ที่เดิมคือแองเจอร์เลานจ์ สถานบันเทิงครบวงจรของคุณผู้ชายที่มักแวะเวียนมาคลายเหงามาผ่อนคลายและราเชนทร์คือหนึ่งในลูกค้าที่มาใช้บริการประจำเกือบ 6 เดือน
"แล้วชุดเครื่องเพชรล่ะเฮีย"
"มึงให้ไอปืนเอาไปเข้าเซฟ สั่งไอ้สองคนกลับไปได้เลย" เขาสั่งตุลย์ให้จัดการ
"จะให้พวกมันกลับเลยเหรอ"
"เออ"
"ผมว่ามันไม่ปลอดภัย" ตุลย์เป็นห่วงราเชนทร์หากจะสั่งลูกน้องกลับกันหมดโดยไม่มีใครอยู่คุ้มกัน
"มึงก็อยู่"
"ผมกลัวว่า.."
"กูเชื่อใจมึง" น้ำเสียงจริงจัง ราเชนทร์ไว้ใจสมุทรมือขวาอย่างตุลย์มากเพราะทำงานรับใช้เขามานาน อีกทั้งพ่อของตุลย์ก็เป็นมือขวาของพ่อราเชนทร์มาก่อน ตุลย์คลุกคลีอยู่วงการนี้มาตั้งแต่เด็ก
ราเชนทร์ลงจากรถมีพนักงานของเลานจ์ออกมาต้อนรับราวจะปูพรมแดงให้เดิน เขาเคยมาใช้บริการที่นี่ก็หลายครั้งใครๆก็รู้ว่าคือราเชนทร์นักธุรกิจที่รวยเป็นพันๆล้านและต้องดูแลลูกคนนี้ให้ดี
"ว๊าย มาแล้ว" เจ้อนงค์สาวสวย(สอง) ผู้จัดการเลานจ์ตื่นเต้นอย่างหนักเมื่อเห็นราเชนทร์ก้าวเท้าเข้ามา รีบออกไปต้อนรับยกมือไหว้และเชิญเข้ามาด้านใน
"ไม่บอกว่าจะมา"
"..." ราเชนทร์ไม่ตอบเดินหน้านิ่งเข้าห้อง VVIP โดยไม่ต้องรอใครเชิญ ร่างสูง 188 เซนติเมตร หย่อนกายลงนั่งโซฟาหนังสีดำท่ามกลางไฟหรี่สลัวๆตกแต่งสไตล์ห้อง VVIP ของเลานจ์
เครื่องดื่มทยอยเสิร์ฟโดยไม่ต้องสั่ง ราเชนทร์นั่งทอดสายตาออกไปทางกระจกสามารถเห็นด้านนอกได้เป็นอย่างดี แต่ด้านนอกจะไม่สามารถมองเห็นคนด้านในได้
"เฮียเชนทร์สนใจน้องๆคนไหนเป็นพิเศษไหม" เจ้อนงค์เอ่ยขึ้นแม้จะแปลงเพศและทำศัลยกรรมมาแล้วอย่างดี ทว่าน้ำเสียงกับลูกกระเดือกเป็นอะไรที่ยังบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเป็นเพศที่สาม
"มีแค่นี้เหรอ"
"นงค์ไม่รู้ว่าเฮียจะมา"
"เอาคนนั้น" ชี้ไปยังตัวท็อปของร้าน ทว่าเด็กสาวกับนั่งลูกค้าท่านอื่น ไม่ง่ายเลยที่อนงค์จะไปลากเด็กสาวคนนั้นเข้ามา
"เฮียจ๋า คนอื่นก็มีสวยขาวแล้วก็อึ๋ม"
"กูจะเอาคนนี้" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอยากเยือกเย็นชวนคนฟังขนหัวลุกทั้งแววตาแฝงไปด้วยความน่ากลัว หากไม่ได้ดั่งใจมีหวังราเชนทร์อาละวาดแน่
"เอาคนนี้จริงเหรอเฮีย"
"กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ" ราเชนทร์เริ่มเกรี้ยวกราดและหยิบบุหรี่ออกมาดูดเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ เขากำลังใจถูกขัดใจและยิ่งไม่ชอบการถูกขัดใจ
อนงค์กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ด้านนอกก็ลูกค้าคนสำคัญด้านในยิ่งสำคัญกว่าแต่สุดท้ายก็ต้องเลือกว่าต้องให้เด็กตัวท็อปของร้านอยู่กับใคร เดินหน้าเครียดออกมาหน้าประตูเดินไปเดินมาจนบรรดาเด็กในเลานจ์คนอื่นเข้ามาทัก
"เจ้"
"อีเฟิร์น"
"เป็นอะไร" อาการผิดแปลกคล้ายดูกังวลทำให้เฟิร์นเด็กเสิร์ฟประจำโซน VVIP ทว่าหน้าตาไม่ได้สะสวยเลยทำในตำแหน่งงานนี้แทนการไปนั่งบริการลูกค้า
"แพรวามันนั่งอยู่กับเสี่ยใช่ไหม"
"ใช่จ๊ะ เสี่ยชลัมพลเจ้าเดิม"
อนงค์ยกมือกุมขมับงานช้างสำหรับศึกชิงนางให้แขกระดับวีไอพีกันทั้งคู่ แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกดึงเด็กมาให้ราเชนทร์
"เสี่ยชลัม" อนงค์เดินฉีกยิ้มกว้างบริการเสี่ยชลัมพลด้วยตัวเอง โดยอีกฝ่ายมองการกระทำผู้จัดการเลานจ์ด้วยท่าทีงุนงงแต่ไม่ได้สงสัยอะไร ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าที่อนงค์ในการมานั่งชงเหล้าให้แขกก็ไม่แปลกที่จะเข้ามาช่วยน้องๆ
"เดี๋ยวคืนนี้นงค์อยู่ดูแลเสี่ยเอง"
"ฉันมีแพรวาแล้ว" ดันร่างขาวเข้ากอดและหอมแก้มฟอดใหญ่ๆต่อหน้าอนงค์ นัวเนียจูบกอดราวกับคนไม่เคยได้สัมผัสหญิงสาวอย่างแพรวามาก่อน
"เสี่ยขาคือน้องต้อง"
"ไม่ !!" ตะเบ็งเสียงเหมือนรู้ว่าอนงค์จะพาเด็กที่เขาพอใจไปที่อื่นเพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปไหนเอาไปให้ใครและคงไม่ยอมให้พาไปไหนเพราะชลัมพลก็จ่ายค่าตัวเด็กตัวท็อปแพงพอสมควร แพรวาคือเด็กในเลาจน์ที่เสี่ยชลัมพลค่อนข้างติดใจหลังจากใช้บริการมาหลายครั้ง เด็กสาวเอาใจเก่งหากเลยเวลางานก็มักจะออกไปด้วยกันรอบนอก
"นงค์ขอโทษจริงๆ ต้องให้น้องไปดูแลแขกท่านอื่นก่อน" ยืนยกมือไหว้อย่างนอบน้อมเมื่อไม่สามารถให้เหตุผลอะไรได้มากกว่านี้
"มันจ่ายเท่าไหร่ถึงกล้ามาแย่งเด็กฉัน" ไม่พอใจอย่างมาก ตั้งแต่มาเที่ยวที่นี่ไม่เคยถูกใครแย่งเด็ก อีกทั้งวันนี้อารมณ์เสียจากการประมูลเพชรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งอารมณ์เสียหนักไปใหญ่
"เสี่ยใจเย็นๆค่ะ นงค์จะหาเด็กใหม่มะ.."
"ไม่เอา" ฟาดฝ่ามือหนาลงโต๊ะขบสันกรามด้วยความโมโห อนงค์รีบผลักแพรวาออกไปให้และยืนรับมือกับเสี่ยชลัมพล ถึงแม้จะเกรี้ยวกราดมากแค่ไหนก็ทำได้แค่กำมัดทุบโต๊ะเรื่อยๆ
"ดื่มก่อนค่ะเสี่ย ใจเย็นน่า" บีบหัวไหล่เป็นการพะเน้าพะนอเอาใจให้อีกฝ่ายใจเย็นขึ้น
"มันเป็นมันใคร"
"คุณราเชนทร์ค่ะ" สิ้นประโยคเสี่ยชลัมพลยิ่งควันออกหู ทว่าทำได้แค่ขบสันกรามเช่นเดิมและกำมัดแน่นชื่อราเชนทร์มันกรอกหูมาตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งตอนนี้ยังได้ยิน
หัวใจเธอเต้นแรง พวงแก้มแดงก่ำหนักกว่าเดิมและร้อนผ่าวจนเขินอายทั้งที่อยู่ด้วยกันมานาน น้ำหนึ่งเดินมาอีกมุมของห้องเพื่อหลบสายตา จัดการถอดชุดบนกายออกเพื่อจะเข้าห้องอาบชำระร่างกายแล้วออกมานอน ซิปด้านหลังพยายามจะรูดลงอย่างเงอะงะ ทว่าราเชนทร์รีบเข้ามาช่วยในทันที“จะอาบน้ำเหรอ”“อืม...เหนียวตัว”เสียงซิปรูดรั้งลง โชว์แผ่นหลังขาวเนียนแก่สายตาคนมอง จากนั้นลมร้อนจากปลายจมูกปะทะลง ทำเธอสะดุ้งตัวเมื่อริมฝีปากคนด้านหลังจุมประทับลง“ที่จริงก็ยังไม่เหนียวเลยนะ”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบแล้วรั้งทั้งชุดลงจนเธอตัวเปลือย มองหน้าอกอวบเต่งตึงจนเกิดเส้นเลือดบนบริเวณเนื้อนมนั้น หน้าท้องมีพุงน้อยๆ โผล่ขึ้นไม่ต่างจากคนเพิ่งกินข้าว ส่วนด้านล่างนั้นเกลี้ยงเกลาน่ารักราวกับเด็กน้อยเพราะเธอไปเลเซอร์มา“ไม่เหนียวก็จะอาบ”กำลังจะเดินหนีก็ถูกโอบกอดเอาไว้ ราเชนทร์จูบลงต้นคอและไซ้เบาๆ ทำขนอ่อนบนร่างชูชันขึ้น“หนึ่ง”“ไม่เอานะเฮีย วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลย”“เฮียมีความสุขมาก”“….”“ในที่สุดเราก็เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์”“ค่ะ – หนึ่งจะเป็นภรรยาที่ดีของเฮียนะ”ราเชนทร์ต้องการแสดงความรักด้วยการกอดเท่านั้น กระชับร่างขาวลงจม
สองอาทิตย์ต่อมากำหนดงานแต่งที่วางแผนกันไว้ตอนนี้ล่วงเลยมาแล้ว ครั้นเกิดเหตุการณ์อันตรายจนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสอง แผลที่เกิดจากการโดนยิงเริ่มหาย ส่วนแขนของน้ำหนึ่งที่หักก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เพราะความไม่เคยเจ็บตัวทำให้เธอระแวงในการใช้แขนเพราะกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกรอบ“ฤกษ์แต่งงาน – เราค่อยหากันใหม่”“หนึ่งไม่อยากได้ฤกษ์แล้ว”เธอตอบเขา พลางหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เปิดหนังสือจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ส่งมาให้เลือกทุกสามเดือน ทว่าน้ำหนึ่งไม่ชอบเสื้อผ้าแฟชั่นพวกนี้เท่าไหร่“ไม่มีฤกษ์ ก็ไม่ได้แต่งน่ะสิ”“เอาที่สะดวกดีกว่า”“….”“เราอยู่ด้วยกันมานาน ใครๆ รู้ว่าเป็นผัวเมียกัน ไม่ต้องทำอะไรที่เป็นพิธีรีตองแล้วก็ได้ แค่ได้อยู่กับเฮียในทุกๆ วันนั่นแหละคือความสุขของหนึ่ง”ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้น ทุกอย่างมาจากความต้องการของราเชนทร์เพราะอยากให้เกียรติ แต่พอผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ กันมาได้ ทำให้เธอรู้ว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวินาทีนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลา มองเมียรักนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสือในอิริยาบถที่สบายตา เธอสบายใจขึ้นในการใช้ชีวิตจ
น้ำหนึ่งตาเบิกโพลง ราเชนทร์กำลังมีความต้องการทั้งที่สภาพร่างกายแต่ละคนก็เจ็บมากพอสมควร“หนึ่งแขนหัก เฮียโดยยิงตรงท้องและต้นแขน ขย่มไม่ได้หรอกนะ”ประโยคอ้อยอิ่งทั้งเขินอายปฏิเสธทางอ้อม ครั้นรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไร ที่เป็นอยู่มันไม่ได้เอื้ออำนวยแก่การร่วมรักเลยสักนิด“คxยเฮียไม่หักนี่”“ไม่เอา”“อยากเลีย”“เลียอะไร”ถามกลับอย่างไร้เดียงสา อันที่จริงน้ำหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ราเชนทร์ขยับกายลงจากโซฟาแล้วนั่งย่อ จากนั้นคล้องเรียวขาเล็กลากมายังฝั่งที่ตนนั่ง เขารั้งกางเกงผู้ป่วยของเธอลง แล้วยกเท้ายันชันเข่าขึ้น“ขอเลียหน่อยนะครับ”“โรงพยาบาลนะ”“ไม่มีใครเข้ามา เฮียสั่งไว้แล้วห้ามรบกวน”“บ้า”คำพูดที่เอ่ยออกเหมือนจะปฏิเสธ ทว่าก็รู้สึกไม่ต่าง พลันมือหนาจับเรียวขาแหกออกกว้าง มองเนินกุหลาบอวบอูมที่ไม่มีชุดชั้นในห่อเอาไว้ เขาสอดมือใต้ร่มผ้า เลื่อนสูงขึ้นกำเข้าเต้านมสวยบีบมันเบาๆ แล้วใช้มืออีกข้างบดขยี้เม็ดคลิตอริสที่โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกเล็กน้อย น้ำหนึ่งสะดุ้งตัวแต่ยังไม่มีเสียงครางเล็ดออกมาเพราะเธอกัดปากแน่นเอาไว้ กลัวว่าจะเผลอร้องจนเจ้าหน้าที่และลูกน้องที่ยืนเฝ้าลอบได้ยินและสงสั
ร่างหนาอยู่บนเตียง จะไม่ตกใจหากราเชนทร์นอนแบบคนปกติ ทว่าตอนนี้มีผ้าสีขาวคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น ลมหายใจแรงขึ้นและหยาดน้ำตาร่วงหล่นอาบใบหน้าที่ไร้การแต่งทันทีราเชนทร์ตายแล้ว...“ฮึ่ก”ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขยับไปทีละน้อยให้ใกล้เตียงแต้ม ยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้เสียงเล็ดลอดครั้นไม่อยากให้คนตายนั้นได้ห่วง ทว่าความเสียใจที่เกิดแบบไม่ทันได้เตรียมเกินกว่าจะอดทน พลันปล่อยโฮร้องไห้อย่างหนัก ซบตัวลงกอดร่างหนานั้นอย่างไม่กลัว ทั้งที่ปกติเป็นคนกลัวผี“หนึ่งขอโทษ – ฮือ ขอโทษที่ช่วยเฮียไม่ได้”สะอึกสะอื้นพร้อมกับเอ่ยโทษตัวเองเสียงสั่น เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวก็ทำได้เพียงเท่านี้ น้ำสีใสจากเบ้าตาไหลเปียกผ้าสีขาว ทั้งน้ำมูกที่ไหลออกจากรูจมูกยามร้องไห้แบบเอาเป็นเอาตาย“ขอโทษที่ปกป้องเฮียไม่ได้”“หนึ่ง”“ฮือ!! ขอโทษ”“หนึ่ง”เจ้าของชื่อชะงักในทันที เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเธอกลางวันแสกๆ ราเชนทร์กลายเป็นผีมาหลอกเธอได้แล้วเหรอเนี่ย“ไม่กลัว เฮียจะเป็นผี หนึ่งก็ไม่กลัว”“จะตายจริงๆ เพราะโดนเมียทับแผลนี่แหละ”เหยียดตัวยืนขึ้น จากนั้นดึงผ้าที่ห่อขึ้นคลุมศีรษะ ราเชนทร์ลืมตาแล้วกะพริบถี่
กำลังคนด้านนอกของราเชนทร์กระจายออกไปโดยรอบ สำรวจทางหนีทีไล่ในยามต้องเข้าชิงตัวเขาออกมา“เฮียตุลย์ จะเอายังไงก็เอาเถอะ เรานั่งกันแบบนี้นานแล้ว”“ใจร้อนแบบมึงก็มีแต่พาเฮียเชนทร์ไปตาย – มองไม่เห็นคนของไอ้เสี่ยเหรอ เดินเข้าเดินกันเป็นขบวน”จริงอย่างที่เขาพูด ไม่นึกว่าคนของชลัมพลจะขนมาเยอะขนาดนี้ ต้องรอจังหวะในการเก็บทีละคน กระทั่งมีชายฉกรรจ์เป็นลูกน้องฝั่งศัตรูออกมาปลดทุกข์เบา ตุลย์ที่หมอบต่ำในพงหญ้า ลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกันกับน้องคนสนิทอย่างปืน จากนั้นเข้าทางด้านหลัง ใช้มือปิดปากคนฝั่งตรงข้ามพร้อมกับใช้มีดเฉือนเข้าลำคออย่างเหี้ยมโหด ไม่ได้เป็นคนจิตใจอำมหิตโดยสันดาน แต่สถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอดและช่วยเหลือเจ้านายผู้มีพระคุณจำเป็นต้องทำ หากมันไม่ตายราเชนทร์ก็ต้องตายน้ำหนึ่งที่ยังเกาะกิ่งไม้ดูลาดเลา ยามส่องกล้องทางไกลเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์นอนชักดิ้นชักงอจนหมดลมหายใจ พลันหัวใจเต้นรัวและหวาดกลัวไม่น้อยครั้นเห็นคนตายต่อหน้า ทว่าพยายามตบสติตัวเอง เข้าใจว่าเป็นการป้องกันตัวและเข้าช่วยเหลือ ไม่มีใครอยากเป็นฆาตกร“โอเคไหมหนู”ลุงที่รออยู่ด้านเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะได้ยินเสียงลมหายใจของน้
เพียะ!!ฝ่ามือหนาฟาดลงใบหน้าราเชนทร์จนหมุนไปตามแรงกระทบ แรงผู้ชายที่ง้างมือตบครั้งเดียวทำมุมปากเขาแตก เลือดไหลเพียงเล็กน้อยทว่ามีรอยแดงขึ้นกลางหน้าปรากฏเด่นชัด เล็บจิกลงกับพื้นคอนกรีต กลืนน้ำลายยามที่คับแค้นใจ อยากจะลุกตอบโต้ด้วยการเตะเสยปลายคางก็ต้องอดกลั้นเอาไว้อย่างที่สุดครั้นตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นรอง เป็นครั้งแรกที่เขาอดทนได้มากขนาดนี้ อดเพื่อรอเวลาเป่ากบาลไอ้สารเลวที่มันกำลังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น“ไงมึง ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา”“อ๊า—”ชลัมพลกำเข้าเส้นผมอีกฝ่ายแน่น จากนั้นกระชากจนใบหน้าแหงนขึ้นสูง ราเชนทร์เอียงสายตาโกรธแค้นมองคนเลวที่ยังทำชั่วลอยหน้าลอยตาหนักแผ่นดินไม่เลิก พลันสีหน้าของมันบ่งบอกว่าสะใจมาก เมื่อตอนนี้เขาตกเป็นรองทุกอย่างจะบีบก็ตาย จะคายก็ตาย...“กูจะส่งมึงตามพ่อมึงไป ส่วนแม่มึง...แค่ดึงสายออกซิเจนออกไปก็หมดลมหายใจทันที ถึงตอนนั้นพวกมึงคงไปรอกันที่ทางช้างเผือ""....""ครอบครัวคงจะสมบูรณ์ มีความสุขแล้วสินะไอ้ลูกหมา"แสยะยิ้มร้ายกาจแล้วตบหน้าชายหนุ่มเบาๆ พูดอย่างเย้ยหยันแล้วแผดเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ ก่อนนจะจับหน้าผากของราเชนทร์กระแทกลงพื้นดังปักไปหลายทีและหัวแตกใ