ผ่านมาเกือบตี 1 ทุกคนเริ่มเมามายเฮฮาหลุดโลก เจสซี่ที่แพลนเอาไว้ว่าจะไปปาร์ตี้ต่อกับเหมย
แต่ก็เมาจนเดินเซไม่เป็นท่า เมื่อเจอเหล้าหมักของภาคเหนือที่แรงมาก ๆ ถึงจะมีรสชาติหวานทานง่าย แต่ถ้าคนคอไม่แข็งจริงก็แทบจะสลบคาไหเหล้า "ฉาน...ไม่เมา.... ยาง...หวาย...." เสียงครางยานของเจสซี่ที่ฟังยังไงก็เมาแน่นอน ทำให้เหมยต้องพยุงร่างของเพื่อนที่สูงกว่าตัวเองมาก เดินเซไปด้วยกันสองคน ตัวเหมยเองก็ดื่มไปไม่ใช่น้อย แต่ก็ต้องทำใจแข็งพยุงร่างเพื่อนขึ้นรถให้ได้ก่อน ธงที่ตั้งท่าจะทำคะแนนกับเหมยก็รีบวิ่งเข้ามาหาเพื่อช่วยพยุงเจสซี่ขึ้นรถ แต่เหมยที่เห็นท่าทีเตรียมจะจับตัวเพื่อนก็รีบส่งสายตาปฏิเสธทันที "พี่ธงไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวเหมยจัดการเพื่อนเอง พี่ธงไปเถอะ" เหมยร้องห้ามปฏิเสธทันควัน เพราะไม่อยากทำความรู้จักหรือให้ธงมายุ่งกับตนและเพื่อนอีก "โถ่น้องเหมย มองพี่เป็นคนยังไง ให้พี่ไปส่งน้องเหมยที่บ้านกับเจสซี่เถอะ ถ้าสภาพนี้พี่ว่าไม่ถึงบ้านแน่เลย" ธงทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งที่สันดานตรงข้ามกับหน้าตา "ก็เหมยบอกว่าไม่ต้องไงคะ..!" เหมยพูดเสียงแข็งใส่ธง เริ่มอารมณ์ไม่พอใจเช่นกันในความหน้าด้านหน้ามึนของธง "เหมย ก็พี่บอกว่าพี่จะไปส่ง ทำไมต้องดื้อกับพี่" ธงก็เกิดอาการไม่พอใจกับเหมยเช่นกัน ถ้าไม่ติดว่าสวยขึ้นคงได้เดินหนีแล้วทิ้งสองสาวไว้กลางทางแบบนี้แน่ "ก็ผู้หญิงเขาบอกว่าไม่ต้อง คุณก็ไม่ควรต้องเสือกนะครับ" เสือที่เดินเข้ามาขวางไม่ให้ธงเข้าใกล้เหมย พร้อมกับอาชาที่เดินมาอยู่ด้านหลัง เหมยที่เห็นอาชาก็ยิ้มกว้างเหมือนกับเห็นเพื่อนใหม่ที่รู้ใจ เหมือนมั่นใจว่าอาชาจะนิสัยดีกว่าธงแน่ "ขอบคุณนะคะคุณอาชา แล้วก็ขอบคุณพี่บอดี้การ์ดนะคะ งั้นเหมยขอตัวก่อน" เหมยที่พยายามพยุงเพื่อนก็เซถลาจะล้ม เพราะรองเท้าส้นสูงปรี๊ดขนาด 3 cm ของเหมยเข้าไปติดร่องอิฐตัวหนอน "ว๊าย..!" เสียงเหมยร้องตกใจ เพราะกำลังจะหงายหลัง คนหนึ่งก็เมาจนฟิวขาด อีกคนหนึ่งก็เมาถึงแม้จะสติมีก็ยังถือว่าเมาอยู่ เสือกระโดดไปรับเจสซี่ ส่วนอาชาก็กระโดดรับเหมยไว้ได้ทัน ส่วนธงก็ยืนอึ้งอยู่ไม่รู้จะรับใครก่อน สองสายตาประสานกัน ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก ส่วนใหญ่เจสซี่เพื่อนเลิฟที่เมาจนสิ้นสติ ภาพตัดก็อยู่ในอ้อมกอดของเสือ และแล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น "อุ๊บ..แหวะ..!" ไม่ต้องพูดถึงว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเจสซี่ที่เมาจนภาพตัดอ้วกลงพื้นจนคอพับคออ่อน เสือที่ไม่เคยเจอผู้หญิงที่มีสภาพสำมะเลเทเมาแบบนี้ก็แทบจะโยนร่างบางของเจสซี่ทิ้งลงพื้น "นี่เพื่อนคุณเมาขนาดนี้เลยเหรอครับ" เสือหันไปถามเหมยที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นเจ้านาย เหมยเมื่อได้ยินเสียงของเสือก็รีบขยับตัวแล้วยืนขึ้นให้มั่นคง "ขอโทษคุณบอดี้การ์ดด้วยนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบพาเพื่อนฉันกลับไปเดี๋ยวนี้ค่ะ" เหมยที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของอาชาก็พยักหน้าขอโทษเสืออย่างจริงใจ "พวกคุณไม่ต้องมายุ่ง เดี๋ยวผมจะพา เหมยกับเจสซี่กลับบ้านเอง ขอบคุณนะครับ" ธงทำท่าทางจะเดินไปแตะแขนของเหมย แต่ก็กลับต้องกระเด็นหงายหลัง "โอ๊ยนี่คุณทำอะไรเนี่ย" อาชาใช้วงแขนแกร่งของตัวเองสลับร่างบางของเหมยให้มาอยู่อีกด้านหนึ่ง แล้วใช้มือใหญ่ของเขาผลักธงจนกระเด็นล้มคะมำลงไปกองอยู่ที่พื้น "ผมว่าไม่ลำบากคุณดีกว่าครับ เดี๋ยวผู้หญิง สองคนนี้ผมจัดการเอง" พูดจบอาชาก็พยักหน้าให้เสือ บอดี้การ์ดคู่ใจอุ้มร่างเล็กของเจสซี่เข้าไปบนรถหรู แล้วก็จูงมือของเหมยตามขึ้นรถหรูไปด้วย ทั้งที่ เหมยพยายามขัดขืน "เฮ้ย มึงเป็นลูกเจ้าของมหาวิทยาลัย มึงคิดว่ามึงทำอะไรก็ได้วะ" เสียงของธงที่ตะโกนไล่หลังของอาชาด้วยความโกรธและรู้สึกเสียหน้าที่อาชาแย่งเหมยไปต่อหน้าต่อตา ทั้ง ๆ ที่ธงได้เล็งเหมยไว้ตั้งแต่ในงานแล้ว ต๊อบกับสกายที่เห็นเพื่อนนั่งอยู่ที่พื้นก็รีบวิ่งเข้ามาดู ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น "เกิดอะไรขึ้นวะธง ทำไมมึงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นอย่างนั้นน่ะ" "ไม่มีอะไรหรอก" ธงบอกปัด ๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วปัดไปที่ก้นของตัวเอง "มึงแน่ใจเหรอวะว่ามึงไม่ได้เป็นไร" ต๊อบยังคงเค้นถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง "เออ กูไม่เป็นไรหรอกนะ ไปเหอะว่ะ แม่งกูหมดอารมณ์ง่วงแล้วด้วย" ธงบอกต๊อบไปแบบปัด ๆ เพื่อตัดความรำคาญ "คุณอาชาคะ ไม่เป็นไรค่ะ เหมยขับรถไหว เดี๋ยวเหมยจัดการเอง เหมยไม่อยากรบกวน" ปกติเหมยไม่ชอบให้ใครถูกเนื้อต้องตัวแต่อาชากลับรู้สึกเฉย ๆ และเกรงใจที่อาชาช่วยเหลือตัวเองขนาดนี้ "คุณอย่าดื้อสิคุณไหม เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน ส่วนรถของคุณเอาไว้ที่มหาวิทยาลัยของผม เดี๋ยวตอนเช้าผมจะให้ลูกน้องขับไปส่ง เอาตามนี้นะครับ" อาชาไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เหมยกับเจสซี่นั่งไปด้วยกันด้านหลังรถหรู ส่วนตัวเองมานั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับเสือ นี่เป็นภาพที่หายากมากที่เห็นอาชานั่งรถด้านหน้าคู่กับบอดี้การ์ด "เจ้านายจะนั่งตรงนี้จริงเหรอครับ ให้ผมเรียกรถอีกคันมารับเจ้านายดีกว่าไหม" เสือที่รู้สึกเกร็ง ๆ เมื่อมีอาชานั่งข้าง ๆ ขณะขับรถ "มึงจะเสียเวลาทำไมวะไอ้เสือ ไปได้แล้ว" เสียงราบเรียบของอาชาก็แอบทำให้เสือเสียวสันหลังวาบ ยิ่งประกอบกับใบหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ยิ่งทำให้ดูทรงพลังเข้าไปอีก "คุณเหมยบอกทางบอดี้การ์ดของผมได้เลย เดี๋ยวผมจะได้พาเพื่อนคุณไปส่ง สภาพถ้าอยู่อีกแป๊บนึงจะอ้วกใส่รถผมแน่ ๆ เลย" อาชาปกติเป็นคนพูดน้อย แต่กลับเหมย กลายเป็นคนพูดมาก ยกแม่น้ำเกือบสิบสายเพียงเพราะอยากหาข้ออ้างในการไปส่งเหมยและรู้ที่อยู่บ้านของเหมย "ได้ค่ะ ได้งั้นรบกวนคุณบอดี้การ์ดด้วยนะคะ" เหมยก็พยักหน้าขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า นั่งกอดเพื่อนรักที่ตัวสูงใหญ่กว่าเธอเกือบครึ่ง ประมาณครึ่งชั่วโมงเหมยได้บอกทางเข้าบ้านให้กับเสือบอดี้การ์ดคนขับรถของอาชา ระหว่างนี้อาชาก็ให้เสือลงไปซื้อยาแก้แฮงค์กับผ้าเย็นมาให้กับเจสซี่และเหมยที่ดูสภาพเหนื่อยล้าไม่ต่างกัน "อันนี้เอาให้เพื่อนคุณเช็ดหน้าเช็ดตา เผื่อจะได้ดีขึ้น" อาชายื่นผ้าเย็นและยาแก้แฮงค์ให้กับเหมย "ขอบคุณมากนะคะคุณอาชา ไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงเลย" เหมยที่เกรงใจอาชามาก ๆ ก็รับผ้าเย็นจากมือแล้วแกะเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับเพื่อนสาวที่เพิ่งจะอ้วกแตกบนทางเท้าของมหาวิทยาลัย "ฉาน ...อยู่หนาย..ฮืม" เสียงครางยานของเจสซี่ที่ฟังแล้วก็ยิ่งดูตลกงอแงมาก ทั้งที่เหมยเอาผ้าเย็นเช็ดหน้าให้ ดูเหมือนว่าเหล้าหมักของภาคเหนือจะแรงจนทำให้เจ๊สซี่ถึงกับภาพตัด "เจสซี่แกอยู่เฉย ๆ สิ ให้ฉันเช็ดหน้าให้แกก่อน" เหมยพยายามล็อกแขนของเพื่อนที่ปัดป่ายไปมาเหมือนปลาหมึกก็ไม่ต่าง อาชาที่เห็นความพยายามของเหมยที่มีต่อเพื่อนอย่างเจสซี่ก็อดขำไม่ได้ จึงหลุดยิ้มมุมปาก เสือที่เห็นเจ้านายยิ้มก็กลับรู้สึกขนลุกขนพองเพราะเหมือนกับเป็นรอยยิ้มของปีศาจที่แสยะยิ้มออกมา... "มึงมองอะไรของมึงวะไอ้เสือ" เสือที่เผลอมองเจ้านายจนทำให้อาชารู้ตัว "ปะ ปะ เปล่าครับ" เสือรีบปฏิเสธทันควัน "เปล่าอะไรของมึง ก็กูเห็นอยู่เนี่ยว่ามึงจ้องกู" อาชายังคงหรี่ตาและจับผิดบอดี้การ์ดคู่ใจ "ปกติผมไม่เคยเห็นเจ้านายยิ้มอย่างนี้ ก็เลยรู้สึกขนลุกนะครับ" เสือตอบไปตรง ๆ "ไอ้เสือ...!" อาชาตะคอกเสือเบา ๆ แต่กลับเป็นภาพที่ดูตลกสำหรับเหมยมาก ๆ.....ระหว่างที่เหมยกำลังครุ่นคิดว่าจะนอนที่ไร่ชาพรหมเทพของอาชาดีไหม ก็กลายเป็นว่าเธอโดนอาชามัดมือชกให้พักที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะอาชาหยิบกุญแจรถแล้วยื่นให้เสือขับไปจอดที่บ้านพักตากอากาศหลังเดิมที่ เหมยเคยมาพักผ่อนตอนอยู่กับเจสซี่"โธ่ คุณอาชาคะ เหมยเกรงใจค่ะ ให้เหมย กลับเองก็ได้ แค่นี้เอง" เหมยหันไปทำหน้าสิ้นหวังเมื่ออาชาไม่อนุญาตให้ตนกลับบ้าน"ไม่ได้หรอกครับคุณเหมย มันดึกแล้ว ถ้าพรุ่งนี้คุณเหมยก็หยุดใช่ไหมครับ คุณเหมยพักที่นี่เถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับนะครับ" อาชาใช้ความเป็นสุภาพบุรุษหลอกล่อ"ก็ได้ค่ะ" เหมยเมื่อจนปัญญาก็ต้องทำตามน้ำไปก่อน"งั้นคุณเหมยไปอาบน้ำพักผ่อนที่ห้องดีกว่า เอาเสื้อเชิ้ตผมไปใส่ได้ เดี๋ยวผมไปเตรียมเสื้อผ้าให้" อาชาพูดอย่างกระตือรือร้นเหมยพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีทางเลือกแล้ว ก็ต้องทำตามที่อาชาตัดสินใจ ทั้งสองออกจากคาเฟ่แล้วขับรถกอล์ฟ โดยมีเสือเป็นคนขับรถพาทั้งสองคนกลับไปที่บ้านพักตากอากาศที่อยู่ห่างไม่ไกลจากคาเฟ่"บรรยากาศที่ไร่ชายิ่งตอนกลางคืนยิ่งสวยมากเลยนะคะ ดูสิคุณอาชาจัดไฟออกมาได้สวยงามมากเลย
ขณะที่ ธง มาส่งที่ไร่ชาพรหมเทพของ อาชา ก็ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว กว่าจะถึงไร่ชาก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ธงมาในฐานะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝึกงานวิศวกรเครื่องยนต์ ในไร่ชาที่จะต้องทำการฟื้นฟูและดูแลบำรุงรักษา ธงจึงต้องมาฝึกงานเพื่อให้เรียนรู้ในตำแหน่งนี้ก่อนเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน หรือจนกว่าจะผ่านโปร“ข้างหน้านี่ก็น่าจะถึงแล้วค่ะ แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าอะไรของพี่ธงอยู่ไหนหรอคะ เหมยเองก็ลืมถามเพราะมัวแต่เจอเรื่องชุลมุนอยู่”“กระเป๋าเสื้อผ้าพี่ส่งมาที่ไร่ชาแล้วตั้งแต่วันสองวันก่อนหน้านี้ แต่ตัวพี่เพิ่งจะมาวันนี้เพราะติดธุระที่กรุงเทพฯ เลยบินมาช้ากว่า” ธงเอ่ยปากบอกเหมยในสิ่งที่เหมยถามอย่างรวดเร็ว“อ๋อค่ะพี่” เหมยก็ตั้งใจขับรถตรงเข้าไปบริเวณไร่ชา ขณะที่กำลังเลี้ยวรถจอดตรงหน้าคาเฟ่ ซึ่งมีคนกำลังนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศวิวภูเขาไร่ชาและชมดาวที่ท้องฟ้าดูโปร่งสวยสดใส พร้อมกับแสงไฟระยิบระยับทั้งไร่ ทำให้บรรยากาศดีเข้าไปอีกเหมยจอดรถตรงลานจอดที่หน้าคาเฟ่ พอดีจังหวะนั้น เสือ เดินออกมาจากคาเฟ่พร้อมกับอาชา และเห็นเหมยมากับธง อาชาถึงกับโกรธควันออกหู“ไอ้เวรนั่นมากับเหมยได้ยังไง ไอ้เสือ มึงไปสืบมาให้กูเดี๋ยวนี้” อาชาออกคำ
เหมือนวันเวลาผ่านไปรวดเร็วมื้อกลางวันเพิ่งผ่านไปไม่นานยัยหนูลิลลี่ที่เดินเล่นและพูดคุยกับเหมยก็หมดฤทธิ์ราวกับตุ๊กตาที่ถ่านหมดนอนสลบไสลอยู่บนโซฟาใหญ่ของเหมย"ผมขอบคุณมากนะครับคุณเหมยที่ช่วยดูแลยัยหนูลิลลี่ทั้งวันรบกวนคุณเหมยมากแล้วผมจะพายายหนูลิลลี่กลับนะครับ"อาชาที่เดินเข้าไปอุ้มสวมกอดแม่หนูน้อยลิลลี่ที่หลับตาพริ้ม"ไม่เป็นไรเลยค่ะเอาไว้เหมยเคลียร์งานเรียบร้อยเหมยจะติดต่อไปเรื่องสอนพิเศษนะคะ"เหมยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วรีบเดินมาเปิดประตูให้กับอาชาที่อุ้มร่างเล็กของยัยหนูลิลลี่อยู่"ขอบคุณมากครับคุณเหมยที่ช่วยเปิดประตู"อาชายังคงความเป็นสุภาพบุรุษทุกอย่างต่อหน้าเหมย"เดี๋ยวเหมยไปเปิดประตูรถให้นะคะ"เหมยพูดจบก็รีบวิ่งไปที่ประตูรถหรูแล้วก็เปิดประตูให้สองลุงหลานขึ้นรถยุโรปคันหรูทันที"เดินทางปลอดภัยนะคะ"เหมยยืนโบกมือให้กับอาชาและแม่หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังขับรถออกไปจากบ้านสวนของเธอเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะวันนี้เธอหมดพลังงานไปกับแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักและก็ติดเธอเอามาก ๆ แบบที่ไม่เคยมีเด็กคนไหนทำกับเธอมาก่อนเธอไม่ได้รู้สึกรำคาญกับรู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูกับแม่หนูน้อยลิลลี่มากขึ้นไปอีกม
เหมยแทบจะตั้งตัวไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ตะโกนมา เธอจึงรีบวางอาหารปลาและหันควบตามเสียง ถึงกับตาเบิกโพลงตกใจเล็กๆ ที่เห็นหนูลิลลี่สะพายกระเป๋าสีชมพูแล้วตั้งท่าวิ่งมาหาเธอด้วยความดีใจ "หนูลิลลี่มาได้ยังไงคะ?" เหยตะโกนถามพร้อมกับอ้าแขนรับ "ลิลลี่คิดถึงคุณครูที่สุดเลยค่ะ ลิลลี่มากับคุณลุงอาชาค่ะ คุณลุงพามาหาคุณครู" พูดจบลิลลี่ก็ชี้มือชี้ไม้ไปทางผู้ชายตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสีน้ำเงินรองเท้าหนังสีดำมันเงาดูสะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า "คุณอาชาทำไมมาถึงนี่เลยคะ?" เหมยที่ลุกขึ้นพร้อมกับใช้มือเล็ก ๆ ปัดไปที่ก้นเบาๆ เพราะเธอนั่งเล่นอยู่ที่พื้นก็กลัวเลอะ "ขอโทษคุณเหมยนะครับ แม่หนูลิลลี่ของผมร้องไห้ทุกวันเลย ก็เลยอดใจอ่อนไม่ได้ที่พายัยหนูมาหาครับ""แล้วก็ต้องขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้โทรแจ้งล่วงหน้า" อาชาแสดงด้านที่อบอุ่นออกมาให้เหมยเห็นเสมอ ภายใต้หน้ากากนี้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ สายตาที่จ้องมองร่างบางของเหมยดูแวววับประดุจมีดที่ถูกรับจนกระทบแสง อาชากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นเหมยในเสื้อกล้ามส
วันนี้เหมยได้ลากกระเป๋าออกจากไร่ชาของอาชาเพื่อกลับมาที่บ้านสวนของเธอ กว่าเธอจะบอกลาแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักก็ทำใจอยู่นานเพราะลิลลี่เอาแต่ร้องไห้งอแง อาชาเองก็สงสารหลานสาวจับใจแต่ก็ต้องจำใจปล่อยให้เหมยกลับมาเหมยที่กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็จัดการปิดจบต้นฉบับนิยายที่ต้องส่งสำนักพิมพ์เรื่องสุดท้ายของเดือนแล้วจะพักผ่อนยาว"เยส..! เป็นไทยแล้วฉันเหมยที่บอกตัวเองเบาๆเมื่อปิดจบต้นฉบับนิยายจำนวน 150,000 คำเหมยที่ไปอยู่ไร่ชาของอาชานานเกือบอาทิตย์กว่ากลับมาก็จัดการเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็เล่นเหนื่อยเอาสายตัวแทบขาดโดยที่เหมยไม่รู้ตัวเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปภายในบ้านของเหมยอาชาได้แอบให้คนเข้ามาติดกล้องขนาดเล็กที่หากไม่จับสังเกตไม่สามารถหาพบเจอได้มันเล็กจิ๋วและอำพรางไปกับข้าวของเครื่องใช้นับ 10 ตัวตั้งแต่หน้าประตูทุกซอกทุกมุมรวมไปถึงห้องนอนและอาบน้ำของเหมย"ฉันคิดถึงเธอจังเหมย"เสียงพึมพำของใครบางคนเหมยที่อยากจะเข้าไปล้างเหงื่อใครหลังจากเก็บกวาดห้องเสร็จก็ได้ปลดเปลื้องผ้าที่เปรอะเลอะเทอะลงตะกร้าแล้วเดินเปลือยเปล่าเปิดน้ำใส่อ่างพร้อมกับตีฟองนุ่มๆ ขาเรียวเล็กผิวขาวเนียนสวยไม่มีตำหนิสะโพ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เจสซี่จะอยู่ในประเทศไทย เธอต้องลาจากไร่ชาแสนสุขและบอกลาเพื่อนรักอย่างเหมย นักเขียนนิยายที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่คุณครูกวดวิชาประจำตัวของเด็กหญิงลิลลี่ที่น่ารัก เจสซี่ได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็นบอดี้การ์ดหน้าโหด ไม่เคยส่งยิ้มให้เธอเลย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้ นั่นคือเสือ คนขับรถที่มาส่งเจสซี่ที่สนามบินตามคำสั่งของอาชา"ฉันต้องไปแล้ว แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าให้ใครมารังแกแกได้ เข้าใจไหม ยัยบื้อ" เจสซี่พูดด้วยความรักและห่วงใยเหมยยิ่งกว่าเพื่อนทุกคน แม้ปากจะร้ายกาจแต่ไม่เคยทำให้เหมยเสียใจเลย"แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันจะเหงาได้ไง แล้วใครจะมาทำอะไรฉันได้ นู่น ฉันมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างหนูลิลลี่ที่แสนน่ารัก นอนกอดฉันทุกคืน" ตั้งแต่ไปอยู่ไร่ชาครบ 1 อาทิตย์ หนูลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเหมย ทั้งสองคนตัวติดกัน ถ้ามองห่าง ๆ คงคิดว่าเป็นแม่กับลูก""จ้ะ ตั้งแต่มีหนูลิลลี่ แกก็ทิ้งฉันเลย แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ยัยเหมย เอาไว้ฉันปิดเทอมเมื่อไหร่ ฉันจะแวะมาหาแกนะ" เจสซี่บอกลาเหมยพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นเสือที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นหน้าเจสซี่ก็ทำใบหน้าเรี