บทที่3
หลังจากที่น้ำเล่าเรื่องของเฮียแม็กให้ฟังจนหมด นางก็ขอตัวกลับบ้าน ปล่อยให้ฉันเดินขึ้นมาดูห้องนอนตัวเองที่ดันไปอยู่ติดกับห้องของมาเฟียคลั่งเหล้าอย่างเฮียแม็กพอดิบพอดี เอาจริง ถึงเรื่องที่เขาเคยเจอจะทั้งเศร้า ทั้งสะเทือนใจ แต่ฉันก็อดรู้สึกกลัวเขาไม่ได้เลย ภาพสายตาคมกริบ เย็นชาเหมือนน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ยังชัดเจนในหัวฉันอยู่เลย… เขาจ้องหน้าฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันยังไงยังงั้น ยิ่งบวกกับรอยสักยาวตั้งแต่ต้นคอจรดต้นแขน ถึงจะไม่ถึงขั้นน่ากลัวแบบนักเลงเถื่อน แต่ก็ทำให้ฉันอยากจะหนีกลับบ้านไปหาหมอนข้างแทนในทันที แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกล่ะ ทำไมต้องให้ฉันนอนห้องติดกับเขาด้วย ถ้าอยู่ดี ๆ เฮียแม็กคุมคลั่งแล้วคว้ามีดมาปาดคอฉันขึ้นมากลางดึกล่ะ!? ใครจะรับผิดชอบ!? เพล้งงง!!! "__" ฉันสะดุ้งจนขาแทบทรุดนั่งลงกับพื้น "เอาเหล้าให้กู!!! เดี๋ยวนี้!!! เอาเหล้ามา!!!" เสียงตะโกนโหด ๆ แว่วขึ้นมาจากห้องข้าง ๆ เหมือนคำสั่งจากยมทูต เสียงเขาน่ากลัวชะมัด ขนาดไม่ได้เห็นหน้าก็ทำฉันขนลุกได้แล้ว ฉันกลืนน้ำลายลงคอ รีบหันหลังจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าให้เสร็จ ๆ แล้วอาบน้ำเปลี่ยนชุดลงไปข้างล่างทันที หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะจากเสียงโวยวายเมื่อกี้เลยด้วยซ้ำ --- ห้องครัว... "เย็นนี้คุณชบาจะทานอะไรดีคะ?" ป้าพรถามอย่างใจดี “อะไรก็ได้ค่ะ ชบากินได้หมด” ฉันยิ้มให้ “ว่าแต่พวกป้าทำอะไรกันอยู่เหรอคะ ให้ชบาช่วยไหม?” "กำลังจะทำน้ำพริกปลาทูกับกระเพราหมูกรอบค่ะ" “งั้นเดี๋ยวชบาช่วยนะคะ ทำจะได้เสร็จเร็วๆ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวป้าทำเอง คุณหนูไปนั่งรอเถอะค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะ ชบาถนัดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว” จริง ๆ ฉันชอบทำกับข้าวมากกว่าซื้อกินนอกบ้าน เพราะบางร้านรสชาติช่างห่างไกลคำว่า "อร่อย" เหลือเกิน ไม่นานอาหารก็เสร็จเรียบร้อย น่ากินมากทั้งน้ำพริกปลาทูและกระเพราหมูกรอบ แม่บ้านก็จัดแยกชุดอาหารอีกจานขึ้นไปให้เฮียแม็ก ส่วนฉันขอพักเตรียมตัวลุยงานจริงจังพรุ่งนี้ คืนนี้ขอเวลาทำใจก่อนล่ะกัน... --- เช้าวันรุ่งขึ้น – 08:00 น. "คุณชบาจะเข้าไปข้างในจริง ๆ เหรอคะ?" ป้าพรพูดพร้อมสีหน้าเป็นห่วง "วันนี้ไม่เข้า วันต่อไปชบาก็ต้องเข้าอยู่ดีค่ะป้า" ฉันถือถาดข้าวต้มยืนอยู่หน้าห้องคุณแม็ก สูดลมหายใจลึก ๆ เหมือนนักมวยก่อนขึ้นชก "ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณชบาตะโกนเรียกป้าดัง ๆ เลยนะคะ!" "โอเคค่ะป้า ถ้าได้ยินเสียงชบา ป้ารีบพังประตูเลยนะ!" ฉันค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป พร้อมกับเหลียวมองซ้ายขวา ห้องเงียบสงัดแต่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์แรงพอจะทำให้คนไม่เคยกินเหล้าเมาได้ทันที เศษขวดแตกเต็มพื้น ขวดเหล้าเรียงรายเต็มโต๊ะ เสื้อผ้าเกลื่อนกลาด หนังสือถูกฉีกกระจาย เหมือนห้องโดนพายุถล่ม ฉันวางถาดข้าวต้มบนโต๊ะพยายามไม่เหยียบเศษแก้ว แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้น "ใครอนุญาตให้มึงเข้ามา?" ฉันสะดุ้งเฮือก รีบหันไปตามเสียง พบชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งซุกตัวอยู่ในมุมมืดของห้อง กอดขวดเหล้าไว้แน่น ใบหน้าเครียดขึง แววตาแดงก่ำและดุจนแทบกลืนกิน "ไสหัวออกไป กูไม่อยากเห็นหน้าใคร โดยเฉพาะหน้ามึง" "แต่เราเพิ่งเจอกันเองนะคะ" "ใช่ เพิ่งเจอ และกูไม่อยากเจออีก" "คิดว่าฉันอยากเจอนายมากนักเหรอคะ ไอ้ขี้เหล้า!" "ออกไป!" "ไปแน่ค่ะ แต่คุณต้องกินข้าวกินยาก่อน" "ไม่จำเป็น" เขาตะคอกก่อนโยนขวดเปล่าทิ้งแล้วเดินไปที่ตู้ "ไปเอาเหล้ามาให้กู!!" "หมดแล้วค่ะ! คุณควรหยุดได้แล้วนะคะ ดื่มแต่เหล้าแบบนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ" หมับ! มือหนาของเขาบีบแก้มฉันแน่นจนรู้สึกปวด "เสือกอะไรกับชีวิตกูนักวะ มึงไม่ใช่แม่กู" “แต่ฉันเป็นคนดูแลของคุณไงคะ” "ก่อนจะดูแลกู มึงไปดูแลตัวเองก่อนเถอะ!" พึ่บ!! เขาผลักฉันจนล้มกระแทกพื้นอย่างแรง ข้อเท้าพลิกจนเจ็บจี๊ดขึ้นมา "โอ๊ยย!" "เห็นแล้วหงุดหงิดชิบหาย... ออกไป!" "คุณแม็ก…ชบาเจ็บนะ!" เขาลากฉันไปทางประตู "เจ็บก็ดี! จะได้ไม่กล้าโผล่หน้าเข้ามาอีก!" ปัง!!! ประตูปิดใส่หน้าฉันอย่างแรงจนอยากจะร้องกรี๊ดดังๆใส่เขาจริงๆ@โรงพยาบาลหลังจากฉันไปขอยากับหมอเสร็จ พอกลับมาถึงห้องก็เห็นคุณแม็กยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียง เขาเหลือบตามามองฉันครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับไปทางเดิม ส่วนฉันก็แค่ถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา หยิบยาขึ้นมาจะทาแผลที่แขน“โอ๊ะ! แสบชะมัด...”พึ่บ!อยู่ๆ ยาก็หายไปจากมือฉันเฉยเลย และแน่นอนว่าไปอยู่ในมืออีตาเย็นชานั่นแทน“นี่คุณ! เอายาคืนมานะ ฉันไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับคุณตอนนี้หรอกนะ!”เขาไม่พูดอะไร แต่กลับนั่งลงยองๆ ตรงหน้า ดึงแขนฉันไปดูก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่ข้างๆ ขึ้นมา“คุณจะทำอะไรน่ะ?”เฮียแม็กเงยหน้ามองฉันนิดหนึ่ง แต่ไม่ตอบ จากนั้นก็ใช้ทิชชู่ค่อยๆ ซับที่ตุ่มพองบนแขนเบาๆ บีบเอาน้ำใสๆ ออกมา“โอ๊ย! เบาๆ หน่อยสิ เจ็บนะ!”“แค่นี้ทำเป็นจะตาย”พูดเสร็จก็เปิดยาทาแผลอย่างคล่องมือ ก่อนจะบรรจงทาให้ฉันจนเสร็จ แล้วลุกกลับไปนอนบนเตียงแบบไม่พูดอะไรอีก“...ขอบคุณค่ะ”“อืม”แค่นั้น แล้วเขาก็พลิกตัวหันหลังให้ฉันอีกตามเคย หึ! ขอโทษสักคำก็ไม่มี...ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! ได้แต่ด่าในใจสิ ถ้าหลุดปากไป มีหวังได้ลงไปนอนที่พื้นอีกแน่ฉันนั่งเล่นโทรศัพท์ เปิดแชทคุยกับยัยน้ำไปเรื่อย เธอบอกว่าจะเข้ามาช่วงเย็น พร้อมพ่อแม่ของคุณ
@โรงพยาบาล – เวลา 20:00 น.ตอนนี้คุณแม็กยังหลับอยู่เวลาเขาหลับนิ่งเหมือนเจ้าชายน้ำแข็งในร่างปีศาจเขานอนแบบนี้ดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ตอนตื่นนะเหรอ โอ๊ย... เหมือนยักษ์หลุดจากถ้ำ แค่สบตาก็หนาวยะเยือกไปถึงไขสันหลังแล้ว"เป็นไงบ้างวะแก เฮียเริ่มยอมแกบ้างยัง?"น้ำถามพร้อมเลิกคิ้ว เหมือนจะเดาได้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร"ยอมกับผีสิ... ฉันโดนโยนออกจากห้องวันเว้นวัน ดูข้อเท้าฉันสิ ยังไม่หายเลย!"ฉันชี้ให้ดูรอยแดงที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อย แม้จะดีขึ้นแล้ว แต่มันก็เป็นเครื่องยืนยันความเกรี้ยวกราดของเขาได้ดี"แฮร่~ อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวก็คุ้นเองล่ะชบา!""โอ๊ย คุ้นกับการถูกโยนเหรอ ฉันนี่กลัววันไหนจะโดนเหล็กดามทั้งตัวจริงๆ""ใจเย็นน่า! ฉันเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ"น้ำหัวเราะขำๆ ก่อนจะขอตัวกลับ ฉันเองก็ได้แค่มองเธอเดินจากไปฌเวลา 04:00 น.“หนูนิด... หนูนิด... เฮียขอโทษ... ฮึก...”ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงครางเบาๆ คล้ายคนละเมอของคุณแม็ก เขาเรียกชื่อใครสักคนซ้ำๆ พร้อมเสียงสะอื้นที่บีบใจฉันลุกขึ้นเดินไปข้างเตียง พยายามเขย่าแขนเขาเบาๆ“คุณแม็ก... คุณแม็กคะ…”หมับ!มือเขาคว้ามือฉันไปแน่นอย่างกับกลัวฉันจะหายไป“อย่าทิ้
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ทำคนอื่นเจ็บแล้วยังไม่รู้จักขอโทษอีก!”เสียงฉันสบถอย่างหัวเสีย ขณะที่พี่กล้วยกับป้าพรวิ่งขึ้นมาทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?” พี่กล้วยถาม สีหน้าเป็นห่วง“จะอะไรล่ะคะ ก็เจอมนุษย์ถ้ำไล่ออกจากห้องน่ะสิ! โชคดีนะที่เขาไม่ใช้ตีนถีบฉันออกมาแทน!” ฉันประชดเสียงสั่น พูดแล้วก็เจ็บใจจนอยากเตะประตูสักที“แล้วคุณชบาเป็นอะไรมากไหมคะ?” พี่กล้วยรีบสำรวจตัวฉัน“มีแค่ข้อเท้าเคล็ดค่ะ พอดี...เกิดเรื่องนิดหน่อย” ฉันพูดพลางกัดฟันแน่น“โธ่...คุณชบา เจ็บมากไหมคะ?” พี่กล้วยเสียงอ่อน ฉันพยักหน้าตอบเบาๆ แทนคำพูด“ยังโชคดีนะคะที่โดนแค่นี้ ปกติใครเข้าไป...หัวแตกกันออกมาทุกคนเลยค่ะ” ป้าพรพูดเสริม ฉันได้แต่ถอนหายใจแบบหมดคำจะพูด“ฉันว่าเขาควรไปบำบัดจิตมากกว่า ปล่อยให้อยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่ไหวหรอกค่ะ!”“ไปค่ะ เดี๋ยวกล้วยพยุงลงไปข้างล่าง กล้วยจะประคบข้อเท้าให้เองนะคะ”ฉันพยักหน้ารับ แล้วปล่อยให้พี่กล้วยช่วยประคองลงไปข้างล่าง พอถึงโซฟา เธอก็เอาลูกประคบมาช่วยประคบข้อเท้าให้ฉันจนเริ่มรู้สึกดีขึ้นขณะที่ฉันนั่งพัก ใจยังหวิวอยู่ จู่ๆ คำพูดของยัยน้ำก็แว๊บขึ้นมาในหัว...> “ฉันขอร้องเถอะนะ ชบา ช่วยทำให้เฮียแม็กกลับมาเป็นเห
บทที่3หลังจากที่น้ำเล่าเรื่องของเฮียแม็กให้ฟังจนหมด นางก็ขอตัวกลับบ้าน ปล่อยให้ฉันเดินขึ้นมาดูห้องนอนตัวเองที่ดันไปอยู่ติดกับห้องของมาเฟียคลั่งเหล้าอย่างเฮียแม็กพอดิบพอดีเอาจริง ถึงเรื่องที่เขาเคยเจอจะทั้งเศร้า ทั้งสะเทือนใจ แต่ฉันก็อดรู้สึกกลัวเขาไม่ได้เลยภาพสายตาคมกริบ เย็นชาเหมือนน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ยังชัดเจนในหัวฉันอยู่เลย… เขาจ้องหน้าฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันยังไงยังงั้น ยิ่งบวกกับรอยสักยาวตั้งแต่ต้นคอจรดต้นแขน ถึงจะไม่ถึงขั้นน่ากลัวแบบนักเลงเถื่อน แต่ก็ทำให้ฉันอยากจะหนีกลับบ้านไปหาหมอนข้างแทนในทันทีแล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกล่ะ ทำไมต้องให้ฉันนอนห้องติดกับเขาด้วยถ้าอยู่ดี ๆ เฮียแม็กคุมคลั่งแล้วคว้ามีดมาปาดคอฉันขึ้นมากลางดึกล่ะ!? ใครจะรับผิดชอบ!?เพล้งงง!!!"__" ฉันสะดุ้งจนขาแทบทรุดนั่งลงกับพื้น"เอาเหล้าให้กู!!! เดี๋ยวนี้!!! เอาเหล้ามา!!!"เสียงตะโกนโหด ๆ แว่วขึ้นมาจากห้องข้าง ๆ เหมือนคำสั่งจากยมทูต เสียงเขาน่ากลัวชะมัด ขนาดไม่ได้เห็นหน้าก็ทำฉันขนลุกได้แล้วฉันกลืนน้ำลายลงคอ รีบหันหลังจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าให้เสร็จ ๆ แล้วอาบน้ำเปลี่ยนชุดลงไปข้างล่างทันที หัวใจยังเต้นไม่เป
บทที่ 02 พอเดินเข้ามาในบ้าน ฉันก็สัมผัสได้ทันทีว่าบ้านหลังนี้ ไม่ธรรมดา ใหญ่โต อลังการชนิดที่โรงแรมห้าดาวยังต้องหลบให้ พวกแม่บ้านเดินไปมาดูวุ่นวาย แต่ก็ยังยกมือไหว้ฉันด้วยความสุภาพ “ห้องที่ฉันให้เตรียมไว้พร้อมแล้วใช่ไหม?” น้ำถามแม่บ้าน “เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู” “นี่คือคุณชบา เพื่อนฉันเอง เธอจะมาเป็นคนดูแลเฮียแม็ก” “สวัสดีค่ะ คุณชบา” “ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ เรียกชบาเฉยๆ ก็พอค่ะ สบายๆ” พวกแม่บ้านยิ้มรับก่อนจะช่วยถือของขึ้นไปเก็บบนห้อง ส่วนฉันก็โดนน้ำลากแขนพาไปข้างบนทันที “เดี๋ยวนะน้ำ... พ่อแม่เขาไม่อยู่บ้านเหรอ?” “อืม คุณลุงกับคุณป้าไปดูงานที่ต่างจังหวัด อีกสองอาทิตย์ถึงจะกลับ” “อ๋อ... โอเค” น้ำพาฉันมายืนหน้าห้องหนึ่งประตูไม้สักสีเข้ม บรรยากาศหน้าห้องนี่คือไม่ใช่แค่เงียบ แต่มันกดดันสุดๆ “นี่แหละ ห้องเฮียแม็ก” เธอกำลังจะเปิดประตู แต่ยังไม่ทันที่มือเธอจะจับลูกบิด... ตุบ! เพล้ง!! เพล้งงง!!! เสียงของปาอะไรบางอย่างกระแทกกำแพงดังลั่น “กูบอกว่าไม่กินก็ไม่กินสิวะ!! ออกไป!!!” เสียงตะโกนข้างในห้องดังก้อง เสียงผู้ชายทุ้มต่ำแต่แฝงไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด “คุณแม็ก... ทานอะไรสัก
บทที่ 01สวัสดีค่ะ ฉันชื่อชบา อายุ 25 ปี ตอนนี้อยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว ฉันเลยต้องดิ้นรนทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน โชคดีที่ยังมีผู้ใหญ่ใจดีให้ทุนการศึกษาจนฉันเรียนจบปริญญาตรีนิสัยฉันก็ง่ายๆ แบบว่าอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ กินอะไรก็ได้ ไม่เรื่องมากตอนนี้ฉันกำลังหางานอยู่... ก็เพิ่งโดนเจ้านายเก่าไล่ออกเมื่อวานนี้เอง สาเหตุเหรอ? ก็เพราะฉันไม่ยอมเป็น “เด็ก” ของเขาน่ะสิ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมไปทำงานที่ไหน เจ้านายต้องพยายามเสนออะไรแบบนี้ทุกที บางคนก็แก่จนหัวหงอก ยังไม่วายคิดเรื่องอย่างว่า เหนื่อยใจแทนเมียพวกเขาจริงๆ ที่ต้องมีผัวเป็นเฒ่าหัวงูแบบนี้“ทำไมงานมันหายากขนาดนี้วะเนี่ย...” ฉันพึมพำกับตัวเอง มองไปรอบๆ ก็มีแต่ตึก บริษัทเพียบไปหมด แต่ไม่มีใครเปิดรับสมัครเลย เศร้าใจชะมัด“แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารถ ค่าคอนโด ค่าเน็ต ค่าน้ำค่าไฟอีก เฮ้อ...ชีวิตตู :( ”ฉันนั่งบ่นกับตัวเองบนรถ กำลังจะน้ำตาร่วงอยู่แล้วกริ๊ง~ กริ๊ง~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชื่อที่โชว์คือ "น้ำ"“ฮัลโหล ว่าไงน้ำ”“แกหางานได้ยัง ชบา?”“ยังเลย ไปสมัครที่ไหนก็ไม่รับอ่ะ” ฉันตอบเสียงเศร้า มันเศร้าจริงๆ นี่ห