คืนวันพิเศษรอบกองไฟ ไอ้ธงที่วางแผนเอาไว้เป็นอย่างดีจะขอเหมยลี่สาวเนิร์ดประจำมหาวิทยาลัยเป็นแฟนให้ได้เพื่อต้องการชนะพนันกับไอ้ต๊อบ
"พี่เอาขนมมาให้เหมยครับ" ธงยื่นขนมในมือมาให้เหมย "ขอบคุนอย่างเดียวหรอ มากกว่าขอบคุณได้ปะ"ธงเริ่มเกมส์ประสาทที่จะเล่นกับใจของเหมย "พี่ธงพูดไปเรื่อย ..."เหมยเงยหน้าส่งยิ้มให้ธงอย่างน่าเอ็นดู แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อธงจู่โจมเหมยอย่างไม่ทันตั้งตัว "อุ๊บ .....!"เหมยตาโตตกใจเมื่อใช้มือหนาจับหน้าของเหมยให้อยู่นิ่ง ธงประกบจูบเหมย อย่างเอาเปรียบและจงใจ โดยเหมยไม่รู้ว่าถูกแอบถ่ายวีดีโอไว้ด้วย.. "ปล่อยนะพี่ธง ..!"เหมยโกรธธง "พี่ขอโทษเหมย ก็เหมยน่ารักพี่อดใจไม่ไหวเลยหลุดควบคุมตัวเอง ขอโทษนะครับ"ธงจงใจทำแล้วใช้มือหนาลูบหัวเหมย "เหมยไม่โกรธก็ได้ค่ะแต่อย่าทำอีกนะค่ะ"เหมยเปลี่ยนจากโกรธเป็นเขินจนอายม้วนเพราะไม่เคยมีแฟนมาก่อน หลังจากเหตุการณ์ที่ธงได้จู่โจมเหมยแบบไม่ได้ตั้งตัวแล้วได้ให้ต๊อปแอบอัดคลิปเอาไว้เพื่อทำอะไรบางอย่าง "มึงเอาจริงเหรอวะ ถ้าเกิดน้องมันรู้ทีหลังว่ามึงหลอก น้องมันจะเสียใจมากนะเว้ย" สกายพยายามห้ามเพื่อนไม่ให้ทำร้ายจิตใจของเหมยลี่ "ไอ้สกาย มึงเป็นอะไรมากป่ะ ปกติกูไม่เห็นมึงจะปกป้องใคร ขนาดคู่นอนมึง พวกกูขอมึงยังยกให้เลย กับยัยเหมยลี่นี่ทำไมวะ" ธงหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด "ไม่มีอะไรพิเศษเลยเว้ย แค่กูสงสารน้องมันที่ต้องมาเจอคนเหี้ย ๆ อย่างมึงเนี่ย" สกายหันไปด่าไอ้ธงเพื่อนรัก "โถ่ไอ้สกาย มึงใจเย็นๆ ดิวะ มันก็แค่เกมๆ นึงเอง" ต๊อปหันไปบอกสกายอย่างติดตลก "เอาไว้กูไปหลอกจีบน้องสาวมึง มึงก็จำคำนี้ไว้นะเว้ยว่าเป็นแค่เกม ๆ นึง" สกายหงุดหงิดไม่พอใจเพื่อนทั้งสองคนที่ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง "โอ้โห ไอ้เวร มึงนี่ปากคอเราะร้ายจังนะเว้ย ไอ้สกาย" ไอ้ต๊อบหันไปตอบกลับเพื่อนรัก ค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง มีการเล่นเกมพี่รหัสน้องรหัสและเล่าเรื่องสยองขวัญมากมาย เป็นการกระชับความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องเป็นอย่างดี เสียงหัวเราะครึกครื้นรอบกองไฟกองใหญ่ กับนักศึกษามหาวิทยาลัยร่วมร้อยคนที่นั่งรายล้อมกันผลัดกันเล่าเรื่องสนุกสนานและเรื่องผีที่น่าขนลุก "ค่ำคืนนี้เราจะมีค่ำคืนแสนพิเศษระหว่างคนสองคนที่กำลังจะเกิดขึ้น" ไอ้ต๊อบที่ยืนขึ้นในฐานะเดือนมหา'ลัยได้ประกาศบางสิ่งบางอย่างรอบกองไฟ "ขอเชิญน้องเหมยลี่ คณะเอกภาษาไทย มายืนที่หน้ากองไฟด้วยครับ ขอเสียงปรบมือด้วยทุกคน" ไอ้ต๊อบที่สร้างสถานการณ์ช่วยเพื่อนรัก "และขอเชิญคุณธง แขกกิตติมศักดิ์ของค่ำคืนนี้ที่มีบางสิ่งบางอย่างจะบอกกับน้องเหมย" เสียงปรบมือเฮลั่นด้วยความลุ้นระทึกใจว่าธงนั้นจะทำอะไรที่พิเศษให้กับเหมยลี่ "พี่ธงมีอะไรเหรอคะ ทำไมถึงต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้" เหมยลี่ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กำลังจะเกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้น ผ่านไปอยู่ๆก็มีการฉายโปรเจคเตอร์ไปที่ผนังขณะที่ต๊อบเป็นคนเปิดโปรเจคเตอร์นั้นเองกับมือเป็นรูปภาพของเหมยกับธงกำลังยืนจูบกันอยู่ที่ใต้ต้นไม้เมื่อช่วงเย็นก่อนเวลารอบกองไฟ "กรี๊ด.."เสียงสาวๆพากันกรี๊ดกร๊าดเหมือนอิจฉาบุญวาสนาของเหมย ที่ได้เดือนมหาลัยอยากธงมาประกบจูบสักครั้ง "ปิดเดี๋ยวนี้นะพี่ต๊อบที่ทำบ้าอะไรอ่ะ..!" เหมยเริ่มตาแดงกล่ำ เพราะต๊อบได้ทำล่วงเกินขอบเขตมากจนเกินไป เจสซี่รีบเดินไปหาเครื่องโปรเจคเตอร์เพื่อจะกระชากปลั๊กและปิดทันที "พวกพี่เล่นบ้าอะไรอ่ะมันจะเกินไปแล้วนะ"เจสซี่หันไปด่าไอ้ต๊อบและธง "พวกพี่ก็แค่อยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้วน้องเหมยเนี่ยไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆเขาบอกเลยดูสิ" "แต่นี่มันเป็นการทำลายชื่อเสียงกับชีวิตผู้หญิงคนนึงเลยนะคะพวกพี่มีสมองหรือเปล่า"เจสซี่ด่าอย่างไม่ไว้หน้า เหมยที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายกำลังจับจ้องมาที่เธอน้ำตาเริ่มเอ่อคลอกับสิ่งที่เพิ่งจะผ่านไป "นี่มันอะไรกันคะพี่ธง"เหมยหันหน้าไปถามธงพร้อมกับสีหน้าที่เศร้าหมองน้ำตาดูจะไหลแหล่ไม่ไหลแหล่ "ขอเชิญน้องใบเฟิร์นขึ้นมาด้วยครับ" ไอ้ธงที่ยืนถือดอกกุหลาบช่อโตในมือ มันสั่งพิเศษมาจากในตัวเมืองก่อนที่จะมางานปฐมนิเทศในครั้งนี้ ใบเฟิร์นเองที่ไม่รู้เรื่องแต่ก็ต้องลุกขึ้นมาเพราะทุกคนก็เชียร์ให้ลุกขึ้นและปรบมือกันสนั่นลั่นบริเวณลานกางเต็นท์ "มีอะไรหรือเปล่าคะ เรียกเฟิร์นขึ้นมาทำไม" ผู้หญิงสองคนกับผู้ชายหนึ่งคนที่ยืนอยู่หน้ากองไฟ ทุกคนก็แอบงงและสงสัยว่าทำไมธงถึงได้เรียกบุคคลที่สาม อย่างใบเฟิร์นน้องสาวของต๊อบ เดือนมหา'ลัยขึ้นมายืนเคียงข้างแล้วปล่อยให้ เหมยลี่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม "แกว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าวะ" นักศึกษาปีสามคู่เก่าคู่เดิมกระซิบกระซาบกัน "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นเรื่องที่ดีสักเท่าไหร่นะ อารมณ์เหมือนมือที่สามอะไรเงี้ย" "งั้นเราก็คอยดูกันต่อไป ดูซิว่าพี่ธงเขาจะทำอะไร" ทุกสายตานับร้อยคู่จับจ้องไปที่คนทั้งสามคนที่ยืนขึ้นรอบกองไฟ โดยที่ไม่รู้ว่าเดือนมหา'ลัยอย่างธงต้องการจะเปิดตัวแฟนอย่างเป็นทางการ "วันนี้ขอให้ทุกคนเป็นพยานให้ฉันที่จะขอหญิงสาวที่อยู่ตรงนี้เป็นแฟน" ธงประกาศกร้าวให้ทุกคนที่นั่งอยู่บริเวณรอบกองไฟได้ยินอย่างชัดเจน ทุกคนอึ้งอ้าปากค้างกับสิ่งที่ธงได้พูดเพราะการที่ธงพูดเช่นนี้แปลว่าต้องมีหนึ่งคนเสียใจ แต่ทุกคนก็เห็นได้ชัดเจนตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาธงเฝ้าตามจีบเหมยลี่ ทำราวกับว่าเหมยลี่เป็นแฟน ไปรับไปส่งเหมยลี่ในทุกๆ วันแถมเมื่อตอนก่อนรอบกองไฟก็ยังยืนจูบกันอยู่เลยทำให้ทุกคนเองก็เข้าใจว่าธงจะขอเหมยลี่เป็นแฟน "อุ๊ย! พี่ธงโคตรอบอุ่นเลยอ่ะ ฉันอิจฉายายเหมยลี่มากเลย" นักศึกษาสาวๆ ต่างพากันอิจฉาเหมยลี่ "อ้าว แล้วทำไมถึงให้น้องสาวของพี่ต๊อบมายืนด้วยอ่ะ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย" "เออว่ะ ฉันก็เหมือนแกเลย ไม่เก็ตอ่ะ" ระหว่างที่ทุกคนกำลังซุบซิบนินทาและฮือฮากับสิ่งที่ธงประกาศอยู่ตรงหน้า ในหัวใจของธงตอนนี้ ต้องการชนะเกมพนันกับไอ้ต๊อบให้ขาดลอยไปเลย และป้องกันไม่ให้ไอ้ต๊อบกีดกันไม่ให้เขาคบกับใบเฟิร์นน้องสาวของมันอีกต่อไป "ใบเฟิร์นเป็นแฟนกับพี่นะ" ไอ้ธงพูดจบก็คุกเข่าลงแล้วขอใบเฟิร์นเป็นแฟนต่อหน้าเหมยลี่ "นี่มันอะไรกัน" เหมยลี่ถึงกับยืนอึ้งตะลึงค้างราวกับวิญญาณหลุดลอยละลิ่วออกจากร่าง แล้วสิ่งที่ผ่านมาคืออะไร สิ่งที่ธงทำกับเธอนั้นหมายความว่ายังไง "พี่ธงพูดจริงเหรอจ๊ะ" ใบเฟิร์นทำเสียงสองเสียงสาม ท่าทีกระดิกกระด๊า เอามือปิดปากแล้วจ้องมองเย้ยหยันไปที่เหมยลี่ราวกับผู้ชนะ "พูดจริงสิ ใบเฟิร์นจะยอมเป็นแฟนพี่หรือเปล่า" ธงหันไปมองหน้าของเหมยลี่ที่ตอนนี้หน้าเปลี่ยนสีซีดเป็นไก่ต้ม "เหมยลี่ช่วยเป็นพยานรักให้พี่ระหว่างใบเฟิร์นด้วยนะ" ธงหันไปพูดเสียงราบเรียบโดยไม่แคร์หัวใจและความรู้สึกของเหมยลี่ว่าจะจะเป็นเช่นไร "ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้..!!" เสียงกระซิบแผ่วเบาออกจากลำคอราวกับจะขาดใจ น้ำตาใส ๆ เริ่มไหลออกจากหางตาแล้วค่อย ๆ อาบใบหน้านวลขาวจนกระทบกับแสงที่กองไฟอย่างชัดเจน "ทำอะไรอ่ะ พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะเหมยลี่" ธงหันไปตอบเสียงห้วนๆ อย่างไม่พึงพอใจและแสดงออกคนละขั้วกับก่อนหน้านี้ "การที่พี่มารับมาส่งเหมย พาเหมยไปกินข้าว ทำดีกับเหมยทุกวัน ซื้อน้ำให้เหมยกิน ติวหนังสือกับเหมย" "ดูหนังด้วยกัน แล้วก่อนรอบกองไฟที่พี่......จูบเหมย หมายความว่ายังไงอ่ะ" เหมยลี่พรั่งพรูคำพูดออกมาจากหัวใจ น้ำตาใสๆ หยดจากหน้าจนมันไหลหยดลงดินอย่างน่าสงสาร "เหมยคิดไปเองหรือเปล่า พี่ก็ทำอย่างนี้กับทุกคนนะ พี่ว่าเหมยคิดมากไปแล้ว" ธงรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ แล่นเข้ามากลางหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ในใจจะมีคำตอบชัดเจนว่าต้องการคบกับใบเฟิร์น แต่พอเห็นน้ำตาของเหมยลี่ก็มีความรู้สึกผิดขึ้นมาในหัวเพียงชั่ววูบ "พี่ไม่รักเหมย พี่ไม่ชอบเหมย แล้วพี่มาแกล้งทำดีกับเหมยทำไม" เหมยลี่ที่กำโหลดาวพับเอาไว้ในมือแน่น เธอตั้งใจจะยื่นนี้ให้กับธงได้ดูถึงความตั้งใจของเธอที่มีต่อธง "เหมยคิดไปเองทั้งนั้น พี่ไม่ได้ทำอะไรเหมยเลย ผู้หญิงใคร ๆ เขาก็เอากันได้ป่ะ" ธงที่พูดออกมาโดยไม่อายและไม่ได้รู้สึกแคร์ความรู้สึกของเหมยลี่เลย "ไอ้ธง ไอ้ชาติหมา มึงจะชั่วกับเพื่อนกูเกินไปละ..!" เพียะ..! เจสซี่ที่โกรธจนควันออกหูก็เดินไปตบหน้าของธงโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และยืนขึ้นมาคว้าแขนของเหมยลี่แล้วเดินออกจากกองไฟ พาเหมยลี่กลับเข้าไปในเต็นท์นอน ขวดโหลดาวร่วงหล่นจากมือของเหมยเธอซุ่มทำคนเดียวอย่างตั้งใจมาตลอด 1 เดือนเพราะอยากจะเปิดโอกาสให้กับธงเธอคิดว่าธงคงจริงใจกับเธอ สิ่งที่เจสซี่พยายามเตือนเธอกลับไม่เคยฟังหรือใส่ใจเลย เหมยลี่เอาแต่ร้องไห้ตาบวมเป่ง ความรู้สึกเสียใจพรั่งพรูจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไร ในขณะนั้นจิตใจของเหมยดำดิ่งเกินกว่าจะควบคุมเอาไว้ได้หลังจากจบกิจกรรมนิเทศในครั้งนั้น เรื่องราวของเหมยก็ดังกระหึ่มไปทั่วมหาวิทยาลัย เหมยถึงกับล้มป่วยและมีอาการซึมเศร้ารักษาตัวอยู่เป็นอาทิตย์ กว่าจะกลับมาเรียนและทำให้เหมยไม่กล้าที่จะไว้ใจใครอีกเลย นั่นเป็นเหตุทำให้เหมย กลัวการพบเจอผู้คนและการมีแฟนจนมาถึงปัจจุบันนี้....วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา
แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ
ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท
เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส
สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั