียนแทนที่ผมจะได้กลับไปนอนเปื่อยที่คอนโดแต่ไอ้พวกเพื่อนตัวดีกลับลากผมมากินหมูกระทะซะงั้น พอจะปฏิเสธมันก็บอกว่าวันนี้จะแนะนำรุ่นน้องให้รู้จักผมก็เลยต้องมาร้านที่พวกเรามานั่งกันเป็นร้านหมูกะทะเจ้าประจำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยนัก ดีหน่อยที่มาตอนร้านเพิ่งเปิดคนก็เลยไม่เยอะเท่าไหร่"ทางนี้ ๆ" เสียงไอ้เหมันต์ตะโกนเรียกใครสักคนพลางโบกไม้โบกมือให้กัน ผมหันไปมองกลุ่มคนมาใหม่สามคนด้วยใบหน้าเรียบเฉยพลางเหลือบตาไปมองผู้หญิงคนนึงที่ตอนนี้เดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผม"นั่งเลย ๆ เอาอะไรเพิ่มมั้ยพี่จะได้สั่ง" ไอ้เหมันต์ลุกขึ้นจัดที่ทางให้สามคนที่มาใหม่ พลางส่งเมนูให้ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานให้มาเพิ่มแก้วเครื่องดื่มให้"นี่รุ่นน้องกูนะพวกมึง" หลังจากที่มันคุยกับพนักงานเสร็จมันก็พูดต่อพร้อมกับบุ้ยปากไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งยิ้มอยู่"คนเปรี้ยว ๆ แซ่บ ๆ นี่ชื่อน้องเรดาห์พวกมึงคงรู้จักใช่มั้ย" ไอ้เหมันต์แนะนำรุ่นน้องผู้หญิงหน้าสวยคนหนึ่งซึ่งผมจำได้ว่าเธอเป็นนางแบบชุดว่ายน้ำที่กำลังดังในตอนนี้ แต่แปลกแฮะทำไมมาเรียนหมอ"ส่วนคนนี้ที่น่ารัก ๆ ตัวเล็ก ๆ หน่อย ชื่อน้องเจ้าถิ่นแล