รถหรูยุโรปขับแล่นบนท้องถนนจนเข้ามาในสวนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทางเข้ามีเพียงแสงไฟจากไฟพลังงานแสงอาทิตย์
อาชากวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณ แม้จะมีเพื่อนบ้านถัดไป 2-3 หลัง บริเวณนั้นก็มีความเป็นส่วนตัวอยู่มาก อาชามองเห็นบ่อปลาคาร์ป สวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่อยู่หน้าบ้านของเหมยก็รู้สึกชอบ เพราะบรรยากาศที่มีน้ำตกไหลเอื่อยตรงบ่อปลาคาร์ปทำให้ดูน่าพักผ่อน "สวนของคุณเหมยสวยดีนะครับ" อาชาที่กำลังจะก้าวลงจากรถไปเปิดประตูให้กับเหมยกล่าว "ขอบคุณค่ะคุณอาชา เอาไว้วันไหนถ้าคุณอาชาไม่รังเกียจ มาดื่มชาที่บ้านของเหมยได้นะคะ" เหมยที่กำลังจะพยุงเพื่อนสาวให้ออกจากรถแต่ก็พยุงไม่ไหว "คุณเหมยไม่ต้องพยุงเพื่อนคุณหรอกครับ เดี๋ยวให้เสืออุ้มเพื่อนคุณเข้าไป ขออนุญาตคุณเหมยได้ไหมครับ" อาชาที่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าเหมย "ได้ค่ะ รบกวนพี่บอดี้การ์ดอีกครั้งนะคะ" เหมยยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้กับเสือ "ไม่เป็นไรครับ แต่เพื่อนคุณเหมยนี่ดื่มซะตัวอ่อนเชียว" เสือถึงกับส่ายหัวเมื่อเห็นอาการของเจสซี่ "ปกติเจสซี่ไม่เคยดื่มแล้วเป็นแบบนี้หรอกค่ะพี่บอดี้การ์ด แต่สงสัยเจอเหล้าหมักของทางเหนือก็เลยภาพตัดอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ" เหมยที่แอบแซวเพื่อนตอนที่เจสซี่ไม่มีสติ "ถ้างั้นเดี๋ยวเราเข้าไปข้างในบ้านกันดีกว่านะคะ" เหมยเดินนำหน้าอาชาและเสือที่อุ้มร่างของเจสซี่เดินตามเข้ามาอย่างยากลำบาก เสือแม้จะสูง 190 cm แต่ด้วยความที่เจสซี่เองก็สูงและเรียวยาวไม่ต่างกัน ก็ค่อนข้างทุลักทุเลกว่าจะพามาถึงห้องนอน อาชาที่นั่งรอเหมยอยู่ตรงห้องรับรองแขก ในขณะที่เหมยได้นำทางให้เสือพาเจสซี่เข้าไปนอนพักผ่อนในห้องนอนรับรองแขก "ขอบคุณคุณเสือมากนะคะที่อุตส่าห์ใจดีช่วยอุ้มยัยเจสซี่ แล้วยังเกือบโดนอ้วกใส่ด้วย เหมยขออนุญาตนะคะ พอดีเห็นว่าเสื้อของคุณเสือเลอะพวกของยัยเจสซี่นิดนึง เดี๋ยวขอให้เหมยเอาไปซักให้สักครู่เดียว" "เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าครับผมเกรงใจ เดี๋ยวผมซักเองดีกว่า" เสือที่ไม่อยากจะรบกวนเหมยไปมากกว่านี้เช่นกันจึงตอบปฏิเสธ "ให้เหมยทำเถอะค่ะ ถ้าคุณเสือออกไปสภาพอย่างนี้ เหมยไม่สบายใจ" เหมยเองก็พยายามที่จะตอบแทนน้ำใจของเสือและอาชา "งั้นเดี๋ยวขอผมไปถามเจ้านายของผมก่อนดีกว่า เผื่อคุณอาชาจะมีงานที่ไหน" ซึ่งจริงๆ ในขณะนั้นเป็นเวลาเกือบตีสองกว่าแล้วที่อาชาและเหมยมาถึงบ้าน อาชาที่เดินตามมาทีหลัง ได้ยินการสนทนาของบอดี้การ์ดคู่ใจและสาวที่หมายปองอย่างเหมย เขาก็รีบตอบโดยที่ไม่ต้องคิด "มึงก็ให้คุณเหมยเขาซักเสื้อให้เถอะ กูไม่มีอะไรไปไหนต่อ กูง่วงนอนแล้วรู้สึกปวดหัวมาก" อาชาแกล้งทำเป็นปวดหัวขึ้นมา ทั้งๆ ที่ปกติตัวเองก็นอนดึกแทบทุกคืน "เอ่อ..! เจ้านายครับ" เสือทำหน้าเลิ่กลั่กเว้าวอนอยากให้อาชาเปลี่ยนใจ "เอาน่ามึง ยื่นเสื้อสูทให้คุณเหมยเขาสิ รออะไรล่ะ คุณเหมยจะได้พักผ่อน" อาชาแกล้งทำเสียงเข้มใส่ลูกน้อง เพื่อจะใช้ข้ออ้างได้สำรวจบ้านของเหมยต่อ "อ๋อ งั้นเหมยรบกวนขอเสื้อสูทของคุณเสือหน่อยนะคะ ใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะซักเสร็จค่ะ เดี๋ยวเหมยจะไปหาอะไรร้อนๆ มาให้ดื่มนะคะ" เสือที่หันไปมองหน้าเจ้านายอย่างสิ้นหวังก็ถอดเสื้อสูทสีดำยื่นให้กับเหมยเอาไปซัก "โธ่ เจ้านาย ทำไมถึงอยากอยู่ที่นี่ต่อครับผมนี่ไม่เข้าใจเลย ปกติก็ไม่เคยเห็นเจ้านายจะใจดีกับผู้หญิงสักคน" "แต่ทำไมกับคุณเหมยถึงได้หน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ล่ะครับ" เสือที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟา ในขณะที่อาชาแกล้งทำเป็นปวดหัวเอามือกุมขมับ "เออน่ะ เรื่องของกู เหมยมาหรือยังวะ" อาชาที่ยกมือขึ้นแอบมองดูว่าเหมยจะมาหรือยัง จะได้มาเห็นสภาพตัวเองที่ปวดหัวจนหัวแทบแตก "กำลังเดินมาแล้วครับนาย" เสือที่เห็นอาการของนายเพียงแค่คืนเดียวก็เป็นหนักขนาดนี้ "คุณอาชาคะ เหมยเห็นว่าคุณอาชาบ่นว่าปวดหัว เหมยพอจะมียาแก้ปวดหัว คุณอาชาเอาไปทานแล้วนอนพักที่นี่ก่อนก็ได้นะคะ ถ้าไม่รังเกียจ เหมยยังมีห้องว่างอีกห้องนึงค่ะ" เหมยที่เดินถือผ้าเย็นและยาแก้ปวดหัวมาให้อาชาจึงรีบบอกอาชา เพราะด้านนอกอยู่ๆ ก็เกิดลมพายุและฝนตกหนักมาก หากอาชาและเสือฝ่าออกไปอาจจะทำให้เกิดอันตราย เพราะทางเข้ามาในสวนค่อนข้างมืด และยังเป็นดินลูกรังบางจุดก็เป็นหลุมเป็นบ่อ "คุณเหมยอนุญาตให้ผมนอนที่นี่ได้จริงๆ ใช่ไหมครับ ผมไม่รังเกียจเลย ผมปวดหัวมากๆ" อาชาตอบรับไมตรีของเหมยอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องคิดเลยว่าเขาจะเลือกอะไร "นายครับ แต่ว่า..." เสือที่กำลังจะคัดค้านเพราะพรุ่งนี้อาชามีประชุมที่มหาวิทยาลัยในตอนเช้า 10:00 น. แล้วหลังจากนั้นจะต้องเข้าไปดูไร่ชา "มีอะไรกันหรือเปล่าคะ" เหมยที่ทำท่าประหลาดใจกับท่าทีของเจ้านายลูกน้องคู่นี้ คนนึงอยากอยู่ต่อคนนึงก็คัดค้าน "ไม่มีอะไรหรอกครับคุณเหมย ไอ้เสือมันคงทำงานมากเกินไป ประสาทก็เลยกลับ" อาชาตัดบท "คุณอาชานอนห้องถัดจากยัยเจสซี่ก็ได้นะคะ ส่วนคุณเสือนอนตรงโซฟาได้ไหมคะ เดี๋ยวเหมยจะเอาผ้าห่มกับหมอนมาให้ค่ะ" เหมยที่ออกปากถามทุกคนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะกว่าที่จะขับออกจากสวนของเธอได้ก็กินเวลาเกือบ 15 นาที และเหมยก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบตี 2 ครึ่งแล้ว ถ้าเดินทางตอนนี้ก็คงอันตราย "ได้ครับ งั้นผมไม่เกรงใจนะ รบกวนคุณ เหมยพาผมไปที่ห้องหน่อยได้ไหมครับ" อาชาที่ยังคงแกล้งปวดหัวเอามือกุมขมับตลอดเวลา "ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวคุณอาชาตามเหมยมานะคะ ในห้องของเหมยมีผ้าขนหนูแล้วก็ชุดลำลองตัวใหญ่อยู่ คุณอาชาใส่ได้นะคะ" "ทำไมคุณเหมยถึงมีชุดนอนลำลองของผู้ชายล่ะครับ" อาชารู้สึกวูบไหวในหัวใจ เพราะแค่คิดว่าเหมยมีสามีแล้ว เขาก็แทบอยากจะทำให้สามีของเหมยหายไปจากโลกนี้ "เป็นชุดนอนของพี่ชายเหมยน่ะค่ะ เมื่อก่อนพี่ชายเหมยชอบบินมาที่เชียงใหม่แต่ไม่ค่อยไปนอนบ้านคุณแม่เพราะว่าอยู่ชานเมือง ก็เลยจะมานอนที่บ้านเหมยซะส่วนใหญ่" เหมยที่หันมายิ้มให้กับอาชา "อ๋อ พี่ชายของคุณเหมย งั้นผมไม่แน่ใจว่าจะใส่ได้หรือเปล่า" อาชาเดินไปหยิบชุดนอนลายทางสีขาวออกมาจากตู้ "น่าจะใส่ได้ค่ะ เพราะพี่ชายเหมยก็ตัวสูงใหญ่พอๆ กับคุณอาชานี่แหละ" เหมยหัวเราคิกคักเมื่อกล่าวถึงพี่ชายตัวแสบ "ขอบคุณคุณเหมยมากนะครับที่ใจดีให้ผมกับบอดี้การ์ดได้พักค้างคืน นี่ถ้าออกไปตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอันตรายแค่ไหน"......ขณะที่ ธง มาส่งที่ไร่ชาพรหมเทพของ อาชา ก็ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว กว่าจะถึงไร่ชาก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ธงมาในฐานะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝึกงานวิศวกรเครื่องยนต์ ในไร่ชาที่จะต้องทำการฟื้นฟูและดูแลบำรุงรักษา ธงจึงต้องมาฝึกงานเพื่อให้เรียนรู้ในตำแหน่งนี้ก่อนเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน หรือจนกว่าจะผ่านโปร“ข้างหน้านี่ก็น่าจะถึงแล้วค่ะ แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าอะไรของพี่ธงอยู่ไหนหรอคะ เหมยเองก็ลืมถามเพราะมัวแต่เจอเรื่องชุลมุนอยู่”“กระเป๋าเสื้อผ้าพี่ส่งมาที่ไร่ชาแล้วตั้งแต่วันสองวันก่อนหน้านี้ แต่ตัวพี่เพิ่งจะมาวันนี้เพราะติดธุระที่กรุงเทพฯ เลยบินมาช้ากว่า” ธงเอ่ยปากบอกเหมยในสิ่งที่เหมยถามอย่างรวดเร็ว“อ๋อค่ะพี่” เหมยก็ตั้งใจขับรถตรงเข้าไปบริเวณไร่ชา ขณะที่กำลังเลี้ยวรถจอดตรงหน้าคาเฟ่ ซึ่งมีคนกำลังนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศวิวภูเขาไร่ชาและชมดาวที่ท้องฟ้าดูโปร่งสวยสดใส พร้อมกับแสงไฟระยิบระยับทั้งไร่ ทำให้บรรยากาศดีเข้าไปอีกเหมยจอดรถตรงลานจอดที่หน้าคาเฟ่ พอดีจังหวะนั้น เสือ เดินออกมาจากคาเฟ่พร้อมกับอาชา และเห็นเหมยมากับธง อาชาถึงกับโกรธควันออกหู“ไอ้เวรนั่นมากับเหมยได้ยังไง ไอ้เสือ มึงไปสืบมาให้กูเดี๋ยวนี้” อาชาออกคำ
เหมือนวันเวลาผ่านไปรวดเร็วมื้อกลางวันเพิ่งผ่านไปไม่นานยัยหนูลิลลี่ที่เดินเล่นและพูดคุยกับเหมยก็หมดฤทธิ์ราวกับตุ๊กตาที่ถ่านหมดนอนสลบไสลอยู่บนโซฟาใหญ่ของเหมย"ผมขอบคุณมากนะครับคุณเหมยที่ช่วยดูแลยัยหนูลิลลี่ทั้งวันรบกวนคุณเหมยมากแล้วผมจะพายายหนูลิลลี่กลับนะครับ"อาชาที่เดินเข้าไปอุ้มสวมกอดแม่หนูน้อยลิลลี่ที่หลับตาพริ้ม"ไม่เป็นไรเลยค่ะเอาไว้เหมยเคลียร์งานเรียบร้อยเหมยจะติดต่อไปเรื่องสอนพิเศษนะคะ"เหมยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วรีบเดินมาเปิดประตูให้กับอาชาที่อุ้มร่างเล็กของยัยหนูลิลลี่อยู่"ขอบคุณมากครับคุณเหมยที่ช่วยเปิดประตู"อาชายังคงความเป็นสุภาพบุรุษทุกอย่างต่อหน้าเหมย"เดี๋ยวเหมยไปเปิดประตูรถให้นะคะ"เหมยพูดจบก็รีบวิ่งไปที่ประตูรถหรูแล้วก็เปิดประตูให้สองลุงหลานขึ้นรถยุโรปคันหรูทันที"เดินทางปลอดภัยนะคะ"เหมยยืนโบกมือให้กับอาชาและแม่หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังขับรถออกไปจากบ้านสวนของเธอเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะวันนี้เธอหมดพลังงานไปกับแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักและก็ติดเธอเอามาก ๆ แบบที่ไม่เคยมีเด็กคนไหนทำกับเธอมาก่อนเธอไม่ได้รู้สึกรำคาญกับรู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูกับแม่หนูน้อยลิลลี่มากขึ้นไปอีกม
เหมยแทบจะตั้งตัวไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ตะโกนมา เธอจึงรีบวางอาหารปลาและหันควบตามเสียง ถึงกับตาเบิกโพลงตกใจเล็กๆ ที่เห็นหนูลิลลี่สะพายกระเป๋าสีชมพูแล้วตั้งท่าวิ่งมาหาเธอด้วยความดีใจ "หนูลิลลี่มาได้ยังไงคะ?" เหยตะโกนถามพร้อมกับอ้าแขนรับ "ลิลลี่คิดถึงคุณครูที่สุดเลยค่ะ ลิลลี่มากับคุณลุงอาชาค่ะ คุณลุงพามาหาคุณครู" พูดจบลิลลี่ก็ชี้มือชี้ไม้ไปทางผู้ชายตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสีน้ำเงินรองเท้าหนังสีดำมันเงาดูสะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า "คุณอาชาทำไมมาถึงนี่เลยคะ?" เหมยที่ลุกขึ้นพร้อมกับใช้มือเล็ก ๆ ปัดไปที่ก้นเบาๆ เพราะเธอนั่งเล่นอยู่ที่พื้นก็กลัวเลอะ "ขอโทษคุณเหมยนะครับ แม่หนูลิลลี่ของผมร้องไห้ทุกวันเลย ก็เลยอดใจอ่อนไม่ได้ที่พายัยหนูมาหาครับ""แล้วก็ต้องขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้โทรแจ้งล่วงหน้า" อาชาแสดงด้านที่อบอุ่นออกมาให้เหมยเห็นเสมอ ภายใต้หน้ากากนี้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ สายตาที่จ้องมองร่างบางของเหมยดูแวววับประดุจมีดที่ถูกรับจนกระทบแสง อาชากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นเหมยในเสื้อกล้ามส
วันนี้เหมยได้ลากกระเป๋าออกจากไร่ชาของอาชาเพื่อกลับมาที่บ้านสวนของเธอ กว่าเธอจะบอกลาแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักก็ทำใจอยู่นานเพราะลิลลี่เอาแต่ร้องไห้งอแง อาชาเองก็สงสารหลานสาวจับใจแต่ก็ต้องจำใจปล่อยให้เหมยกลับมาเหมยที่กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็จัดการปิดจบต้นฉบับนิยายที่ต้องส่งสำนักพิมพ์เรื่องสุดท้ายของเดือนแล้วจะพักผ่อนยาว"เยส..! เป็นไทยแล้วฉันเหมยที่บอกตัวเองเบาๆเมื่อปิดจบต้นฉบับนิยายจำนวน 150,000 คำเหมยที่ไปอยู่ไร่ชาของอาชานานเกือบอาทิตย์กว่ากลับมาก็จัดการเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็เล่นเหนื่อยเอาสายตัวแทบขาดโดยที่เหมยไม่รู้ตัวเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปภายในบ้านของเหมยอาชาได้แอบให้คนเข้ามาติดกล้องขนาดเล็กที่หากไม่จับสังเกตไม่สามารถหาพบเจอได้มันเล็กจิ๋วและอำพรางไปกับข้าวของเครื่องใช้นับ 10 ตัวตั้งแต่หน้าประตูทุกซอกทุกมุมรวมไปถึงห้องนอนและอาบน้ำของเหมย"ฉันคิดถึงเธอจังเหมย"เสียงพึมพำของใครบางคนเหมยที่อยากจะเข้าไปล้างเหงื่อใครหลังจากเก็บกวาดห้องเสร็จก็ได้ปลดเปลื้องผ้าที่เปรอะเลอะเทอะลงตะกร้าแล้วเดินเปลือยเปล่าเปิดน้ำใส่อ่างพร้อมกับตีฟองนุ่มๆ ขาเรียวเล็กผิวขาวเนียนสวยไม่มีตำหนิสะโพ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เจสซี่จะอยู่ในประเทศไทย เธอต้องลาจากไร่ชาแสนสุขและบอกลาเพื่อนรักอย่างเหมย นักเขียนนิยายที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่คุณครูกวดวิชาประจำตัวของเด็กหญิงลิลลี่ที่น่ารัก เจสซี่ได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็นบอดี้การ์ดหน้าโหด ไม่เคยส่งยิ้มให้เธอเลย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้ นั่นคือเสือ คนขับรถที่มาส่งเจสซี่ที่สนามบินตามคำสั่งของอาชา"ฉันต้องไปแล้ว แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าให้ใครมารังแกแกได้ เข้าใจไหม ยัยบื้อ" เจสซี่พูดด้วยความรักและห่วงใยเหมยยิ่งกว่าเพื่อนทุกคน แม้ปากจะร้ายกาจแต่ไม่เคยทำให้เหมยเสียใจเลย"แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันจะเหงาได้ไง แล้วใครจะมาทำอะไรฉันได้ นู่น ฉันมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างหนูลิลลี่ที่แสนน่ารัก นอนกอดฉันทุกคืน" ตั้งแต่ไปอยู่ไร่ชาครบ 1 อาทิตย์ หนูลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเหมย ทั้งสองคนตัวติดกัน ถ้ามองห่าง ๆ คงคิดว่าเป็นแม่กับลูก""จ้ะ ตั้งแต่มีหนูลิลลี่ แกก็ทิ้งฉันเลย แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ยัยเหมย เอาไว้ฉันปิดเทอมเมื่อไหร่ ฉันจะแวะมาหาแกนะ" เจสซี่บอกลาเหมยพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นเสือที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นหน้าเจสซี่ก็ทำใบหน้าเรี
เวลาที่ไร่ชาผ่านไปเร็วไวเหมือนโกหก วันนี้เป็นวันที่สี่ ที่เหมยมาอยู่ที่ไร่ชาแสนสุขนี้ โดยมีเจสซี่และสมาชิกใหม่แสนน่ารัก 1 คนที่ไม่ยอมไปนอนกับอาชา ขอมานอนกับเหมยทุกวันตั้งแต่พบกัน"คุณครูเหมยขา ลิลลี่เขียนตัวนี้ถูกต้องไหมคะ" ลิลลี่เอ่ยถาม "ตั้งแต่เจอคุณครูเหมย ลิลลี่ก็เหมือนได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป แม้แต่คุณตาคุณยายก็ไม่อาจเติมเต็มให้ลิลลี่ได้"สวยมากค่ะลิลลี่" เหมยที่กำลังนั่งปั่นต้นฉบับนิยายอีกเล็กน้อย จึงไม่ค่อยตึงเครียดเท่าไหร่ ถือโอกาสทำความรู้จักกับลิลลี่ผู้ น่ารัก"ฮาย...หนูลิลลี่!" เสียงเจสซี่ที่เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะตามประสาเพื่อนรัก"คุณน้าเจสซี่ ดูนี่สิคะ ลิลลี่เขียนถูกต้องด้วยค่ะ" ลิลลี่เอาผลงานไปโชว์เจสซี่ด้วยความภาคภูมิใจ"โอ้โห หนูลิลลี่ของคุณน้าเจสซี่เก่งมากค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูลิลลี่ไปนั่งบนเตียงนะคะ ขอคุณน้าคุยธุระกับคุณครูเหมยแป๊บนึง" เจสซี่บอกให้ลิลลี่ไปนั่งรออย่างเรียบร้อย"ยัยเหมย ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ" ท่าทีดูจริงจังของเจสซี่ทำให้เหมยวางมือแล้วเดินตามเจสซี่ออกไปนอกห้อง"นี่แกจะเป็นคุณครูของหนูลิลลี่จริงๆ เหรอ" เจสซี่ถามเพื่อนรักอย่างจริง