ขณะที่ ธง มาส่งที่ไร่ชาพรหมเทพของ อาชา ก็ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว กว่าจะถึงไร่ชาก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ธงมาในฐานะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝึกงานวิศวกรเครื่องยนต์
ในไร่ชาที่จะต้องทำการฟื้นฟูและดูแลบำรุงรักษา ธงจึงต้องมาฝึกงานเพื่อให้เรียนรู้ในตำแหน่งนี้ก่อนเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน หรือจนกว่าจะผ่านโปร “ข้างหน้านี่ก็น่าจะถึงแล้วค่ะ แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าอะไรของพี่ธงอยู่ไหนหรอคะ เหมยเองก็ลืมถามเพราะมัวแต่เจอเรื่องชุลมุนอยู่” “กระเป๋าเสื้อผ้าพี่ส่งมาที่ไร่ชาแล้วตั้งแต่วันสองวันก่อนหน้านี้ แต่ตัวพี่เพิ่งจะมาวันนี้เพราะติดธุระที่กรุงเทพฯ เลยบินมาช้ากว่า” ธงเอ่ยปากบอกเหมยในสิ่งที่เหมยถามอย่างรวดเร็ว “อ๋อค่ะพี่” เหมยก็ตั้งใจขับรถตรงเข้าไปบริเวณไร่ชา ขณะที่กำลังเลี้ยวรถจอดตรงหน้าคาเฟ่ ซึ่งมีคนกำลังนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศวิวภูเขาไร่ชา และชมดาวที่ท้องฟ้าดูโปร่งสวยสดใส พร้อมกับแสงไฟระยิบระยับทั้งไร่ ทำให้บรรยากาศดีเข้าไปอีก เหมยจอดรถตรงลานจอดที่หน้าคาเฟ่ พอดีจังหวะนั้น เสือ เดินออกมาจากคาเฟ่พร้อมกับอาชา และเห็นเหมยมากับธง อาชาถึงกับโกรธควันออกหู “ไอ้เวรนั่นมากับเหมยได้ยังไง ไอ้เสือ มึงไปสืบมาให้กูเดี๋ยวนี้” อาชาออกคำสั่งเสียงเข้ม “ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” อาชาที่เห็นเหมยกำลังยืนอยู่ก็รีบเดินตรงปรี่ไปหาเหมยโดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำใด เพราะเขารู้สึกหึงหวง ที่อยู่ ๆ คนที่คิดจะชกหน้าเขาในวันนั้นกลับโผล่มากับเหมยในวันนี้ แถมยังเป็นคนที่เหมยชอบ “สวัสดีคุณเหมย ทำไมถึงมาด้วยกันล่ะครับ” ภายใต้ใบหน้าสุภาพบุรุษนั้นแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ยังคงต้องฝืนใจยิ้มให้กับเหมย เพราะกลัวว่าเหมยจะได้เห็นด้านมืดที่ตนซ่อนเอาไว้ “พอดีเหมยเจอพี่ธงที่ห้างนะคะ แล้วเห็นเขาบอกว่าไม่มีรถก็เลยจำใจต้องมาส่ง” เหมยก็พูดออกไปตามความจริงที่ได้พบเจอกับธงโดยบังเอิญ “บังเอิญจริง ๆ เลยนะครับ โลกกลมจริง ๆ ที่อยู่ ๆ คุณธงก็มาเจอเหมยที่ห้างได้” อาชาที่รู้ชื่อของธงทั้งที่ยังไม่แนะนำตัว “คนนั้น นี่แกนี่เอง ที่มาแย่งไปส่งเหมยกับเจสซี่วันที่งานคืนสู่เหย้า ฉันจำแกได้” ธงที่พูดจาไม่ค่อยดีกับอาชาโดยที่ไม่รู้ชะตากรรมเลยว่าเขาจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจของอาชา “เหมยว่าจะอย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว พี่ธงพูดกับคุณอาชาเขาให้มันดี ๆ หน่อยค่ะ ไม่มีใครแย่งใครทั้งนั้นนะคะ” เหมยรู้สึกรำคาญธงมาก ๆ “ก็ได้ ครั้งนี้กูถือว่ากูยกให้น้องเหมย อย่าถือว่าเป็นลูกเจ้าของมหาลัยแล้วใครจะทำอะไรมึงไม่ได้นะเว้ย” ธงรู้แค่เพียงว่าอาชาเป็นลูกเจ้าของมหาวิทยาลัย แต่ไม่รู้ว่าอาชาเป็นเจ้าของไร่ชาพรหมเทพที่เขากำลังจะมาฝึกงาน “ผมไม่คิดแบบที่คุณพูดหรอกครับ คุณก็ระวังตัวเองให้ดีแล้วกัน คุณธง"คำพูดที่ดูเรียบง่ายแต่กลับเด็ดขาดแฝงไปด้วยคำขู่ของอาชาเขาปลายตามองไปที่ธงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาหาเหมย "คุณเหมยเข้าไปกินอะไรข้างในก่อนไหมครับ วันนี้มีเมนูชาเขียวใหม่ อยากให้คุณ เหมยลอง เป็นขนมเค้กที่หนูลิลลี่อยากจะเอาไปฝากคุณเหมยพรุ่งนี้ด้วย” อาชาหันมาคุยกับเหมยแทน “เฮ้ย ๆ แกจะมาแย่งฉันคุยกับน้องเหมย เอาตัวไปแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย ไอ้ลูกเจ้าของมหาลัย” ถึงแม้ว่าธงจะอายุน้อยกว่าอาชา แต่กลับไร้ซึ่งความเคารพ อาชาอายุ 45 ปี แต่ก็ยังคงดูหล่อเหลาและสง่างาม ไม่ว่าจะท่วงท่ากิริยาและมารยาทที่ถูกอบรมมาอย่างดี “เอาสิคะ เหมยคงต้องฝากท้องที่คาเฟ่ซะแล้ว กลับไปก็คงไม่ได้ทำอาหารแล้วล่ะค่ะ เพราะว่านี่ก็เกือบสองทุ่มแล้วด้วย” เหมยพูดจบก็เดินตามอาชาเข้าไปที่คาเฟ่ เธอรู้สึกรำคาญจึงตัดสินใจไปกับอาชาดีกว่าจะได้ตัดความรำคาญจากธงสักที ทิ้งให้ธงยืนงงเป็นไก่ตาแตกว่าสองคนนี้รู้จักสนิทกันมากแค่ไหน “น้องเหมย เดี๋ยวสิ รอพี่ด้วย” ธงทำท่าจะวิ่งตามแต่ก็เหมือนจะโดนกันท่าจากเสือ “คุณธงใช่หรือเปล่าครับ” เสือที่เดินมาหาธงดักหน้าดักหลังไม่ให้ธงเข้าไปหาอาชาขัดจังหวะที่จะทำคะแนนกับเหมย “เออ ผมเนี่ยธง นายธงศักดิ์ เรืองฤทธิชัย มีอะไรหรือเปล่าครับ” ธงรีบเปลี่ยนท่าทีกับผู้ชายตรงหน้าที่เขาไม่รู้เลยว่าเคยเจอกันแล้วในคืนสู่เหย้าพอเข้าหันหน้ากลับมามองก็ถึงกับร้องอ๋อ “ผมคือคนที่คุณจะต้องมาฝึกงานด้วย แล้วก็คนที่จะเซ็นให้คุณว่าผ่านการฝึกงานหรือเปล่า” เสือทำท่าทีเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยพลังอำมหิตแผ่ซ่าน “อ้าว คุณเสือใช่ไหมครับ ผมก็มีตาหามีแวว ขอโทษด้วยครับ ไม่คิดว่าคุณเสือจะมาต้อนรับผมเอง” ธงที่ทำท่าทางเหมือนจะจำเสือไม่ได้ ทั้งที่จริงก็จำหน้าเสือได้ตั้งแต่ที่เห็นเสือมายืนขวางทางไม่ให้เขาเข้าไปหาเหมยแล้วแต่จำใจจะต้องตีนิ่งเพราะนั่นคือชีวิตของเขาทั้งชีวิตถ้าหากไม่ผ่านการประเมินงานจากเสือเขาคงไม่ได้เป็นพนักงานประจำ “คุณแน่ใจหรอครับว่าคุณจำผมไม่ได้ เราเคยเจอกันแล้วนี่ที่งานคืนสู่เหย้าไง” เสือแกล้งพูด “ผมก็ไม่แน่ใจเลยครับคุณเสือ ต้องขอโทษจริง ๆ” ธงเองก็ต้องพยายามตีมึน เพราะถ้าเกิดสร้างศัตรูตอนนี้ งานของเขาที่หวังเอาไว้ก็คงจะกินแห้วเป็นแน่ “งั้นเชิญคุณธงไปพักผ่อนที่บ้านพักของผู้ช่วยผู้จัดการที่เราเตรียมไว้ให้ดีกว่านะครับ มีห้องพักอยู่ด้านโน้น เดี๋ยวผมให้คนพาไป” พูดจบเสือก็พยักหน้าเรียกบริกรคนหนึ่งให้นำธงไปที่ห้องพัก “เดี๋ยวรบกวนพาคุณธงผู้ช่วยผู้จัดการไปห้องพักคนงานที่เตรียมไว้ให้ด้วยนะ คุณธงขาดเหลืออะไรก็บอกน้องมันได้เลยนะครับ เดี๋ยวน้องมันจัดหาไปให้” เสือพูดจบก็พยักหน้าเป็นเชิงให้บริกรพาธงออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด “ขอบคุณมากครับคุณเสือ” ธงจำใจต้องเดินตามบริกรเข้าไปที่ห้องพักทันที ทางด้านเหมยกับอาชา กลายเป็นว่าเหมยต้องมาฝากท้องมื้อเย็นกับอาชาที่คาเฟ่แทน “แล้วนี่ยายหนูลิลลี่ไปไหนแล้วคะ ทำไมยอมปล่อยให้คุณธงอยู่คนเดียวได้” เหมยที่กำลังทานข้าวเย็นกับอาชาก็เอ่ยปากถามหาแม่หนูน้อยลิลลี่ “รายนั้นตั้งแต่กลับมาจากบ้านของคุณ เหมยก็ตื่นมาพักนึง ตอนนี้ก็กลับไปนอนต่อแล้วครับสองทุ่มกว่าแล้ว กว่ายัยลิลลี่จะยอมให้ผมออกมาได้ก็เอาเรื่องเหมือนกันครับ” อาชายิ้มอย่างอบอุ่นทุกครั้งที่พูดถึงแม่หนูน้อยลิลลี่ “ดูคุณอาชาเอ็นดูลิลลี่มากเลยนะคะ” เหมยที่เอ่ยปากชม “ตั้งแต่พ่อแม่ของยายลิลลี่เสียไปก็มีแต่ผมที่เลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะให้ไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ก็แค่เทอมที่ผ่านมานี่เองครับ ผมอยากจะเติมเต็มให้แกเป็นพ่อและแม่ให้แกได้ทุกอย่าง” อาชาพูดถึงหนูน้อยลิลลี่ในทางที่ดูเศร้าสร้อย “คุณอาชาทำได้ดีที่สุดแล้วค่ะ น้องลิลลี่ไม่ขาดอะไรเลย” เหมยที่มีความเห็นอกเห็นใจและเป็นคนจิตใจดีก็ยื่นมือเรียวเล็กสัมผัสไปบนหลังมือหนาของอาชาเบา ๆ ราวกับให้กำลังใจ แต่การกระทำนี้ของเหมยยิ่งทำให้อาชารู้สึกคลั่งรักและอยากได้เหมยเป็นแม่ของลูก “ขอบคุณนะครับคุณเหมยที่เห็นใจผมและเอ็นดูยัยลิลลี่ของผม” อาชาก็จับมือของเหมยตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณอาชาเป็นคนน่ารัก ใครอยู่ด้วยก็ต้องอารมณ์ดีเหมือนน้องลิลลี่ไงคะ งั้นเราทานข้าวกันต่อดีกว่านะคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณอาชาจะได้พักผ่อน” เหมยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ครับ” ระหว่างที่ทานข้าว อาชาจึงเสนอให้เหมยพักที่นี่สักคืนหนึ่ง เพราะถ้ากลับไปตอนนี้กว่าจะถึงที่บ้านก็เกือบ 3 ทุ่ม “คุณเหมยพักที่ห้องเดิมของคุณเหมยก็ได้นะครับ ยัยลิลลี่ก็นอนอยู่ห้องถัดจากคุณเหมย ส่วนผมก็จะอยู่ห้องด้านหน้านี่ครับ คุณเหมยไม่ต้องห่วง ถ้ากลับไปตอนนี้ผมเป็นห่วงคุณเหมย กลัวอันตรายนะครับ” อาชากล่อมเหมยอยู่สักพัก “เหมยกลับเองได้ค่ะคุณอาชา ไม่ต้องเป็นห่วงเลย สบายมาก เหมยมีหน้าตาเป็นอาวุธนะคะ ฮ่า ฮ่า ” เหมยพูดติดตลก “ใครบอกว่าคุณเหมยมีหน้าตาเป็นอาวุธ หน้าตาของคุณเหมยออกจะน่ารักขนาดนี้ ใครเห็นก็ต้องหลงรักครับ” อาชามองไปในตา เหมยอย่างจริงใจ “คุณอาชาอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ เหมยเขินแย่เลย” เหมยที่เขินอายก็ใช้มือเกาหัวไปทีหนึ่งเพื่อแก้เขิน “งั้นตกลงคุณเหมยนอนที่นี่นะครับ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเอาเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของผมมาใส่ก่อนก็ได้ ไม่เป็นไร” อาชาออกความคิดและตัดสินใจแทนเหมยอย่างเสร็จสรรพ โดยที่ไม่ได้ถามความเห็นของเหมยเลยว่าอยากจะนอนที่นี่หรือเปล่า...ระหว่างที่เหมยกำลังครุ่นคิดว่าจะนอนที่ไร่ชาพรหมเทพของอาชาดีไหม ก็กลายเป็นว่าเธอโดนอาชามัดมือชกให้พักที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะอาชาหยิบกุญแจรถแล้วยื่นให้เสือขับไปจอดที่บ้านพักตากอากาศหลังเดิมที่ เหมยเคยมาพักผ่อนตอนอยู่กับเจสซี่"โธ่ คุณอาชาคะ เหมยเกรงใจค่ะ ให้เหมย กลับเองก็ได้ แค่นี้เอง" เหมยหันไปทำหน้าสิ้นหวังเมื่ออาชาไม่อนุญาตให้ตนกลับบ้าน"ไม่ได้หรอกครับคุณเหมย มันดึกแล้ว ถ้าพรุ่งนี้คุณเหมยก็หยุดใช่ไหมครับ คุณเหมยพักที่นี่เถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับนะครับ" อาชาใช้ความเป็นสุภาพบุรุษหลอกล่อ"ก็ได้ค่ะ" เหมยเมื่อจนปัญญาก็ต้องทำตามน้ำไปก่อน"งั้นคุณเหมยไปอาบน้ำพักผ่อนที่ห้องดีกว่า เอาเสื้อเชิ้ตผมไปใส่ได้ เดี๋ยวผมไปเตรียมเสื้อผ้าให้" อาชาพูดอย่างกระตือรือร้นเหมยพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีทางเลือกแล้ว ก็ต้องทำตามที่อาชาตัดสินใจ ทั้งสองออกจากคาเฟ่แล้วขับรถกอล์ฟ โดยมีเสือเป็นคนขับรถพาทั้งสองคนกลับไปที่บ้านพักตากอากาศที่อยู่ห่างไม่ไกลจากคาเฟ่"บรรยากาศที่ไร่ชายิ่งตอนกลางคืนยิ่งสวยมากเลยนะคะ ดูสิคุณอาชาจัดไฟออกมาได้สวยงามมากเลย
ขณะที่ ธง มาส่งที่ไร่ชาพรหมเทพของ อาชา ก็ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว กว่าจะถึงไร่ชาก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ธงมาในฐานะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝึกงานวิศวกรเครื่องยนต์ ในไร่ชาที่จะต้องทำการฟื้นฟูและดูแลบำรุงรักษา ธงจึงต้องมาฝึกงานเพื่อให้เรียนรู้ในตำแหน่งนี้ก่อนเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน หรือจนกว่าจะผ่านโปร“ข้างหน้านี่ก็น่าจะถึงแล้วค่ะ แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าอะไรของพี่ธงอยู่ไหนหรอคะ เหมยเองก็ลืมถามเพราะมัวแต่เจอเรื่องชุลมุนอยู่”“กระเป๋าเสื้อผ้าพี่ส่งมาที่ไร่ชาแล้วตั้งแต่วันสองวันก่อนหน้านี้ แต่ตัวพี่เพิ่งจะมาวันนี้เพราะติดธุระที่กรุงเทพฯ เลยบินมาช้ากว่า” ธงเอ่ยปากบอกเหมยในสิ่งที่เหมยถามอย่างรวดเร็ว“อ๋อค่ะพี่” เหมยก็ตั้งใจขับรถตรงเข้าไปบริเวณไร่ชา ขณะที่กำลังเลี้ยวรถจอดตรงหน้าคาเฟ่ ซึ่งมีคนกำลังนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศวิวภูเขาไร่ชาและชมดาวที่ท้องฟ้าดูโปร่งสวยสดใส พร้อมกับแสงไฟระยิบระยับทั้งไร่ ทำให้บรรยากาศดีเข้าไปอีกเหมยจอดรถตรงลานจอดที่หน้าคาเฟ่ พอดีจังหวะนั้น เสือ เดินออกมาจากคาเฟ่พร้อมกับอาชา และเห็นเหมยมากับธง อาชาถึงกับโกรธควันออกหู“ไอ้เวรนั่นมากับเหมยได้ยังไง ไอ้เสือ มึงไปสืบมาให้กูเดี๋ยวนี้” อาชาออกคำ
เหมือนวันเวลาผ่านไปรวดเร็วมื้อกลางวันเพิ่งผ่านไปไม่นานยัยหนูลิลลี่ที่เดินเล่นและพูดคุยกับเหมยก็หมดฤทธิ์ราวกับตุ๊กตาที่ถ่านหมดนอนสลบไสลอยู่บนโซฟาใหญ่ของเหมย"ผมขอบคุณมากนะครับคุณเหมยที่ช่วยดูแลยัยหนูลิลลี่ทั้งวันรบกวนคุณเหมยมากแล้วผมจะพายายหนูลิลลี่กลับนะครับ"อาชาที่เดินเข้าไปอุ้มสวมกอดแม่หนูน้อยลิลลี่ที่หลับตาพริ้ม"ไม่เป็นไรเลยค่ะเอาไว้เหมยเคลียร์งานเรียบร้อยเหมยจะติดต่อไปเรื่องสอนพิเศษนะคะ"เหมยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วรีบเดินมาเปิดประตูให้กับอาชาที่อุ้มร่างเล็กของยัยหนูลิลลี่อยู่"ขอบคุณมากครับคุณเหมยที่ช่วยเปิดประตู"อาชายังคงความเป็นสุภาพบุรุษทุกอย่างต่อหน้าเหมย"เดี๋ยวเหมยไปเปิดประตูรถให้นะคะ"เหมยพูดจบก็รีบวิ่งไปที่ประตูรถหรูแล้วก็เปิดประตูให้สองลุงหลานขึ้นรถยุโรปคันหรูทันที"เดินทางปลอดภัยนะคะ"เหมยยืนโบกมือให้กับอาชาและแม่หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังขับรถออกไปจากบ้านสวนของเธอเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะวันนี้เธอหมดพลังงานไปกับแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักและก็ติดเธอเอามาก ๆ แบบที่ไม่เคยมีเด็กคนไหนทำกับเธอมาก่อนเธอไม่ได้รู้สึกรำคาญกับรู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูกับแม่หนูน้อยลิลลี่มากขึ้นไปอีกม
เหมยแทบจะตั้งตัวไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ตะโกนมา เธอจึงรีบวางอาหารปลาและหันควบตามเสียง ถึงกับตาเบิกโพลงตกใจเล็กๆ ที่เห็นหนูลิลลี่สะพายกระเป๋าสีชมพูแล้วตั้งท่าวิ่งมาหาเธอด้วยความดีใจ "หนูลิลลี่มาได้ยังไงคะ?" เหยตะโกนถามพร้อมกับอ้าแขนรับ "ลิลลี่คิดถึงคุณครูที่สุดเลยค่ะ ลิลลี่มากับคุณลุงอาชาค่ะ คุณลุงพามาหาคุณครู" พูดจบลิลลี่ก็ชี้มือชี้ไม้ไปทางผู้ชายตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสีน้ำเงินรองเท้าหนังสีดำมันเงาดูสะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า "คุณอาชาทำไมมาถึงนี่เลยคะ?" เหมยที่ลุกขึ้นพร้อมกับใช้มือเล็ก ๆ ปัดไปที่ก้นเบาๆ เพราะเธอนั่งเล่นอยู่ที่พื้นก็กลัวเลอะ "ขอโทษคุณเหมยนะครับ แม่หนูลิลลี่ของผมร้องไห้ทุกวันเลย ก็เลยอดใจอ่อนไม่ได้ที่พายัยหนูมาหาครับ""แล้วก็ต้องขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้โทรแจ้งล่วงหน้า" อาชาแสดงด้านที่อบอุ่นออกมาให้เหมยเห็นเสมอ ภายใต้หน้ากากนี้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ สายตาที่จ้องมองร่างบางของเหมยดูแวววับประดุจมีดที่ถูกรับจนกระทบแสง อาชากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นเหมยในเสื้อกล้ามส
วันนี้เหมยได้ลากกระเป๋าออกจากไร่ชาของอาชาเพื่อกลับมาที่บ้านสวนของเธอ กว่าเธอจะบอกลาแม่หนูน้อยลิลลี่ที่แสนน่ารักก็ทำใจอยู่นานเพราะลิลลี่เอาแต่ร้องไห้งอแง อาชาเองก็สงสารหลานสาวจับใจแต่ก็ต้องจำใจปล่อยให้เหมยกลับมาเหมยที่กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็จัดการปิดจบต้นฉบับนิยายที่ต้องส่งสำนักพิมพ์เรื่องสุดท้ายของเดือนแล้วจะพักผ่อนยาว"เยส..! เป็นไทยแล้วฉันเหมยที่บอกตัวเองเบาๆเมื่อปิดจบต้นฉบับนิยายจำนวน 150,000 คำเหมยที่ไปอยู่ไร่ชาของอาชานานเกือบอาทิตย์กว่ากลับมาก็จัดการเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็เล่นเหนื่อยเอาสายตัวแทบขาดโดยที่เหมยไม่รู้ตัวเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปภายในบ้านของเหมยอาชาได้แอบให้คนเข้ามาติดกล้องขนาดเล็กที่หากไม่จับสังเกตไม่สามารถหาพบเจอได้มันเล็กจิ๋วและอำพรางไปกับข้าวของเครื่องใช้นับ 10 ตัวตั้งแต่หน้าประตูทุกซอกทุกมุมรวมไปถึงห้องนอนและอาบน้ำของเหมย"ฉันคิดถึงเธอจังเหมย"เสียงพึมพำของใครบางคนเหมยที่อยากจะเข้าไปล้างเหงื่อใครหลังจากเก็บกวาดห้องเสร็จก็ได้ปลดเปลื้องผ้าที่เปรอะเลอะเทอะลงตะกร้าแล้วเดินเปลือยเปล่าเปิดน้ำใส่อ่างพร้อมกับตีฟองนุ่มๆ ขาเรียวเล็กผิวขาวเนียนสวยไม่มีตำหนิสะโพ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เจสซี่จะอยู่ในประเทศไทย เธอต้องลาจากไร่ชาแสนสุขและบอกลาเพื่อนรักอย่างเหมย นักเขียนนิยายที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่คุณครูกวดวิชาประจำตัวของเด็กหญิงลิลลี่ที่น่ารัก เจสซี่ได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็นบอดี้การ์ดหน้าโหด ไม่เคยส่งยิ้มให้เธอเลย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้ นั่นคือเสือ คนขับรถที่มาส่งเจสซี่ที่สนามบินตามคำสั่งของอาชา"ฉันต้องไปแล้ว แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าให้ใครมารังแกแกได้ เข้าใจไหม ยัยบื้อ" เจสซี่พูดด้วยความรักและห่วงใยเหมยยิ่งกว่าเพื่อนทุกคน แม้ปากจะร้ายกาจแต่ไม่เคยทำให้เหมยเสียใจเลย"แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันจะเหงาได้ไง แล้วใครจะมาทำอะไรฉันได้ นู่น ฉันมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างหนูลิลลี่ที่แสนน่ารัก นอนกอดฉันทุกคืน" ตั้งแต่ไปอยู่ไร่ชาครบ 1 อาทิตย์ หนูลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเหมย ทั้งสองคนตัวติดกัน ถ้ามองห่าง ๆ คงคิดว่าเป็นแม่กับลูก""จ้ะ ตั้งแต่มีหนูลิลลี่ แกก็ทิ้งฉันเลย แกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ยัยเหมย เอาไว้ฉันปิดเทอมเมื่อไหร่ ฉันจะแวะมาหาแกนะ" เจสซี่บอกลาเหมยพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นเสือที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เห็นหน้าเจสซี่ก็ทำใบหน้าเรี